รัก,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่,ตลก,โรแมนติก,nc,แอบรัก,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“วันนี้ฉันไม่เข้าบริษัท มีอะไรไว้วันพรุ่งนี้”
รตานอนแอบมองแผ่นหลังกว้างที่นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ริมเตียง เธอมัวแต่เหม่อจนเจ้าตัวหันมาเจอ
“ตื่นแล้วเหรอ” ลูคัสพลิกตัวกลับไปจูบปากนุ่มเบา ๆ “อยากกินเบอร์เกอร์อีกไหม”
“ไม่ค่ะ”
“แล้วจะกินอะไร ป้าไหมยังไม่กลับมานะ เห็นว่าหลานเป็นไข้ตัวร้อน ต้องอยู่ดูอาการสักหลายวัน”
“ค่ะ” ร่างบางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ในครัวมีวัตถุดิบไหมคะ”
“มีสิ จะทำอาหารเองเหรอ”
“คุณไปอาบน้ำก่อนค่ะ” เธอยกมือดันคนตัวโตให้ลุกจากเตียง
ชายหนุ่มจ้องมองนิ่ง ๆ ก่อนจะยอมลุกขึ้นเดินแก้ผ้าโทง ๆ เข้าห้องน้ำไป
คนอะไรก็ไม่รู้หน้าไม่อายเลย แต่ก้นเนื้อแน่นดีจัง
รตาเผลอมองตามไปจนลับสายตา สองแก้มร้อนผ่าวจนต้องยกมือแนบไว้ รีบสะบัดหน้าไล่ภาพเมื่อครู่ออกไปสักหน่อย
พอเรียกสติเข้าร่างได้ก็ลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมมาสวม เดินออกจากห้องนอนลงไปที่ครัว เปิดตู้เย็นดูว่ามีวัตถุดิบอะไรอยู่บ้าง
“อืม เอาเป็นข้าวต้มกุ้งก็แล้วกัน”
ดีที่แม่บ้านของเขาเป็นคนมีระเบียบและขยัน เตรียมของสดไว้พร้อมใช้งานเป็นอย่างดี เธอจึงไม่ต้องทำอะไรมากนัก เพียงแค่เลือกของที่ต้องการออกมาปรุงก็พอ
ลูคัสอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ตามลงมาด้านล่าง เห็นร่างบางสวมผ้ากันเปื้อนเดินวนไปมาอยู่ในครัวก็ยกยิ้มจาง มือที่กำลังจรดกระดุมเสื้อเชิ้ตหมดแรงเอาเสียดื้อ ๆ
“หนูตา”
“คะ” เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยเรียกด้วยคำนี้ รตาจึงเผลอตัวหันไปขานรับอย่างรวดเร็ว “มีอะไรเหรอคะ”
“ใส่เสื้อให้หน่อย”
หญิงสาวหันไปมองในหม้ออีกครั้ง ก่อนเดินไปช่วยติดกระดุมให้อย่างเต็มใจ เพราะปกติมีแต่สั่งให้ช่วยถอด แต่ในใจยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะแต่งตัวทำไม ไหนว่าไม่เข้าบริษัท
“ทำเมนูอะไร”
“ข้าวต้มกุ้งค่ะ กินไหมคะ”
“เธอเหรอ”
“หมายถึงอาหาร แต่ถ้าไม่อยากกินฝีมือหนูก็ไม่เป็นไร”
“กินสิ พอเธอกินเสร็จแล้วรีบไปอาบน้ำแต่งตัวล่ะ”
“หนูต้องไปอีกเหรอคะ” ร่างบางเอ่ยถามพลางจับมือหนาที่แอบนวดก้นเธอออกด้วย “ปล่อยค่ะ ข้าวต้มเดือดใหญ่แล้ว”
“ฉันก็เดือดนะ”
รตาเหลือบมองค้อนคนตัวโตไปทีหนึ่ง มือก็ตักข้าวต้มใส่ถ้วยแล้วเดินไปวางไว้บนโต๊ะสีดำสนิท
“ตอนนี้เวลากินข้าวค่ะ”
“ใช่ แล้วนั่นเธอจะไปไหน” พอเห็นอีกฝ่ายถอดผ้ากันเปื้อน ลูคัสก็รีบคว้าข้อมือเล็กไว้ “นั่งกินข้าวด้วยกันก่อน หรือจะ...”
