บางคนว่าผมเป็นหนูตกถังข้าวสาร บางคนว่าผมโชคดี แต่ผมว่าเพราะวาสนาของเรามากกว่า

วาสนาของตาตี่I - 11 อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดวะไอ้ตี๋ โดย Chavaroj @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ครอบครัว,ไทย,รัก,ตลก,ตลก,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วาสนาของตาตี่I

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ครอบครัว,ไทย,รัก,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ตลก,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

วาสนาของตาตี่I โดย Chavaroj  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

บางคนว่าผมเป็นหนูตกถังข้าวสาร บางคนว่าผมโชคดี แต่ผมว่าเพราะวาสนาของเรามากกว่า

ผู้แต่ง

Chavaroj

เรื่องย่อ

สารบัญ

วาสนาของตาตี่I-1 ร้านขายโจ๊กกับไอ้วินตาตี่,วาสนาของตาตี่I-2 ไอ้ตี๋ลูกม๊า,วาสนาของตาตี่I-3 ของขวัญวันเกิดกับอินฟลูมือใหม่,วาสนาของตาตี่I-4 ไอ้ตี๋กับสัปดาห์ที่แสนน่าเบื่อ,วาสนาของตาตี่I-5 วันหยุดของไอ้ตี๋มนุษย์เงินเดือน,วาสนาของตาตี่I-6 รัก โลภ โกรธ หลง,วาสนาของตาตี่I-7 ไอ้ตี๋เกลียด,วาสนาของตาตี่I-8 คุณตี๋ผู้ชนะ,วาสนาของตาตี่I-9 โบ๊ะบ๊ะ,วาสนาของตาตี่I-10 ความเปลี่ยนแปลงที่เริ่มก่อตัว,วาสนาของตาตี่I-11 อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดวะไอ้ตี๋,วาสนาของตาตี่I-12 โอกาสของตี๋,วาสนาของตาตี่I-13 ไอ้ตี๋สงบศึก,วาสนาของตาตี่I-14 ตี๋กลัวผี,วาสนาของตาตี่I-15 ตี๋ไม่รู้ตัว,วาสนาของตาตี่I-16 วันเกิดปีนี้ตี๋ไม่เหงา,วาสนาของตาตี่I-17 เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนเหี้ย,วาสนาของตาตี่I-18 วันหยุดขอตี๋กับไอ้ตัววุ่นวาย,วาสนาของตาตี่I-19 ตี๋ร้องไห้,วาสนาของตาตี่I-20 ตี๋จะอยู่ดูแล,วาสนาของตาตี่I-21 เวลาของการจากลา,วาสนาของตาตี่I-22 วุ่นวายเหมือนตายวันแรก,วาสนาของตาตี่I-23 โจผู้ไม่สมบูรณ์แบบ,วาสนาของตาตี่I-24 ความสุข =รอยยิ้ม+เสียงหัวเราะ,วาสนาของตาตี่I-25 ไม่แคล้วกัน,วาสนาของตาตี่I-26 โจไม่กลัวผี,วาสนาของตาตี่I-27 ถ้าฟ้าเสียตัว...ฟ้าต้องได้เป็นแอร์,วาสนาของตาตี่I-28 เครื่องรางกันผี,วาสนาของตาตี่I-29 Work ไร้ Balance ,วาสนาของตาตี่I-30 คนสำคัญ,วาสนาของตาตี่I-ตอนพิเศษ วาสนาของตี๋,วาสนาของตาตี่I-ตอนพิเศษ วาสนาของโจ,วาสนาของตาตี่I-ตอนพิเศษ วาสนาของเรา

เนื้อหา

11 อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดวะไอ้ตี๋

โดย  Chavaroj



"ไอ้แห้ว แหมไม่ค่อยเจอหน้าเลยนะมึง" ผมทักทายไอ้ตัวดี ที่เดินยิ้มเห็นฟันเหยินมาแต่ไกล ฟันเหยินกว่าม๊ากูอีกไอ้ห่า

"แหมพี่ตี๋ ก็ทำงานเนาะ ช่วงนี้ขายดีไง เลยไปต่างจังหวัดบ่อย" มันอธิบายและถือวิสาสะสั่งโอเลี้ยงแดกโดยให้คิดตังค์กับผมเสียเลย

