เมื่อสิ่งที่ตามองเห็นไม่เป็นอย่างที่สมองคิด ความเป็นจริงจึงอยู่เหนือการคาดเดา
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กระจกเงาห้องตรงข้าม (รวมเรื่องสั้นระทึกขวัญ...หักมุมตอนจบ)เมื่อสิ่งที่ตามองเห็นไม่เป็นอย่างที่สมองคิด ความเป็นจริงจึงอยู่เหนือการคาดเดา
รวมเรื่องสั้นระทึกขวัญ...หักมุมตอนจบหลายรูปแบบ เช่น ฆาตกรรมซ่อนเงื่อน ผีและวิญญาณ โลกต่างมิติ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หลอกหลอน...ซ่อนผวาจนขนหัวลุก
ท้องฟ้ายังมืดมิด ไร้แสงดาวแม้เพียงดวงเดียว มีแต่เสียงลมพัดซู่ซ่าเป็นระลอกๆ เหมือนกำลังหยอกล้อกับความมืดยามดึกสงัด เพิ่มบรรยากาศอันหนาวเหน็บของค่ำคืนหนึ่งกลางฤดูหนาว
วศินกำลังเพ่งมองไปบนถนนสีดำสนิท ที่มีเพียงดวงไฟหน้ารถสาดส่องนำทางไปเบื้องหน้าอย่างเงียบสงบ สองมือจับพวงมาลัยรถอย่างมั่นคง แต่คงไม่มีใครมองเห็นดวงหน้าของเขาในเวลานี้ แม้แต่วิสิทธิ์เพื่อนร่วมทางที่นั่งกอดอกทอดสายตามองตรงไปบนถนนข้างหน้าราวกับอยู่ในโลกส่วนตัวของแต่ละคน
“นายกำลังคิดอะไรอยู่วะ เห็นเงียบๆ ไป” จู่ๆ วิสิทธิ์ก็โพล่งขึ้นมาท่ามกลางความมืด ทำเอาคนขับรถสะดุ้งโหยงเหมือนถูกผีหลอก
“ทำไมนายต้องตกใจขนาดนั้นด้วยวะเพื่อน ฉันไม่ใช่ผีนะโว้ย ดูทำท่าเข้า” เพื่อนร่วมทางยังคงเป็นคนพูด
วศินถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนในความมืด
“ก็นายนั่นแหละไอ้สิทธิ์ไม่ชวนฉันคุย อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมา เป็นใครก็ต้องสะดุ้งป่าววะ”
วิสิทธิ์ยักไหล่พลางยกมือทั้งสองข้างขึ้น…เป็นเชิงว่าไม่รู้ไม่ชี้โว้ย
“ไอ้บ้า…นายนั่นแหละที่เงียบไป ปล่อยให้ฉันพูดอยู่คนเดียว เดี๋ยวตบกะโหลกไอ้นี่” พูดพลางเอี้ยวตัวยกมือขึ้นจะเข้าไปตบศีรษะคนขับ วศินเอนตัวหลบจนรถเซ
“ขอโทษว่ะ ก็ฉันกำลังคิดอะไรอยู่อย่างที่นายว่านั่นแหละ” วศินเอ่ยตอบ ก่อนจะละมือซ้ายจากพวงมาลัยไปจับต้นแขนเพื่อนเป็นเชิงว่าสำนึกแล้ว
“ฉันกับนายคบกันมานานเท่าไหร่แล้ววะ” วศินถามเพื่อน เหมือนกำลังพาย้อนกลับไปสู่อดีต
วิสิทธิ์เอื้อมมือซ้ายไปโอบมือเพื่อนที่ไหล่ขวาของเขา และกำลังจะเอ่ยปากตอบคำถาม แต่วศินก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“ฉันไว้ใจนายได้แค่ไหนวะ…”
