เมื่อชายหนุ่มได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ โดยเขาตายเพราะช่วยคุณยายข้ามถนนแล้วถูกรถชน เขาจะใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ต่อไปอย่างไร!

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! - บทที่ 20 ส่วนหนึ่งของความจริง โดย MIN-G @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ไซไฟ,แอคชั่น,นิยายแฟนตาซี,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ไซไฟ,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายแฟนตาซี,แฟนตาซี,ทะลุมิติ,ต่างโลก

รายละเอียด

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย! โดย MIN-G @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อชายหนุ่มได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ โดยเขาตายเพราะช่วยคุณยายข้ามถนนแล้วถูกรถชน เขาจะใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ต่อไปอย่างไร!

ผู้แต่ง

MIN-G

เรื่องย่อ

เมื่อชายหนุ่มได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งเวทมนตร์ โดยเขาตายเพราะช่วยคุณยายข้ามถนนแล้วถูกรถชน เขาจะใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ต่อไปอย่างไร!


จะเป็นอย่างไร... เมื่อความตายนั้นยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต?

ชายวัย 31 ปีที่ทำแต่ความดีมาโดยตลอดเพราะเชื่อในเรื่องของสวรรค์และนรก แต่กลับต้องมาจบชีวิตลงเพราะการทำความดี ซึ่งดวงวิญญาณของเขากลับไม่ไปบนสวรรค์ดั่งหวัง แต่ได้ไปเกิดใหม่ยังโลกแห่งเวทมนตร์และพลังเหนือธรรมชาติในชื่อ “คาอิดะ อาคุมุ” ลูกคนสุดท้ายของตระกูลคาอิดะ เขาจะทำอย่างไรเมื่อได้มาเกิดใหม่อีกครั้งในโลกใหม่และชีวิตใหม่!!

“ถ้าเป็นคนดีแล้วไม่ได้ไปสวรรค์…” 

“...แสดงว่าสวรรค์ไม่มีอยู่จริง”

“แล้วฉันจะทำความดีทำไมกันเล่า!!!” 



---------------------------------------------------

หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง มิได้เจตนาพาดพิงถึงผู้ใดและไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่

หมายเหตุ 2 : ชื่อสิ่งต่าง ๆ ในนิยายเรื่องนี้เช่น สถานที่ เป็นชื่อที่เกิดจากจินตนาการของผู้แต่ง ไม่ได้มีจริงแต่อย่างใด

หมายเหตุ 3 : เครื่องหมายคำพูด (“ ”) คือการพูดปกติ 
เครื่องหมายคำพูด (‘ ’) คือการคิดในใจ

----------------------------------------------


ระดับของนักเวท
นักเวทระดับ 1
นักเวทระดับ 2
นักเวทระดับ 3
จอมเวทระดับ 1
จอมเวทระดับ 2
จอมเวทระดับ 3
ราชันจอมเวทระดับ 1 ดาว
ราชันจอมเวทระดับ 2 ดาว
ราชันจอมเวทระดับ 3 ดาว


ระดับของปีศาจเวทมนตร์
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 4
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 5
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 6
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1 ดาว
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2 ดาว
ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3 ดาว


สารบัญ

เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 0 บทนำ,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 1 เกิดใหม่,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 2 ข้อมูลพื้นฐาน,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 3 ผู้ใช้พลังปีศาจคนที่13?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 4 ฝึกการร่ายเวท,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 5 องค์ชาย?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 6 การพัฒนาของวงแหวนเวท,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 7 ขุมทรัพย์,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 8 การประลอง?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 9 บุคคลปริศนา,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 10 พี่ชายที่แสนดี,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 11 เรื่องแปลกประหลาด,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 12 ทหารราบ?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 13 ปราการชั้นแรก,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 14 หัวเราะทีหลังดังกว่า,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 15 ผิดแผน,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 16 สิ้นสุดข้อเสนอ,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 17 สู่เมืองหลวง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 18 พันธมิตรชั่วคราว?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 19 การช่วยเหลือ,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 20 ส่วนหนึ่งของความจริง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 21 ทักษะระดับสูง,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 22 ควบคุมวงแหวนเวท,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 23 ร้อนวิชา,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 24 ความประมาท,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 25 อยากพบ?,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 26 ทรยศ,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 27 การต่อสู้ในสถานที่ฝึกฝน,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 28 บาดแผล,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 29 สถานที่แห่งเลือด,เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!-บทที่ 30 เขตแดนพลังเวท? (จบเล่ม 1)

เนื้อหา

บทที่ 20 ส่วนหนึ่งของความจริง

บทที่ 20 : ส่วนหนึ่งของความจริง

“หรือว่าคุณ.. คนที่ 13 สินะครับ?”