"ไปไหนมาล่ะ เดินสายบ่อย สนุกไหมล่ะมึง" ผมถามมันและค้อนใส่ สั่งของแดกไม่ถามกูสักคำ เนียนเลยนะมึง

"ก็ไปสายอีสานน่ะสิ เฮียโจแม่งขายเก่ง ลูกค้านี่ชมเปาะ ชมว่าเฮียโจใส่ใจลูกค้า นี่ล่าสุด ส่งของไปถึงลาวเลยนะ" ไอ้แห้วสรรเสริญ ผมชักจะหมั่นไส้ หมาแมวมีตั้งเยอะ ต้องไปชมไอ้เปรตนั่นทำไม

"มันจะสิ้นปี ก็ต้องรีบสั่งของส่งของไง ก็ปกติแหละ ปีใหม่ขนส่งมันปิดก็เลยต้องรีบสั่งของไปตุนเรื่องปกติมั๊ยวะ" ผมว่าไปตามที่คิดและอยากจะหาเรื่องเปลี่ยนเรื่องคุย

"เออมึง จะเอ้าติ้งบริษัทแล้ว ปีนี้มึงรู้มั๊ยไปไหน?" ผมถามไปซึ่งอันที่จริง ผมเองก็รู้อยู่แล้วแหละ แต่จะหาเรื่องเปลี่ยนเรื่องคุยไปงั้นเอง

"เห็นว่าไปเขื่อนเขิ่นอะไรนี่แหละ นครนายก ก็ไปใกล้ ๆ แหละ แต่ผมอยากไปนะเฮีย สนุกดี" ไอ้แห้วพูดแล้วก็ทำหน้าฝัน ๆ 

สำหรับใคร ๆ ในบริษัทก็คงจะเฝ้ารอในวันยกเว้นอยู่คนเดียวและคนนั้นก็คือผมเองนี่แหละ ก็เพราะผมเกลียดที่จะต้องไปนอนค้างอ้างแรมที่อื่น บ้านช่องกูก็มี ต้องไปนอนที่อื่นทำไม และที่สำคัญ ไม่รู้ไหมว่าจะมี "ผี" หรือเปล่า 

ผมกลัวผีมาตั้งแต่เด็ก ๆ จะโทษใครไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ม๊า ที่ชอบเอาเรื่องผีมาขู่ 

"มาเร็วไอ้ตี๋...ผีมาโน่นแล้ว" ไอ้คำนี้มันเป็นคำพูดที่ม๊าไม่ได้คิดแต่มันเป็นแผลใจของผมจนโต ยกเว้นที่บ้านของตัวเอง ผมล่ะ ก็ต้องขอระแวงไว้ก่อนล่ะวะ ยิ่งปีนี้ นังอุ๋มฝ่ายบุคคลรายงานมาว่า จะไปที่เขื่อน ซึ่งมันก็ต้องเคยเป็นป่า แล้วในป่าก็ต้องมีต้นไม้ แล้วต้นไม้เก่า ๆ แก่ ๆ ก็ต้องมีนางม้งนางไม้ มีเจ้าป่าเจ้าเขา บรื๋อ โคตรเสี่ยง สำหรับคนตาแหกอย่างกู

แต่ไอ้สิ่งที่พอจะเยียวยาหัวใจต่าง ๆ ที่แจกกันได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะชุดในงานกินเลี้ยงกลางคืน ปีนี้คอนเสบคือ ย้อนยุค  ซึ่งพวกสาว ๆ ฝ่ายบัญชี ก็กรี๊ดกร๊าดกันเป็นพิเศษ พากันไปเช่าชุดไทย กะเอาให้เหมือน ๆ เพื่อจะได้แต่งเป็นทีม ส่วนแผนกอื่น ๆ น่ะผมก็ไม่ค่อยจะรู้กับเขาหรอก เพราะไม่ค่อยสนิท ส่วนแผนกขายกับแผนกการตลาด ก็อุบไม่ยอมแพร่งพรายว่าจะแต่งชุดอะไรกัน ส่วนผมคิดไว้แล้วว่าจะใส่ชุดอะไรซึ่งแน่นอนมันก็เป็นความลับ