“กินค่ะ หนูจะไปตักเดี๋ยวนี้แหละ”
ต่อให้พูดไม่จบเธอก็เดาออก คนอะไรก็ไม่รู้หื่นตลอดเลย
หลังจบมื้อเช้าสบาย ๆ หนึ่งชั่วโมงถัดจากนั้นรตาก็ก้มหน้าเดินตามร่างสูงเข้าไปในร้านเสริมสวยสุดอลังการแห่งหนึ่ง
เธอไม่เคยสังเกตเลยว่าแถบนี้มีร้านที่ทั้งแต่งหน้า ทำผม บริการสปารวมถึงให้เช่าชุดในโอกาสต่าง ๆ ครบวงจรขนาดนี้
แต่ท่าจะเป็นครั้งแรกของคนที่พามาด้วยเช่นกัน ลูคัสยกมือห้ามพนักงานที่ตั้งท่าจะถามยาวเหยียด เอ่ยพูดไปแค่ประโยคเดียว
“ทำให้เธอสวยพร้อมออกงานเลี้ยงกลางคืน”
“เอ่อ...” เจ้าของร้านยังไม่แน่ใจ
“ราคาไม่เกี่ยง”
ธีโอขยับเข้ามาชูแบล็คการ์ดให้ดู ท่าทีของอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง
“ได้เลยค่ะ ๆ เชิญค่ะคุณน้อง”
เหล่าพนักงานรีบต้อนร่างบางเข้าไปด้านใน รตาตกใจมากที่มีมือไม่รู้กี่คู่ยื่นมาช่วยกันถอดเสื้อผ้าของเธอออก
“เดี๋ยวค่ะ ๆ ฉันอาบน้ำมาแล้ว ขอแค่แต่งหน้าทำผมก็พอ”
“ไหน ๆ ก็มาแล้ว ขัดตัวอบผิวสักหน่อยนะคะ สุดหล่อที่รออยู่ข้างนอกจะได้ตกใจในความสวยของน้อง”
“เขาไม่ตกใจหรอกค่ะ” ต่อให้สวยแค่ไหนสักวันเขาก็คงเบื่อ ดูอย่างผู้จัดการคนนั้นก็รู้
เจ้าของร้านเห็นสีหน้าหญิงสาวก็เปลี่ยนคำพูด เพราะเคยเจอเคสแบบนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว
“ถ้างั้นน้องยิ่งต้องรีบตักตวงไว้นะ ทำตัวเองให้สวยเข้าไว้ พอถูกคุณป๋าคนนี้ทิ้งจะได้หาเสี่ยคนใหม่มาเลี้ยงต่อได้ง่าย ๆ”
รตาถึงกับจุกจนพูดไม่ออก ถ้าเธอทำอาชีพนี้จริง ๆ ก็คงเห็นด้วย แต่แค่คิดว่าต้องไปใกล้ชิดกับคนอื่น หัวใจก็บีบรัดจนเจ็บแล้ว
ร่างบางยืนนิ่งอึ้งไปนาน เปิดโอกาสให้พวกพนักงานทำงานได้สะดวกขึ้น
ช่างเถอะ ขออยู่กับปัจจุบันไปก่อนแล้วกัน
ลูคัสนั่งไขว่ห้างอ่านเอกสารในไอแพดรออยู่ในโซนรับรอง รัฐภพร่างสัญญามาใหม่เป็นหกสิบสี่สิบแล้ว พร้อมการันตีว่าจะจ่ายให้ทันทีที่ปล่อยของลอตแรกได้หมด
เขาสบตากับเอริคแวบหนึ่ง ก่อนส่งอีเมล์ตอบตกลงกลับไป พอดีกับที่พนักงานเดินนำใครบางคนเข้ามา
“เรียบร้อยแล้วค่ะ สวยถูกใจไหมคะ”
เจ้าของร้านขยับไปด้านข้าง ผายมือไปยังคนที่อยู่ด้านหลัง
รตากระพริบตามองคนตัวโตอย่างประหม่า เผลอยกมือจับผมยาวที่ดัดเป็นลอนใหญ่ ขับเน้นดวงหน้ารูปไข่ให้ดูหวานยิ่งขึ้น นัยน์ตาโศกถูกแต่งแต้มจนสวยเฉี่ยวน่าค้นหา ริมฝีปากอิ่มทาสีแดงฉ่ำวาวคล้ายเชอร์รี่จริง ๆ
โทนสีทุกอย่างล้วนรับกับเดรสเกาะอกตัวยาวปักเลื่อมสีแดงเข้ม เผยให้เห็นไหล่ลาดเล็กน่าทะนุถนอม ในมือถือกระเป๋าคลัชท์สีเงินวิบวับใบเล็กให้ดูชิค รองเท้าสีเงินสูงห้านิ้วช่วยเสริมให้คนเตี้ยแค่ร้อยหกสิบนิด ๆ ดูเพรียวระหง พอมายืนเคียงข้างคนตัวโตจึงดูเหมาะสมกันยิ่งขึ้น
