เมื่อสิ่งที่ตามองเห็นไม่เป็นอย่างที่สมองคิด ความเป็นจริงจึงอยู่เหนือการคาดเดา
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กระจกเงาห้องตรงข้าม (รวมเรื่องสั้นระทึกขวัญ...หักมุมตอนจบ)เมื่อสิ่งที่ตามองเห็นไม่เป็นอย่างที่สมองคิด ความเป็นจริงจึงอยู่เหนือการคาดเดา
รวมเรื่องสั้นระทึกขวัญ...หักมุมตอนจบหลายรูปแบบ เช่น ฆาตกรรมซ่อนเงื่อน ผีและวิญญาณ โลกต่างมิติ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หลอกหลอน...ซ่อนผวาจนขนหัวลุก
สายฝนยังคงโหมกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย สายลมพัดกระโชกปะปนกันกับห่าฝนดังอื้ออึงโหยหวน ราวกับเสียงของพญามัจจุราชที่ร้องเรียกหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ทุกสรรพสิ่งรอบกายถูกบดบังด้วยม่านฝนขุ่นมัว เหมือนยืนอยู่ท่ามกลางดินแดนลึกลับตามลำพัง
ผมนั่งกอดอกสั่นสะท้านอยู่กับม้านั่งในศาลาริมทาง เพื่อรอรถโดยสารประจำทางมาจอดรับไปเสียที หลังจากหลบฝนกอดความหนาวเหน็บอยู่ที่นี่มาเกือบชั่วโมงแล้ว
นี่ถ้าไม่ใช่งานแต่งงานของเพื่อนแล้วล่ะก็ ผมไม่ทนหอบสังขารฝ่าพายุฝนไปกลับอย่างนี้หรอก พอเสร็จงานลุงของเพื่อนก็ดันมาทักว่ามีเคราะห์ รอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนค่อยกลับ แต่ผมไม่สนใจหรอก จะเคราะห์ร้ายหรือบุญพาวาสนาส่งอะไรก็ช่างเถอะ ถ้าถึงที่ตายมันก็ตายเอง จะไปกังวลอะไรกับเหตุการณ์ในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
ตอนเช้าที่ผมออกจากบ้านมา จิ้งจกร้องทักตั้งสามหนผมก็ยังไม่ฟังมันเลย กลับเอาไม้กวาดฟาดร่วงผล็อยหงายท้องแอ้งแม้งอยู่กับพื้น ถึงแก่กรรมไปเลยอย่างไม่ต้องสงสัย สมน้ำหน้า! มาร้องทักสาปแช่งคนอื่นอยู่ได้ ไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าดวงจะถึงฆาตเมื่อส่งเสียงร้องจ๊อกแจ๊กน่ารำคาญ
นั่งไปได้อีกสักพักผมก็รู้สึกง่วงขึ้นมาตะหงิดๆ เลยเอนหลังพิงเสาศาลากะว่าจะงีบสักหน่อย
หลับตาไปไม่รู้นานเท่าไหร่ก็ต้องตกใจตื่น เมื่อเสียงแตรรถดังฝ่าสายฝนผ่านหน้าไป ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง มันจะบีบแตรหานรกอเวจีอะไรของมันวะ คนกำลังมีความสุขอยู่ดีๆ ดันมาปลุกเสียได้ รถเมล์คันหนึ่งแล่นผ่านม่านฝนขมุกขมัวมาแต่ไกล ผมรีบวิ่งออกจากศาลาโบกมือให้จอด โชเฟอร์เหยียบเบรกกะทันหันดังเอี๊ยดใหญ่ ผู้โดยสารต่างสามัคคีกันเอาศีรษะพุ่งชนกับเบาะข้างหน้าอย่างจัง