กำหนดการคือต้นเดือนหน้า ผมล่ะใจหนึ่งก็เฝ้ารอ แต่อีกใจก็ไม่อยากให้วันนั้นมาถึง แต่คนเรามันจะห้ามฟ้าห้ามเวลามันก็ไม่สามารถจะเป็นไปได้ ดังนั้นการเตรียมตัวเตรียมใจ และเตรียมพร้อม จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด 

เสื้อผ้าที่จะใส่ไป ก็ต้องมีชุดขาไปกับชุดขากลับให้มันดูดีสักหน่อย ผมไปเลือกซื้อจากตลาดนัดรถไฟนั่นแหละ เอาให้มันดูวัยสะรุ่นนิดนึง ไม่อย่างนั้นทั้งตาปีตาชาติ ก็สวมแต่ชุดเดิม ๆ จนคล้าย ๆ เป็นยูนิฟอร์ม เนื่องจากผมต้องส่งพวกเอกสาร ต้องให้มันเรียบร้อยในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องคล่องตัวด้วย ก็ขอให้นึกภาพบรรดา แมสเซนเจอร์ตามบริษัทที่คุณ ๆ เคยเห็นก็แล้วกัน ผมก็ไม่ผิดกับเขาหรอก 

"เตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าดีแล้วใช่ไหมไอ้ตี๋" ม๊าถามเพราะเห็นผมเอากระเป๋าเดินทางมากองไว้ที่ชั้นล่างตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว 

"เตรียมดีแล้วม๊า ตี๋จัดชุดเป็นชุด ๆ ใส่ประจำวันเลย" ผมรายงาน นี่ยังไม่นับรวมพวกของใช้ส่วนตัว สบู่แชมพู แปรงสีฟันยาสีฟัน และยาสามัญประจำบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นยาแก้เมารถ หรือยาหม่องยาอม ซึ่งม๊ากำชับว่าอย่าลืมเอาไปด้วย

เช้าวันเดินทาง บริษัทว่ารถทัวร์ขนาดใหญ่ซะสองคัน โดยมีนังอุ๋มกับนังเจี๊ยบ สองสาวแผนกบุคคลที่คอยสลับไปสลับมาเพื่อเป็นพิธีกรกึ่ง ๆ ไกด์นำเที่ยว คอยเทคแคร์ และเอนเตอร์เทนผู้โดยสาร ซึ่งผมรำคาญเสียงแหว ๆ กับการร้องคาราโอเกะ ที่ไม่มีใครร้องเพราะเลยสักคนเดียว ตำรวจน่าจะมาจับข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ ทำให้เพลงเพราะ ๆ เขากลายเป็นเพลงบ้า ๆ บอ ๆ ไปได้

นี่ยังดีว่าเตรียมตัวมาแล้ว เสื้อฮู้ดสีเทาพร้อมแว่นกันแดด และแอร์พอด ทำให้ผมพร้อมที่จะนอนให้เต็มที่ กูขอไม่รับรู้อะไรกับใคร และจะแสงแดด หรือแอร์เย็น ๆ ก็ทำอะไรกูไม่ได้ เพราะประสบการณ์จากปีก่อน ๆ สอนให้ผมเตรียมตัวมาดีจนถึงปีนี้ ปีนี้ตี๋จะไม่ทนไม่ว่าจะความหนาวเหน็บ และเสียงแผดร้องน่ารำคาญ ตี๋จะไม่ยอมเป็นทาสของพวกมึงหรอกค่ะ

รถสองคันจอดเป็นระยะ ๆ ตามปั๊ม เพื่อให้สาว ๆ ได้เข้าส้วม และซื้อของกินบ้าง แต่ตามธรรมดา ในบริษัทคนเป็นร้อยมันก็มีกลุ่มคนที่ชอบอะไรมารวมตัวกัน ด้านล่างของผม บรรดานักคำนวณ ก็นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ถกสูตรคำนวณตัวเลขกันอย่างเคร่งเครียด โดยมีเจ๊เหมี่ยวหัวหน้าแผนกบัญชี คอยเป็นเจ้ามือ ....เอ่อ รับบทติวเตอร์วิชาคำนวณ การผลัดเปลี่ยนกันเรียนมีเป็นระยะ ๆ ใครสอบได้ก็อยู่นานหน่อย ใครสอบตกก็หนีขึ้นมา จะร้องคาราโอเกะ หรือจะนอนแบบผมก็ว่ากันไป จะมีอีพวกมีแฟนบางคู่ที่ตกอยู่ในห้วงรัก ก็จะอยู่ด้วยกันสองคน แบบกูมากันแค่นี้ สวีทกันตั้งแต่ต้นทริปยันจบทริป นอนซบไหล่ ออเซาะต่าง ๆ นานาน่าหมั่นไส้เป็นยิ่งนัก 

