เมื่อสิ่งที่ตามองเห็นไม่เป็นอย่างที่สมองคิด ความเป็นจริงจึงอยู่เหนือการคาดเดา
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กระจกเงาห้องตรงข้าม (รวมเรื่องสั้นระทึกขวัญ...หักมุมตอนจบ)เมื่อสิ่งที่ตามองเห็นไม่เป็นอย่างที่สมองคิด ความเป็นจริงจึงอยู่เหนือการคาดเดา
รวมเรื่องสั้นระทึกขวัญ...หักมุมตอนจบหลายรูปแบบ เช่น ฆาตกรรมซ่อนเงื่อน ผีและวิญญาณ โลกต่างมิติ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หลอกหลอน...ซ่อนผวาจนขนหัวลุก
"อ๋อ...ผมอยู่มาปีกว่าเองครับ เห็นมันเงียบๆ ดี ก็เลยกะว่าจะอยู่ไปเรื่อยๆ ก่อน ผมอยู่ที่นี่นานกว่าที่อื่นนะเนี่ย ปกติที่อื่นหกเดือนก็เหลือเฟือแล้ว" พูดจบก็อ้าปากหาวหวอดๆ จนแทบจะเห็นลิ้นไก่อยู่ร่อมร่อ
"ไม่ต้องสงสัยหรอกนะ คืองานของผมมันต้องเปลี่ยนที่อยู่บ่อยๆ จะได้ไม่ซ้ำซากจำเจ และมันก็ท้าทายดีด้วย ผมชอบตรงที่ไม่ต้องทำงานแบบว่า… เริ่มงานแปดโมงเช้าและกลับห้าโมงเย็นน่ะ แต่ที่ผมทำนี้เราเลือกได้ว่าจะทำมันเมื่อไหร่ก็ได้" เขาบอกให้ฟัง เหมือนจะหาคนไปร่วมสมาคมพวกแชร์ลูกโซ่ หรือธุรกิจเครือข่ายอะไรทำนองนั้น
เขตต์กิจแทบอยากจะกระโดดผลุบหายเข้าไปในอีกมิติหนึ่งเลยทีเดียว แล้วก็ขังตัวเองอยู่ในนั้นจนชั่วกัลปาวสานเหมือนในละครทวิภพ ดูสิว่ามันจะตามหาตัวเขาเจอหรือเปล่า ชายหนุ่มเกลียดพวกที่มาชวนให้ไปทำกิจกรรมเหล่านี้เป็นที่สุด
"ก็ดีนะครับผมว่า เราเป็นอิสระด้วย เลือกเวลาทำงานได้โดยไม่ต้องกลัวว่านายจ้างจะจ้องจับผิดอยู่ตลอดเวลา" เขตต์กิจพยายามเออออห่อหมกเพื่อให้มันจบๆ ไป แล้วเขาก็จะได้หายตัวเข้าไปในห้องให้เร็วที่สุด แต่นั่นยิ่งทำให้ไอ้หมอนั่นรุกหนักไปอีกขั้น
"ว่าแต่คุณทำงานอะไรเหรอครับ ถ้ายังไม่มีงานทำ หรือว่าเบื่องานประจำที่ทำอยู่ก็บอกผมได้นะ หน่วยก้านอย่างคุณเนี่ยผมว่าพอร์เฟกต์เลยทีเดียว แค่เดินผ่านขี้คร้านลูกค้าจะวิ่งเข้าหาจนคุณทำอะไรไม่ถูก" เขายังคงบรรยายสรรพคุณงานบ้าบออะไรของเขาอยู่ไม่จบสิ้น มีด้วยเหรอวะ งานที่ลูกค้าวิ่งเข้ามาหาพนักงาน เขารู้แต่ว่าเคยทำงานแบบที่ต้องหอบสังขารปั้นหน้าหลอกๆ ออกไปหาลูกค้างี่เง่าหลายต่อหลายคน ถูกด่าถูกว่ามาแค่ไหนก็ต้องทนให้ได้ เพราะพวกเขาเปรียบเสมือนพระเจ้า ทั้งที่ใจจริงอยากจะยกหมัดขึ้นซัดปากให้ชักแหงกๆ น้ำลายฟูมปากคาที่อยู่ตรงนั้น
"ผมเพิ่งออกจากงานเดิมมาครับ แต่ตอนนี้ขอพักสมองสักเดือนสองเดือนก่อน แล้วค่อยหางานทำใหม่ ไว้ถ้าสนใจผมจะบอกนะครับ ขอบคุณมากเลยที่ช่วยเหลือ" ว่าจบก็รีบขอตัวเข้าห้องโดยฉับพลัน เพราะถ้าขืนคุยต่อไป พรุ่งนี้เขาอาจจะต้องได้ไปนั่งฟังวิทยากรสาธยายความร่ำรวยของตัวเอง...ที่โรงแรมหรูที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้
ตั้งแต่วันนั้นมา เขตต์กิจก็ได้เผชิญหน้ากับผู้หญิงมากหน้าหลายตา ที่แวะเวียนเข้ามาหาพลกฤตไม่ได้ขาด แถมแต่ละคนก็หน้าตาดีกันทั้งนั้น และก็แทบจะทุกคน ที่เดินสวนกับเขตต์กิจแล้วปรายตามองมาเหมือนจะกินเขาทั้งตัวเสียให้ได้ บ่อยเหมือนกันที่เดินตามเขามาถึงประตูห้อง แล้วทักว่าเขาชื่อพลฤตหรือเปล่า พอตอบว่าไม่ใช่ เพราะคนที่พวกเธอต้องการมาหาอยู่ห้องตรงข้ามต่างหาก พวกเธอก็ทำหน้าทำตาเหมือนเสียดาย ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องพลกฤต ซึ่งตอนนั้นเขาก็ยังไม่รู้ว่าผู้หญิงเหล่านั้นมาทำไม
จนเมื่อเขาได้สวมรอยเป็นไอ้หมอนั่นอย่างไม่ได้ตั้งใจ และเคลิบเคลิ้มไปบนเรือนร่างของผู้หญิงคนนั้น...
