เมื่อสิ่งที่ตามองเห็นไม่เป็นอย่างที่สมองคิด ความเป็นจริงจึงอยู่เหนือการคาดเดา
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กระจกเงาห้องตรงข้าม (รวมเรื่องสั้นระทึกขวัญ...หักมุมตอนจบ)เมื่อสิ่งที่ตามองเห็นไม่เป็นอย่างที่สมองคิด ความเป็นจริงจึงอยู่เหนือการคาดเดา
รวมเรื่องสั้นระทึกขวัญ...หักมุมตอนจบหลายรูปแบบ เช่น ฆาตกรรมซ่อนเงื่อน ผีและวิญญาณ โลกต่างมิติ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หลอกหลอน...ซ่อนผวาจนขนหัวลุก
ธีร์ภพและธันวารีบหันหน้ามามองกัน แล้วพร้อมใจระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นสนั่นรถ ถึงจะเป็นเรื่องเล่าโกหกจากไอ้เด็กเมื่อวานซืนจอมกะล่อน แต่ก็ช่วยให้พวกเขาสองคนผ่อนคลายลงได้ในค่ำคืนอันแสนวังเวงแบบนี้
“แกนี่รู้ดีจังวะไอ้อาวุธ ทำยังกับเป็นคนหาตัวตายตัวแทนมาให้ลุงกับป้ามันเองอย่างนั้นแหละ ฮ่า...ฮ่า...” ธันวายังไม่ยอมจบ เล่นกลับมันบ้างจะเป็นไรไป อย่างน้อยก็คิดถูกที่พามันติดรถมาด้วย คนกลัวผีแต่พูดมาก มันไปด้วยกันได้ยังไงวะ เคยเห็นแต่คนกลัวผีแล้วไม่กล้าพูดถึงมัน แต่นี่ยิ่งกลัวก็ยิ่งพล่ามหนักขึ้นทุกที
“ก็ผมนี่แหละหลานชายลุงกับป้า...” เสียงอาวุธเยือกเย็นจนน่าขนลุก
ธีร์ภพกำลังจะส่งสายตาให้ธันวาประสานเสียงหลุดขำออกมาเป็นคำรบสองอยู่แล้วเชียว แต่ไอ้เพื่อนรักเจ้ากรรมดันเร่งเครื่องยนต์กระหึ่มพุ่งเข้าสู่โคนต้นไทรตรงทางแยกไปก่อนแล้วนี่สิ...
ธีร์ภพใช้มือขวาเปื้อนเลือดจับเศษกระจกชิ้นเขื่องที่ปักลึกคาอยู่ที่คอหอย จากนั้นก็ออกแรงดึงมันออกจากลำคอช้าๆ เป็นผลให้เลือดกลุ่มใหญ่พุ่งกระฉูดราวกับท่อน้ำประปาปริแตก
ธันวาเงยหน้าขึ้นจากถุงลมนิรภัยที่เสนอตัวออกมารองรับใบหน้าของเขาเอาไว้อย่างเหมาะเหม็ง ชายหนุ่มรีบหันไปมองที่เบาะหลังรถเป็นอันดับแรก บ่งบอกว่าเขาห่วงเพื่อนรักเพื่อนตายยิ่งกว่าอะไร
ร่างของธีร์ภพนั่งก้มหน้าสงบนิ่งอยู่ตรงกลางเบาะหลังระหว่างช่องว่างของเบาะหน้าพอดิบพอดี คางเปื้อนเลือดของเพื่อนชายเกยค้างอยู่บนเศษกระจกชิ้นเขื่อง ที่ตอนนี้เสียบแน่นตรงคอหอยและติดตรึงอยู่กับเบาะหลังรถเหมือนจับมาวางอย่างแม่นยำ
“เฮ้ย...ตายห่าละไอ้ธีร์ แกจะทิ้งข้าไปแบบนี้ไม่ได้นะโว้ย ไอ้เพื่อนเห็นแก่ตัว จะรีบชิงตายไปไหนกันวะ ฮือ...ฮือ...” ธันวาพร่ำพรรณนากับซากไร้ชีวิตของธีร์ภพปานใจจะขาด
ธีร์ภพเขวี้ยงเศษกระจกเปื้อนเลือดในมือไปกระทบกับกระจกที่แตกอยู่หน้ารถจนธันวาสะดุ้งโหยง เหลียวซ้ายแลขวาว่าเสียงนั้นมันมาจากไหนกัน แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ...
