รัก,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่,ตลก,โรแมนติก,nc,แอบรัก,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
รุ่งเช้าวันต่อมา คนตัวโตในชุดคลุมอาบน้ำสีเข้มเดินมาโน้มตัวแตะหน้าผากมนเพื่อวัดอุณหภูมิ ก่อนเขย่าไหล่ปลุกร่างบาง
“ตื่น อาบน้ำแต่งตัวไปทำงานได้แล้ว”
รตาลุกขึ้นนั่งจะขยี้ตา แต่ถูกอีกคนดึงมือห้ามไว้ “คุณจะให้หนูไปทำงานด้วยเหรอคะ”
“ฉันไม่กินเธอฟรี ๆ เพราะฉะนั้นเธอเองก็ต้องทำงานแลกข้าวเหมือนกัน”
“ได้ค่ะ ๆ”
ร่างบางเห็นเขาอาบน้ำเรียบร้อยแล้วก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง จึงรีบวิ่งหนีเข้าห้องน้ำไป อย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกวัดไข้ตั้งแต่เช้า
ลูคัสส่ายหน้าน้อย ๆ หยิบเสื้อผ้าชุดเดิมของคนตัวเล็กไปวางรอในห้องแต่งตัว ก่อนหยิบเสื้อเชิ้ตสีดำมาสวมตามปกติ
ตอนที่ร่างบางเดินกระมิดกระเมี้ยนออกมา คนตัวโตก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“มาใส่เสื้อผ้า” ชายหนุ่มเอ่ยเรียก พอเห็นอีกคนยังยืนทำหน้าเอ๋ออยู่ก็พูดต่อ “หรือจะให้วัดไข้ก่อน”
“แต่งตัวเลยค่ะ” รตารีบหยิบเสื้อผ้าของตัวเองที่ซักรีดเรียบร้อยมาสวม ส่วนรองเท้าค่อยไปยืมแม่บ้านแล้วกัน พอหวีผมลวก ๆ สองทีก็เป็นอันใช้ได้ “เสร็จแล้วค่ะ”
คนมองเลิกคิ้วมองนิ่ง ๆ ก่อนเอื้อมมือไปจับปอยผมทัดหูให้
“เสร็จไวดีนะเรา”
ร่างบางฟังแล้วรู้สึกแปลก ๆ จึงเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่น “รีบไปทำงานกันเถอะค่ะ คุณมีงานให้หนูทำใช่ไหมคะ”
“อืม” แขนล่ำล็อคคอคนตัวเล็กพาลงลิฟท์ไปด้านล่าง สมทบกับพวกบอดี้การ์ดที่ยืนรออยู่แล้ว “ตรงเข้าบริษัทก่อน”
“ครับนาย”
ในเมื่อเขาไม่คิดจะแยกชิ้นส่วนเธอโยนให้น้องครึ่งบกครึ่งน้ำกิน ทั้งยังมีงานให้ทำ มีที่ให้ซุกหัวนอน รตาจึงล้มเลิกความคิดที่จะหนีจากลูคัสไปสักระยะหนึ่ง
แต่ทำไมเขาต้องล็อคคอเธอไว้ตลอดเวลาด้วยเล่า คนอื่นมองกันหมดแล้ว ไล่ตั้งแต่รปภ.ที่เฝ้าหน้าประตูใหญ่ชั้นล่างสุดเลย
พอลิฟท์เปิดออกที่ชั้นสำนักงานบริษัท พนักงานที่เดินผ่านไปมาต่างก็มองเป็นตาเดียว
“สวัสดีครับคุณลูคัส กลับมาแล้วหรือครับ” นิกรที่เดินเตร่อยู่แถวนั้นพอดีรีบเข้ามาทักทาย “แล้วนี่คือ...”
