เมื่อสิ่งที่ตามองเห็นไม่เป็นอย่างที่สมองคิด ความเป็นจริงจึงอยู่เหนือการคาดเดา
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กระจกเงาห้องตรงข้าม (รวมเรื่องสั้นระทึกขวัญ...หักมุมตอนจบ)เมื่อสิ่งที่ตามองเห็นไม่เป็นอย่างที่สมองคิด ความเป็นจริงจึงอยู่เหนือการคาดเดา
รวมเรื่องสั้นระทึกขวัญ...หักมุมตอนจบหลายรูปแบบ เช่น ฆาตกรรมซ่อนเงื่อน ผีและวิญญาณ โลกต่างมิติ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หลอกหลอน...ซ่อนผวาจนขนหัวลุก
"ก็ปวดฉี่น่ะสิวะ...ถามได้ ชักโครกห้องเราก็กดไม่ลง นายก็รู้ว่าไอ้วีน่ะมันเสือผู้หญิง คาสโนว่าของมหาวิทยาลัยเลยนะโว้ย พ่อคงพามาหลายครั้งแล้วมั้ง แต่ก็ไม่มีใครเห็น ความมาแตกก็ตอนกลางดึกเมื่อคืนวานนี้แหละ แต่ฉันก็ไม่ได้บอกใครนะ นอกจากนายคนเดียว"
"หรือว่ามันอยากจะบอกให้นายรู้ว่า อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร เลยทำหน้าตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์อย่างนั้นน่ะ คงกลัวจะถูกทำทัณฑ์บนน่ะสิฉันว่า" นเรศออกความเห็นบ้าง ซึ่งผมก็เห็นคล้อยตามว่าพอจะมีส่วนอยู่บ้าง แต่ที่มากกว่านั้น มันผิดสังเกตยังไงชอบกลอยู่ แววตาของวีระมันเปลี่ยนไปจากที่ผมเคยสบตากับเขา เหมือนมีบางอย่างซ่อนอยู่ในดวงตากลมโตคู่นั้น
"เออไอ้พี...วันนี้ฉันก็ไม่เห็นไอ้วีระมันเข้าเรียนสักวิชาเลยนี่หว่า นายเห็นไหมวะ" นเรศตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติม
"ไม่เห็นเหมือนกันว่ะ ตอนพักเที่ยงก็มีน้องๆ ปีหนึ่งเข้ามาถามฉัน ฉันก็ได้แต่ตอบว่าไม่รู้ หรือว่ามันจะยังไม่ออกจากห้องเลยตั้งแต่เช้า เพราะที่สายยูก็ไม่มีกุญแจล็อกไว้ รองเท้าของมันก็ยังอยู่ที่หน้าห้อง" ผมตั้งข้อสันนิษฐานบ้าง
"นายกำลังจะบอกว่าตอนนี้มันยังอยู่ในห้องกับผู้หญิงคนนั้นเหรอวะ" น้ำเสียงของนเรศเริ่มออกอาการตื่นเต้น
"ผู้หญิงน่าจะไม่อยู่แล้ว เพราะไม่เห็นมีรองเท้าของนางอยู่นอกประตูห้องเลย หรือว่ามันแอบเก็บเข้าห้องไปแล้วก็ไม่รู้ แต่ไอ้วีระต้องอยู่ในนั้นแน่ๆ" ผมหยุดหายใจนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ "ตอนที่ฉันเดินผ่านห้องไอ้วีระ จู่ๆ มันก็เปิดประตูโผล่พรวดออกมา แล้วพยายามจะบอกอะไรกับฉัน แต่ผู้หญิงคนนั้นก็รีบออกจากห้องมาคว้าตัวมันกลับเข้าไปเหมือนเดิม ฉันว่ามันคงจะเมาหนักเอาเรื่องอยู่ ก็เลยเดินผ่านไปเข้าห้องน้ำชั้นล่าง กลับมาอีกทีไฟในห้องของมันก็ปิดไปแล้ว" ผมพูดเสร็จแล้วหันหลังกลับให้มันตามเดิม
"เราอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ เมื่อคืนไอ้นั่นมันอาจจะเอาหนักไปหน่อย ตอนเช้าเลยลุกไม่ขึ้น เดี๋ยวพอมันฟื้นก็ลุกขึ้นออกมาข้างนอกเองแหละ" ในที่สุดนเรศก็พูดเข้าอีหรอบเดิม ไม่พ้นจบลงที่เรื่องลามกจกเปรตจนได้
"เอาอีกแล้วนะไอ้เรศ หรือถ้าไม่อย่างนั้น มันก็อาจจะออกจากห้องมาแล้ว ไปกินข้าว ไปเที่ยวข้างนอก หรือออกไปหาสาวอกบึ้มรายใหม่มาอีกก็ได้ แล้วพ่อก็กลับเข้าห้องตอนนายกับฉันไปเรียน ฉันคิดมากไปเองแหละ" ผมจบเรื่องเอาดื้อๆ ทั้งที่จริงๆ แล้วมันยังคงค้างคาอยู่ในหัวสมองต่อไป
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง... ผมเหลือบไปมองนาฬิกาที่ข้างฝาห้อง มันบอกเวลาตีสองตรงเผง ผมเอ่ยถามว่าใคร
"ฉันเอง...วีระ" คำตอบที่ได้รับทำเอาผมรู้สึกแปลกใจ เพราะเขาไม่เคยสุงสิงกับผมหรือนเรศเลย จู่ๆ ก็มาเคาะประตูห้องเฉย แถมเป็นตอนกลางดึกเสียด้วย แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกโล่งอกที่วีระออกมาจากห้องแล้ว นึกว่าจะนอนตายเป็นผักเหี่ยวๆ จากการโหมงานหนักกับแม่สาวเซ็กซี่นั่นเสียแล้ว ผมลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดไฟ แล้วเดินไปเปิดประตูห้อง
"ขอโทษด้วยที่มาเคาะประตูกลางดึก ขอยืมเทียนไขหน่อยสิ หลอดไฟในห้องฉันมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ เกิดดับเอาเสียดื้อๆ อย่างงั้นแหละ สงสัยหลอดจะขาดแล้วล่ะ" วีระบอกความประสงค์ เขามองผมเหมือนกำลังชั่งใจว่าผมจะให้ตามที่ขอหรือเปล่า
แล้วเขาก็ยิ้มออกมา เมื่อผมตอบกลับไปว่าจะเข้าไปเอามาให้ เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงรอยยิ้มกับผม ตั้งแต่ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยนี้มาได้สามปีแล้ว ผมเองต่างหากที่เป็นฝ่ายยิ้มให้เขาก่อนเสมอ แต่เขาไม่เคยยิ้มตอบรับไมตรีผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนผมคิดว่าเขาไม่ค่อยชอบหน้าผมเท่าไหร่
ส่วนหนึ่งคือผมอาจจะเป็นผู้ชายหน้าตาดีเหมือนกับเขา มีผู้หญิงคอยมาตามจีบไม่ว่างเว้น เขาคงกลัวว่าผมจะเป็นคู่แข่งก็ได้ ถึงทำตัวขวางโลกและพาลไม่ชอบขี้หน้าอย่างนี้ ผมเดินไปหยิบเทียนไขเล่มใหญ่ที่ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งออกมาสามเล่มยื่นให้เขา
"ขอบใจนะเพื่อน" พูดจบก็หันหลังกลับ ผมปิดประตูและกำลังจะเดินไปปิดสวิตช์ไฟที่ผนังห้อง เสียงเคาะประตูเจ้ากรรมก็ดังขึ้นอีกเป็นครั้งที่สาม
(จบตอนที่ 2)