“ไอ้ธีร์... ตื่นๆๆๆ จอดแวะปั๊มน้ำมันแป๊บเดียว พ่อหลับฝันถึงสาวอกตู้มไปกี่คนแล้วล่ะ ข้าขอดูเป้ากางเกงหน่อยสิวะ เปียกไปถึงไหนๆ แล้วมั้ง” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น ก่อนเจ้าของเสียงจะจับหลอดจากแก้วกาแฟยัดเข้าปากดูดไปซวบใหญ่
“ง่วงนักก็เดินเล่นผ่อนคลายรอบปั๊มสักยกก็ได้พี่ เดี๋ยวผมกับพี่ธันวานอนรอในรถเล่นไปพลางๆ ก่อน ไม่ต้องรีบร้อนครับ เดี๋ยวก็ได้เจอหน้าแฟนเก่าแล้ว อิอิ...” อาวุธโผล่หน้าจากเบาะหน้าคู่คนขับมามองธีร์ภพโดยไม่มีสัญญาณให้ได้เตรียมตัวอะไรก่อน ทำเอาเขาสะดุ้งจนหายง่วงไปได้กระผีกหนึ่ง หน้าของมันตอนนี้กับในความฝันของเขาทำเอาลมแทบจับ แล้วพอขับรถออกจากปั๊มไปแบบในความฝันเมื่อกี้ มันจะเฉลยกับเขาหรือเปล่านะว่าตัวเองตายไปแล้ว ธีร์ภพเริ่มคิดหนักเข้าให้แล้วล่ะสิ
ทำไมเขาต้องมาฝันซ้อนฝันในเรื่องเดียวกันถึงสามครั้งก็ไม่รู้ แต่ถ้าเกิดคราวนี้เป็นความจริงขึ้นมาล่ะ ฝันซ้ำกันติดๆ แบบนี้มันเรียกว่าลางสังหรณ์หรือเปล่านะ...
ธีร์ภพพาร่างอ่อนแรงของตัวเองหลุดจากเบาะหลังรถออกมาตามคำแนะนำของเพื่อนหนุ่มรุ่นน้อง ดีเหมือนกัน… จะได้หาอะไรกระแทกปากให้สมองมันโลดแล่นต่อไปได้บ้าง
ขณะก้าวเท้าเข้าสู่ประตูร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน หางตาซ้ายของธีร์ภพก็เริ่มสัมผัสกับร่างงองุ้มของใครคนหนึ่งใต้ต้นหูกวางห่างออกไปไม่มาก เขาหันขวับไปมองพร้อมๆ กับที่สายตาของร่างนั้นส่งมาประสานเหมือนกับนัดกันไว้
“พ่อหนุ่ม เข้ามาหาลุงครู่หนึ่งก่อนสิ” ร่างของชายชราหลังค่อมร้องทัก แกอยู่ในชุดห่มขาวของพวกที่แต่งตัวไปวัดเพื่อสวดมนต์ข้ามปีในเทศกาลปีใหม่อะไรเทือกนั้น นั่งขัดสมาธิบนเสื่อผืนเล็กๆ พอดีกันกับเข่าทั้งสองข้างที่แผ่รองรับ ตรงหน้ามีไพ่ยิปซีสำรับหนึ่งกองอยู่ในบนผ้าฝ้ายดิบสีขาว เขาเคยเห็นว่ามันเป็นของพวกหมอดูที่ชอบดันทุรังเสนอหน้าไปดูดวงกำหนดชีวิตให้คนอื่น โดยไม่คิดที่จะมองเงาหัวตัวเองก่อนมาทำงานว่าจะถึงฆาตหรือชะตาขาดตอนไหน