“งานมีปัญหาอะไรไหม” ลูคัสถามหัวหน้าทีมฝ่ายพัฒนาโครงการกลับไป
บริษัทแมคเคนซีเรียลเอสเตสของเขาให้คำปรึกษาด้านการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งพัฒนา เช่าซื้อ ฝากขาย หรือแม้แต่จัดหาตามความต้องการของลูกค้า
“นอกจากคุณนายพินทุอรที่เปลี่ยนใจไปมาอีกแล้ว ทุกอย่างก็ปกติดีครับ”
“ทนหน่อย อีกสองสามวันพัชพลจะกลับมาดูโครงการนั้นแทนแล้ว ทุกอย่างคงง่ายขึ้น...จะดิ้นทำไม”
“ปล่อยหนูเถอะค่ะ คนมองกันหมดแล้ว”
“ก็ให้มองไปสิ ไม่ได้จับสักหน่อย”
“บอสคะ นายใหญ่สตีฟโทรเข้ามาเมื่อวานค่ะ บอกว่าติดต่อบอสไม่ได้ เขาอยากถามว่าการเจรจาไปถึงไหนแล้ว”
กุลธิดาเลขาสาวรีบเข้ามารายงาน ตาก็มองเด็กน้อยที่อีกฝ่ายกอดรัดอยู่ไปด้วย
“เรื่องนั้นฉันจัดการเอง เธอเอาเอกสารเข้าไปไว้ในห้องได้เลย”
“กุลวางไว้ให้บอสแล้วค่ะ” เลขาสาวเอ่ยตอบ แต่คนฟังดูจะไม่ใส่ใจนัก เพราะคนในอ้อมแขนขยุกขยิกไม่หยุดเลย
“ยังจะดิ้นอีก จับโยนลงไปดีไหม”
“ที่นี่สูงแค่ไหนคะ”
“ไม่เท่าที่เพนท์เฮ้าส์”
“งั้นหนูไม่ดื้อแล้ว” รตายอมยืนนิ่ง ถ้าตกลงไปตายคาที่ก็ไม่ว่าหรอก แต่ถ้าพิการขึ้นมาคงแย่แน่ “แต่หนูอยากไปเข้าห้องน้ำ”
“ในห้องทำงานก็มี”
ลูคัสเหลือบมองธีโอแวบหนึ่งก่อนดึงเด็กดื้อออกเดิน อีกฝ่ายหมุนตัวลงลิฟท์ไปทันที เหลือเพียงเอริคที่ตามทั้งสองอยู่ห่าง ๆ
กุลธิดาขยับเข้าไปขวางหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มไว้ แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าเงียบ ๆ คล้ายอยากบอกว่าไม่ใช่เรื่องของเธอ
เลขาสาวมองตามอย่างไม่ชอบใจนัก แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ามีอีกคนที่คงไม่พอใจยิ่งกว่า จึงเดินไปเคาะห้องทำงานที่อยู่ติดกับห้องของบอสแทน
ส่วนในห้องทำงานใหญ่ยังตกลงกันไม่ได้ คนหนึ่งยืนกอดอกนิ่งเฉยมองคนตัวเล็กกว่าโวยวายไป
“ไหนคุณบอกว่าจะให้หนูมาทำงาน”
“ก็นี่ไง นั่งสิ”
“แต่นี่มันโต๊ะของคุณ”
“นั่งทำงานที่นี่แหละ” มือหนากดไหล่บางให้นั่งลง ก่อนโน้มตัวเข้าไปกระซิบ “หรืออยากจะทำอย่างอื่น วัดไข้ไหม ฉันไม่ติดนะ”
“หนูหายแล้วค่ะ ไหนงานล่ะคะ” คนหื่น เอะอะก็จ้องจะวัดไข้กันอย่างเดียวเลย
ลูคัสยกยิ้มมุมปาก มือเอื้อมหยิบแฟ้มรายงานค่าใช้จ่ายในโครงการนิราศวิลเลจวางให้
“อ่านดูว่ามีตรงไหนผิดปกติไหม เช็กตัวเลขดี ๆ ล่ะ ตรวจกับแฟ้มนี้ด้วยว่ายอดค่าใช้จ่ายตรงกันหรือเปล่า”
“ได้ค่ะ”
พอได้ทำงานจริง ๆ รตาก็มีสมาธิขึ้นมาทันใด จดจ่อกับเอกสารตรงหน้าจนเลิกสนใจร่างสูงที่ยืนเท้าแขนกับโต๊ะ แอบชะเง้ออ่านรายงานไปพร้อมกันด้วย
ไม่ทันไรก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นธีโอที่แง้มประตูโผล่หน้ามามองอย่างไม่แน่ใจ เผื่อคนข้างในจะไม่สะดวกรับแขก
“ได้แล้วครับนาย”
“เอาเข้ามาเลย”