ไอ้แห้วมันนั่งติดกับผมแบบผลุบ ๆ โผล่ ๆมักจะหายหัวไปหัวรถบ้าง ไปชั้นล่างของรถบ้างที่เป็นห้องเรียนคำนวณ มีบ้างเหมือนกันพวกที่แอบกินเหล้า แต่จะหนักที่รถอีกคันซึ่งเป็นส่วนของโรงงานมากกว่า รถคันที่ผมนั่งส่วนใหญ่จะเป็นแผนกออฟฟิศใหญ่ จะมีพวกเฮีย ๆ เซลล์บางคนที่ขับรถตามไป แต่บางคนก็มาขึ้นรถที่บริษัท ไม่ใช่เพราะเบื่อขับรถ แต่เพราะอยากมาเรียนคำนวณ และวิชาสถิติ เห็นเรียนกันมาตั้งแต่รถออกตัวจนได้ครึ่งทางแล้วก็ยังขยันเรียนกันอยู่

แวะจอดปั๊มให้ได้พัก ผมก็ขอลงไปเยี่ยวสักหน่อย เสียงทักทายกิ๊วก๊าวและเอ่ยปากชมว่าวันนี้ผมแต่งตัวน่ารัก

"ไม่ขนาดนั้นหรอก" ผมถ่อมตัว

"แต่พี่โจหล่อกว่า โน่นดูสิ ขนาดแต่งตัวลำลอง ๆ นะ ยังดูดีเลย" ยายสาวแผนกบัญชีที่มะกี้เอ่ยปากชมผม พูดชมไอ้เปรตนั่นผมได้แต่มองหางตาแล้วก็เบะปากนิด ๆ และเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ซื้อขนมนิด ๆ หน่อย ๆ และไม่ยักกะถูกหวยเพราะคิดว่าเดี๋ยวไอ้ผีลูกกรอกจะต้องตามมาหาผมแน่ ๆ

"พี่ตี๋กินอะไร?" เสียงไอ้แห้วดังสดใส และเดินตามผมมาทันที เมื่อผมเข้ามาในร้านสะดวกซื้อ

"ซื้อขนม" ผมตอบมันและเดินไปเลือกขนม ทำหน้าคิดว่าจะกินมันฝรั่งอบรสอะไรดี

"อันนี้อร่อยนา แห้วเคยกิน เฮียโจซื้อให้" ไอ้แห้วพูดและชี้ถุงมันฝรั่งให้ผมดู

"ไปเคยเจอะเคยเจอกันตอนไหน?" ผมถามอย่างหมั่นไส้

"ก็ตอนไปส่งของที่หนองคายไง ไปแล้วก็ต้องนอนค้างใช่ม๊า เฮียโจก็พาผมกับน้าไปเลี้ยงข้าวด้วยตอนเย็น" ไอ้แห้วว่าและน้าที่พูดถึงก็คือลุงพนักงานขับรถส่งของซึ่งมีไอ้แห้วเป็นเด็กติดรถคู่บุญ

"อยากแดกก็หยิบ เดี๋ยวกูเลี้ยง" ผมพูดอย่างรำคาญ ๆ มาไม้นี้ก็รู้ว่าอยากให้เลี้ยงและผมก็เลือกมันฝรั่งรสอื่นแทนไม่อยากแดกแล้วไอ้รสพิสดารเนี่ย

