"กลับมารักกับคนเดิม อาจจะเหมือนอ่านหนังสือเล่มเดิมที่จบไปแล้ว แต่วาฬมั่นใจไหมว่าหนังสือของพวกเรามันจบแล้วไปจริงๆ"

ย้อนเวลาไขปริศนารัก - บทที่ 4 กลับมาพร้อมกัน โดย ซาลาเปาไส้ชาเขียว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,นิยายสั้น,นิยายสนุก,นิยายรัก ,นิยาย18+,ดราม่า,นิยายวาย,ทะลุมิติ,รักวัยรุ่น,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ย้อนเวลาไขปริศนารัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายสั้น,นิยายสนุก,นิยายรัก ,นิยาย18+,ดราม่า,นิยายวาย,ทะลุมิติ,รักวัยรุ่น,#BL

รายละเอียด

"กลับมารักกับคนเดิม อาจจะเหมือนอ่านหนังสือเล่มเดิมที่จบไปแล้ว แต่วาฬมั่นใจไหมว่าหนังสือของพวกเรามันจบแล้วไปจริงๆ"

ผู้แต่ง

ซาลาเปาไส้ชาเขียว

เรื่องย่อ

สารบัญ

ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 1 อารัมภบท,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 2 สิบปีก่อน,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 3 สองหัวใจที่ไม่เจอกันนาน,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 4 กลับมาพร้อมกัน,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 5 มีไรอยากบอกกันไหม

เนื้อหา

บทที่ 4 กลับมาพร้อมกัน

ปลาวาฬกลับมาถึงบ้านก็ตรงเข้ากอดตากับยายทันที วันนี้เหมือนว่าเด็กหนุ่มจะเจอเรื่องราวมากมายเกินไป ทำให้เขาอยากจะได้อ้อมกอดของใครบางคน มาช่วยให้หัวใจของปลาวาฬได้รับการเยียวยาบาง 

"เป็นอะไรจ๊ะ...เหนื่อยเหรอลูก" ยายถามหลานชายที่เอาแต่กอดตนเองเอาไว้ไม่ปล่อย แค่กอดเอาไว้แนบแน่นไม่ยอมพูดจาอะไร ทำให้คนเป็นยายหวงหลานชายไม่น้อย 

"เหนื่อยอะไร!!! มันอาจจะแค่อยากอ้อนยาย เพื่อขอสิ่งของซะมากกว่า" โลมาจงใจพูดประชดน้องชาย และนั่นทำให้เข้าได้สายตามองค้อนจากปลาวาฬ 

"เรานะก็เลิกแกล้งน้องได้แล้ว" ตาบ่นหลานชายคนโต 

"ยายครับ ถ้ายายย้อนเวลาได้ ยายอยากทำอะไรมากที่สุดครับ" ปลาวาฬตัดสินใจถามเจ้าของนาฬิกาที่เป็นสื่อกลางพาเขาย้อนเวลากลับมาในอดีต

"เพ้อเจ้อ" เสียงของโลมาบ่นน้องชายที่พูดจาเพ้อฝัน ใครมันจะย้อนเวลาได้กัน ถ้าขืนย้อนเวลาได้ โลกใบนี้คงวุ่นวายน่าดู โลมาตบหัวน้องชายเบาๆ ก่อนจะเดินหนีฝ่ามือของยายขึ้นห้องนอนไป 

"ถ้าเป็นยาย ยายจะแก้ไขเรื่องที่ค้างคาใจ" น้ำเสียงเอ็นดูถูกใช้ปลอบประโลมจิตใจของหลานชาย ไม่เพียงเท่านั้นฝ่ามือหยาบกร้าน แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น กำลังลูบที่หัวของปลาวาฬเบาๆ 

