รัก,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่,ตลก,โรแมนติก,nc,แอบรัก,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ลูคัสเข้าประชุมเรื่องแผนปรับปรุงพื้นที่บนเกาะทางฝั่งทะเลอันดามัน งานนี้กินเวลามานานมากแล้ว พอขอใบอนุญาตได้สำเร็จจึงต้องรีบดำเนินการส่วนที่เหลือโดยเร็ว
กว่าร่างสูงจะกลับมาที่ห้องทำงานก็บ่ายคล้อยเต็มที ขายาวก้าวฉับ ๆ จนกุลธิดาต้องหอบเอกสารวิ่งตาม
พอผลักประตูเข้าไปเจอความว่างเปล่า เหลือเพียงเสื้อคลุมที่วางพาดไว้เรียบร้อย เขาก็ตวัดสายตาไปมองคนสนิทที่กำลังต่อสายโทรศัพท์หาคู่หู
“หาเจอหรือยัง” ลูคัสเอ่ยถามเสียงเรียบ แต่เอริคสังเกตเห็นโทสะใต้ดวงตาสีอ่อนนั้นได้
“อยู่ที่ชั้นสิบครับ”
ชั้นนั้นเป็นส่วนร้านค้าภายในอาคารให้เช่าสำนักงานแอลเอเคคอมเพล็กซ์แห่งนี้ ดูท่าเด็กดื้อนั่นคงไม่ได้คิดจะหนีไปไหน
คนตัวโตสาวเท้าไปที่ลิฟท์ทันที กดเลขสิบย้ำ ๆ จนเอริคกลัวว่าปุ่มมันจะผลุบหายเข้าไป เจ้านายจะรู้หรือไม่ว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจะยิ่งชักช้าเข้าไปอีก
ทางรตากำลังยืนตัวสั่นอยู่กลางห้องอาหารขนาดใหญ่ รอบข้างมีผู้คนมุงดูเต็มไปหมด
เสื้อเชิ้ตสีอ่อนเปื้อนคราบชาเขียวนมสดจนเห็นถึงข้างใน แต่เจ้าตัวหาได้ใส่ใจ สายตาจับจ้องหญิงสาวร่างบางตรงหน้า สองมือกำหมัดแน่น เอ่ยถามเสียงลอดไรฟัน
“ทำบ้าอะไรของเธอ”
“ล้างกลิ่นคาวเหม็น ๆ แถวนี้น่ะสิ” คนพูดยกมือบีบจมูกด้วยท่าทางดัดจริต “ใครได้กลิ่นตัวโสโครกบ้างไหม”
รตามองไปรอบ ๆ แล้วพูดต่อ “ไม่เห็นมีใครได้กลิ่นนะ จมูกเธอคงพังแล้วมั้ง หรือว่าได้กลิ่นตัวเองกันล่ะ”
“เหอะ ปากดีอย่างนี้นี่เองถึงอ้อนขอตามบอสมาถึงที่นี่ได้ เรื่องอื่นก็คงเจนจัดเอาการด้วยสินะ”
คนตัวเล็กยกมือกอดอก ลอยหน้าลอยตาตอบกลับไป
“ก็มีดีพอตัว อย่าบอกนะว่าที่มารังแกฉันอย่างนี้ก็เพราะเสียดายที่อดพิสูจน์ ถ้าอยากรู้มากนักถามกันดี ๆ ก็ได้นี่”
“พูดบ้าอะไรของแก ใครจะไปอยากแตะต้องของสกปรกกัน”
“ใครอยากแตะงั้นเหรอ ก็ต้องเป็นคนที่หิ้วฉันมาสิ”
“นั่นไง เธอมันก็แค่อีตัวที่บอสเล่นสนุกด้วยชั่วครั้งชั่วคราว อย่าได้สะเออะมาชูคอทำตัวเป็นคุณนายแถวนี้”
“ต่อให้ฉันหากินด้วยอาชีพนั้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาดูถูกกันอย่างนี้” ร่างบางยกมือชี้ที่เสื้อเปียก ๆ ของตัวเอง “เพราะฉันน่ะขายตัวแล้วยังได้เงิน แต่เธอน่ะไม่ได้อะไรสักอย่าง ดีแต่เป็นคนโง่ให้คนอื่นหลอกใช้อยู่ได้”
“ใครหลอกใช้อะไรกัน”
“อย่านึกว่าฉันดูไม่ออกว่าใครส่งเธอมา” รตาหรี่ตาจ้องจับผิด “อยากรู้จังว่าถ้าเธอโดนไล่ออกขึ้นมา คน ๆ นั้นจะยอมออกหน้าปกป้องไหม”
“บอสไม่มีทางไล่คนออกแค่เพราะสั่งสอนอีตัวที่หิ้วมาหรอก”
“ก็คงใช่ แต่เขาคงไม่ปล่อยให้มีคนที่ไม่เคารพคุณค่าของคนอื่นอยู่ในบริษัทด้วย”