“ใช่แล้วล่ะ”

การช่วยเหลือที่อาคุมุได้รับในครั้งนี้ไม่ใช่การช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าอย่างที่เขาคิด เพราะชายคนนี้เขาได้เคยเจอแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือผู้ใช้พลังปีศาจคนที่ 13

“แล้วทำไมถึงได้...” อาคุมุพูดยังไม่ทันจบประโยค ชายคนนั้นก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ยังไม่ต้องพูดอะไร รอถึงป่าใหญ่โน้นก่อน” เขาชี้ไปทางข้างหน้า อาคุมุจึงหันตาม

ป่าใหญ่ที่เขาบอกก็คือป่าเดียวกันกับที่เรย์ได้บอกอาคุมุเมื่อตอนอยู่บนรถม้า เป็นป่าที่ใหญ่พอสมควรโดยอยู่ทางริมสุดของเมืองไดอิกิ ติดกับเมืองข้าง ๆ กันซึ่งนั่นก็คือเมือง "คานะ" ป่านี้คือป่าใหญ่แห่งที่สองของจักรวรรดิที่อาคุมุได้พบเจอ

ไม่นานนักก็มาจนถึง เขาจึงพาอาคุมุวิ่งเข้าไปต่อ สิ่งที่อาคุมุตกใจมากที่สุดแน่นอนว่ามันก็คือความเร็วในการเคลื่อนที่ เพราะมันเร็วยิ่งกว่าการเคลื่อนที่ของนักเวท ทั้งที่ดูยังไงก็แทบไม่ต่างจากการวิ่งธรรมดาเลยแม้แต่น้อย ความเร็วกลับมีมากเกินกว่าจะพรรณนาได้

สิ่งที่อาคุมุตกใจไม่แพ้กันก็คือตอนที่เขาถูกช่วยไว้และกำลังออกมา ชายคนนี้ได้ใช้การพันธนาการอย่างหนึ่งซึ่งก็คือ "พันธนาการทางจิตแบบหมู่" นั่นคือการพันธนาการที่อาคุมุรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งไม่ได้พันธนาการแค่คนเดียวแต่ราวกับว่าคนที่เขาวิ่งผ่านนั้นถูกผลของความสามารถนี้ทุกคน

“ตรงนี้แหละ” ผู้ใช้พลังคนที่ 13 พูดขึ้นมา ก่อนที่จะหยุดวิ่งแล้ววางอาคุมุลง

“ขอบคุณนะครับ ว่าแต่ทำไมถึงช่วยผมล่ะครับ?”

“ใครกันจะอยากเห็นผู้สืบทอดตระกูลหายไปแบบนั้นกันล่ะ หายไปนี่ฉันหมายถึงโดนจับไปเป็นนักเวทนะ นายนี่ก็ถามอะไรบ้า ๆ ซะได้” เขาตอบกลับพลางนั่งพิงต้นไม้ ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุนึกได้เพราะเขาลืมไปเสีย ในเรื่องที่ว่าผู้ใช้พลังปีศาจคนที่ 13 คือบรรพบุรุษของตระกูลคาอิดะ

“จริงด้วยแฮะ แล้วก็.. เป็นนักเวทแล้วทำไมเหรอครับ? พ่อผม พี่ผม ก็เป็นกันทั้งนั้น” อาคุมุถามกลับไป

“นายนี่นะ รู้ทั้งรู้ว่าฉันเป็นได้แม้กระทั่งพ่อของพ่อนายแต่ก็ไม่มีความเคารพกันซะเลยเนี่ย แต่ช่างเถอะ งั้นก็นายเคยคิดไหมล่ะว่าถ้าพ่อนายที่นายเห็นมันไม่ใช่พ่อนายน่ะ” คำตอบที่อาคุมุได้รับกลับมานั้นทำให้เขาตกใจในทันที แต่แน่นอนว่าเบาก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน

“หมายความว่า... ยังไงเหรอครับ?”