"ครับ" ปลาวาฬรู้ดีว่า เรื่องอะไรที่มันยังติดค้างอยู่ในใจของตัวเองจนถึงอายุ 25 เรื่องเดียวที่เขาไม่อยากทำมันเลย แต่อะไรหลายๆ อย่างในตอนนั้นมันทำให้เขาต้องตัดสินใจแบบนั้น 

"แล้วมีอะไรอยากบอกตากับยายไหม" 

"อยากให้ตาดูแลตัวเอง อยากให้ยายอยู่เป็นเพื่อนวาฬไปนานๆ" ใช่แล้ว ปลาวาฬไม่อยากให้ตากับยายป่วย เด็กหนุ่มแค่อยากให้ทั้งสองคนอยู่กับเขาไปนานๆ เขาหวังเพียงเท่านั้น เพราะปลาวาฬรู้ดีว่าไม่มีใครหนีความตายไปได้อย่างแน่นอน 

"ได้สิลูก" ทั้งสองลูบหัวหลานชายคนเล็ก ปลาวาฬกอดตากับยายอีกสักพักเพื่อซึมซับอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นนี้เอาไว้ 

แต่เหมือนกับว่าเด็กหนุ่มจะลืมไปว่าการย้อนเวลากลับมาของตัวเอง ได้เปลี่ยนแปลงอดีตไปตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาในร่างตัวเองในวัยเพียงแค่ 15 ปีแล้ว 

ปลาวาฬขึ้นห้องไปทำการบ้าน ระหว่างที่ทำการบ้านก็เหมือนว่าตัวเองจะหิวเกินไปเขาเลยลงมาหาอะไรกินก็เห็นว่ายายยังทำเอาการไม่เสร็จ 

"วาฬไปซื้อขนมที่เซเว่นเดี๋ยวมานะครับ" เด็กหนุ่มจับจักรยานเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยปากบอกกล่าวตากับยาย ทั้งสองพยักหน้ารับรู้ เด็กหนุ่มถึงได้ปั่นจักรยานออกจากบ้าน 

ระหว่างทางร้านค้ามากมายที่มีในปีนี้ไม่มีในปี 2567 แล้ว อาจจะเพราะอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้พวกเขาต้องปิดตัวลงหรืออาจจะเพราะพิษเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ จนทำให้ร้านค้าเหล่านี้ปิดกิจการ 

เด็กหนุ่มสูดเอาลมหายใจเข้าปอดลึกๆ กลิ่นสายลม กลิ่นทะเล มันเป็นกลิ่นที่เขาคิดถึงมาตลอดสามปี ตั้งแต่ยายเสียเขาก็ไม่เคยกลับมาบ้านอีกเลย 

"เซเว่นสวัสดีค่ะ" พนักงานต้อนรับส่งยิ้มมาให้ปลาวาฬพร้อมกับเอยคำทักทายของร้านสะดวกซื้อ 

ปลาวาฬที่กำลังจะเดินไปหยิบขนมก็ต้องชะงักเท้า เพราะคนที่ยื่นเลือกขนม ด้วยชุดบาสตัวเก่งสีดำ เป็นคนที่ปลาวาฬตั้งใจว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีก ปลาวาฬกำลังจะหมุนตัวเดินออก ทว่ากับมีมือมาฉุดรั้งเขาเอาไว้ 

"มาแล้วก็ซื้อของกินก่อน" คีตะพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุด 

"ครับ" ปลาวาฬดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของคีตะก่อนจะเดินไปหยิบของกินแบบไม่มอง 

"อันนี้ไม่กินจะเอาไปทำไม" คีตะหยิบขนมที่ปลาวาฬไม่กินออกจากตะกร้า เด็กหนุ่มดวงตากลมโตเบิกกว้าง เขาจำได้ดีว่าในตอนนี้คีตะไม่ได้รู้เรื่องเขามากขนาดนั้น 

ปลาวาฬถอยหลังออกจากคนตรงหน้า ท่าทางตกใจของปลาวาฬทำให้คีตะรู้ตัวว่าเขาเผลอหลุดโป๊ะเข้าให้แล้ว 

"อะ...เอ่อ พี่ไปก่อนนะ" 

"หยุด!!!!" 