เขตต์กิจยังคงแอบมองพลกฤต ที่ผลุบหายเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นเหมือนกับว่าเขาได้นอนหลับสนิทเป็นตายบนเตียงเน่าๆ เตียงนั้นไปแล้ว ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย…ว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นตอนที่ตัวเองไม่อยู่ห้อง ตั้งแต่วันแรกที่ออกไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัด หรืออย่างน้อยก็น่าจะได้กลิ่นแปลกๆ ให้เตะจมูกเล่นอยู่ไม่น้อย แต่ก็ลืมไปว่าในห้องนั้นน่ะเหม็นอับยิ่งกว่าอะไรดี หากมีกลิ่นแปลกปลอมเพิ่มเข้ามา เจ้าของห้องคงไม่รู้สึกผิดสังเกตหรอกมั้ง ก็เหม็นสาบทั้งห้องออกขนาดนั้น รถเก็บขยะทั้งคันยังต้องยอมแพ้
เขตต์กิจล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยความอ่อนเพลีย นี่แค่ยกเดียวเองยังฟ้าเหลืองขนาดนี้ แล้วไอ้เพื่อนห้องตรงข้ามมันทำได้ยังไงวะ วันหนึ่งตั้งหลายยก นับถือมันเลยแหละ
............................................................................................
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นหลายครั้งจนเขตต์กิจสะดุ้งตื่น แหงนมองดูนาฬิกาที่ข้างฝา เที่ยงวันกว่าแล้ว...
ชายหนุ่มลุกไปเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างข้างประตูห้อง นี่ไอ้พลกฤตมันคงช็อกตายคาห้องเน่าๆ ของมันแล้วมั้ง ถึงไม่ฝืนสังขารลุกขึ้นมาดูตะวันเสียบ้าง
แล้วนี่ใครมาเคาะประตูอีกล่ะ สงสัยลูกค้าทั้งหลายจะรู้ว่ามันกลับมาถึงหอพักแล้ว และก็คงทยอยเดินทางมาใช้บริการคิวยาวเหยียดล่ะทีนี้... แต่ผิดคาด นั่นกลับเป็นเสียงเคาะประตูห้องของเขาเอง
"น้องพอจะทราบมั้ยคะว่าเจ้าของห้องนี้เขาหายไปไหน พอดีพี่กับแฟนไม่เห็นหลายวันแล้ว ปกติถ้าอยู่เขาจะออกมาสูบบุหรี่ตรงระเบียงดาดฟ้าอยู่บ่อยๆ" หญิงสาวห้องถัดไปเอ่ยปากทันทีเมื่อเขตต์กิจเปิดประตูห้อง เธอมาพร้อมกับแฟนหนุ่ม
"ใช่ครับ พี่ยังเคยไปยืนสูบบุหรี่กับเขาบ่อยๆ ตอนที่ยังไม่รู้ว่าเขาทำงานอะไร แต่หลังจากที่รู้พี่ก็ไม่ได้คุยกับเขาอีกเลย" ฝ่ายชายเสริม
"ก็นั่นสิครับ แต่ผมได้ยินเขาคุยโทรศัพท์นะครับว่าจะเดินทางกลับบ้านสามวัน และนี่ก็ครบกำหนดแล้วนะครับ ผมก็ยังไม่เห็นกลับมาเลย เขาอาจจะไปทำธุระที่อื่นต่อก็ได้" เขตต์กิจเล่าให้สองสามีภรรยาฟัง แต่ไม่ได้บอกว่าเขาเห็นมันกลับมาเมื่อคืนนี้เอง และตอนนี้ก็คงจะนอนเป็นผักเหี่ยวๆ อยู่ในห้องเหม็นอับของมันนั่นแหละ
