เมื่อชายหนุ่มได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ โดยเขาตายเพราะช่วยคุณยายข้ามถนนแล้วถูกรถชน เขาจะใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ต่อไปอย่างไร!

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! - บทที่ 8 การประลอง? โดย MIN-G @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ไซไฟ,แอคชั่น,นิยายแฟนตาซี,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ไซไฟ,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายแฟนตาซี,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก

รายละเอียด

เมื่อชายหนุ่มได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ โดยเขาตายเพราะช่วยคุณยายข้ามถนนแล้วถูกรถชน เขาจะใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ต่อไปอย่างไร!

ผู้แต่ง

MIN-G

เรื่องย่อ

เมื่อชายหนุ่มได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ โดยเขาตายเพราะช่วยคุณยายข้ามถนนแล้วถูกรถชน เขาจะใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ต่อไปอย่างไร!


จะเป็นอย่างไร... เมื่อความตายนั้นยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต?

ชายวัย 31 ปีที่ทำแต่ความดีมาโดยตลอดเพราะเชื่อในเรื่องของสวรรค์และนรก แต่กลับต้องมาจบชีวิตลงเพราะการทำความดี ซึ่งดวงวิญญาณของเขากลับไม่ไปบนสวรรค์ดั่งหวัง แต่ได้ไปเกิดใหม่ยังโลกแห่งเวทมนตร์และพลังเหนือธรรมชาติในชื่อ “คาอิดะ อาคุมุ” ลูกคนสุดท้ายของตระกูลคาอิดะ เขาจะทำอย่างไรเมื่อได้มาเกิดใหม่อีกครั้งในโลกใหม่และชีวิตใหม่!!

“ถ้าเป็นคนดีแล้วไม่ได้ไปสวรรค์…” 

“...แสดงว่าสวรรค์ไม่มีอยู่จริง”

“แล้วฉันจะทำความดีทำไมกันเล่า!!!” 



---------------------------------------------------

หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง มิได้เจตนาพาดพิงถึงผู้ใดและไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่

หมายเหตุ 2 : ชื่อสิ่งต่าง ๆ ในนิยายเรื่องนี้เช่น สถานที่ เป็นชื่อที่เกิดจากจินตนาการของผู้แต่ง ไม่ได้มีจริงแต่อย่างใด

หมายเหตุ 3 : เครื่องหมายคำพูด (“ ”) คือการพูดปกติ 
เครื่องหมายคำพูด (‘ ’) คือการคิดในใจ

----------------------------------------------


ระดับของนักเวท
นักเวทระดับ 1
นักเวทระดับ 2
นักเวทระดับ 3
จอมเวทระดับ 1
จอมเวทระดับ 2
จอมเวทระดับ 3
ราชันจอมเวทระดับ 1 ดาว
ราชันจอมเวทระดับ 2 ดาว
ราชันจอมเวทระดับ 3 ดาว


ระดับของปีศาจเวทมนตร์
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 4
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 5
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 6
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1 ดาว
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2 ดาว
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3 ดาว


สารบัญ

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 0 บทนำ,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 1 เกิดใหม่,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 2 ข้อมูลพื้นฐาน,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 3 ผู้ใช้พลังปีศาจคนที่13?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 4 ฝึกการร่ายเวท,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 5 องค์ชาย?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 6 การพัฒนาของวงแหวนเวท,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 7 ขุมทรัพย์,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 8 การประลอง?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 9 บุคคลปริศนา,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 10 พี่ชายที่แสนดี,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 11 เรื่องแปลกประหลาด,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 12 ทหารราบ?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 13 ปราการชั้นแรก,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 14 หัวเราะทีหลังดังกว่า,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 15 ผิดแผน,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 16 สิ้นสุดข้อเสนอ,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 17 สู่เมืองหลวง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 18 พันธมิตรชั่วคราว?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 19 การช่วยเหลือ,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 20 ส่วนหนึ่งของความจริง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 21 ทักษะระดับสูง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 22 ควบคุมวงแหวนเวท,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 23 ร้อนวิชา,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 24 ความประมาท,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 25 อยากพบ?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 26 ทรยศ,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 27 การต่อสู้ในสถานที่ฝึกฝน,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 28 บาดแผล,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 29 สถานที่แห่งเลือด,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 30 เขตแดนพลังเวท? (จบเล่ม 1)

เนื้อหา

บทที่ 8 การประลอง?