ลูคัสจ้องมองร่างบางที่เปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้ ภาพในหัวยังติดอยู่กับตอนที่เธอสวมเสื้อเชิ้ตเก่าปอนกับกระโปรงทรงสอบธรรมดา นั่งยองกางร่มให้หมาแมวจรจัดข้างถนน...
“คุณลูซไม่ชอบเหรอคะ”
รตาเห็นเขาขมวดคิ้วมุ่นก็ใจเสีย พนักงานที่นี่เป็นมืออาชีพกันจะตาย ย่อมแต่งหน้าทำผมออกมาได้สวยมากอยู่แล้ว ชุดกับของที่ใส่ก็ดูดี ปัญหาคงมาจากตัวเธอมากกว่า
“เจ็บเท้าเหรอ”
“คะ” ร่างบางเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ
“ก็เห็นเอาแต่ก้มหน้า รองเท้ากัดหรือไง”
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปกันเถอะ”
ลูคัสจับมือเล็กมาควงแขนตัวเองแล้วพาออกจากร้าน มีเอริคเดินตามหลัง ส่วนธีโออยู่จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อย ก่อนมุ่งหน้าไปยังสถานที่ถัดไป
“นายครับ นั่นมัน...” คนสนิทเอ่ยทักพลางชี้ให้ผู้เป็นนายดู
“พามาแต่งสวยขนาดนี้ ไม่น่าแค่ใช้ระบายอารมณ์ชั่วคราวแล้วมั้งครับ” ลูกน้องอีกคนออกความเห็นบ้าง
คนกลุ่มหนึ่งยืนมองอยู่ตรงหน้าร้านอาหารที่ห่างไปไม่ไกล ชายหนุ่มในชุดขาวยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ ทว่าดวงตาสีเข้มกลับล้ำลึกขึ้นหลายส่วน
“ก็ไม่แปลก เด็กนั่นดูน่าเอาตั้งแต่แรกแล้วนี่” รัฐภพเอ่ยยิ้ม ๆ ตามองลีมูซีนคันหรูที่ขับผ่านหน้าไป “น่าเสียดายแฮะ ฉันไม่น่าใจอ่อนยกให้ไปเลย”
“คุณรัฐมีรินแล้วนะคะ” หญิงสาวที่เกาะแขนอยู่เอ่ยออดอ้อน “รินเก่งงกว่าแม่นั่นแน่นอน”
“ก็จริง อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าฉันชอบอะไร” ชายหนุ่มพูดตามน้ำ ก่อนเดินเข้าไปในร้านอาหาร แต่ปรายตาส่งให้ลูกน้องคนสนิท
วิเชียรผละออกไปทันที เขาทำงานกับอีกฝ่ายมานานจนรู้ว่านายอยากให้สืบเรื่องไหน
ปลายทางเป็นโรงแรมหรูใจกลางเมือง แค่เห็นโถงทางเข้ารตาก็ยกมือเกาะแขนคนข้างกายแล้ว
ลูคัสเหลือบมองแวบหนึ่ง ก่อนพาเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง
งานนี้เป็นงานระดมทุนเข้ามูลนิธิเด็กด้อยโอกาสหลายแห่ง เป็นงานที่เหล่าเจ้าสัวและเซเลบริตี้ทั้งหลายมาทำเพื่อสังคม ได้ทั้งหน้าตาและคอนเนคชั่นไปในตัว
แสงแฟลชสว่างวาบเป็นระยะ ๆ แต่ละคนยุ่งอยู่กับการมองจิกกล้องบันทึกภาพการทำความดีของตนไว้เป็นหลักฐาน คนนอกจะได้รับรู้โดยทั่วกัน
รตาไม่เคยเจออะไรเช่นนี้มาก่อน รู้สึกตื่นเต้นจนสะดุดชายกระโปรงตัวเองเข้าให้ ดีที่คนตัวโตคว้าไว้ได้ทัน
“ระวังหน่อยสิ”
“ก็หนู...”