เสียงด่าทอเอ็ดตะโรดังเซ็งแซ่ รวมถึงเสียงของกระเป๋าหนุ่มคนนั้น
"อะไรกันพี่! เบรกมันให้นิ่มๆ หน่อยสิ ยิ่งฝนตกหนักแบบนี้เกิดไถลตกข้างทาง เดี๋ยวก็หาวิญญาณไม่พบหรอก"
"อะไรของเอ็งวะหาวิญญาณไม่พบ.. ไม่พบน่ะดีแล้ว เกิดเห็นจะๆ หัวโกร๋นกันพอดี" โชเฟอร์วัยฉกรรจ์ทำท่าทางมึนๆ เกาศีรษะแกรกๆ
"ก็เหลือแต่ศพไงพี่... ยิ่งกว่าหัวโกร๋นอีก" กระเป๋าหนุ่มตอบแกมหยอก ทำเอาผู้โดยสารจ้องมองตาถมึงทึง พอรู้ตัวจึงรีบตบปากตัวเองเสียฉาดใหญ่
"เอ๊ะ ! ไอ้นี่ปากหมา เดี๋ยวกูให้กินขี้แทนข้าวซะหรอก" โชเฟอร์หันมาเอ็ดบ้าง
ผมเลือกนั่งเบาะที่ไม่มีคนนั่งข้างๆ ขี้เกียจเอาบ่าแทนหมอนให้พวกชอบหลับในรถหนุน ถ้าเป็นสาวๆ ก็ว่าไปอย่าง จะให้ซบไม่ยอมปลุกเลย แต่กับพวกผู้ชายนี่สิ อยากจะถีบมันตกเบาะไปเลย ยิ่งนอนไม่นอนเปล่า กรนครอกๆ น้ำลายไหลยืดยิ่งแล้วใหญ่ ไม่กระทืบให้ก็บุญแล้ว
วันนี้ผู้โดยสารดูจะน้อยไปหน่อย อาจเป็นเพราะฝนตกหนักก็ได้ แต่ถึงฝนจะไม่ตกก็ดูเยอะกว่านี้ไม่เท่าไหร่ จะมากเป็นพิเศษหน่อยก็ที่ตรงกับวันเสาร์อาทิตย์ โดยเฉพาะพวกเด็กวัยรุ่นที่จ้อกันไม่หยุด ไม่เหมือนในกรุงเทพฯ กี่งานๆ ก็โหนกันเป็นระนาว
"หน้าพี่ดูคล้ำๆนะครับ เหมือนคนมีเคราะห์ หรือว่าไปตากแดดที่ไหนมา" กระเป๋าหนุ่มพูดขึ้นเมื่อเดินมาหยุดเก็บค่าโดยสาร ดูปากมัน วอนเสียแล้ว แล้วที่ว่าไปตากแดดมาน่ะ มีแดดที่ไหนให้ตาก ฝนตกติดต่อกันมาตั้ง 5-6 วันแล้ว ยิ่งวันนี้ทั้งตกหนักและลมแรง อยากจะตะบันหน้ามันสักฉาดสองฉาด ให้รู้ว่าไอ้คนที่มีเคราะห์คือมันต่างหาก แต่ก็อดใจไว้ เดี๋ยวโชเฟอร์จะขับรถไม่อยู่กับร่องกับรอย เกิดหาวิญญาณไม่พบอย่างมันว่าจะยุ่งอีก
โชเฟอร์ยังนั่งซึมกะทืออยู่ เอาฝ่ามือตบศีรษะเบาๆ แล้วลูบใบหน้า ขยี้ตาและสะบัดหน้าซ้ายขวาเหมือนกำลังขับไล่ความง่วงออกไป แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะเห็นหยิบเม็ดยาอะไรสักอย่างโยนเข้าปากไป ก็รัฐบาลไม่ออกนโยบาย 'ง่วงไม่ขับ' นี่ ประชาชนก็เลยออกนโยบาย 'ง่วงแล้วกิน' (ยาบ้า) มาใช้บังคับกันเอง และรู้สึกว่าจะได้ผลกว่านโยบาย 'เมาไม่ขับ' ซะอีก เพราะนั่นกี่รายๆ ก็ 'เมาแล้วขับ' กันทั้งนั้น
"พี่ๆ ออกรถซะทีสิ ผู้โดยสารของผมก้นออกรากจนลามไปเกาะบนถนนแล้วนะ ดูรูปเมียอยู่รึไง" กระเป๋าหนุ่มตะโกนบอกโชเฟอร์พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เมื่อเห็นลูกพี่ควักรูปถ่ายจากกระเป๋าเสื้อออกมาดูเป็นนานสองนาน
(จบตอนที่ 1)