เมื่อสิ่งที่ตามองเห็นไม่เป็นอย่างที่สมองคิด ความเป็นจริงจึงอยู่เหนือการคาดเดา
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กระจกเงาห้องตรงข้าม (รวมเรื่องสั้นระทึกขวัญ...หักมุมตอนจบ)เมื่อสิ่งที่ตามองเห็นไม่เป็นอย่างที่สมองคิด ความเป็นจริงจึงอยู่เหนือการคาดเดา
รวมเรื่องสั้นระทึกขวัญ...หักมุมตอนจบหลายรูปแบบ เช่น ฆาตกรรมซ่อนเงื่อน ผีและวิญญาณ โลกต่างมิติ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หลอกหลอน...ซ่อนผวาจนขนหัวลุก
“อย่าว่าพี่ธีร์เลยครับพี่ธันวา พอเจอสาวใหม่อีกเดี๋ยวก็ลืม ดูอย่างผมสิ พอเลิกกับแฟนเก่าก็มีสาวๆ มาห้อมล้อมไม่ขาด ให้เวลาพี่แกทำใจหน่อยละกัน” อาวุธชะโงกหน้าขึ้นมาพูดจากเบาะหลังรถ ก่อนจะลงจากรถแล้วมานั่งคู่คนขับแทนธีร์ภพ
“จ้า...พ่อคนลืมง่าย อย่าให้เห็นนะว่าคนนี้คบได้ 3 เดือนแล้วเลิกอีก ข้าจะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปากเลยคอยดูสิ” ธีร์ภพบ่นพึมพำแต่ทุกคนก็ได้ยินกันหมด หลังจากมานั่งแทนที่อาวุธแล้ว
“แล้วพี่ธีร์จะให้ขับไปทางลัดอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรกมั้ย แต่ผมว่าไปทางหลักที่คนเขาสัญจรกันดีกว่านะพี่ พี่ก็ได้ยินเรื่องเล่าจากพวกชาวบ้านที่เคยผ่านถนนเส้นลัดนี้แล้วนี่ งานแต่งก็ตั้งพรุ่งนี้นะ เราขับกินลมไปด้วยไม่เร่งรีบมันก็ทันอยู่แล้วป่ะ” หนุ่มรุ่นน้องหันหน้ามาถามเพื่อนรุ่นพี่ที่แทบจะทอดร่างอิดโรยราวกับจะเอาเบาะรถเป็นเตียงนอนที่บ้าน สลับกับมองหน้าคนขับว่าจะเอาอย่างไรกันดี
“แล้วแต่พวกแกก็แล้วกัน ข้าไม่ใช่คนขับ แกไปถามไอ้ธันวามันโน่น” เจ้าของรถตอบเสียงอ่อย เหมือนอยากจะปิดตาลงแล้วไม่รับรู้อะไรให้กวนประสาทในเวลานี้
“เอาไงพี่ธันวา อย่าบอกนะว่าพี่จะไปทางที่พี่ธีร์บอก งั้นผมจะเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง พี่จะได้ไม่ตัดสินใจเลี้ยวรถไปทางนั้น” อาวุธยังคงคะยั้นคะยอให้ธันวายอมขับรถไปตามถนนเส้นหลักที่คนปกติเขาสัญจรกัน มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่จะอุตริขับผ่านถนนเส้นนั้นตอนกลางคืน อย่าว่าแต่กลางคืนเลย กลางวันก็แทบจะไม่มีใครกล้าผ่านอยู่แล้ว