"ขอชาเขียวด้วยได้มั๊ยพี่ตี๋ กินเค็ม ๆ เดี๋ยวมันคอแห้งน่ะ" ไอ้แห้วได้คืบเอาศอก

"เออ อยากแดกอะไรก็หยิบมา" ผมพูดอย่างรำคาญ ๆ ซื้อขนมอีกนิดหน่อยแล้วก็พากันไปจ่ายเงิน ไอ้แห้วเดินยิ้มหน้าระรื่น ส่วนผมรำคาญและคิดว่าไอ้เปรตนี่มันเป็นเจ้ากรรมนายเวรอะไรของกูวะ

"แล้วน้าไปอยู่ไหนล่ะ?" ผมถามคู่หูของมันเพราะตั้งแต่ขึ้นรถก็ไม่เห็นแกเลย จริง ๆ กับน้านี่ผมก็ลืมเลือนไปแล้วว่าแกชื่ออะไร ใคร ๆ ในบริษัทก็เรียกแกว่าน้าหมด ผมก็เลยเรียกแกไปอย่างนั้นด้วย

"น้าเขาไปอีกคัน เกลอเขาอยู่คันโน้น พวกกินเหล้าน่ะ น้าแอบเมีย เอายาดองมากินบนรถด้วยนา ฝ่ายบุคคลรู้เข้าโดนด่าแหง ๆ" ไอ้แห้วรายงาน แต่เอาเถอะ ถ้ากินก็อย่าเมามายอาละวาด กินกันไปหัวเราะและร้องรำทำเพลงไป ก็คงไม่มีใครว่าอะไร ส่วนผมผู้ซึ่งแดกเหล้าไม่เป็น เลยไม่เข้าใจว่ามันอร่อยตรงไหน เคยลองชิมก็รู้สึกว่ามันขมชิบหาย แดกยาคูลต์ดีกว่า ได้จุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัสด้วย ม๊ากูสั่งให้แดกวันละขวดทุกวันตั้งแต่เด็กจนโตเป็นหนุ่ม

อาจเพราะนอนมาแล้วหลายชั่วโมง ผนวกกับพวกนักร้องที่เฮฮาตอนออกรถ ก็เริ่มจะหมดเรี่ยวแรงจนความสงบกลับคืนสู่รถคันนี้ แต่เสียงเฮด้านล่างของรถที่เรียนคำนวณกันยังดังเฮเป็นระยะ ๆ เมื่อตอบคำถามถูก ส่วนผมก็นั่งมองวิวเพลิน ๆ กินขนมไปฟังเพลงไป ค่อยน่าอภิรมย์หน่อย แต่ดีใจได้แค่แปปเดียวแค่นั้นแหละ ไอ้แห้วก็ซมซานกลับมานั่งข้างผม แล้วยังเสือกชวนคนโน้นคนนี้คุยซะเสียงดัง จริง ๆ มันเป็นคนคุยสนุก แต่ข้อเสียคือด้วยฟันเหยินของมันเวลาคุยแล้วติดลม แอ๊กเซ่นออกมากไปหน่อย ก็มักจะมีสะเก็ดฝอย ของน้ำลาย กระเด็นให้ต้องหลบกัน

"เฮียโจกินหนมมั๊ย?" ไอ้แห้วถามแล้วก็ยื่นขนมไปให้ไอ้เปรตที่นั่งถัดไปทางด้านหลัง

"กินเถอะชอบไม่ใช่เหรอซื้อมาเยอะแยะเชียว" เสียงไอ้โจตอบ แบบทุ้ม ๆ นุ่ม ๆ คล้าย ๆ พระเอกเอ็มวี

"มีอีกตั้งเยอะ แบ่ง ๆ กันกิน พี่ตี๋ใจดี ซื้อให้ผมตั้งเยอะ" แน่ะมึงอวดเสียด้วย แต่กูไม่ดีใจหรอกนะไอ้ชิบหาย ผมรำคาญ เลยกระชับฮู้ดให้คลุมหน้า ทำท่าจะหลับ ฟังเสียงคุยโม้ของไอ้แห้ว ที่ชวนคนโน้นคุยคนนี้คุย จนเผลอได้แปปเดียวไอ้เปรตนี่ก็หลับไป

หลับก็ไม่หลับเปล่า หลับมาพิงกูนี่แหละ คอพับคออ่อน จนผมรำคาญต้องเอามันมาอิงกับตัวผม ไอ้เหี้ยเอ๊ย พอนอนเอน ๆ น้ำลายก็เสือกไหล เสียด้วย อยากถีบแม่งเสียจริง ๆ