บทที่ 8 : การประลอง?

อาคุมุที่แอบดูอยู่ในจุดลับสายตา ซึ่งก็คือบริเวณต้นไม้ใหญ่หลังพุ่มไม้ ตำแหน่งของเขาในตอนนี้นั้นมีระยะห่างจากตำแหน่งขององค์ชายชูยะกับอากิระมากพอสมควร แต่เขาก็ยังคงมองเห็นทุกการกระทำได้

ซึ่งเขาเห็นบางสิ่งที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อนทั้งในโลกก่อนความตายของเขาและในโลกนี้ ถึงแม้จะยังใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ไม่นานนักก็ตาม แต่ตอนนี้เขาได้เห็นมันแล้ว

“มหาศาลชะมัด”

ซึ่งนั่นก็คือทอง เพชร อัญมณี และของล้ำค่าต่าง ๆ ที่ดูระยิบระยับเป็นอย่างมากในสายตาของเขา จึงทำให้เขาตาเป็นประกายได้ในทันที

อากิระนั้นควบคุมดูแลการขนย้ายทรัพย์สินออกมาจากอุโมงค์ ซึ่งมันมีมากเกินกว่าที่จะขนย้ายเพียงไม่กี่รอบก็เสร็จสิ้นได้ จากที่อาคุมุนั้นเห็นคือกลุ่มคนนับหลายสิบคนต่างขนย้ายของมีค่าเหล่านั้นด้วยรถเข็น และขนย้ายขึ้นรถม้าอีกครั้งหนึ่ง รถม้านั้นก็มีจำนวนมากอีกเช่นกัน ราวกับว่าเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว

“จะว่าไป ที่ลุงอากิระบอกว่าคนจากตระกูลใหญ่นั้นออกตามหาของล้ำค่า แต่ทำไมที่ฉันเห็นตรงนี้กลับเป็นองค์ชายกับตัวเขาเองแล้วก็คนของเขาล่ะเนี่ย”

ทันใดนั้นอาคุมุก็นึกสงสัยอีกว่าขนย้ายแบบนี้ไม่กลัวการลอบโจมตีเลยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เขาจึงคิดจะลองทำอะไรบางอย่าง

“สร้างวงแหวนเวท” เขาคว่ำฝ่ามือลงพร้อมกับพูดออกมา ซึ่งเขาเห็นวงแหวนเวทสีฟ้าค่อย ๆ ขยายใหญ่ไปเป็นวงกว้างจากจุดที่เขายืนอยู่

“นั่นไง อย่างที่คิดไว้จริง ๆ ด้วยนะ”

วงแหวนเวทของเขานั้นขยายวงกว้างออกไปยังไม่ทันเสร็จสิ้น มันก็ได้ไปกระทบกับเกราะป้องกันเวทมนตร์ขนาดใหญ่ มันคล้ายคลึงกับเกราะป้องกันที่อากิระใช้ในตอนนั้น แต่ที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้มันมีขนาดใหญ่กว่าหลายสิบเท่า ครอบคลุมทั้งอุโมงค์และรถม้าจำนวนมาก รวมไปถึงองค์ชายชูยะที่นั่งดูอยู่ห่าง ๆ

อาคุมุนั่งลงพิงต้นไม้ใหญ่ พร้อมกับหลับตาลงและครุ่นคิดเกี่ยวกับองค์ชาย

‘ยังคงแปลกใจอยู่นั่นแหละนะ ถ้าเพิ่งจะสามารถพัฒนาวงแหวนเวทได้ ทำไมถึงไปโผล่ตรงนั้นเลยล่ะ หรือว่าจะระดับสูงกว่านี้หนึ่งระดับ? ไม่สิ น่าจะยังเป็นไปได้ยากอยู่พอสมควร แต่ฉันยังไม่รู้เลยว่าการพัฒพัฒนาครั้งต่อไปวงแหวนเวทจะมีขนาดเท่าไร แล้วทำไมฉันถึงต้องมาคิดสงสัยเรื่องนี้ตลอดเลยเนี่ย’

ไม่นานนัก บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเขาก็เกิดความร้อนราวกับไฟไหม้ป่า

