รัก,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่,ตลก,โรแมนติก,nc,แอบรัก,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
รตากอดกล่องกระดาษเดินเหม่อไปตามทางเท้า ในใจหวนนึกถึงเนื้อหาในเพจดูดวงที่เพื่อนร่วมงานเคยอ่านให้ฟัง
‘ดาวเสาร์เพิ่งย้ายเข้าเมื่อต้นเดือนที่แล้ว สิบวันต่อมาถูกราหูเล็ง อีกสองวันที่จะถึงดาวพระเกตุจะย้ายเข้ามาเสริม มีแต่ดาวแรงมาชุมนุมกันขนาดนี้จะทำสิ่งใดต้องระวังให้มาก เดินเหินต้องดูเจ้าที่เจ้าทางให้ดี’
ไม่นึกเลยว่ามันจะตรงเผงขนาดนี้
ต้นเดือนก่อนเธอดันบังเอิญไปเห็นผู้จัดการแผนกกับเพื่อนร่วมงานแอบแซบกัน หลังจากนั้นงานที่รับผิดชอบก็มีปัญหาให้แก้ไม่หยุดหย่อน
เธอกัดฟันสู้สุดใจแล้ว แต่มาวันนี้ก็ถูกเชิญให้ออกจากงานจนได้ แถมยังต้องทำงานล่วงเวลาส่งท้ายให้อีก ถึงต้องมาเดินอยู่ข้างถนนในยามวิกาลตามลำพัง
ยังดีที่หมอดูคนนั้นทักไว้แค่นี้ ถ้ามีดาวอีกสักดวงย้ายเข้ามาร่วมปาร์ตี้เพิ่มเติม ชีวิตเธอคงหม่นหมองไร้แสงสว่างแน่นอน
หรือว่าตอนนี้ก็สาหัสแล้วนะ
หญิงสาวแหงนหน้ามองท้องฟ้าดำมืด แสงแวบวับของสายฟ้าฟาดเปรี้ยง ๆ อยู่ไกล ๆ คืนนี้คงมีพายุใหญ่แน่ ขนาดเป็นช่วงสี่ทุ่มกว่ายังเห็นเมฆฝนได้ชัดเจน
แต่ตอนนี้ฝนก็ตกหนักมากจนน้ำท่วมแล้ว รถราติดยาวเต็มถนนไม่ขยับเขยื้อนสักนิด
เธอยืนรอมาเกือบชั่วโมงยังไม่ได้เห็นแม้แต่หลังคารถเมล์ จึงตัดสินใจเดินกลับห้องเช่ามันเสียเลย ห่างไปแค่เกือบยี่สิบป้ายเอง
คิดแล้วก็อยากร้องไห้แข่งกับสายฝนเหลือเกิน
หูได้ยินเสียงเครื่องยนต์คำรามแข่งกับสายฝน ฟังดูทั้งวุ่นวายทั้งสงบ แต่รตากลับเดินอย่างไม่สนใจสิ่งรอบตัวสักนิด เพราะมัวแต่กังวลกับอนาคตอยู่
หลังจากนี้จะเอาอย่างไรกับชีวิตดีล่ะ
คนอุตส่าห์ตั้งใจทำงานตั้งหลายปี ดันมาถูกไล่ออกแค่เพราะบังเอิญไปรู้ความลับของคนอื่น
ถ้ากลัวคนรู้เห็นนักทำไมไม่ไปแอบกินกันให้ดี ๆ แต่แรกเล่า ทำพลาดกันเองแล้วมากลั่นแกล้งเธอทำไม
ช่างเถอะ ตอนนี้ต้องรีบหางานใหม่ให้ได้โดยเร็ว ไม่อย่างนั้นคงถูกไล่ออกจากหอพักแน่ เพราะเจ้าของหอเขี้ยวลากดินสุด ๆ ความเมตตาต่อสาวน้อยเต็มเปี่ยม แต่กับคนจนเป็นศูนย์
รตาถือคติที่ว่าถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็ยังมีโอกาส เธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวจึงยอมจ่ายค่าที่พักแพงหน่อยเพื่อซื้อความปลอดภัย เพราะเจ้าของหอคนนั้นไม่เคยยอมให้คนแปลกหน้าขึ้นตึกได้ง่าย ๆ