และในที่สุด ก็ถึงที่หมายสักที พอทุกคนลงมาด้านล่างลานจอดรถ ต่างก็พากันบิดตัวให้คลายความเมื่อยล้า และผมก็ถอดเสื้อฮู้ดออก เพราะไม่ได้อยู่ห้องแอร์ ขืนใส่ฮู้ดก็ร้อนตายห่ากันพอดี 

นังอุ๋มกับนังเจี๊ยบสองสาวแผนกบุคคลที่ชอบสาระแนเรื่องชีวิตชาวบ้าน และขี้จัดแจงที่สุด ถือโทรโข่งเรียกพวกเราให้มาชุมนุมกัน มาถึงเอาตอนเที่ยงพอดี ให้พวกเราเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่เจ้าหน้าที่ของรีสอร์ตได้เลย เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่มาเขียนป้ายและเอาไปไว้ที่ห้องพักให้เลย ซึ่งห้องพักแต่ละหลังจะมีสองห้องนอน ห้องหนึ่งสามารถพักได้สี่คน ซึ่งนังสองสาวจอมยุ่งก็ทำการแรนด้อมแล้วว่าใครจะต้องนอนห้องไหน พร้อมกำชับว่าห้ามย้ายห้องนอนเด็ดขาด เพราะกลัวเรื่องชู้สาว และการขโมย คนร้อยพ่อพันแม่รู้หน้าไม่รู้ใจเด้อ

"เอาไงก็เอากัน" ผมว่าและเดินตามขบวนไปเพื่อมอบกระเป๋าให้กับเจ้าหน้าที่ จากนั้นก็ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน โดยฟังเฮียเจ้าของบริษัทบ่นโน่นบ่นนี่ และหลังการกินข้าวก็ฟังอะไรน่าเบื่อ ๆ อีกหนึ่งชั่วโมง จากนี้ล่ะ ก็จะถึงเวลาที่โคตรน่าเบื่ออีกอย่าง นั่นก็คือการเล่นเกม

"เล่นเกมเพื่อจะได้สานสัมพันธ์กันไงพี่ตี๋ บางคนนอกจากแผนกตัวเองไม่เคยเจอคนแผนกอื่นเลย คนบริษัทเดียวกันจะได้รู้จักจะได้รักกัน" นังอุ๋มว่าเมื่อผมไปบ่นกับนางว่าปีนี้เล่นเกมอีกแล้วเหรอ ไม่คิดจะแบบว่าให้พนักงานมาถึงก็นอนเขลงกันสบาย ๆ โดยไม่ต้องเหนื่อยกันซักปีไม่ได้หรือไงยะ

ปีนี้ต้องมีบัดดี้ ซึ่งผมก็ยังไม่รู้ว่าบัดดี้ของผมเป็นใคร แต่อุ่นใจอยู่หน่อยที่รู้ว่าไอ้แห้วมันนอนพักห้องเดียวกับผม และหลังจากให้เวลาพักผ่อนสิบห้านาที นังเจี๊ยบก็ให้พวกเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่พร้อมจะทิ้งเมื่อหมดงาน ผมน่ะเตรียมไว้แล้ว เพราะเสื้อที่เก่าจนเหมือนผ้าขี้ริ้วน่ะผมมีเป็นกะตัก จะทิ้งม๊าก็บ่น ว่าให้เก็บไว้ทำผ้าขี้ริ้ว แต่ม๊าก็ไม่ยอมทิ้งพวกผ้าขี้ริ้วนั่นสักที ก็เลยมีกองเป็นภูเขา

"เดี๋ยวดูรายชื่อนะคะ แล้วบัดดี้ต้องผูกข้อมือติดกัน จะเอาออกได้ก็ต่อเมื่อจบเกมนะคะ อย่ายอมแพ้กันนา ปีนี้เฮีย ๆ ช่วยสมทบทุน ใครเล่นเกมแล้วชนะ ได้รางวัลห้าพันบาท" เสียงนังอุ๋มพูดออกมาจากโทรโข่ง และผมก็คิดว่าใครจะได้ก็ได้ไปเถอะ กูขอเล่นแบบชิว ๆ สบาย ๆ ก็แล้วกัน อันไหนต้องเปียกต้องเปื้อน ก็ไม่เล่นแม่งล่ะ ไม่อยากเลอะมาก ที่สำคัญ ไม่ได้อยากได้เงินขนาดนั้นเพราะผมไม่ใช่คนหน้าเงิน และถ้าจะได้เงินก็ต้องได้คนเดียวไม่แบ่งใคร อิอิ