“งั้นแกเล่ามาเลยนะ ข้าก็อยากรู้ว่าเรื่องของแกมันคุ้มค่าพอที่จะทำให้ข้าเปลี่ยนใจได้มั้ย แกมีเวลา 10 นาที ไอ้วุธ ถ้าไม่ถูกใจข้า นอกจากจะเปลี่ยนใจข้าไม่ได้แล้ว เผลอๆ แกนั่นแหละจะต้องมาขับผ่านถนนเส้นนั้นแทนข้า ฮ่า...ฮ่า...” ธันวาเดิมพันกับหนุ่มรุ่นน้อง เขารู้ว่ามันกลัวผีขนาดไหน แต่ก็ไม่วายชอบเล่าเรื่องผีให้เขาฟังบ่อยๆ ตอนออกเดินทางกลางคืนแบบนี้
“โธ่พี่...อย่าใจร้ายกับผมนักเลย เมียก็เพิ่งมีได้ 3 คนเอง รอให้ครบ 10 คนเมื่อไหร่ พี่จะแกล้งผมยังไงก็ได้ ผมยอม” อาวุธต่อรองเพื่อนรุ่นพี่ มันจะน่าขนลุกขนาดไหนนะถ้าต้องเป็นคนขับผ่านไปบนถนนนั้นด้วยตัวเอง เกิดเจออะไรไม่ชอบมาพากล เขาคงไม่กล้าลืมตามองจนเอารถไปเสยอยู่ข้างทางล่ะยุ่งแน่
“เลิกอวยตัวเองได้ละไอ้วุธ เล่าเรื่องของแกมาซะที ข้าชักจะรำคาญแล้วนะ” ธันวาหันหน้าไปว่าใส่อาวุธขณะกำลังพารถเคลื่อนรถออกจากปั๊มน้ำมัน แสงแดดยามพลบค่ำส่องแยงตาจนเขาต้องเอื้อมไปจับที่บังแดดข้างบนลงมาบังไว้
โบราณเขากล่าวไว้ว่าระหว่างเดินทางตอนกลางคืน ห้ามพูดเรื่องผีสางนางไม้หรือเรื่องโจรผู้ร้ายให้มันเป็นลาง แต่นี่เพิ่งจะหัวค่ำเอง แสงแดดตอนเย็นก็ยังไม่ลับตาไปไหนเท่าไหร่ แต่พูดไปก็เท่านั้นแหละ เพราะไอ้วุธมันก็ดันชอบเล่าให้ฟังทุกครั้งที่นั่งรถตอนกลางคืนด้วยกัน เหมือนมันเหงาๆ ปาก ยิ่งกลัวผีก็ยิ่งชอบเล่าเรื่องผี แปลกคนพิลึก...
“เออ...ไอ้วุธ แกเล่ามาเลย ข้าก็อยากฟังเรื่องของแกเหมือนกัน ถ้าทำให้ข้าหายง่วงได้นะจะไปพาเลี้ยงเหล้าวันศุกร์นี้เลยอ่ะ” เสียงของธีร์ภพดังขึ้นทางด้านหลังรถ ก่อนจะยื่นหน้าซีดเซียวมาร่วมวงสนทนา
“เมื่อ 3 เดือนก่อน มีลุงกับป้าสองคนขับรถผ่านไปทางถนนเส้นที่เรากำลังจะไป เอ๊ย...ไม่ใช่ ผ่านเส้นที่พี่ธีร์คิดว่าจะไปตอนแรกต่างหากล่ะ พอใกล้จะถึงทางโค้งหักศอกตรงต้นไทรใหญ่ ไม่รู้ลุงแกเห็นอะไร แทนที่จะชะลอรถลง แต่แกกลับเร่งเครื่องยังกับเป็นทางตรงยาว ป้าตะโกนบอกลุงด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว รถเก๋งพุ่งชนอัดก็อบปี้กับโคนต้นไทรแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี...” อาวุธกำลังจะเล่าต่อ แต่ถูกขัดจังหวะโดยธันวา