“เฮ้ย! ทำไมนายถามอะไรอย่างนี้วะ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม จนถึงตอนนี้ก็ยังมาทำงานที่เดียวกันอีก กินนอน ค้างคืนด้วยกันตลอด จนใครๆ คิดว่าเราเป็นผัวเมียกันไปแล้วมั้ง แล้วนายคิดว่านายไว้ใจฉันได้ขนาดไหนวะ” น้ำเสียงตัดพ้อพร้อมกับผลักมืออีกฝ่ายออกจากไหล่ของเขา ทำให้วศินรู้ว่าเพื่อนไม่พอใจที่เขาถามอย่างนั้น แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็หาได้จบเรื่องไว้แค่นั้นไม่
“ฉันหมายถึงเรื่องอื่น…” น้ำเสียงเคร่งเครียด ทำให้วิสิทธิ์กลืนน้ำลายดังเอื้อกในความมืด
วิสิทธิ์มองตรงไปข้างหน้า เขาไม่กล้าหันไปเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิท แต่กลับเป็นฝ่ายวศินที่หันมามอง
“ทำไมนายไม่ตอบฉัน…วิสิทธิ์ เงียบทำไม”
“แล้วนายหมายถึงเรื่องอะไรล่ะ” วิสิทธิ์พยายามปรับน้ำเสียงให้ดูราบเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยังคงทำเป็นเหมือนไม่รู้ความหมาย
พลันนั้นวศินก็เอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อวิสิทธิ์ แล้วตะคอกใส่หน้าอย่างเหลืออด เสียงเบรกเอี๊ยดใหญ่ดังสนั่นท่ามกลางความมืดมิด
“แกก็รู้อยู่แก่ใจไอ้เพื่อนทรยศ!!!” ว่าพลางเงื้อหมัดจะต่อย
“เฮ้ย! นี่มันเรื่องอะไรวะ อย่านะโว้ย ฉันสู้นะ ไอ้บ้า แกมันบ้าไปแล้ว” ปากพูดอย่างนั้น แต่กลับยกมือไหว้เหนือศีรษะเหมือนคนจนตรอก
ทันใดนั้นวศินก็หัวเราะขึ้นมาอย่างชอบอกชอบใจ
“เฮ้ย! ฉันล้อเล่น ไม่นึกเลยว่านายจะปอดแหกได้ถึงขนาดนี้” พูดจบก็ยกมือขึ้นตบศีรษะเพื่อนสนิทเสียฉาดใหญ่ วิสิทธิ์ยิ้มแหยใส่เป็นเชิงว่า …ไม่ตลกนะโว้ย!...
“เอาน่า อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันแค่อยากรู้ว่านายมีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่าเท่านั้นเอง ทีนี้รู้แล้วล่ะว่านายเป็นเพื่อนที่จริงใจของฉันที่สุดละ ขอโทษนะโว้ยเพื่อน” วศินแทบจะก้มกราบเพื่อนรักเป็นการขอโทษคาพวงมาลัยรถอยู่แล้ว แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ามันต้องเป็นคนกราบเขาสิ เพราะเขาเป็นเจ้าของรถที่ขับพามันทำมาหากินโดยที่ตัวเองนั่งสบายใจเฉิบ แต่คิดอีกทีมันก็ไม่ได้ทำผิดอะไร อย่างเช่นขับรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชนรถคนอื่นแล้วขับหนีไปหน้าตาเฉย ที่จะต้องขอให้มันมากราบแทบล้อรถของเขาให้ได้
แต่อาจจะให้ทำยิ่งกว่านั้น... ถ้าวศินรู้ว่าสิ่งที่เขาสงสัยอยู่มันเป็นความจริง และนั่นไม่ใช่จะลากคอเสื้อมาให้แค่กราบอยู่แทบเท้า แต่มันต้องชดใช้ด้วยชีวิต!!!
เขาอาจจะต้องหาวิธีอื่นที่จะให้ไอ้เพื่อนคนนี้ยอมรับในสิ่งที่มันทำออกมาให้ได้…
(จบตอนที่ 1)