บอดี้การ์ดหนุ่มยังเดินมาไม่ถึงครึ่งทาง คนตัวเล็กก็เงยหน้าขึ้นมองตามแล้ว เพราะได้กลิ่นเบอร์เกอร์กุ้งของโปรด
พอธีโอวางถุงลงบนโต๊ะ รตาก็หันไปหาลูคัสเพื่อขออนุญาต
ทีแรกเขาก็ว่าจะแกล้งสักหน่อย แต่เห็นเด็กน้ำลายไหลย้อยก็สงสารจนต้องพยักหน้าให้
มือเล็กหยิบเฟรนซ์ฟรายเข้าปาก ตาก็ยังอ่านรายงานไปด้วย คนตัวโตช่วยเปิดฝาถ้วยชีสดิปวางข้าง ๆ เอาหลอดใส่แก้วน้ำอัดลม ทั้งยังแกะห่อเบอร์เกอร์ส่งให้
ทุกการกระทำล้วนอยู่ในสายตาของคนที่เข้ามาใหม่
“ที่นี่เป็นที่ทำงานนะคะ”
สาวชุดเดรสรัดรูปยืนกอดอกอยู่ที่ปากประตู ตาก็มองจิกอีกสองคนที่ปรนนิบัติให้กันอยู่ สีหน้าดูหมันไส้ไม่น้อย
“ผมรู้ เอาซอสมะเขือเทศไหม” ลูคัสเอ่ยตอบเสียงเรียบ มือก็ฉีกซองซอสบีบใส่เบอร์เกอร์ให้ด้วย
เจ้าของห้องอาจไม่ใส่ใจได้ แต่คนนอกอย่างรตาไม่กล้านั่งต่อ รีบวางเบอร์เกอร์ในมือลงแล้วทำท่าจะลุกขึ้นหนี
“ทำงานต่อสิ กินไปด้วย เช้านี้เธอยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“แต่คุณลูซคะ...” ดวงตากลมโตเหลือบมองคนที่ยืนจังก้าอยู่
ลูคัสยัดทิชชูใส่มือเล็ก “เดี๋ยวฉันไปคุยงานกับกนกรัตน์ก่อน อ่านไป อย่าดื้อ”
ร่างสูงหยิบแฟ้มรายงานโครงการใหม่ขึ้นมา ก่อนเดินไปนั่งที่โซฟาอีกมุมหนึ่ง หญิงสาวอีกคนรีบตามไปนั่งเบียดด้วยทันที
“ลูซคะ แม่นั่นเป็นใครกัน”
“ทำไมโครงการใหม่ที่ประจวบฯ ยังสำรวจไม่เสร็จอีก”
“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามรัตน์เลยนะคะ”
“ผมอนุญาตให้คุณมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวตั้งแต่เมื่อไหร่”
“แต่เอกสารที่แม่นั่นดูอยู่เป็นความลับของบริษัท ถ้า...”
สายตาคมตวัดขึ้นมอง ดวงตาวาววับชวนให้เสียวสันหลัง
“เธอชื่อรตา ไม่ใช่แม่นั่น ส่วนคุณสนใจแค่หน้าที่ตัวเองก็พอ”
คนที่ถูกพาดพิงอดเหลือบมองไปไม่ได้ ทันเห็นตอนที่กนกรัตน์ยกขาไขว้ห้างพอดี
โอ้วว้าว สีแดงด้วยแฮะ เป็นผู้หญิงแซบน่าดู ถ้าให้เดาคงเป็นจีสตริงลายลูกไม้สุดเซ็กซี่ด้วย
ช่างเถอะ ทำงานของเราดีกว่า
รตาเปิดเอกสารหน้าถัดไปก่อนกัดเบอร์เกอร์คำใหญ่ ซอสเปื้อนขอบปากไม่น้อย แต่ความอร่อยทำให้ไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น กินของแบบนี้ต้องเลอะเป็นปกติอยู่แล้ว
แต่ลูคัสเห็นแล้วคันมือยิบ ๆ อยากลุกขึ้นมาเช็ดให้ใจจะขาด ติดที่ผู้จัดการฝ่ายคนนี้ไม่ยอมกลับห้องตัวเองไปสักที
“ไม่มีธุระอะไรแล้วก็ออกไป”
“มีสิคะ รัตน์จะเตือนเรื่องไปงานมูลนิธิรัตนอนัตน์ ลูซลืมหรือเปล่าคะ” ปลายนิ้วสีแดงสดไล้ไปตามท่อนแขนล่ำ “เราไปด้วยกันนะคะ พอบอสใหญ่เห็นรูปในข่าวแล้วต้องชอบมากแน่ ๆ”
“ที่ตรงเชิงเขาที่ติดกับรีสอร์ทของจักรภานุเจรจาสำเร็จหรือยัง ทางนั้นอยากเริ่มงานเฟสถัดไปแล้วนะ”
“กำลังพูดคุยตกลงกันอยู่ค่ะ” รอยยิ้มหวานเสียจริตเล็กน้อย แต่ก็แค่ครู่เดียว “คืนนี้รัตน์จองดินเนอร์ไว้ที่ร้านเลอปลาซ...”