“เดี๋ยวนะไอ้วุธ ลุงกับป้าตายคาที่หรือเปล่า ถ้าตายทันทีแล้วใครจะรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนรถล่ะ รถพังขนาดนั้นรอดมาก็เหลือเชื่อละ เล่าซะข้าคิดว่าแกอยู่บนรถคันนั้นด้วยซะอีก ฮ่า...ฮ่า...” ธันวาส่ายหัวให้กับเรื่องแต่งของเพื่อนรุ่นน้อง จะเล่าอะไรทั้งทีก็ไม่เนียน คงต้องให้มันไปเรียนมาใหม่ ตกลงเรื่องนี้ขอตัดสินว่าไม่โดนใจเขาก็แล้วกัน
“เออว่ะ จริงของไอ้ธันวา หยุดพล่ามเรื่องเหลวไหลของแกได้แล้วไอ้วุธ เสียเวลานอนข้าหมด” ธีร์ภพผสมโรงให้อีกแรง
“ฟังให้จบก่อนสิครับพี่ๆ จะรีบร้อนกันไปไหน อ้าวไม่ทันแล้ว... พี่ธันวาอย่าเพิ่งเลี้ยวรถเข้าเส้นนั้น ผมยังเล่าไม่จบเลย อย่างนี้มันขี้โกงนี่หว่า” อาวุธทำตาเหลือกค้างเท่าไข่ห่าน เมื่อเห็นว่าธันวาเลี้ยวซ้ายเพื่อเปลี่ยนเส้นทางไปยังถนนสายนั้น
“หมดเวลาของแกแล้วไอ้จอมกุเรื่อง เลิกหาเรื่องหลอกเด็กมาให้ข้าคันสมองเล่นทีเถอะว่ะ ไม่ให้มาขับรถแทนข้าก็บุญหัวแล้วนะโว้ย หุบปากแล้วนั่งเงียบไปสักพักก่อน รอให้ข้าอนุญาตเมื่อไหร่ค่อยแหกปากได้” ธันวาว่าเอ็ดรุ่นน้องให้ได้อาย แต่มันคงได้รับรู้ถึงความอายอยู่หรอก เพราะมันก็ยังโพล่งคำพูดจากปากเน่าๆ ออกมาต่อจากนั้น โดยมีธีร์ภพคอยยุให้มันเล่าต่อ
“แล้วไงต่อวะ ผีลุงกับป้านั่นมาเที่ยวป่าวประกาศบอกให้ใครต่อใครฟังหรือไง ว่าตอนที่พวกแกอยู่ในรถก่อนมันชนต้นไม้นั่นเหตุการณ์มันน่าหวาดเสียวขนาดไหน” เสียงพูดของธีร์ภพดังขึ้น ทำให้สองหนุ่มที่นั่งข้างหน้าหันไปมองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย คงคิดว่าเขานอนหลับเป็นตายอยู่ข้างหลังไปแล้ว จู่ๆ ดันอยากรู้อยากเห็นอะไรขึ้นมาอีก
“พวกพี่จะรู้อะไร นอกจากลุงกับป้าแล้ว ในรถยังมีหลานชายของแกด้วยนะ มันอยากไปเที่ยวด้วย แต่พวกแกไม่ให้ไป มันเลยแอบตามไปนั่งขดตัวอยู่หลังเบาะรถคนขับ โดยที่สองลุงป้าไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย” อาวุธเฉลยคำตอบที่พี่ชายสองคนพากันสงสัย ถึงบางอ้อเสียทีคราวนี้…
“อ๋อ... งั้นก็หมายความว่าไอ้หลานชายแกคนนั้นมันยังไม่ตายใช่มั้ย เลยได้มีโอกาสเล่าเรื่องนี้ให้ใครต่อใครฟัง ข้าว่ามันคงช็อกมากเลยแหละที่เห็นลุงกับป้าคอหักตายคาที่ต่อหน้าต่อตาแบบนั้น” ธันวาเดาเรื่องราวคร่าวๆ ขณะเหลือบมองไปที่ป้ายข้างทางด้านซ้ายที่เขียนบอกคนเดินทางไว้ว่า อีก 3 กิโลเมตรจะถึงทางโค้งหักศอกที่ต้นไทรใหญ่ตั้งอยู่
