"กลับมารักกับคนเดิม อาจจะเหมือนอ่านหนังสือเล่มเดิมที่จบไปแล้ว แต่วาฬมั่นใจไหมว่าหนังสือของพวกเรามันจบแล้วไปจริงๆ"

ย้อนเวลาไขปริศนารัก - บทที่ 5 มีไรอยากบอกกันไหม โดย ซาลาเปาไส้ชาเขียว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,นิยายสั้น,นิยายสนุก,นิยายรัก ,นิยาย18+,ดราม่า,นิยายวาย,ทะลุมิติ,รักวัยรุ่น,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ย้อนเวลาไขปริศนารัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายสั้น,นิยายสนุก,นิยายรัก ,นิยาย18+,ดราม่า,นิยายวาย,ทะลุมิติ,รักวัยรุ่น,#BL

รายละเอียด

"กลับมารักกับคนเดิม อาจจะเหมือนอ่านหนังสือเล่มเดิมที่จบไปแล้ว แต่วาฬมั่นใจไหมว่าหนังสือของพวกเรามันจบแล้วไปจริงๆ"

ผู้แต่ง

ซาลาเปาไส้ชาเขียว

เรื่องย่อ

สารบัญ

ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 1 อารัมภบท,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 2 สิบปีก่อน,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 3 สองหัวใจที่ไม่เจอกันนาน,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 4 กลับมาพร้อมกัน,ย้อนเวลาไขปริศนารัก-บทที่ 5 มีไรอยากบอกกันไหม

เนื้อหา

บทที่ 5 มีไรอยากบอกกันไหม

หลังจากเจอกันที่ร้านสะดวกซื้อก็เหมือนว่าปลาวาฬจะหลบหน้าคีตะมาตลอด ไม่เดินเข้าไปใกล้สนามบาส ถ้าหากว่าบังเอิญเจอกันที่โรงอาหารปลาวาฬก็ทำเหมือนมองไม่เห็นคีตะ คีตะที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่นึกในใจว่า เด็กหนุ่มตรงหน้ากลับมาใจร้ายกับเขาอีกแล้วสินะ

"มีอะไรรึเปล่า" โลมาเห็นเพื่อนมองน้องชายตัวเองไม่ละสายตา แววตาของคีตะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด โลมาที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่รู้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนทั้งสองรึเปล่า 

"กู..." คีตะอยากจะเล่าให้เพื่อนฟังว่า น้องชายตัวดีของโลมา ทำร้ายจิตใจเขาอีกแล้ว 

"ทำไมปลาวาฬเป็นแฟนกับพลอยใสกันเหรอ" โลมาที่เห็นน้องชายกำลังเอากระดาษเช็ดชูเช็ดใบหน้าให้เพื่อนสาว ทำให้โลมาคิดว่าเพื่อนคงเจ็บปวดเพราะเห็นภาพบาดตา 

"มึงว่าเขาคบกันไหม" คีตะมองออกว่าทั้งสองคนคงไม่ได้คบกัน แต่ที่ทำให้เขารู้สึกว่าเจ็บปวดนั้นเป็นเพราะปลาวาฬทำเหมือนว่าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาต่างหาก 

"ไม่มั่นใจว่ะ เดี๋ยวนี้ปลาวาฬ ไม่ค่อยเล่าอะไรให้กูฟังเลย" จะเล่าให้ฟังได้ยังไงก็อายุต่างกันต้องสิบปีแล้วนิเนอะ

"มึงจะไปซ้อมบาสไหม" โลมาเปลี่ยนเรื่องทันทีเพราะเขาไม่อยากเห็นเพื่อนเสียใจ 

"ไปสิ" คีตะตอบเพื่อนออกแบบนั้น แต่ใจกับไม่ได้อยู่ที่โลมาเลยสักนิด 

"แต่มึงดูไม่มีสมาธิเลยนะ" โลมาไปดูเพื่อนที่ซ้อมบาสทุกวัน ทำให้เด็ฏหนุ่มเห็นว่าช่วงนี้เพื่อนดูเหม่อลอย ไม่มีสมาธิในการซ้อมบาสสักเท่าไหร่