‘เอ๊ะ?!’ ทันทีที่อาคุมุลืมตาขึ้นก็ได้พบเจอสิ่งที่ทำให้เขาตกใจจนร่างกายแทบจะไม่สามารถขยับได้

“เราเจอกันอีกแล้วนะน้องชาย”

เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือองค์ชายชูยะนั่นเอง

“เอ่อ...” แค่จะขยับปากพูดโต้ตอบกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า อาคุมุก็ยังทำไม่ได้ นั่นไม่ใช่เพราะองค์ชายชูยะใช้พลังเวทหรืออะไร แต่เกิดจากความตกใจสุดขีดและความกลัวของตัวเขาเองทั้งนั้น

“องค์ชาย... ชูยะ มาตรงนี้ได้ไงกันครับ?” อาคุมุกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อยและตะกุกตะกัก

“ไม่น่าถามเลยนะนายน่ะ แต่ก็ช่างเถอะ ฉันไม่ได้อะไรอยู่แล้ว รู้นานแล้วด้วยว่านายตามมาจนถึงนี่ ก็ดีแล้วที่มาเพราะฉันมีอะไรดี ๆ จะบอกนายด้วยล่ะ”

อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับงุนงงไปในทันที เพราะนี่มันดูคล้ายกับว่าเขาได้รู้ความลับบางอย่างของราชวงศ์เลยด้วยซ้ำ

“เอ๋? ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้ล่ะครับ ทั้งที่ตอนนี้ผมน่าจะเหมือนคนมีความผิดแล้วนะ?”

“ฮ่า ฮ่า! ไม่ใช่สักหน่อย นี่น่ะมันไม่ใช่ความลับหรอก เพราะหลากหลายตระกูลต่างก็ต้องการมันทั้งตระกูลเล็กตระกูลใหญ่ แต่ตระกูลเล็กใหญ่เหล่านั้นไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากเป็นตระกูลในจักรวรรดิก็แน่นอนว่าต้องหลีกทางให้ราชวงศ์อยู่แล้ว” องค์ชายชูยะพูดจบก็เงียบไป

“องค์ชายต้องการจะบอกอะไรอย่างนั้นเหรอครับ?” อาคุมุจึงถามกลับไป

“สั้น ๆ ก็คือ... เพียงแค่ฉันมีเชื้อสายราชวงศ์ ก็สามารถทำได้ทุกอย่างไงล่ะ”

อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้น ก็ยังคงไม่ค่อยเข้าใจเหมือนเดิม ใบหน้าของเขานั้นบ่งบอกอย่างเห็นได้ชัด

“น้องชาย นายอาจจะยังไม่ค่อยรู้เรื่องของจักรวรรดิสินะ ฉันจะอธิบายให้นายเข้าใจง่ายที่สุด” ว่าแล้วองค์ชายชูยะก็นั่งลงใกล้ ๆ กับอาคุมุ

“จักรวรรดิไดจิแห่งนี้น่ะ มีแค่องค์จักรพรรดิเพียงองค์เดียวที่ปกครอง จักรวรรดิแห่งนี้ไม่ได้เล็กอย่างที่คิด เพราะมีทั้งเมืองเล็กเมืองใหญ่ในอาณาจักรทั้ง 6 อาณาจักร ซึ่งทั้ง 6 อาณาจักรนั้นอยู่ภายใต้ชื่อจักรวรรดิไดจิ ปกครองแบบขูดเลือดขูดเนื้อเลยล่ะ”

สิ่งที่อาคุมุได้รับฟังจากองค์ชายชูยะนั้นทำให้เขาเกิดคำถามขึ้นมาในหัวเต็มไปหมด

‘ทำไมพ่อไม่เคยบอกเลยนะ รู้แค่ว่าองค์จักรพรรดิคงไม่ใช่คนดีนัก แล้วไอ้คำว่าอาณาจักรก็ไม่เคยหลุดออกมาจากปากเขาเลยด้วยซ้ำ อะไรกันเนี่ย? ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงมีคนอื่นอีก’

“การปกครองแบบนี้มัน... แล้วคนที่มีอำนาจคนอื่น ๆ ล่ะครับ เกิดอะไรขึ้นบ้างเหรอครับ?”

