ชาย-ชาย,ครอบครัว,ไทย,รัก,ตลก,ตลก,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โดย Chavaroj
ขับรถมอเตอร์ไซค์มา จะด้วยอาชีพ หรือความชำนาญ หรือเพราะแถวนี้มันถิ่นของผมอยู่แล้ว เรียกว่าแทบจะหลับตาขับก็ยังได้ แต่ไม่สิ มันแค่คำเปรียบเปรย ขืนหลับตาขับจริง ๆคงโดนรถเมล์ลากไปแดก หรือล้มโดนรถที่ขับตามมาทับหัวแบะได้ สรุปก็คือผมกับม๊าถึงร้านของอาแปะในที่สุด เข้าซอยไปไม่ลึกมาก ทำให้ได้เปรียบคือมีที่จอดรถ และไม่อึกทึกนัก แต่ถ้ามองจากปากซอยก็จะสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ยิ่งดึก ๆ เปิดไฟสว่างไสว ก็จะยิ่งมองเห็นได้ชัดยิ่งขึ้น ไม่นับรวมกลิ่นหอมฉุยที่ลอยออกมายั่วยวนทีเดียว
ถ้าจะให้ตื่นเต้น ก็ด้วยกระทะและเตาไฟที่มักจะส่งเปลวไฟร้อนฉ่าขึ้นสูงในอากาศ ถ้ามีเมนู ผักบุ้งไฟแดง หรือผักกระเฉดไฟแดง และถ้ามีฝรั่งผ่านมาเห็นก็แทบจะหยุดหายใจและออกจะตื่นเต้นกันเชียวล่ะ ขนาดผมเองยังตื่นเต้นเลย แม้ว่าจะเห็นมาตั้งแต่เด็กจนป่านนี้ ส่วนเคล็ดลับจะเป็นยังไง ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอาแปะและเฮียปาล์มไปก็แล้วกัน ผมไม่รับรู้ด้วย รู้แค่ว่าฝีมือของทั้งคู่อร่อยแน่ ๆ
ม๊าเมื่อถึงร้าน ก็ยิ้มทักทาย และตรงรี่ไปพบพี่สะใภ้ ซึ่งหลังจากรักษาอาการป่วยจากมะเร็งเต้านม ตอนนี้ก็แทบจะกลายเป็นไข่ในหิน จนเจ้าตัวบ่นว่าไม่เป็นอะไรมากแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นอาแปะก็ไม่ค่อยให้ป้าแกออกมายุ่งที่ด้านนอก ก็ถือว่า เป็นคนรักถนอมเมียคนหนึ่ง แต่ตามประสาคนขยัน จะอยู่ก็ไม่อยู่เฉย ๆ แกก็หาผักหาหญ้ามาเด็ดมาปอกไปตามเรื่อง หรือไม่ก็นั่งคุยกับเฮียปลื้มที่ทำขนมอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นภาพที่เห็นชินตา
สองผู้หญิงหนึ่งน้องสาวหนึ่งพี่สะใภ้ คุยกันทักทายอย่างสนิทสนม เพราะเคยผ่านสถานการณ์เดียวกัน จึงรู้ซึ้งเข้าใจถึงหัวอกหัวใจกันดี แต่วันนี้พิเศษหน่อย เพราะนอกจากคนในครอบครัวของเรา ก็มีแฟน ๆ ของเฮียปลื้มกับเฮียปาล์มมาร่วมวงด้วย
ผมเคยเห็นผ่าน ๆ แต่ไม่ได้พูดคุยกันเป็นกิจจะลักษณะ เรียกว่าพอจะรู้ว่าหน้าตาทั้งคู่น่ะเป็นยังไงแต่ไม่เคยพูดคุยหรือสนิทสนม วันนี้แหละก็คงจะได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ
แฟนของเฮียปลื้มนั้นชื่อสมประสงค์ ดูเป็นศิลปินนิด ๆ และจัดว่าหล่อแบบเซอร์ ๆ แต่ดูจะคลั่งเฮียปลื้มมาก เรียกว่าหลงเลยก็น่าจะได้ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะเฮียปลื้มน่ะมันหน้าตาน่ารัก หน้าตาดีจัด ๆ แถมทำขนมเก่ง ใครได้เป็นเมียก็ต้องถือว่าเป็นวาสนา
ส่วนแฟนเฮียปาล์มน่ะ ชื่ออามเป็นหมอดู ซึ่งท่าทางพูดเก่ง และเพียงเจอกับม๊าไม่กี่นาที ได้ทักทายและแนะนำให้รู้จักกันทั้งคู่ก็คุยกันเหมือนรู้จักกันมานานแสนนาน ยิ่งรู้ว่าเฮียอามเป็นหมอดู ม๊าก็ถึงกับเสียอาการ ให้เขาดูดวงให้ใหญ่ คำถามหลัก ๆ ก็คือ จะมีลาภลอยบ้างไหม ซึ่งเฮียอามก็ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้
โต๊ะกับข้าวแบบโต๊ะจีน คือแบบกลม ๆ ถูกจัดไว้ อาแปะนั่งเป็นประธาน ถัดไปก็คือคุณป้า จริง ๆ ผมควรเรียกแกว่าอาอึ้ม แต่แกว่าแกเป็นคนไทย ฟังแล้วมันทะแม่ง ๆ เรียกป้าดีกว่า ผมก็เลยตามใจแกก็ขนาดลูกชายแกสองคนยังเรียกแกว่าแม่ ไม่ยักเรียกม๊าเลย จะเรียกว่าพหุวัฒนธรรมก็เห็นจะไม่ผิด
เฮียปาล์มนั้นรับหน้าที่พ่อครัวใหญ่ ทำกับข้าวคู่กับเฮียปลื้ม เรากินกันตั้งแต่เย็น ๆ ลูกค้ายังไม่มาก จึงนั่งกินกันแบบสบาย ๆ ทุกข์สุขถูกเอามาพูดคุยไต่ถามกัน ซึ่งเรื่องของผมก็ถูกไต่ถามน้อยเต็มที เพราะอาจจะมาให้แกเจอหน้าบ่อย ๆ แต่ที่ออกจะคุยเยอะก็คือ เฮียอามหมอดูแม่น ๆ กับเฮียสมประสงค์มากกว่าที่ดูจะคุยให้พวกเราฟังแล้วได้หัวเราะกัน ส่วนเฮียปลื้มก็เอาแต่หัวเราะ สลับกับไปช่วยเฮียปาล์มทำกับข้าว เฮียปาล์มนั้นรับบทพ่อครัวใหญ่เลยทีเดียว ทำกับข้าวมาให้เรากินได้เรื่อย ๆ อ้อ และคนที่กินได้ดูน่าเอร็ดอร่อยที่สุดก็คือเฮียอามนี่แหละ แดกเอา ๆ เห็นแล้ว ต่อให้คนที่เบื่ออาหารที่สุดในโลก ยังอยากจะลองกินว่าไอ้ที่เฮียอามมันกินน่ะมันดูน่าอร่อยขนาดไหน และดูกินเก่งอย่างนี้ต่อให้อาหารทำมามากมายก็ไม่มีเหลือทิ้งแน่ ๆ
"ผมเป็นคนกินจุน่ะครับ แต่กินเท่าไรก็ไม่อ้วน" เจ้าตัวออกตัวเสียเลยเพราะเห็นสายตาของผมกับม๊าที่มองแกอย่างทึ่ง ๆ ถ้าผมกินข้าวเยอะแบบนี้รับรองม๊าเฉดหัวออกจากบ้านแน่นอน แต่ก็เหมาะสมกับเฮียปาล์มแล้วแหละ คนนึงทำคนนึงแดก