ร่างบางก้มลงมองรองเท้าส้นสูงคู่เก่ง ต่อให้พยายามทะนุถนอมมากเพียงใด แต่พอผ่านไปเป็นปี ๆ น้องก็ทนไม่ไหว ยิ่งมาเจอฝนอย่างนี้ก็ใกล้จะแยกชิ้นส่วนเต็มที
น่ารำคาญชะมัด แต่ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป
ว่าแล้วก็หางานเลยดีกว่า เริ่มจากเสาไฟฟ้าแถวนี้แหละ
ถึงจะเป็นยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำไปไกลแล้ว แต่บางครั้งก็ยังมีคนแปะประกาศหาพี่เลี้ยงเด็กหรือแม่บ้านด้วยวิธีนี้อยู่ แถมเป็นครอบครัวที่ดีและจ่ายหนักเสียด้วย
เธอเคยได้งานติวเตอร์จากเสาสัญญาณไฟจราจรมาแล้ว ถ้าได้กลับไปทำอีกก็คงดีเหมือนกัน วุฒิปริญญาตรีเอกอังกฤษเกียรตินิยมอันดับหนึ่งคงช่วยเพิ่มราคาค่าจ้างได้แน่
ตอนนี้เธอยังไม่อยากกลับไปทำงานในบริษัทนัก เพราะยังขยาดกับเพื่อนร่วมงานอยู่ ขอทำอาชีพอิสระสักพักแล้วกัน
รตาเที่ยวอ่านกระดาษทุกใบที่แปะอยู่บนเสาทุกต้นไปเรื่อย ๆ ไม่ได้สังเกตเลยว่าเดินไปถึงที่ไหนแล้ว
“อ้ะ นี่ไง”
ร่างบางหยุดยืนอ่านใบปลิวหาคนทำความสะอาดบ้านที่แปะไว้บนรั้วตะแกรงเหล็ก แต่น้ำฝนไหลเข้าตาจนต้องหยีตายื่นหน้าเข้าไปอ่านใกล้ ๆ
พอเห็นเบอร์โทรมุมปากสวยก็คลี่ยิ้มกว้าง มือล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมบันทึกไว้ก่อน เพราะถ้าโทรไปรบกวนตอนนี้คงถูกด่ามากกว่าได้งาน
แต่ยังไม่ทันได้กดเลขสักตัว ก็มีผู้ชายร่างยักษ์สองคนเดินเข้ามาขนาบข้างแล้วเอ่ยทัก
“ว่าไงจ๊ะน้องสาว ทำอะไรอยู่เหรอ”
รตาทำเป็นไม่ได้ยินแล้วขยับตัวเดินหนี พวกนั้นก็ตามมาคว้าแขนเอาไว้ ทั้งยังออกแรงกระชากจนกล่องในมือร่วงกระแทกพื้น ข้าวของหล่นกระจัดกระจาย
“ปล่อยนะ”
“ไปด้วยกันหน่อยสิคนสวย”
“ฉันไม่ไป” ร่างบางดิ้นหนีสุดฤทธิ์ แต่ต่อให้เอาส้นสูงกระทืบเท้าใหญ่ไปเต็มแรงก็ไร้ผล กลายเป็นรองเท้าของเธอเองที่พลีชีพไปในการนี้ “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
พูดได้แค่นั้นเธอก็ถูกมือหนาปิดปาก ดึงลากเข้าไปตามซอยแคบ ตรงไปยังลานจอดรถมืดมิดเงียบเชียบ
รตาหวาดกลัวจนตัวสั่นแต่ก็ยังพยายามหนีเอาตัวรอด ด้วยการงับมือที่ปิดปากอยู่ไปเต็มแรง
“โอ้ย อีนี่ กล้าทำกูเจ็บเชียวเหรอ กูจะกระทืบให้หมอบเลย”
ชายคนนั้นสถบพลางง้างมือตบหญิงสาวจนหน้าหัน ร่างเล็กถลาคว่ำไปกับพื้นแต่มือยังกำโทรศัพท์ไว้แน่น
รตานอนงอตัวงุดอยู่บนพื้นเปียก ๆ หางตาเห็นฝ่าเท้าใหญ่ลอยเข้ามาใกล้ก็หลับตาปี๋เตรียมรับความเจ็บ