"พี่รู้ได้ไงว่าผมไม่กิินขนมรสนี้" ปลาวาฬจ้องใบหน้าคีตะไม่ว่างตา สายตาของเขาในตอนนี้กำลังพยายามเค้นหาความจริง

คีตะหลบตาของปลาวาฬ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าต้องพูดหรืออธิบายอะไรกับเด็กหนุ่มตรงหน้าดี อยากจะเดินออกไปก็ทำไม่ได้ ใจมันไม่กล้ามาก็พอ 

"พี่จะเป็นใครเป็นอะไรมันสำคัญสำหรับเราเหรอ พี่ว่าไม่นะ พี่ไม่สำคัญกับเรามาตั้งนานแล้ว" 

"พะ...พี่" 

"ใช่ เรามายังไง พี่ก็มาแบบนั้นแหละ ไปนะ พี่รู้ว่าวาฬคงไม่อยากเห็นหน้าพี่อีก" คีตะพูดความในใจออกมาน้ำตาก็คลออยู่ที่เบ้าตา คิดถึงทุกอย่างที่เคยผ่านด้วยกันมา แต่เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ปลาวาฬจะยังรู้สึกกับเขายังไง ดพราะเรื่องระหว่างเขาทั้งสองคนมันผ่านมานานหลายปีแล้ว

ตอนนี้คีตะไม่รู้ว่าปลาวาฬจะรักเขาอยู่รึเปล่า หรืออาจจะเกลียดเขาไปแล้ว เขาไม่อยากเขาไปวุ่นวายเพื่อให้อีกคนเกลียดเขาเพิ่ม เขาอยากให้เด็กหนุ่มมีความสุข ถึงได้ยอมมองดูปลาวาฬประสบความสำเร็จ 

"ไปนะ" คำพูดสั้นๆ ง่ายๆ ถูกพูดออกมาจากปากของคีตะ เด็กหนุ่มเดินออกมาจากร้านเซเว่น โดยเขาไม่หันกลับมามองที่ปลาวาฬอีก 

ความจริงที่ว่าคีตะก็ย้อนเวลากลับมาเหมือนกัน มันทำให้เขาตกใจจนทำตะกร้าหล่นลงพื้น เสียงของที่หล่นกระจัดกระจาย ทำให้พนักงานต้องเดินมาดูปลาวาฬ  

"คุณลูกค้าเป็นอะไรรึเปล่าครับ" 

"ไม่ครับ ผมไม่เป็นอะไรครับ" ปลาวาฬตอบพนักงาน ก่อนจะก้มลงเก็บขนมที่หล่นลงบนพื้น เด็กหนุ่มปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยหัวใจที่ยากจะอธิบาย 

เขาอยากถามคีตะว่าหายไปไหนมาเกือบสิบปี แล้วทำไมถึงย้อนอดีตมาได้ อะไรเป็นสื่อกลางให้คีตะย้อนอดีตกลับมาที่นี่ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง เขาก็นึกไม่ออกว่าสื่อนำของคีตะคืออะไร 

"กลับมาแล้วครับ" 

"ไปซะนานเลยลูก กับข้าวเสร็จพอดีมากินข้าวสิ" ตาเรียกหลานชายคนเล็กให้มากินข้าว ปลาวาฬเอาของวางลงบนโต๊ะก่อนจะมากินข้าวกับครอบครัว รอยยิ้มบนโต๊ะอาหารที่ปลาวาฬไม่ได้สัมผัสมานาน อาหารบนโต๊ะอร่อยกว่าข้าวกล่องโรงพยาบาลเป็นไหนๆ บรรยากาศที่ปลาวาฬเฝ้าฝันถึง