เราคนจีนแล้วก็แก่ ๆ กันแล้ว แถมอาแปะกับม๊าก็ไม่ใช่คนที่จะมาอยากฟังเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์แล้วก็เป่าเทียนแน่ ๆ ก็คือเหมือนมากินข้าวมาพูดคุยกันให้หายคิดถึง แค่นี้ก็พออกพอใจกันทุกฝ่ายแล้ว ม๊าก็กินได้ไม่มากหรอก เรียกว่าเล็มอันนั้นนิดอันนี้หน่อย ส่วนผมก็ได้มีลาภปากอย่างนี้ก็แดกให้ได้มากที่สุด แต่คืนนี้กรดไหลย้อนจะเล่นงานหรือไม่ก็ต้องคอยลุ้นกันอีกที แต่ผมเตรียมอีโนไว้แล้วสี่ห้าซอง ถ้าแดกแล้วไม่หายพ่อจะฉีกซองเทใส่ปากแบบสด ๆ มันเสียเลย
การรวมญาติของเรามันทำให้ผมรู้สึกไม่โดดเดี่ยวและม๊าก็มีความสุข จะได้เห็นม๊าหัวเราะเสียงดังและได้ยิ้มกว้าง ๆ ก็คือช่วงเวลานี้นี่แหละ แต่ม๊าก็ไม่ใช่คนอมทุกข์นะอย่าเข้าใจผิด แกก็มีความสุขในแบบฉบับของแก แต่ผมกำลังจะทำให้ความสุขของม๊าเปลี่ยนไป รอให้กลับถึงบ้านก่อนเถอะ
ร่ำลากันจนอ่อนใจ และผมก็ขับรถโดยมีม๊าซ้อนท้ายอยู่ข้างหลัง ขนาดใส่หมวกกันน๊อคอย่างนี้ ม๊าก็ยังคุยจ้อ โดยเฉพาะเรื่องแฟน ๆ ของเฮียทั้งสองคน ผมก็เออ ๆ คะ ๆ ไปตามเรื่อง ก็ตั้งใจขับรถจะมัวหันไปคุย เดี๋ยวก็โดนรถปาดไปแดกพอดีน่ะสิ
ขับรถจอดยังที่จอดประจำ ผมปล่อยให้ม๊าขึ้นบ้านไปก่อน ยังแค่สี่ทุ่ม ผมว่าผมน่าจะไปขับวินสักสองชั่วโมง เพราะท้องมันยังจุก ๆ อยู่ และที่สำคัญกลัวแดกเยอะแล้วนอน เดี๋ยวกรดไหลย้อนจะเล่นงาน วันนี้วันดี ขับรถสบาย ๆ และได้ลูกค้าเรื่อย ๆ เมื่อกลับถึงบ้านม๊าก็นอนไปเรียบร้อยแล้วเหมือนทุกที ผมอาบน้ำเสร็จ ก็เข้านอน หัวถึงหมอนก็หลับไป ผมว่าผมเป็นคนโชคดี เพราะเป็นคนหลับง่าย หัวถึงหมอน ก็แทบจะหลับได้ในทันที อาจเพราะผมเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรมาก หรือเพราะเหนื่อยและเพลียกับงานในช่วงกลางวัน หรือเพราะบุญเก่า สรุปเมื่อหลับไปแล้วและตื่นมาในตอนเช้า ก็ตื่นได้อย่างสดชื่น
อีทีนี้แหละเรื่องที่จะทำให้ม๊าเซอร์ไพรส์ก็ถึงเวลาสักที ผมเดินเฉิบ ๆ ลงมาข้างล่าง พร้อมกับของขวัญที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง ม๊านั้นก็อารมณ์ดีแน่ ๆ เพราะเช้านี้ไม่ฟังธรรมะแต่เปิดเพลงของศรัณย่าเบา ๆ ลูกค้าก็ยังบางตา