"เอ่อ งั้นไปหาอะไรแก้เครียดกินกัน" คีตะอยากชวนเพื่อนไปหาของมึนเมากระแทกปากสักหน่อย 

"หลงรักน้องกูขนาดนั้นเลยเหรอ" โลมาเห็นสีหน้าเพื่อน ก็พอที่จะเดาได้ว่าเพื่อนของเขาต้องการอะไร แต่ด้วยนิสัยขี้เล่นทำให้เขาอดแซวเพื่อนไม่ได้ 

"หึ รักมากอ่ะ รักมากชนิดที่ว่าชีวิตก็ให้เขาได้" 

"แต่เขาไม่เอาสินะ"

"เจ็บสัสสสสสส" คีตะยิ้มให้กับโลมาที่กำลังพยายามปลอบใจตนเอง แม้ว่าเพื่อนจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ที่กำลังกวนใคีตะในตอนนี้ แต่ก็ยังพยายามปลอบใจและพยายามให้กำลังใจ 

"หมูทะไมมึง" ใจอยากกินเหล้า แต่เพื่อนดันชวนกินหมูกระทะ ปวดหัวจริง 

"ได้" แต่ในเมื่อเพื่อนยากกิน สเต๊กก็คงจะตามใจเพื่อน 



ร้านหมูกระทะ

"มานั่งนี้มา" แต่เหมือนไอ้เพื่อนตัวดี จะอยากช่วยคีตะมากเกินไป เพราะดันชวนน้องสุดที่รักมากินด้วย 

"ไม่นั่งอะ ไม่หิวกันเหรอ" ทว่าเด็กหนุ่มเอาแต่มองหน้าคีตะ ไม่ชอบนั่งลงอย่างที่พี่ชายบอก

"หิวสิคะ" พลอยใสตอบพี่ชายเพื่อนแล้วฉุดแขนเพื่อนนั่งลงข้างๆ กัน 

"กินดิ มึงจะรอหมูลอยเข้ามาในจานเหรอ" พลอยใสเอาแขนกระแทกเพื่อนให้คีบหมูมากินได้แล้ว จะจ้องหน้าเพื่อนพี่ชายตัวเองทำไมนักหนา 

"พลอย !!!!" ปลาวาฬดุเพื่อนสาวที่จงใจกวนประสาทเขา 

"เย็นชาชะมัด ทำตัวเป็นคนแก่ไปได้" ร่างกายอาจจะ 15 ทว่าวิญญาณของเขาปาเข้าไป 25 แล้วจะให้มาทำตัวเหมือนเด็ก 15 มันก็ค่อนข้างจะยากสักหน่อย 

"กินดีๆ" ปลาวาฬบ่นเพื่อนสาวที่กินมูมมาม ไม่ต่างอะไรกับหมู นอกจากหน้าสวยๆ ปลาวาฬก็ไม่รู้ว่าเพื่อนจะมีอะไรดีบ้าง 

"เชอะ ใครจะกินหมูกระทะอย่างกับกำลังกินสเต๊กแบบนั้นล่ะ จะเคี้ยวให้ครบสามสิบครั้งต่อคำเลยไหมนะ" ปลาวาฬเคี้ยวช้าแบบนี้เพราะเขากลัวป่วยก่อนวัยอันควร หรืออาจจะเป็นเพราะสัญชาตญาณความเป็นคุณหมอกันนะ

"นั่นสิ พักนี้มึงกินอาหารช้าแปลกๆ นะ" โลมาก็เป็นอีกคนที่สังเกตว่าช่วงนี้น้องชายกินอาหารช้ามากๆ 

"เออ เคี้ยวข้าวไม่ละเอียดจะทำให้กระเพาะทำงานหนัก" ปลาวาฬพูดกับพี่ชายเสียงเรียบ 

"อะไรวะ" โลมาตะลึงกับคำพูดน้องชาย ต่างจากเพื่อนของเขาที่รู้ว่าทำไมปลาวาฬถึงได้พูดแบบนั้น 

"แดกๆ ไปเถอะ" คีตะคีบหมูใส่จานโลมาเพื่อไม่ให้โลมาซักไซ้อะไรนอกชายอีก 

พวกเขาสี่คนกินหมูกระทะกันไป ชวนกันคุยเรื่องอนาคตไป จะมีก็แค่สองหนุ่มที่มาจากอนาคตที่พูดน้อยจนเพื่อนและพี่รู้สึกว่าทั้งสองคนมีอะไรบางอย่างที่ติดใจกันอยู่ 