“เอะอะเสียงดังทำไมกัน”
“นังนี่มันแอบถ่ายรูปพวกเราอยู่ตรงนู้นครับนาย”
“เปล่านะ ฉันไม่ได้แอบดูอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นอะไรเลย คุณปล่อยฉันไปเถอะค่ะ”
ร่างบางรีบลุกขึ้นคุกเข่าก้มหน้าก้มตาขอร้องคนที่เพิ่งเดินเข้ามา เห็นแค่ปลายเท้ารองเท้าหรูสีขาวเงาวับกับขากางเกงสีเดียวกัน
“จริงเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามเจือความขบขัน มือหนึ่งคีบบุหรี่ดูด อีกข้างใช้ปลายนิ้วชี้เชยคางมนให้เงยหน้าขึ้น
ใบหน้าสวยแดงก่ำดูน่าสงสารไม่น้อย ดวงตากลมโตชุ่มฉ่ำไปทั้งน้ำตาและหยาดฝน ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นสะท้านไม่หยุด
“เธอเห็นอะไรไปบ้าง”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่เห็นอะไรเลย”
รัฐภพโน้มตัวลงพ่นควันสีเทาใส่หน้าหวาน ก่อนยกบุหรี่ในมือจ่อไปที่ตาสวย ทำเอาอีกคนกลัวจนหลับตาปี๋ รีบพูดย้ำว่าไม่เห็นอะไรจริง ๆ
“ฉันไม่เห็นอะไรจริง ๆ ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันสัญญาว่าจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น”
รตายกมือไหว้ปลก ๆ อ้อนวอนขอให้คนตรงหน้าเห็นใจ แต่ผู้ชายแถวนั้นกลับเห็นอย่างอื่นแทน ทั้งเสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่เปียกฝนจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน กระโปรงสอบก็เลิกสูงขึ้นโชว์ขาอ่อนเรียวงาม
ลูกน้องที่ช่วยจับยึดร่างบางอดใจไม่ไหว ยื่นมือสากไปลูบไล้ไม่หยุด สายตาแต่ละคนหื่นกระหายไม่มีปิดบัง
“นายปล่อยให้พวกผมช่วยกันเค้นนังนี่เถอะครับ รับรองว่าได้เรื่องแน่”
ปลายบุหรี่ร้อนฉ่ายังอยู่ห่างจากเปลือกตาสวยไม่กี่มิลลิเมตร รัฐภพจ้องมองลูกไก่ในกำมือนิ่ง ๆ มุมปากยกยิ้มจาง
“ฉันจะดูแลมันเอง” ขาดคำมือใหญ่ก็บีบคางเล็กเต็มแรง บังคับให้เงยหน้าขึ้น “ลืมตา”
รตาเกร็งเขม็งไปทั้งตัว อย่าว่าแต่ลืมตาเลย เธอไม่กล้าหายใจเสียด้วยซ้ำ
“ปล่อย...”
เสียงเล็กถูกกลบด้วยฝ่ามือใหญ่ ใบหน้าสวยสะบัดหันไปตามแรงส่ง กลิ่นคาวเลือดกลบเต็มปาก
ร่างบางพยายามถดหนี พวกลูกน้องจะจับเอาไว้แต่รัฐภพส่งสัญญาณให้ปล่อยไป เท้ายาวก้าวตามช้า ๆ ยิ่งนกน้อยตัวสั่นหวาดกลัวมากเพียงใด สีหน้าคนตัวโตก็ยิ่งชอบใจ
“เด็กน้อย อย่าให้ฉันหงุดหงิดมากไปกว่านี้เลย ไม่อย่างนั้นเธออาจได้ลงไปนอนเล่นในแม่น้ำ...”