"ม๊า ตี๋มีของขวัญวันเกิดมาให้" ผมว่าและยื่นกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ให้ม๊า ซึ่งเจ้าตัวก็มองด้วยหางตาและพยายามจับผิดว่าผมจะมาไม้ไหน
"ซื้อทำไม๊ เปลืองเงิน" นั่นไง ผมว่าแล้วว่าม๊าที่แสนขี้งกต้องพูดแบบนี้
"ซื้อมาแล้วก็ใช้เถอะ ตี๋เห็นม๊าใช้ไอ้กระดูกหมาเชย ๆ แล้วรำคาญ นี่มันก็ไม่ได้แพงอะไรมาก แต่ฟังก์ชันก็ครบอยู่นะ ตี๋สมัครบัญชีอะไรไว้ให้ครบแล้วด้วย มากินข้าวกันเดี๋ยวตี๋สอน" ผมว่าและจูงมือม๊ามานั่งที่โต๊ะกินข้าวด้วยกัน ม๊าน่ะเป็นคนเรียนรู้ไว และสิ่งที่ผมสอนม๊าเป็นอันดับแรกก็คือให้เปิดดูวิดีโอยากยูทูป
"ม๊าอยากดูอะไรก็พิมพ์หาได้เลย ถ้าขี้เกียจพิมพ์ม๊าเห็นไมโครโฟนตรงนี้ป่าว ม๊ากดแล้วก็พูดมันก็จะหาให้ม๊าได้เลยนะ" ผมสอนและสาธิต
"ศรัณย่า กล่อมกรุง" ผมพูดปุ๊บ ไอ้สมาร์ทโฟนราคาสามพันกว่าบาท ก็ขึ้นวิดีโอของนักร้องหญิงเสียงนุ่มเป็นแถวขึ้นมา ม๊าเลื่อนดูก็กดเอาได้หนึ่งเพลง และผมก็ให้แกลองเล่นอะไรของแกไปเรื่อย ๆ สรุปแทบจะลืมขายโจ๊ก แถมพอมีคนมาซื้อ ทำท่าขัดใจ ทำเสียงฟุต ๆ ฟิต ๆ เสียด้วย
"ถัดมาก็เป็นติ๊กต๊อก" ผมสอนแล้วก็ให้ม๊าลองเลื่อนดูคลิปโน้นคลิปนี้
"มีแต่เต้นบ้า ๆ บอ ๆ" ม๊าบ่น
"มันอยู่ที่เราเลือกดู ม๊าอยากดูพวกอะไร ม๊าก็ดูมันนาน ๆ แล้วก็กดหัวใจสักหน่อย เดี๋ยวคลิปพวกนั้นมันก็จะมีให้เราดูเรื่อย ๆ อย่างสมมุติม๊าอยากดูคลิปทำอาหาร ม๊าก็หาแล้วก็ลองกดหัวใจดู ....เอ๊านี่ไง คราวนี้คลิปทำอาหารมาเต็มเลยเห็นป่าว" ผมว่าและม๊าก็ดูจะบันเทิงกว่าดูยูทูปเสียอีก มันเป็นความฉลาดของอัลกอริทึ่มแท้ ๆ
"ถ้าม๊าอยากลองทำอะไรสนุก ๆ ม๊าก็ลองทำคลิปสั้น ๆ ได้นะ ทำเหมือนขายของก็ได้ อย่างเช่นถ่ายรูปโจ๊กของม๊า" ผมสอนแล้วก็ถ่ายชามโจ๊กแสนน่ากินที่ม๊าทำให้ลูกค้า แล้วก็โพสต์ ใส่เพลงนิดหน่อย แท็กสถานที่นิดนึง แล้วก็พิมพ์บรรยายสรรพคุณ เท่านี้ก็เท่ากับเราได้โฆษณาของร้านเราไปในตัว
"เอออันนี้ดีโว้ยไอ้ตี๋" ม๊าพูดแล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ ม๊าก็เป็นยอดนักขายอยู่แล้ว สงสัยเดี๋ยวคงโพสต์แนะนำกะปิน้ำปลาหรือพวกซีอิ๊วที่ขายในร้านแน่ ๆ แต่เอาเถอะ ทำอะไรแล้วสนุกทำไปเลยจ๊า