แผ่นกระดาษถูกกางซึ่งแจ้งรายชื่อบัดดี้ แต่ผมแทบจะลมจับ เพราะบัดดี้ของผมก็คือคนที่ผมไม่อยากพูดคุย ไม่อยากทำความรู้จัก ไม่อยากเข้าใกล้ที่สุดในโลก ไอ้เหี้ยโจ ไอ้สัตว์ชัยณรงค์ คนที่ผมเกลียดที่สุดในโลก เกลียดตั้งแต่อดีต ปัจจุบันจนถึงอนาคต

"เชี่ย" ผมอุทานเสียงดังจนคนหันมามอง ผมก็เลยต้องยิ้มแหย ๆ และมองหาไอ้แห้ว เดี๋ยวจะขอเนียน ๆ เปลี่ยนคู่บัดดี้กับคู่ของไอ้แห้วก็แล้วกัน

"ไอ้แห้วมานี่ไอ้สัส" ผมพูดกระซิบและกวักมือเรียกมันมา

"เปลี่ยนบัดดี้กับกูหน่อย" ผมกระซิบกระซาบ

"โอ้ยไม่เอาอ่ะพี่ตี๋ ผมอุตส่าห์ได้น้องเนยเป็นบัดดี้เชียวนะ พี่หาคนอื่นเถอะ" ไอ้แห้วพูดแล้วก็มองผมแบบที่น่าตบที่สุด กูไม่น่าเลี้ยงขนมมึงเลยไอ้เนรคุณ ต่อไปนี้อย่าหวังว่ามึงจะได้แดกอะไรจากกูอีกเลยนอกจากตีนของกูนี่ แล้วนังอุ๋มก็เป็นอะไรมากไหม คอยเซ้าซี้จู้จี้ว่าแต่ละคนเจอบัดดี้ของตัวเองหรือยัง

"เฮียโจเจอบัดดี้หรือยังคะ ได้ใครเป็นบัดดี้เอ่ย อ๋อได้พี่ตี๋หรอคะ เอ้าพี่ตี๋อยู่ไหนคะ บัดดี้รออยู่ค่าาาา" นังอุ๋มประกาศออกโทรโข่ง และทุกคนก็หันมามองผมเป็นตาเดียว เชี่ยเอ๊ย กูหลบไม่ได้แล้ว แล้วนังเจี๊ยบก็เจ้ากี้เจ้าการ วิ่งมาจับมือผมลากไปหาไอ้เปรตนั่น แล้วก็ผูกข้อมือ ซะแน่น คอยดูนะ ถ้าเลือดไม่เดินแล้วมือกูเป็นอะไรไป กูขับรถทำมาหาแดกไม่ได้กูจะฟ้องศาลไคฟงแม่งทั้งสองตัวเลย

"เป็นอะไรทำหน้าเป็นตูด" ไอ้เหี้ยโจกระซิบถามเบา ๆ แต่ผมเลือกจะไม่มองหน้ามัน และทำเป็นไม่ได้ยิน 

"เอาล่ะค่า...ทุกคนมาเข้าแถวนะค๊า... เราจะแบ่งเป็นแปดทีม แล้วเดี๋ยวจะมีคนนำไปตามฐานต่าง ๆ กลุ่มที่หนึ่งไปเลยค่า" นังอุ๋มทำหน้าที่พิธีกรที่ดี แต่เป็นน้องที่เลว และผมก็ต้องทนอึดอัดเพราะเป็นกลุ่มสุดท้าย แต่พอถึงเวลาที่จะต้องเดินแถวไป ไอ้เหี้ยโจก็เดินนำหน้าลากแขนของผมไปจนผมเดินแทบไม่ทัน  ไม่รู้จะไปเดินหาสมบัติของแม่มึงหรือไง ผมนินทาก่นด่าโคตรเหง้าบรรพบุรุษมันในใจ