"กูไปเดินเล่นแปปนะ" แล้วก็เหมือนว่าจะเป็นปลาวาฬที่เลือกจะเดินออกมาจากโต๊ะอาหารเพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น ปลาวาฬเดินมานั่งเล่นอยู่ข้างร้าน ซึ่งเป็นที่ที่ร้านเอาไว้ให้คนมาสูบบุหรี่

"ทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะ" 

"แล้วทำไมพี่มาที่นี่ละ" 

"เอ่อคือ..." คีตะตั้งใจจะเดินออกมาสูบบุหรี่ แต่เขาไม่กล้าบอกปลาวาฬไปตรงๆ เพราะช่วงที่คบกัน ปลาวาฬขอให้เขาเลิกและเขาก็เลิกมันไปแล้ว แต่พอไปอยู่เมืองนอกมันก็มีบางครั้งที่คิดถึงคนตรงหน้ามากๆ จนต้องหยิบมาสูบ

"พี่จะมาสูบบุหรี่เหรอ" 

"อะอื้มมม" คีตะเก็บซองบุหรี่เข้ากระเป๋า จะบอกว่าเกรงใจเด็กหนุ่มตรงหน้าก็ไม่ผิดอะไร  

"สูบก็ได้นะ" ปลาวาฬ รู้ว่าเวลาคีตะเครียดจะชอบแอบสูบบุหรี่ แต่พอเขาขอให้เลิกเด็ดขาดอีกคนก็ทำให้ทันที แต่ถ้าจะกลับมาสูบอีกเขาก็ไม่ว่าอะไร เพราะตอนนี้ทั้งปลาวาฬและคีตะไม่ได้เป็นอะไรกัน 

"ผมถามได้ไหม" ปลาวาฬ มีเรื่องในใจที่อยากรู้มากมาย และอยากถามคีตะอีกมากมายเหมือนกัน 

"ถ้าเราถามจบแล้ว พี่ถามกลับบ้างได้ไหม" คีตะมีเพียงคำถามเดียวที่ยังค้างคาในใจ และอยากให้ปลาวาฬตอบความจริงกับเขา

"พี่หายไปไหนมา" 

"อังกฤษ" 

"ไปอยู่กับพ่อเลี้ยงเหรอ" แม่ของคีตะแต่งงานใหม่กับฝรั่ง ทำให้คีตะมีพ่อเลี้ยงเป็นชาวอังกฤษ ส่วนพ่อของคีตะเองก็แต่งงานใหม่และมีแม่เลี้ยงเป็นไฮโซ 

"แล้วตอนนี้พี่ทำอะไรอยู่" 

"เป็นครูพละ" คีตะทำงานเป็นครูสอนวิชาพละะให้กับโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง

"ครับ" 

"แล้ววาฬละ เป็นหมอแล้วรู้สึกเป็นยังไงบ้าง" คีตะรู้เรื่องปลาวาฬดี เลยไม่จำเป็นต้องถามว่าอีกคนทำอะไรหรือเป็นอะไร แต่ที่เขาไม่รู้คือความรู้สึกของปลาวาฬ 

"ก็ดีครับ เอ๊ะ...ว่าแต่พี่รู้ได้ไงว่าผมกำลังจะเป็นหมอ" 

"สืบเอา" 

"ผมนึกว่าโลมาบอก" 

"แล้วถ้าเป็นโลมาบอกล่ะ" คีตะมองใบหน้าของปลาวาฬที่กำลังจ้องหน้าตนเองอยู่เหมือนกัน ถ้าหากว่าโลมาเป็นคนบอกปลาวาฬจะกลับไปเล่นงานพี่ชายตัวดี 

"แล้ว..." 