กินข้าวเช้าเสร็จ โชคดีมีของเหลือจากเมื่อคืนที่เฮียปาล์มทำเผื่อใส่ถุงไว้ให้มากินต่อที่บ้านสี่ห้าอย่าง ผมก็เลยได้กินข้าวเช้าเยอะกว่าปกติ พร้อมกับสั่งม๊าว่าถ้าสงสัยอะไรก็ลอง ๆ เล่นไปก่อน แต่ถ้าไม่เข้าใจจริง ๆ เดี๋ยวผมกลับมาจะสอนม๊าอีกที ส่วนไอ้เรื่องจะโดนมิจฉาชีพหลอกลวงนั้น อันนี้เป็นอันตัดไป เพราะไม่ได้ผูกบัญชีธนาคารไว้กับโทรศัพท์ และม๊าก็แทบจะไม่ฝากเงินเข้าบัญชี แต่เก็บเงินเป็นฟ่อน ๆ ใส่ปี๊บขนม ที่ตั้งอยู่ในห้องนอนโน่น
"ถ้าดูติ๊กต๊อกแล้วอยากจะซื้อของม๊าก็กดใส่ตะกร้าไว้ก่อนนะ เดี๋ยวยังไงตี๋สั่งซื้อให้" ผมบอกก่อนที่จะไป เพราะดูเขาขายของบ่อย ๆ มันเหมือนถูกสะกดจิต ผมยังโดนตกเป็นทาสการตลาดอยู่เรื่อยเลย แต่ผมก็เลือกซื้อเฉพาะของที่จำเป็นนะ ก็ผมน่ะมันลูกม๊า และกว่าจะซื้อได้ก็เทียบแล้วเทียบอีกเรื่องราคา ไหนจะต้องอ่านรีวิวของคนที่ซื้อไปก่อนหน้าเรา และอดทนรอที่จะได้คูปองส่งฟรี ไอ้เรื่องซื้อแล้วต้องเสียค่าส่ง ไม่ได้แอ้มไอ้ตี๋หรอกจ้า
ทำงานจนถึงช่วงพักเที่ยง ผมก็อดจะส่องบัญชีติ๊กตอกของม๊าไม่ได้ ท่าทางม๊าจะกำลังเริ่มต้นเป็นติ๊กต๊อกเกอร์ แต่ด้วยความเป็นมือใหม่ วิดีโอของม๊ายังไม่ค่อยนิ่ง แต่ผมก็ไม่ได้ติหรือชมอะไร ไอ้ของอย่างนี้ เดี๋ยวดูบ่อย ๆ ก็เข้าใจไปเอง เพียงแต่ผมภาวนาว่าม๊าอย่ามาเล่นละครคุณธรรม หรือมาเต้นเหยง ๆ ก็แล้วกัน คงจะขนลุกแน่ ๆ
และเมื่อกลับถึงบ้านในตอนเย็น ม๊าที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้กับโต๊ะตัวประจำ กำลังดูยูทูปอยู่ผมก็เลยเดินย่อง ๆ ไปดูว่าม๊าน่ะดูอะไรอยู่
"ก็ดูมันไปเรื่อย ๆ แหละ สนุกดีเหมือนกันนะ ถ้ามีไอ้อย่างนี้ ทีวงทีวีไม่ต้องมีมันก็ได้ มิน่าล่ะม๊าไม่เคยเห็นมึงดูทีวีเลย" ม๊าพูดแล้วก็หันกลับไปมองหน้าจอโทรศัพท์
เราสองแม่ลูกกินข้าวเย็นด้วยกัน สอนอะไรม๊าอีกนิดหน่อย เกี่ยวกับโซเชียลมีเดีย และสร้างไลน์ไว้ให้ม๊าด้วย ผมต้องเตรียมใจสำหรับการนี้และในที่สุด ไอ้สิ่งที่จะตามมาหลอกหลอนผมก็มาในรูปของ สวัสดีวันจันทร์ เรื่อยไปจนถึงวันอาทิตย์ จะมีรูปดอกไม้สีตามวัน หรือรูปพระพุทธรูป แต่เอาเถอะ ถือเสียว่าส่งมาแล้วมีความสุขก็ให้เขาส่งมาก็แล้วกัน แต่บางวันผมแอบรำคาญ ผมก็ส่งกลับไปเจ็ดแปดรูปเสียเลย ก็มี ซึ่งม๊ากลับชอบใจ จะได้เอาไว้ส่งให้คนอื่น ๆ อีก