ทางด้านของคีตะหลังจากเดินออกจากร้าน เขาก็ไม่ได้กลับบ้านเลยในทันที แต่มานั่งอยู่ที่สนามบาสของหมู่บ้าน เขากำลังคิดถึงวันที่ย้อนกลับมาในอดีต เขาจำได้ว่าวันนั่นเขากำลังพานักเรียนไปแข่งกีฬาระหว่างโรงเรียน

ในระหว่างการเดินทางรถบัสโรงเรียนถูกรถบรรทุกเสียหลักพุ่งเข้ามาชน ในช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดการระเบิดของรถบัส คีตะเห็นแสงสีขาวมาไกลๆ หลังจากนั้นเขาก็ว๊าปมาที่นี่ กลับมาเป็นเด็ก 18 อีกครั้ง ไม่เพียงเท่านั้นเขายังกลับมาอยู่ไทย ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วอีกสิบปีข้างหน้า เขาก็ไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่วันที่ปลาวาฬบอกเลิกเขาแล้ว 

ส่วนเรื่องของปลาวาฬเขารู้ผ่านโลมาทุกเรื่อง และแทบจะมีรูปของปลาวาฬแทบจะทุกอิริยาบถก็ว่าได้ เพราะโลมาคอยเซฟส่งมาให้เขา โลมามักจะให้น้องชายถ่ายรูปตอนที่กำลังทำงาน หรือถ่ายรูปช่วงเวลาที่น้องชายกำลังพักผ่อนส่งมาให้ แล้วหลังจากนั้นโลมาก็จะส่งต่อมาให้เขา 

นั่นทำให้เขาเฝ้ามองการเติบโตของเด็กคนหนึ่งมานาน ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม คราบน้ำตา หยาดเหงื่อ ทุกอย่างคีตะเห็นผ่านกล้องเพียงเท่านั้น เขาทั้งเจ็บปวดทั้งคิดถึง แต่ก็ไม่อาจกลับมาหาเด็กหนุ่มได้ เขาไม่กล้าก้าวเข้าไปในความฝันของเด็กหนุ่ม

"จะรู้ตัวไหม ว่ากำลังเปลี่ยนแปลงอดีตอยู่" คีตะได้แต่กลิ้งลูกบาสไปมา พึมพำสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง คีตะจำอดีตระหว่างพวกเขาได้ ในช่วงเวลานี้เขาไม่ได้เจอกับปลาวาฬบ่อยขนาดนี้ แทบจะไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ เขาได้คุยกับปลาวาฬจริงๆ ก็ช่วงหลังจากงานกีฬาสีโรงเรียน ซึ่งกว่าจะถึงก็อีกต้องสองเดือน 

แต่นี่เขากับปลาวาฬได้คุยกันแล้ว นั่นก็หมายความว่าอดีตระหว่างพวกเขากำลังเปลี่ยนไป เขาอยากรู้ว่าอะไรที่เป็นสาเหตุให้ปลาวาฬบอกเลิกเขา นอกจากเรื่องที่ปลาวาฬอยากเรียนต่อหมอ เลยไม่อยากให้เรื่องของความรักมาเป็นอุปสรรค หรือมีใครเป็นมือที่สามที่เขามองไม่เห็น เข้ามาแทรกระหว่างความรักของทั้งสองคนกันแน่ 

"อะไรกันนะ ที่ทำให้วาฬเกลียดพี่ ทั้งๆ ที่พี่รักวาฬมากขนาดนั้น" แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร เขาก็ยังอยากมองปลาวาฬที่มีแต่คนรักแบบนี้ไปนานๆ ก่อนจะต้องบินไปเรียนต่อเมืองนอก เขามีเวลามองเด็กหนุ่มด้วยสายตาอีกแค่สามปีเท่านั้น 

"พี่อยากให้ยืนข้างๆ วาฬอีกสักครั้ง แม้ว่ามันจะเจ็บมากก็ตาม"