ปัง
เสียงปิดประตูรถดังขึ้น ทำเอารตาสะดุ้งเฮือก แต่ก็ยังคลานถอยหลังหนีไม่หยุด สีหน้ามีแต่ความหวาดกลัวฉายชัด
จนกระทั่งชนเข้ากับท่อนขาของใครบางคน หยาดฝนที่เคยตกกระทบตัวก็หายไป
“ยกให้ฉันดีกว่า กำลังอยากได้ที่ระบายความหงุดหงิดพอดี”
รัฐภพเลิกคิ้วมองคนพูดอย่างแปลกใจ ก่อนแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ ทำมือเป็นเชิงยกให้
“ได้สิ นายคงต้องการมากกว่าฉันแน่ เพิ่งถูกพ่อสวดมานี่นะ”
“รู้ใจกันอย่างนี้ค่อยน่าร่วมงานด้วยหน่อย”
“แน่นอนอยู่แล้ว เดี๋ยวให้ลูกน้องฉันเอาไปส่งถึงที่เลย”
“ไม่ต้อง ธีโอจัดการได้”
รตาตัวชาวาบ คนพวกนี้พูดยกให้กันราวกับเธอเป็นสิ่งของ ถึงจะไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนแต่ก็ยังมีความเป็นคนอยู่นะ คิดจะทำอะไรกันก็ได้อย่างนั้นหรือ
ใจนึกเถียงอย่างไม่ยินดี แต่ร่างกายแข็งทื่อไม่ฟังคำสั่งเอาเสียเลย แทนที่จะอาศัยโอกาสนี้ลองวิ่งหนีดู
ไม่ทันไรแรงกดที่แผ่นหลังก็หายไปแล้ว เม็ดฝนก็กลับมาเทกระหน่ำใส่เธอเช่นเดิม
ร่างบางรวบรวมความกล้าแอบมองตามไป เห็นร่างสูงในชุดสีดำสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้าเดินล้วงกระเป๋ากลับไปที่รถหรู มีฝรั่งร่างสูงในชุดสีเข้มอีกคนคอยถือร่มกางให้
รตาเหม่อมองอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งถูกผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาพยุงให้ลุกขึ้นยืน
“เชิญครับ”
อย่างน้อยเขาก็สุภาพกว่าพวกคนที่จับตัวเธอมา รตาจึงยอมให้พาตัวออกไป พยายามไม่สนใจกลุ่มคนที่ยังจ้องตาไม่กระพริบ
“นายจะปล่อยไปแบบนี้จริงเหรอครับ” สุชาติเอ่ยถามเจ้านาย
“ตามใจไปก่อนดีกว่า เรายังต้องใช้ประโยชน์จากมันอยู่”
รัฐภพยืนสูบบุหรี่ต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ดวงตาวาบวับพิกล ก่อนโยนโทรศัพท์มือถือในเคสสีหวานให้ลูกน้อง
“เอาไปตรวจสอบให้ดีอีกรอบ ฉันจะไปดูที่ผับสักหน่อย”
“ครับนาย” ลูกน้องคนสนิทรีบผละไปทำตามคำสั่ง
ลูคัสนั่งไขว้ห้างอยู่บนเบาะหลังเมอร์เซเดสคันดำเรียบหรู ดวงตาสีน้ำข้าวจับจ้องด้านนอกอยู่นาน
รอจนคนในชุดสูทสีขาวขึ้นรถขับออกไปเรียบร้อย เขาถึงเหลือบมองร่างเล็กที่นั่งตัวสั่นงันงกอยู่ข้าง ๆ
รตาห่อตัวลีบเบียดติดประตูรถ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง สายตาเห็นเพียงปลายเท้าของร่างสูง ก่อนที่จะมีเสื้อสูทตัวนอกลอยมาคลุมหัวจนไม่เห็นอะไรต่อ
“ไปไหนครับนาย”
บอดี้การ์ดที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับเอ่ยถามขึ้น ลูคัสปรายตามองออกนอกหน้าต่างก่อนตอบเสียงเรียบ
“บ้าน”