"ม๊าต้องระวังไอ้พวกความรู้ที่ส่งมาจากในไลน์ด้วยนะ ฟังแล้วก็ต้องฟังหูไว้หู อย่าไปเชื่อเสียทีเดียว ตี๋ว่าถ้าม๊าอยากรู้นะ ม๊าติดตามพวกเพจคุณหมอ ที่เขาเป็นหมอจริง ๆ ดีกว่ามีเยอะแยะ อย่าไปตามพวกหมอกำมะลอที่สอนให้คนแดกเยี่ยวล่ะ" ผมเตือนเมื่อเห็นว่าม๊ากำลังเข้าสู่วงการไลน์
"เออรู้น่า แหมบ่นเป็นคนแก่ไปได้" ม๊าพูดกับผมด้วยเสียงรำคาญ ๆ
"ม๊า...อยากหาคู่มั๊ย ถ้าอยากเดี๋ยวตี๋โหลดแอปหาแฟนให้เอาป่าว" ผมยั่ว
"โอ๊ยไม่เอาหรอก ม๊าแก่จะตายห่าแล้ว ไอ้พวกมาคุยกับสาวแก่น่ะก็มีแต่พวกหลอกลวงนั่นแหละ ออกข่าวทีวีสรยุทธบ่อย ๆ" นี่ม๊าผมมันต้องอย่างนี้สิ
ตั้งแต่มีมือถือเครื่องนี้ ดูม๊าจะเหงาน้อยลง มีอะไรให้ดูให้ฟังเยอะขึ้น ม๊าไม่ถึงกับติดมือถือ แต่ถ้าว่างก็จะเอามันมาดู หรือยามทำงานม๊าก็จะเปิดฟังเหมือนเปิดฟังวิทยุมากกว่า ผมไม่ค่อยห่วงม๊าเท่าไร จนวันดีคืนดี ม๊าก็เล่าให้ฟังแบบเล่าไปขำไป
"เมื่อตอนสายมีไอ้พวกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์มันโทรมาหาม๊าว่ะ" ม๊ารีบฟ้อง
"เอ๊าม๊ารู้ได้ยังไง?" ผมอดจะถามอย่างเป็นห่วงเสียไม่ได้
"ไอ้โง่มันมีแอปที่บอกได้ว่าใครโทรมา นี่มึงไม่รู้หรือไงไอ้ตี๋" ดูม๊าจะเริ่มไฮเทคกว่าผมเสียแล้ว
"แล้วยังไงล่ะมันโทรมาม๊าก็รีบวางสายไปเลยนะ" ผมสั่งแต่ม๊าก็อมยิ้มและส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย
"มันโทรมาถามม๊าโน่นนี่ ม๊าก็คุยกับอีนะ แกล้งคุยให้รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง ถ้ามันถามเซ้าซี้ม๊าก็พูดภาษาจีนใส่แม่งเลย หนัก ๆ เข้ามันก็วางหูใส่ม๊าไปเองว่ะ" ม๊าพูดแล้วก็หัวเราะอย่างแสนพอใจ เออหนอ ดูท่าไอ้คอลเซ็นเตอร์ชะตาขาดจะซวยเสียแล้วเมื่อเจอกับม๊าของกู
แต่จะหนักสักหน่อยก็ตอนดึก ๆ ที่ผมกลับมาปกติม๊าก็จะนอนไปแล้ว เสียงโทรศัพท์ดังจากห้องม๊า ผมได้ชินชัดเจนเพราะชั้นบนระหว่างห้องนอนของผมกับม๊าน่ะกั้นด้วยแผ่นไม้อัดบาง ๆ เท่านั้นเอง
ม๊าฟังอาจารย์ยอด ซึ่งชอบเล่าเรื่องธรรมะ หรือเรื่องผี ๆ สาง ๆ จนวันดีคืนดีม๊าฟังเดอะโกสท์เสียเลย ไม่รู้ว่าฟังจนหลับแล้วไม่ได้ปิด หรือตั้งใจฟังจริง ๆ ไอ้ผมที่นอนฟังอยู่ด้วย บางทีก็กลัวจนขี้จะแตก แต่จะบอกให้ม๊าปิดโทรศัพท์ก็จะถูกด่าจนเสียรังวัด แต่ฟังพวกเรื่องผี ได้ไม่กี่วันม๊าก็เลิกเพราะต้องตื่นมาทำโจ๊กตั้งแต่เช้ามืด และถ้านอนดึกม๊าก็จะไม่ค่อยมีแรง เลยไปฟังเอาตอนกลางวันแทน