“ไม่เคยคิดเลยหรือไงว่าทำไมพ่อนายถึงมีแต่คำพูดหรืออะไรที่มันแปลก ๆ น่ะ บางอย่างฉันมั่นใจว่านายรู้ดีอยู่ถึงความแปลกและตะหงุดตะหงิด ลองคิด ๆ ดูแล้วกันนะ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือพ่อนายไม่ใช่นักเวทกระจอก ๆ อะไรนั่นเหมือนพี่นายหรอก พ่อนายไม่ได้อยู่ในระดับแค่นั้น ลืมบอกไปว่าฉันชื่อ "โทชิ" เป็นบรรพบุรุษของนาย”

ชื่อของผู้ใช้พลังปีศาจคนที่ 13 หรือบรรพบุรุษของอาคุมุคือ "คาอิดะ โทชิ" ซึ่งเขาได้สาธยายขยายความให้อาคุมุเข้าใจมากขึ้นอยู่พอสมควร แต่แน่นอนว่ามันมีอะไรที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

“หลาย ๆ อย่างผมคิดอยู่แล้วครับว่ามันแปลก แต่หาคำตอบไม่ได้เลยสักอย่างเดียว เหมือนจะรู้ตัวตนขึ้นมาบ้างจากพวกทหารว่าพ่อเป็นวีรบุรุษอะไรนั่น แต่ก็ดูแปลก ๆ เหมือนเดิม”

“ฉันจะอธิบายโดยไม่อ้อมค้อม.. เพียงแค่เท่าที่ควรรู้ก่อน อย่างแรกคือที่นายเห็นนั่นไม่ใช่พ่อนาย เป็นเพียงร่างแยกที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยพลังแห่งไฟ ทำได้ไงฉันก็ไม่รู้”

“อย่างที่สองคือตามที่นายได้ยินมานั่นเป็นเพียงวีรกรรมและผลงานของร่างแยกเท่านั้น”

“อย่างที่สามคือพ่อนายยังไม่ตาย ตามที่บอกไปว่านั่นเป็นเพียงร่างแยก”

“อย่างที่สี่คือนายตกเป็นเป้าของจักรพรรดิมาโดยตลอดตั้งแต่ยังไม่เกิด”

“อย่างสุดท้าย.. สำหรับที่ฉันควรบอกตอนนี้คือนายต้องแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุด เดี๋ยวฉันจะช่วยฝึกให้”

ทุกอย่างที่โทชิได้บอกกับอาคุมุนั้นล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกปวดหัวและสับสนจนหัวแทบจะระเบิด อย่างแรกคือที่เห็นนั่นไม่ใช่พ่อเขาแต่เป็นร่างแยกที่ถูกสร้างด้วยพลังแห่งไฟ และโทชิก็ไม่สามารถรู้ว่าสร้างขึ้นมาได้อย่างไร ทั้งที่โทชิเป็นคนที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้และยังเป็นผู้ใช้พลังปีศาจของจอมมาร เป็นไปได้ว่าอิซามุนั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งมากเกินกว่าที่คิด

อย่างที่สองคือวีรกรรมและผลงานของร่างแยก ทั้งที่เป็นร่างแยกก็ยังมีชื่อเสียงได้มากขนาดนี้ แน่นอนว่าร่างแยกนั้นก็ต้องมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับนึงเลยทีเดียว

อย่างที่สามคืออิซามุยังไม่ตาย นั่นคือสิ่งที่อาคุมสันนิษฐานไว้อยู่แล้ว ซึ่งมันก็เป็นความจริง

อย่างที่สี่คืออาคุมุนั้นตกเป็นเป้าขององค์จักรพรรดิตั้งแต่ยังไม่เกิด นั่นหมายความว่าก่อนหน้านี้ทางด้านของอิซามุต้องมีอะไรบางอย่างเป็นแน่แท้ที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิและลูกคนต่อไป

อย่างสุดท้ายแน่นอนว่าอาคุมุคิดไว้อยู่แล้ว เพราะเขาต้องการที่จะเข้าร่วมการประลองและเป็นผู้ชนะ รวมถึงได้รางวัลที่มากมาย

‘ถึงแม้ตอนนี้จะโดนหมายหัว แต่ฉันไม่ทิ้งการประลองนี้หรอก’

“คิดดีแล้วงั้นเหรอ? ถ้าคิดดีแล้วก็เตรียมตัวไปให้ดีเพราะลานประลองมันอยู่ใจกลางเมืองไดอิกิ ใจกลางเมืองหลวงนั่นแหละ”

“เปล่าครับไม่ได้คิด ก็เพิ่งจะรู้เรื่องในตอนนี้แล้วผมก็อยากจะประลองมาก ๆ แค่นั้นเลยครับ” คำตอบของเขาเกินคาดเป็นอย่างมาก