“ขอให้สนุกนะ” ลูคัสปิดแฟ้มดังฉับ “ช่วยเร่งทีมเจรจาให้ด้วย หรือไม่เธอก็ไปจัดการเองให้มันเสร็จสักที”
ขาดคำร่างสูงก็ลุกขึ้นไปเชยคางมนขึ้น ก่อนใช้ทิชชูเช็ดขอบปากให้ “กินเลอะเทอะอย่างกับเด็กสามขวบ”
“ก็หนูกินเบอร์เกอร์นี่คะ”
“ถ้าเถียงคราวหลังไม่ซื้อให้กินแล้วนะ”
“คุณลูซใจร้าย”
“ฉันร้ายได้มากกว่านี้อีก อ่านไปถึงไหนแล้ว”
“ถึงนี่แล้วค่ะ” เธอชี้ตัวเลขหน้าให้ดูก่อนกระซิบถาม “คุยงานเสร็จแล้วเหรอคะ”
“หน้าที่ฉันคือกดดันให้ลูกน้องตั้งใจทำงาน ไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง”
ลูคัสหยิบเฟรนซ์ฟรายใส่ปากบ้าง ก่อนหยิบเบอร์เกอร์ของอีกคนมาช่วยถือไว้ก่อน อีกมือก็ชี้ไปที่เอกสาร
“เขียนโน้ตแปะไว้ตรงย่อหน้าที่สองหน่อยว่าให้เปลี่ยนเป็นใช้ทีมสถาปนิกจากบริษัทเลิศกิจแทน คราวก่อนคนจากบริษัทสุริยพันทำงานชุ่ยมาก”
“ชุ่ย...มาก...เขียนอย่างนี้เลยเหรอคะ”
“อืม ลายมือเรียบร้อยดีนี่ คราวนี้เปิดไปหน้าที่ยี่สิบสี่ ย่อหน้าที่สามเขียนว่าเอกสารที่ดินไม่ชัดเจน ให้คัดโฉนดจากกรมที่ดินมาเทียบใหม่ ฉันไม่อยากให้มีปัญหาทีหลัง”
“ประโยคสุดท้ายไม่ต้องเขียนใช่ไหมคะ”
“หัวไวดีนะ ทีนี้ก็กินให้หมดได้แล้ว” คนตัวโตป้อนเบอร์เกอร์ให้ “ฉันถือเอง”
“แต่...” รตาเหลือบมองบุคคลที่สามแวบหนึ่ง รู้สึกเหมือนมีมีดเป็นสิบ ๆ เล่มทิ่มแทงไม่หยุด แต่ถ้าให้เลือกระหว่างสองคนนี้ เธอขอตามใจคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ดีกว่า
กนกรัตน์ชักสีหน้าใส่ภาพที่เห็น ก่อนเดินปันปึงออกจากห้องไป เพราะเห็นว่าลูคัสไม่พอใจมากแล้ว
“เฮ้อ” ร่างบางแอบถอนหายใจ ทำเอาอีกคนอดหัวเราะไม่ได้
“บ่ายนี้ฉันมีประชุม พออ่านรายงานเล่มนี้เสร็จเธอก็นอนพักอยู่ในนี้ดี ๆ อย่าไปเที่ยวเล่นที่ไหน เข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ที่จริงเธอยังรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่บ้าง แต่ไม่อยากถูกจับวัดไข้นอกสถานที่เลยเลือกเก็บอาการไว้
ยังไม่ทันถึงเวลาคนตัวเล็กก็งีบคาโต๊ะทำงานแล้ว ลูคัสจึงอุ้มไปนอนที่โซฟา เอาเสื้อคลุมตัวนอกห่มให้
เสียงประตูห้องทำงานแง้มดังขึ้น ธีโอโผล่ศีรษะเข้ามา คนในห้องรีบยกมือห้ามไม่ให้พูด รอจนแน่ใจว่าร่างบางหลับสนิทดีถึงได้ลุกเดินออกไป
“เฝ้าไว้ให้ดี”
“ครับนาย” บอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ แต่ในใจแอบคิดว่าเป็นเอามากจริง ๆ