ข้อดีอีกอย่างของการมีมือถือ คือม๊าได้เห็นรูปของอาแปะ ป้าและหลานชายสองคน เพราะเขาก็ทำคลิปเหมือนกัน ดูเหมือนเฮียสมประสงค์จะเป็นคนทำให้ รูปก็เลยออกมาสวยงามและดูเป็นมืออาชีพ
จนในที่สุด ผมว่าอีกไม่นานม๊าของผมต้องเป็นติ๊กต๊อกเกอร์ชื่อดังในย่านอ่อนนุชแน่ ๆ ผมน่ะแทบสำลักเมื่อวันหนึ่งม๊าถ่ายคลิปเดินไปซื้ออาหารเจที่ตลาดอ่อนนุช เลือกนั่นเลือกนี่ แถมชวนแม่ค้าซึ่งเป็นคนต่างด้าวแต่พูดไทยได้ค่อนข้างชัดเจน แถมมีการบอกด้วยว่าไอ้นั่นดี ไอ้นี่อร่อย จบท้ายด้วยการเชิญชวนให้คนมาซื้อของที่ร้านนี้เสียด้วย และที่ตลกก็คือ มีคนมาคอมเมนต์เยอะแยะว่าเคยไปซื้อที่ร้านนี้เหมือนกัน หรือที่น่าจะทำให้ม๊ายิ้มแก้มปริ ก็คือมีคนชมว่า ม๊าน่ารัก และดูเป็นธรรมชาติ แถมของกินที่ม๊าถ่ายก็ดูน่ากินซะด้วย
แต่คลิปที่สร้างตำนานให้ม๊า ก็คือ คลิปที่ม๊าไปไหว้ย่านาก พร้อมกับเสี่ยงดวงล้วงมือลงไปในไห เพื่อหยิบลูกปิงปองที่เขียนตัวเลขไว้แล้ว ล้วงจบ ก็ต่อด้วยการไปแผงขายลอตเตอรี่ ซะเลย เดินอยู่หกแผงกว่าจะได้เลขเด็ดดังที่ว่า
"ขอให้ถูกรางวัลที่หนึ่ง จะขอสักสองแสน" ผมแกล้งพิมพ์คอมเมนต์ไปให้ม๊า
"เอาไปห้าแสนเลยขอให้ถูกเถอะ" ม๊าตอบกลับซะด้วย
แน่นอนว่าม๊านั้นเป็นที่ฮือฮาในพ่อค้าแม่ขายย่านตลาดอ่อนนุชเพราะเวลาไปก็มักจะมีโทรศัพท์คู่ใจ เรียกว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ตลาดแห่งนี้ไปกลาย ๆ นี่ม๊าผมกำลังจะกลายเป็นอินฟลูท่านหนึ่งซะแล้วแต่ส่วนตัวผม ขอเอาไว้ส่องอย่างเดียวดีกว่า เสือกเรื่องชาวบ้านพอเป็นกระสาย หรือเอาไว้ดูรูปโป๊คลิปโป๊บ้างพอให้หัวใจชุ่มชื่น ก็แหมตี๋ก็มีหัวใจเหมือนกันเน้อ ไม่ใช่พระ และถ้าเกิดคุณ ๆ ต้องมีเหตุไปเดินเล่นแถว ๆ ตลาดอ่อนนุช หรือนั่งรถสองแถวเส้นถนนอ่อนนุช ถ้าเจออาอึ้มหน้าใส ๆ ฟันเหยินเล็กน้อยผมรวบตึงแนบสนิทกับหนังหัว ใส่เสื้อผ้าสีตุ่น ๆ เรียบ ๆ เดินหลังก่งหน่อย ๆ พร้อมกับโทรศัพท์มือถือในมือที่ถ่ายโน่นถ่ายนี่แล้วก็บ่นของแกอยู่คนเดียว ก็อย่าเข้าใจว่าแกเป็นโรคจิตอะไรเลย อาจจะเป็นม๊าของผมก็ได้ ใครจะไปรู้