“เฮ้อ! แต่ตอนนี้เริ่มฝึกเลยเถอะ ป่าแห่งนี้อยู่นานนักไม่ได้เพราะมันอยู่ใกล้เมืองนี่แหละ ฉันจะสอนการใช้ "บาทาไร้เงา" ให้นายจนชำนาญพอประมาณ มันเป็นทักษะระดับสูงอย่างหนึ่งเลยล่ะ พวกนักเวทกระจอก ๆ นั่นไม่มีความรู้เรื่องทักษะนี้ เบื้องต้นก็มีแค่เคลื่อนที่ในพริบตาอะไรของมันนั่นแหละ” โทชิตอบกลับมา นั่นคือสิ่งที่อาคุมุอยากได้ยินเป็นอย่างมาก

“ผมจะชำนาญให้เร็วที่สุด แต่ว่าผมมีคำถามอีกอย่างครับ”

“ว่าไง?”

“ผู้ใช้พลังปีศาจถูกความมืดครอบงำจิตใจจนกลายเป็นอมนุษย์ ฟังดูแค่นี้ก็ไม่น่าจะดูเหมือนคนปกติได้นี่ครับ แต่ทำไมคุณถึงได้...” อาคุมุพูดยังไม่ทันจบก็โดนแทรกขึ้นมาเช่นเดิม

“เอาง่าย ๆ คือร่างแยกมันพูดเกินจริงและให้ข้อมูลเท็จ พ่อนายนี่คิดอะไรซับซ้อนเป็นบ้าเลย”

“ร่างแยกมีให้ข้อมูลเท็จซะด้วย เหลือเชื่อชะมัด” อาคุมุพูดพลางหัวเราะ เพราะเขาไม่นึกเลยว่าจะถูกร่างแยกบอกข้อมูลผิด ๆ ให้รับรู้ แน่นอนว่านี่ก็คงเป็นหนึ่งในแผนของอิซามุ

โทชิลุกขึ้นและเตรียมการสอนใช้ทักษะบาทาไร้เงาให้กับอาคุมุ ซึ่งอาคุมุก็เตรียมพร้อมแล้ว

“ก่อนอื่นเลยนะ นายควบคุมออร่าพลังเวทได้ไหม?”

อาคุมุได้ยินอย่างนั้นจึงไม่พูดไม่จา แต่เขาควบคุมพลังเวทโดยการทำให้มันไปรวมอยู่ตรงจุด ๆ หนึ่ง ปรากฏให้เห็นออร่าพลังเวทเพียงบริเวณมือ

“หมายถึงแบบนี้ใช่ไหมครับ?”

“ไม่ใช่ ที่นายทำในตอนนี้มันคือการถ่ายเทพลังเวท ที่ฉันบอกคือออร่าพลังเวท และนายก็ยังทำช้ากว่าที่ต้องทำอยู่หลายขุม ทักษะนี้คือการถ่ายเทออร่าพลังเวทไปยังเท้าทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วขณะทำการวิ่ง ย้ำว่าออร่าพลังเวทนะไม่ใช่พลังเวท”

“สีของออร่า บ่งบอกถึงระดับของนักเวทด้วย”

“พ่อไม่เคยบอกเลยนี่ ไม่สิ ร่างแยกของพ่อ”

ออร่าพลังเวทคือสิ่งที่ใช้บ่งบอกระดับพลังของคนคนนั้นตามสีที่ปรากฏควบคู่ไปกับแต้ม B นั่นคือสิ่งที่อาคุมุรับรู้

แต่ในความเป็นจริงแล้วมันสามารถวัดระดับของผู้ใช้พลังเวทได้อีกด้วย โดยการดูจากสีของออร่าและจะได้ระดับพลังของคนคนนั้นเพียงแค่นำมาเทียบกัน นั่นหมายความว่าถ้าไม่ใช่นักเวทก็ถูกเรียกว่านักเวทได้เช่นกัน

**
สีขาว : นักเวทระดับ 1
สีฟ้าอ่อน : นักเวทระดับ 2
สีฟ้าเข้ม : นักเวทระดับ 3
สีม่วง : จอมเวทระดับ 1
สีส้ม : จอมเวทระดับ 2
สีแดง : จอมเวทระดับ 3
สีทอง : ราชันจอมเวท (ทุกระดับ)
**

“พวกนักเวทน่ะไม่สนใจเรื่องการควบคุมออร่าพลังเวทหรอก เพราะไม่มีใครรู้ว่าสามารถควบคุมได้ แต่ออร่าพลังเวทนี่แหละคือสิ่งที่ใช้งานได้ดีเป็นอย่างมาก”