“พูดจาสวยหรูเชียว แต่สภาพดูไม่ได้” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเนือย ๆ พร้อมกับมีเสื้อคลุมสวมทับให้คนตัวเล็ก “ว่าแต่เธอขายเท่าไหร่เหรอ ไม่เห็นบอกราคาเลย แบบนี้ฉันจ่ายให้ไม่ถูกนะ”
รตาหันขวับไปมองตามเสียง แม้ถ้อยคำจะดูหยอกล้อไม่จริงจัง แต่ไฟโทสะที่อยู่หลังดวงตาคู่นั้นเป็นของจริงแน่
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดพุ่งขึ้นสูงทันใด รีบขยับเข้าไปกอดแขนล่ำไว้แล้วพูดเสียงออดอ้อนเอาใจ
“คุณลูซประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ ไหนคุณรัตน์บอกว่าน่าจะประชุมจนค่ำ ให้หนูลงมาหาอะไรไปไว้ให้คุณรองท้องก่อน”
เธอพูดเหมือนเล่าไปเรื่อย แต่ที่จริงก็ตั้งใจฟ้องเขานั่นแหละ
ลูคัสเลิกคิ้วสูง ไม่ยอมให้เด็กดื้อเปลี่ยนเรื่องได้
“ว่าไง จะคิดเงินฉันไหม”
“คุณบอกเองนี่คะว่าไม่มีใครทำงานฟรี ๆ หรอก” เธอหมายถึงที่ตรวจทานเอกสารให้เขานะ ไม่ใช่เรื่องนั้นจริง ๆ
“โอเค ตามมาสิ ฉันจะจ่ายให้”
รตาเม้มริมฝีปากแน่น ขาไม่อยากก้าวตามนัก กลัวว่าเขาจะคิดจ่ายด้วยวิธีพิสดารอะไรขึ้นมา
“ถ้าให้ฉันยืนรออยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่ ค่าชดเชยของผู้หญิงคนนั้นจะลดลงไปนาทีละหนึ่งเดือน”
“ชด...ชดเชยอะไรคะ”
“ที่ไล่ออกกะทันหัน” ร่างสูงยกสมาร์ทวอชขึ้นดู “สิบห้าวิ สิบวิ...ทีหน้าทีหลังหัดเชื่อฟังกันบ้างสิ”
“หนูก็มาแล้วนี่ไงคะ” เธอจับเขาขยับไปสองก้าว เท่านี้ก็ไม่ใช่ที่เดิมแล้ว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่
“ถ้าไม่ออกจากห้องทำงานมาจะเกิดเรื่องไหม” ลูคัสย่อมดูความเจ้าเล่ห์ของเธอออก แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร
“คุณลูซ” รตาเขย่งปลายเท้าขึ้นกระซิบถาม “จะไล่เธอออกจริงเหรอคะ”
“อืม ฉันไม่เก็บคนที่ไม่มีวุฒิภาวะเอาไว้หรอก”
ลูคัสหันไปสบตากับเอริคก่อนจูงร่างบางไปที่ลิฟท์ รตาได้แต่ก้มหน้าเดินตามเงียบ ๆ กลัวว่าจะทำให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาอีก
“จะไปเลยไหมครับนาย”
ธีโอถามอย่างหวาด ๆ เพราะตัวเองก็มีชนักติดหลังที่ปล่อยให้คนอื่นมารังแกหญิงสาวได้ ดีที่ลูคัสไม่ได้เอาเรื่องอะไร
“ไปเลย”
ทั้งสามตรงไปที่ลานจอดรถชั้นจี ระหว่างที่รอเอริคกลับมา คนตัวโตก็โยนทิชชูเปียกให้คนข้าง ๆ ก่อนนั่งไขว่ห้างเสมองออกไปด้านนอก
รตาเช็ดเสื้อเงียบ ๆ ตาก็แอบมองคนตัวโตเป็นระยะ สงสัยว่าทำไมถึงทำหน้าบึ้งขนาดนั้น
ดูท่างานคงมีปัญหาถึงต้องประชุมตลอดบ่าย เธอจะทำตัวว่านอนสอนง่ายก็แล้วกัน เขาได้ไม่ต้องเสียแรงขู่อะไรอีก
พอเอริคมานั่งประจำที่ก็ขับรถออกไป ใช้เวลาอยู่ราวสี่สิบนาทีก็ถึงที่หมาย
ปลายทางเป็นห้างสรรพสินค้าหรูหราใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง
ร่างบางเห็นแล้วอดก้มมองตัวเองไม่ได้ สภาพของเธอไม่เหมาะจะเดินผ่านหน้าห้างด้วยซ้ำ แต่คนตัวโตกลับเปิดประตูแล้วลากออกไปหน้าตาเฉย
แน่นอนว่าคนตัวเล็กย่อมไร้ปากเสียงใด ๆ ปล่อยให้อีกคนจับจูงไปจนถึงหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นสุดหรู ปากนุ่มยิ่งอ้าค้างหนักขึ้น
“คุณลูซคะ หนูว่า...” รตาหันมองหาตัวช่วย แต่บอดี้การ์ดทั้งสองคนหายตัวไปเรียบร้อยแล้ว “เราจะกินกันที่นี่เหรอคะ”
ลูคัสยกยิ้มมุมปาก ก้มหน้ากระซิบบอก “เราจะกินกันที่บ้าน แต่จะกินมื้อเย็นที่นี่”
คนถูกหยอกเย้าผงะถอยหนี ใบหน้าหวานแดงซ่านถึงใบหู แต่ไม่ทันไรก็ถูกมือหนาดึงตัวเข้าไปในร้าน
รตาไม่เคยเหยียบเข้ามาสักครั้ง จึงปล่อยให้อีกคนสั่งอาหารกับพนักงานไป ส่วนตัวเองเอาแต่มองรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น
ร่างสูงนั่งมองภาพตรงหน้าเงียบ ๆ ตอบคำถามคนตัวเล็กเป็นครั้งคราว รอจนอาหารมาเสิร์ฟถึงได้ออกคำสั่ง
“กินสิ”
“แล้วคุณธีโอกับคุณเอริคล่ะคะ”
“ไม่ต้องห่วงคนอื่น กินไป” ลูคัสคีบเทมปุระใส่ถ้วยให้ ตามด้วยปลาดิบที่แล่เป็นชิ้นบางใสอย่างประณีต
พอเห็นกุ้งทอดสีเหลืองทอง รตาก็ลืมสิ่งอื่นที่กินไม่ได้ไปแล้ว สนใจเพียงอาหารละลานตาเบื้องหน้าเท่านั้น แม้แต่คนที่พามายังไม่อยู่ในสายตาเลย
ผ่านไปสักพักสาวน้อยก็นั่งเอนพิงพนักเก้าอี้ ยกมือลูบพุงน้อย ๆ หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขมาก
“อิ่มจังเลย อร่อยมาก”
“พอนับเป็นค่าตัวได้ไหม”
“ได้สิคะ” พูดตอบไปแล้วเธอถึงนึกขึ้นได้ “คุณจะจ่ายให้หนูจริงเหรอคะ”
ลูคัสจิบชาเขียวล้างปาก “บอกแล้วว่าฉันไม่กินเธอฟรี ๆ”
รตาเห็นเขาดูอารมณ์ดีไม่น้อย จึงคิดจะพูดเรื่องพนักงานคนนั้นอีกครั้ง “คุณลูซ...”
“ไม่ได้”
“หนูยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะคะ”
“แค่ฟังน้ำเสียงฉันก็รู้แล้ว” คนตัวโตเอื้อมมือไปลูบเส้นผมยาวที่จับตัวเป็นก้อน “ในเมื่อเธอไม่รู้จักดูแลตัวเอง กลับไปฉันจะเป็นคนสระผมให้”
ใบหน้าหวานเหยเกขึ้นมาทันใด นึกเสียใจที่คิดพูดแทนคนอื่นจนหาเรื่องใส่ตัว
ลูคัสจ่ายค่าอาหารแล้วลุกขึ้นยืน พอยื่นมือไปหาก็เห็นอีกคนยังนั่งวิญญาณหลุดจากร่างจึงพูดบอก
"ถ้ายังชักช้าสองคนนั้นจะไม่ได้กินข้าว”
“คนใจร้าย” รตาแอบบ่นพึมพำ พอถูกคนตัวโตมองค้อนก็ต้องจับมือเขาอย่างเสียมิได้ “ทราบแล้วค่า ๆ”
“รู้ดี แต่เห็นหาเรื่องใส่ตัวตลอด”
คนตัวเล็กแอบมองค้อนกลับไป นี่เขาอ่านใจเธอได้หรือไง
ทั้งคู่เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่พักหนึ่ง รตาขอซื้อหนังสือไว้อ่านเล่นสองสามเล่มกับเครื่องเขียนนิดหน่อย
รอจนได้เวลาลูคัสก็พาเธอกลับไปที่ลานจอดรถ เจอพวกบอดี้การ์ดกำลังปิดประตูหลังรถพอดี
“เรียบร้อยแล้วครับนาย”
“อืม กลับบ้านได้เลย”