“ไม่ใช่...” อาวุธทิ้งคำตอบที่ทำให้ชายหนุ่มสองคนต้องงงงวยอีกครั้ง มันเป็นคำตอบที่บังคับทำให้คนฟังต้องจำใจถามคำถามต่อไปแบบเลี่ยงไม่ได้
“อ้าว...ไม่ใช่ละ นี่แกบ้าหรือเปล่าไอ้วุธ ก็ถ้ามันตายห่ากันหมดแบบนั้น ใครมันจะเป็นคนเล่าวะ แกคิดว่าพวกข้าสองคนโง่เหรอถึงเอาเรื่องเหลวไหลไร้สาระพวกนี้มากรอกหูตอนขับรถกลางคืน กะจะให้กลัวจนขนตูดหดกลับเข้าที่เดิมว่างั้น” คำพูดของธีร์ภพไม่ใช่คำถามที่จะให้คนเล่าตอบว่าเพราะอะไรต่อจากนั้น แต่เป็นคำด่าที่แทบจะพ่นใส่หน้าให้มันได้สำนึก
“เพราะหลานชายแกก็ตายคาที่พร้อมลุงกับป้านั่นแหละ...” อาวุธยังคงเล่าต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เออ...ก็พวกข้ารู้แล้วว่าหลานชายลุงน่ะตายคาซากรถไปพร้อมกันหมด ไอ้ธีร์มันก็เพิ่งพูดไปเมื่อกี้แล้วไง แล้วแกจะพูดอีกทำไมเนี่ยว่ามันก็ตายแล้วเหมือนกัน วอนเสียแล้ว ไอ้หอกหักนี่” ธันวาหันไปพ่นคำด่าใส่หน้ารุ่นน้องขณะเหลือบมองป้ายข้างทางที่เขียนบอกว่าอีก 1 กิโลเมตรจะถึงทางโค้งนั่น
“งั้นข้าเดาว่าพอเกิดเหตุรถชนนั่นแล้ว ลุงกับป้าก็ไปสิงสถิตอยู่ที่ต้นไทรใหญ่ตรงทางโค้ง ส่วนวิญญาณหลานชายก็เที่ยวโบกรถนั่งไปกับคนเดินทางตอนมืดค่ำเพื่อเล่าเรื่องให้ฟัง คนที่เคยเจอหลานชายแกมาโบกขึ้นรถก็เลยเล่าต่อๆ กันมา ข้าเข้าใจถูกมั้ยวะ” ธีร์ภพยังคงหาคำตอบให้คำถามที่ตัวเองและเพื่อนยังกังขา
“พี่ธีร์นี่เดาถูกยังกับอยู่ในเหตุการณ์เลยนะ แต่ที่แน่ๆ นอกจากหลานชายแกจะเที่ยวโบกขึ้นรถใครต่อใครแล้วเล่าเรื่องชวนขนลุกแล้ว มันยังพาตัวตายตัวแทนไปให้ลุงกับป้าได้เชือดเป็นลำดับต่อไปในโค้งข้างหน้า แต่ใช่ว่าโชคจะเข้าข้าง เพราะหลายคนดวงก็ไม่ถึงฆาต อย่างมากก็แค่ขาหักแขนหักไปนอนเล่นที่โรงพยาบาลแค่นั้น ถ้าจะให้แบบว่ากะโหลกยุบคาพวงมาลัยรถไปครึ่งหัว คอหัก ไส้ทะลัก ม้ามแตก ปอดระเบิด หรือซี่โครงมากอดกองรวมอยู่ในที่เดียวกัน แบบนั้นคงยาก เพราะขนาดรถทัวร์แหกโค้งที่เป็นข่าวเมื่ออาทิตย์ก่อน ก็ยังไม่มีคนตายสักคน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ลุงกับป้าและหลานชายคงได้นั่งแกร่วรอเหยื่อดวงกุดไปอีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้” อาวุธร่ายยาวเป็นชุดจนแทบจะแต่งเป็นเรื่องสั้นสยองขวัญได้เรื่องหนึ่ง
(จบตอนที่ 3)