“สวัสดีค่ะคุณลูซ เกรซนึกแล้วว่าต้องได้เจอคุณที่นี่”
สาวสวยเฉี่ยวรูปร่างเพรียวระหงเยื้องย่างเข้ามาทักทาย รตารีบดึงแขนออกจากมือเขา
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มยิ้มรับพลางคว้าแขนคนตัวเล็กให้อยู่นิ่ง ๆ “ผมเองก็นึกแล้วว่าคุณต้องไม่พลาดงานนี้แน่”
“วันก่อนเกรซได้ข่าวมาว่าคุณอยากสร้างอาคารใหม่ให้โรงเรียนครูนิ่มก็เลยตั้งใจมาสมทบทุนด้วย เราจะได้ทำบุญร่วมกัน”
ต่อให้ไม่มีประโยคปิดท้าย แต่ใคร ๆ ก็ดูเป้าหมายของเธอออก ทำเอาคนตัวเล็กที่มาด้วยถึงกับทำหน้าไม่ถูก
รตาแอบสังเกตท่าทีของร่างสูงอยู่อึดใจหนึ่ง เห็นว่าทั้งสองดูมีเรื่องมากมายให้คุยกันจึงยืนก้มหน้าเงียบ ๆ
หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามาทักทายไม่หยุดหย่อน แต่ไม่มีใครเอ่ยถามถึงเธอสักคน ตัวคนที่พามาดูแล้วก็ไม่คิดจะแนะนำเธอให้รู้จักคนอื่นเช่นกัน
ร่างบางค่อย ๆ ถูกผู้คนมากมายเบียดแทรกจนไม่อาจยืนอยู่ข้างคนตัวโตได้อีก จึงเลือกเดินเลี่ยงไปหาอะไรดื่มหน่อยดีกว่า
ตอนที่ยังทำงานอยู่เธอเคยดื่มในงานเลี้ยงของบริษัทมาบ้าง แค่ไวน์หรือแชมเปญสักสองสามแก้วคงไม่มีปัญหา แต่จะให้ดีควรรองท้องด้วยขนมอร่อย ๆ สักสี่ห้าชิ้นก็ดี
ตอนแรกรตายังเกร็ง ๆ อยู่บ้าง แต่พอหยิบชิ้นแรกเข้าปากไปได้ ชิ้นถัดไปก็ตามมาติด ๆ
เรื่องอื่นเธออาจไม่พอใจนัก แต่อย่างน้อยในงานนี้ก็มีอาหารดี ๆ ให้ลองชิมมากมาย วางเรียงรายละลานตาไปหมด
ร่างบางหยิบชิ้นนั้นชิ้นนี้กินอย่างสนุกสนาน ไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนแอบมองอยู่นานแล้ว
“อันนี้อร่อยมากเหรอครับ ผมเห็นคุณหยิบกินหลายชิ้นเลย”