ธีร์ภพเดินเข้าไปหาตามคำเชื้อเชิญของชายชราและตามความต้องการของเขาเองด้วย ก่อนจะทรุดลงนั่งยองๆ อยู่หน้าสำรับไพ่ แกคงต้องการให้เขาหยิบมันมาสักใบหนึ่งแล้วยื่นให้ และก็สาธยายถึงโชคชะตาราศีว่ามันถึงเคราะห์หามยามร้ายพอดิบพอดี จนสุดท้ายก็จบด้วยการควักเงินไปวางบนพานเงินเก่าคร่ำคร่าที่ตั้งวางอยู่ตรงหน้านั้น
“จะเลือกแบบไหนดีล่ะพ่อหนุ่ม” ชายชรากล่าวทักอีกรอบ คราวนี้แกมีคำถามให้เขาตอบด้วยสีหน้าอย่างผู้ชอบจับผิดในความคิดคน พลางจ้องมองหน้าธีร์ภพเหมือนจะรู้เรื่องราวอะไรบางอย่างดีนักหนา
“แบบไหน...??? คืออะไรเหรอครับลุง” ชายหนุ่มถึงคราวงุนงง แกควรถามเขาว่าจะเลือกไพ่ใบไหนมากกว่า
“ก็แบบที่นั่งเป็นคนขับรถ หรือคนนั่งข้างๆ หรือจะเป็นผู้โดยสารนั่งเบาะหลังล่ะ” คำกล่าวของผู้ที่กำลังจะกำหนดชะตาชีวิตของเขา ยิ่งทำให้ผู้ฟังคิ้วขมวดขึ้นไปอีกนิด หรืออาจจะไม่นิดแล้ว...
พลันนั้นธีร์ภพก็อ้าปากค้าง ดวงตาเหลือกโตเหมือนมันจะกระโดดออกมาจากเบ้าทั้งสองข้างโดยทันที แล้วร่วงผลุงลงสู่พานชุบสีเงินแทนค่าดูดวงเสียแล้ว ชายชราคนนี้ล่วงรู้เรื่องราวในความฝันของเขาที่เกิดขึ้นซ้ำกันถึงสามครั้งได้อย่างไรกัน...!!!
งั้นเขาขอเลือกแบบที่นั่งตรงเบาะหลังรถดีกว่า เพราะอย่างน้อยๆ ก็แค่ถูกกระจกปักคอหอยตัดหลอดลมตายคาที่ ส่วนร่างกายท่อนล่างก็ไม่ต้องไปรับแรงกระแทกจากโคนต้นไทรโดยตรงจนยู่ยับแหลกเหลวเหมือนที่นั่งตอนหน้า สภาพศพน่าจะสวยและดูดีกว่าเป็นไหนๆ เอ๊ย...ไม่ใช่ ก็แล้วทำไมเขาจะต้องเลือกล่ะ ในเมื่อมันมีทางอื่นที่ดีกว่าการตายอย่างอนาถาและทุเรศแบบนั้น
“ลุงพูดถึงเรื่องอะไรครับ ผมไม่เข้าใจ” ธีร์ภพพยายามกลบเกลื่อนอาการวิตกในโชคชะตาของตัวเอง ให้หลุดพ้นจากการเดาส่งเดชของชายชราในทันที แม้ว่าใจข้างในมันกำลังมีเสียงเต้นรัวเร็วเหมือนใครกำลังยืนตีกลองสะบัดชัยอยู่
“ลุงมองเห็นตั้งแต่ที่พ่อหนุ่มเดินออกจากรถมาโดยไม่มีเงาหัวแล้วล่ะ” คำกล่าวของหมอดูชรากลับยิ่งตอกย้ำให้ชายหนุ่มแสดงอาการกระสับกระส่าย เหงื่อกาฬแตกผลักทั่วทั้งร่าง ไม่รู้ว่าเพราะอากาศร้อนหรืออะไรกันแน่ ในที่สุดก็ปิดความพิรุธไว้ไม่ไหว