"ครับ" 

"แล้วไม่มีอะไรอยากบอกพี่บ้างเหรอ" ปลาวาฬมองเห็นความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ในแววตาของคีตะ พอได้เห็นความเจ็บช้ำในที่ฉายออกมาอย่างชัดเจน เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องที่อยากจะบอกกับคีตะยังไงดี 

"ไม่มีครับ ผมไม่มีอะไรจะบอก" 

"วาฬ พี่ไม่เคยลืมวาฬเลยนะ" คีตะตัดสินใจพูดความในใจออกมา ถ้าหากว่ากลับไปอนาคตแล้วเขาต้องตาย คีตะก็อยากให้ปลาวาฬได้รู้ว่าในอีกสิบปีข้างหน้า เขาก็ยังคงรักเด็กหนุ่มไม่เปลี่ยน

"แต่ผมไม่ได้รักพี่อีกแล้ว" ปลาวาฬโกหกคีตะอีกครั้ง เขาไม่อยากให้คีตะมาจมปรักอยู่กับตนเอง ปลาวาฬกลัวว่าอดีตจะซ้ำรอย เขาไม่อยากเห็นคีตะร้องไห้เสียใจอีก หากตัดใจตั้งแต่ตอนนี้ก็น่าจะดีซะกว่า 

"ยังใจร้ายกับพี่เหมือนเดิมเลยนะ" 

"ผมไม่ได้ใจร้าย แต่คนไม่รัก ไม่ว่าพี่จะทำยังไงผมก็ไม่รัก หวังว่าพี่จะเข้าใจที่ผมพูดนะครับเลิกพยายามได้แล้ว มันไม่มีประโยชน์" ปลาวาฬเลือกจะตัดความสัมพันธ์ตั้งแต่เริ่ม ดีกว่าเริ่มไปแล้วเจ็บ 

ภายนอกอาจจะดูเหมือนปลาวาฬไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าลองมองให้ดีๆ จะเห็นว่ามือขวาของเขากำชายกางเกงนักเรียนเอาไว้แน่น ปลาวาฬพยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้ 

"หึ เจ็บจัง" คีตะยิ้มเยาะตัวเอง ทั้งๆ ที่อยากจะร้องไห้ออกมาให้มันรู้แล้วรู้รอดไป สิบปีที่รักแค่คนๆ นี้ แต่ปลาวาฬกลับปฏิเสธความรักของคีตะอย่างไร้เยื่อใย 

"เจ็บมากแค่ไหน พี่ก็ต้องมีชีวิตต่อไป"

"ไร้เยื่อใยชะมัด" 

"พี่เลิกตัดพ้อผมเถอะครับ ผมไม่ได้รู้สึกอะไร" ปลาวาฬตัดสินใจพูดจาทำร้ายจิตใจคีตะอีกครั้ง 

"ไม่อยากกลับมาบ้างเหรอวาฬ" 

"พี่ ไม่รู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพชบ้างเหรอครับ ที่ต้องมาขอความรักจากคนที่เขาไม่รักแบบนี้" พูดจบปลาวาฬก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้หินอ่อนเดินเข้าไปในร้านเหมือนเดิม 

ทิ้งให้คีตะทรุดตัวนั่งลง บนเก้าอี้หินอ่อนที่ปลาวาฬเพิ่งจะลุกเดินจากเขาไป เหตุผลเดียวที่ปลาวาฬขอไปอยู่กับแม่ เป็นเพราะเขาไม่อยากทำให้ตัวเองน่าสมเพชแบบนี้ คีตะรู้ดีว่าถ้ายังอยู่ไทยเขาจะต้องไปขอให้ปลาวาฬกลับมาหาเขา 

คีตะจะต้องตามตื๊อจนปลาวาฬเกลียดเขาอย่างในตอนนี้แน่นอน เขาเลยเลือกที่จะมองดูเด็กหนุ่มจากมุมของเขา ไม่เข้ากลับมาไทยเ กล้วว่าถ้ากลับมาแล้วจะพาตัวเองเดินเข้าไปหาปลาวาฬ แล้วทำให้ปลาวาฬไม่มีพื้นที่ส่วนตัว 

แต่พอรู้ว่าตนเองได้ย้อนเวลามายังจุดเริ่มต้น เขาก็อยากจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง พยายามห้ามใจแล้วแต่มันไม่ฟัง มันเรียกร้องที่จะเดินกลับเข้าไปในชีวิตของปลาวาฬ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าปลาวาฬไม่ต้องการ