"งั้นก็คงจะเป็นตามที่น้องว่าแหละค่ะ แต่ที่ต้องถามก็เพราะว่าพี่ได้กลิ่นแปลกๆ ที่เหมือนจะโชยออกมาจากห้องของเขา เนี่ยยิ่งยืนใกล้ๆ กลิ่นก็ยิ่งแรง เราเรียกให้เจ้าของหอพักมาเปิดเข้าไปดูดีมั้ยคะ เผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้แจ้งตำรวจ" ฝ่ายหญิงยังคงไม่คลายสงสัย พูดจบก็ยกมือขึ้นปิดจมูก
"ก็ดีนะครับผมว่า… แต่เราลองตะโกนเรียกก่อนดีมั้ย เผื่อเขากลับมาแล้ว เผลอๆ ก็อาจจะกำลังนอนหลับอยู่" เขตต์กิจพยายามเออออตามสองสามีภรรยา นาทีนี้ต้องทำตัวเป็นพลเมืองดีให้ใครต่อใครได้เห็น ยิ่งสวมหน้ากากไว้หลายๆ ใบยิ่งดี ใครจะรู้ล่ะว่าเขานี่แหละเคยเข้าไปทำอะไรๆ ในห้องของพ่อหนุ่มล่ากามคนนี้มาแล้ว และไม่มีทางที่ใครจะได้รู้เป็นอันขาดว่าเขาเข้าไปทำอะไร...
"แต่พี่ว่าคงไม่มีใครอยู่ในห้องหรอก ดูสิ....หน้าห้องก็ไม่มีรองเท้าเลยสักคู่ ที่ผ่านมาพี่ไม่เคยเห็นเขาสวมรองเท้าเข้าไปในห้องเลย ถอดไว้นอกห้องตลอด" พี่ผู้ชายสันนิษฐานบ้าง ซึ่งก็น่าจะจริงตามนั้น เ ขาอาจจะออกไปทำธุระข้างนอกก็ได้
เขตต์กิจหันหลังกลับเข้าห้องเดินไปที่หัวเตียงนอน คว้านามบัตรที่เขาดึงออกมาตรงเสาไฟหน้าปากซอย แล้วทำหล่นจนถูกลมพัดเข้าไปในห้องของพลกฤต จนต้องเปิดประตูหาจนเจอ แล้วก็ได้มีอะไรกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามาในห้องโดยบังเอิญ ชายหนุ่มยื่นนามบัตรให้ดูรายละเอียดชวนเชื่อ ที่ใครอ่านแล้วก็ต้องหูผึ่งในรายได้ต่อเดือน แต่ก็ต้องกลับมาคิดอีกรอบว่า เฮ้ย! มันไม่ใช่ละ ถ้าจะได้เงินมากมายขนาดนี้ คนเขาไม่ร่ำรวยกันไปหมดแล้วเหรอวะ
"พี่สองคนเคยเห็นนามบัตรแบบใบนี้บ้างมั้ยครับ มันเป็นนามบัตรของตัวแทนขายอะไรสักอย่างที่แหละ เหมือนพวกเชิญชวนให้ไปทำธุรกิจลูกโซ่ หรือขยายตลาดธุรกิจเครือข่าย แต่ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง พอดีชื่อคนที่ให้ติดต่อในนามบัตรเป็นชื่อเดียวกันกับเจ้าของห้องนี้ครับ เขาชื่อพลกฤต และผมคิดว่าเขาคือคนๆ เดียวกัน ให้ผมลองโทรหาเขาดูมั้ยครับ เผื่อจะได้รู้เรื่องอะไรมากขึ้น" เขตต์กิจยังคงทำตัวเป็นพลเมืองดี พยายามกลบเกลื่อนความผิดของตัวเองที่เข้าไปทำอะไรในห้องของคนอื่น และเขามั่นใจว่าไม่มีใครรู้แน่นอน
"เดี๋ยวนะ ประตูมันไม่ได้ล็อกด้วยอ่ะน้อง" พี่ผู้หญิงเผลอเอามือไปจับที่ลูกบิดประตูก่อนที่มันจะเปิดผางเข้าไปด้านใน
กลิ่นเหม็นเน่าลอยเข้าปะทะจมูกของคนทั้งสามอย่างจัง ทุกคนต่างสามัคคีกันยกมือขึ้นปิดจมูกเป็นพัลวัน มันไม่ใช่กลิ่นเหม็นอับของห้องธรรมดาๆ ทั่วไป!!!
(จบตอนที่ 2)