ถ้าเป็นคนอื่นที่แกทักด้วยเนื้อความแบบนี้ หมอเดา เอ๊ย...หมอดูชราคนนี้ คงถูกถีบยอดหน้าจากพื้นรองเท้าหนังหนาเตอะของผู้ชายสักคนเข้าเต็มรัก ไม่แน่...อาจถึงคราวที่แกจะต้องหงายหลังลงไปนอนชักแหง่กๆ ตาตั้งตายคาที่สังเวยอาการปากหมาแช่งคนอื่นให้ตายโหงของแกแล้วล่ะ
แต่นี่เป็นธีร์ภพ ชายหนุ่มผู้ที่ไม่รู้จะพาตัวเองเดินทางต่อไปในชีวิตมนุษย์เส้นทางไหน เพราะไม่ว่าจะเลือกทางใดเขาก็ไปไหนต่อไม่รอดอยู่แล้ว พูดง่ายๆ ก็คือดวงกุดเหมือนที่ชายชราคนนี้ทักนั่นแหละ
“แล้วมันมีทางแก้หรือเปล่าครับลุง ผมจะถึงคราวตายแบบนี้จริงๆ เหรอ” ธีร์ภพสารภาพอาการที่ปกปิดพร้อมกับนัยน์ตาเชิงอ้อนวอน อย่าบอกนะว่ามีเคราะห์หนักแต่ไม่มีทางแก้ไขสักทางเดียว
ชายชราหลับตาครุ่นคิด...หรือจะแอบงีบหลับอะไรก็แล้วแต่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมองเขาด้วยแววตาหวั่นวิตก ประมาณว่าไม่มีหนทางแก้ไขใดๆ ได้ แกส่ายหน้าเคร่งขรึมเหมือนที่พ่อเคยทำเวลาเขางอแงอยากได้รถบังคับของเล่นคันโตตอนเป็นเด็ก
“ดวงตายโหงของพ่อหนุ่มแรงมาก แม้แต่การสะเดาะเคราะห์ด้วยการเอาชีวิตบริสุทธิ์ใดๆ บนโลกมาแลกก็เอาไม่อยู่ คุณก็รู้ว่าการแก้เคล็ดด้วยการเอาชีวิตแลกชีวิตมันคือทางเลือกสุดท้ายแล้ว แต่กรณีของพ่อหนุ่ม ถ้าทำมันจะเสียเปล่า เพราะยังไงก็ถึงคราวของตัวเองในที่สุด” ชายชราในดวงหน้าที่เหมือนผ่านเรื่องเหนือธรรมชาติมามากมายยังคงจ้องมองเขาไม่วางตา
“ชีวิตบริสุทธิ์นี่คือแบบไหนเหรอครับ” ธีร์ภพกำลังหาหนทางเอาตัวรอดให้ตัวเองอย่างสุดชีวิต ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรหรือชีวิตของใครก็ตาม
“ก็ชีวิตของสิ่งมีชีวิตแรกเกิดที่ยังไม่ประสีประสา หรือยังไม่ลืมตาดูโลกไงล่ะ” คำพูดของชายชราทำให้ธีร์ภพนึกถึงการบูชายัญรูปปั้นสิ่งเคารพหรือสัตว์ประหลาดในตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา มันเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนั้นชายหนุ่มยังขนลุกไปหมดในการที่พวกเขาใช้ลูกแมวเพิ่งเกิดเป็นของบูชายัญ
(จบตอนที่ 4)