องค์ชายชูยะเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่รู้ได้ทันทีว่ากำลังโกรธ

“องค์จักรพรรดิ... ทำการประหารราชาไปองค์หนึ่ง เพื่อเป็นการยืนยันว่าเขาคือผู้ควบคุม และทุกคนต้องอยู่ภายใต้การปกครองของเขา โดยที่.. ราชาองค์นั้นคือพ่อของฉัน” องค์ชายชูยะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่โกรธ แต่ก็ปนไปด้วยความเสียใจ

‘แบบนี้นี่เอง’

อาคุมุได้แค่คิดในใจเป็นคำพูดสั้น ๆ และยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา องค์ชายชูยะก็เก็บความโกรธและความเสียใจนั้นไว้ พร้อมกับเปลี่ยนบทบาทของตนเองจากองค์ชายที่สง่างามเป็นคนขายประกันในทันที

“นี่น้องชาย นายสนใจจะเข้าร่วมการประลองไหม? แน่นอนว่าสิ่งที่ได้มามันคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป มันก็คืออะไรดี ๆ ที่ฉันบอกไปเมื่อก่อนหน้านี้นี่แหละ”

“ผมปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทันเลยนะครับองค์ชาย ฮ่า ฮ่า แล้วก็มันคือการประลองเหรอครับ? อย่าบอกนะว่า...” มีบางสิ่งที่อาคุมุคิดไว้ ซึ่งสิ่งที่เขาคิดไว้นั้นอาจจะใช่ก็เป็นได้

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า โทษที ๆ ที่พานายเครียดไปด้วย ส่วนเรื่องการประลองฉันตั้งใจจะชวนนายอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้พูดเรื่องบ้านั่น ใช่แล้วล่ะ... รางวัลก็คือส่วนหนึ่งในของล้ำค่าจำนวนมากมายนั่นแหละ” องค์ชายชูยะตอบกลับไป ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุตาเป็นประกายอีกครั้ง

“ว้าว สุดยอด!!”

เพราะสิ่งที่เขาคิดไว้มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ รางวัลของการประลองนั่น คือของล้ำค่าที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน แต่ก่อนที่เขาจะดีใจไปมากกว่านั้น องค์ชายชูยะก็พูดขึ้นมาในทันที

“ต้องมีการคัดเลือกก่อนน่ะนะ การประลองจะมีทั้งสิ้น 2 รอบใหญ่ ๆ ซึ่งก็คือรอบแบ่งกลุ่มและรอบ 8 คนสุดท้าย”

“เอ่อ... จริงเหรอครับ?” อาคุมุเริ่มเกิดความลังเลใจแล้ว เพราะเขายังไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือของตนเองเท่าไรนัก

“ใช่แล้วล่ะ แต่นายวางใจเถอะ ฉันว่านายน่าจะสามารถคว้ารางวัลมาได้ง่าย ๆ เลยนะ เริ่มจากรอบแบ่งกลุ่ม จะเป็นการสู้แบบหาผู้ชนะเพียงคนเดียวในแต่ละกลุ่ม ก็จะมีทั้งหมด 8 กลุ่ม แล้วเหลือ 8 คนหลังจากนั้นก็จะเป็นการสู้ตัวต่อตัวเพื่อหาผู้ชนะเพียงคนเดียว” องค์ชายชูยะก็ลุกขึ้นพร้อมกับหันหลังให้อาคุมุ

“วันไหนที่เปิดรับสมัครแล้วเดี๋ยวฉันจะมาบอก เตรียมตัวให้ดี ไว้เจอกันล่ะน้องชาย” ว่าแล้วก็หายไปโดยการใช้วงแหวนเวทในการเคลื่อนที่และกลับไปใกล้ ๆ อุโมงค์

“มาไวไปไวนะองค์ชายเนี่ย แต่ในเมื่อเขาเป็นคนบอกเองว่าให้วางใจได้ ฉันก็ควรจะวางใจแล้วกลับไปฝึกต่อล่ะนะ” พูดจบเขาก็เตรียมจะใช้วงแหวนเวท ยังไม่ทันได้ใช้เขาก็เกิดนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

“แต่ว่า พลังเวทขององค์ชายคือน้ำแข็ง แล้วทำไมตอนนั้นถึงได้...”