"ด่านแรกเป็นด่านกินวิบากนะคะ" ยายวิทยากรที่ทางรีสอร์ตพูด และอธิบายขั้นตอนของการเล่น นี่แม่งเล่นเป็นกีฬาโรงเรียนประถมเลย ความเหี้ยก็คือ การแข่งต้องไปเป็นคู่ ๆ และจะถูกจับเวลาด้วย สองทีมจะต้องแข่งกันเอง สลับสายกันไปมา แล้วก็มีคะแนนของแต่ละคู่บัดดี้ด้วย มึงซับซ้อนในการหาทำไปไหมอีพวกฝ่ายบุคคลห่ารากนี่

"เชี่ยไม่ต้องรีบนะ" ผมพูดเปรย ๆ เพราะไม่อยากพูดกับมันโดยตรง มันก็รับคำฮึฮะ ในลำคอ แต่พอถึงเวลาจริง ๆ แม่งก็ลากผมซะจนผมแทบหัวทิ่ม จบท้ายด้วยไอ้การเป่าแป้งที่แม่งเอ๊ย เหมือนแกล้งอ่ะ ผมรู้สึกว่าคู่ของผมกับไอ้เหี้ยโจจะมีแป้งมากกว่าใคร ๆ และตอนนี้หน้าของไอ้โจก็โคตรขาว และหน้าของผมก็คงไม่ต่างกัน ของคนอื่นมีแค่นิด ๆ หน่อย ๆ และอีนังทีมฝ่ายบุคคลหัวเห็ด แม่งก็ถ่ายรูปเอา ๆ เหมือนจะเอาไปประจาน ส่วนผมก็แอบขำเหมือนกันเพราะไอ้เหี้ยโจตอนหน้าขาว หน้าโคตรตลก

"เชี่ยจะรีบไปไหน กูแดกน้ำแทบไม่ทัน" ผมกัดฟันบ่นหลังเล่นเกม และนึกถึงตอนวัยเด็กที่ไอ้เหี้ยโจนี่มันเป็นสายกีฬาโดยแท้ มีกีฬาหรือเล่นอะไร ไอ้เหี้ยนี่มันเล่นหมด เหมือนมันเกิดมาเพื่อแข่งขัน ส่วนกูนั้นเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย สโลว์ไลฟ์ ไอ้สัสนี่ก็ไม่ได้คิดว่ากูเป็นติ่งเนื้อที่เป็นส่วนเกินของมึงเลย ลากกูเอา ๆ จนกูตัวเกือบปลิว โดยเฉพาะไอ้ด่านที่สองคือวิ่งกระสอบ ผมน่ะเตี้ยกว่ามันตั้งเยอะ ไอ้เปรตนี่ก็วิ่งเอา ๆ ส่วนกูไม่ต้องวิ่งต้องเวิ่งกันละ โดนไอ้นรกนี่ลากเหมือนหมา แถมผมร้องเสียงหลง ใคร ๆ ก็พากันหัวเราะเยาะ หมดกันความหล่อของกู พังทลายเพราะไอ้เหี้ยนี่ซ้ำแล้วซ้ำอีก

กว่าจะหมดด่าน ซึ่งเป็นด่านใช้กำลัง ล้วน ๆ ไม่มีด่านไหนที่ใช้สมองเลย แต่จะว่าไป ก็ดีเหมือนกัน ขืนเป็นด่านที่ใช้สมอง กูยิ่งจะถูกประจานให้โลกเขารู้ว่าโง่ แต่ไอ้เหี้ยที่แขนมันถูกผูกติดกับผมนี่ มันก็ลากจนผมกับมันชนะทุกเกมทีเดียวนะ ยิ่งชนะแบบนี้กูยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเนื้อร้าย หรือส่วนเกินยังไงก็ไม่รู้

"เอาล่ะค่ะ เกมทั้งหมดจบลงแล้วนะคะ ขอเชิญพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคน ไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายใจ แล้วก็ไปรวมตัวกันที่ห้องอาหารได้เลยนะคะ รางวัลของการแข่งขันจะประกาศในคืนนี้ อ้อ แต่งตัวชุดธีมย้อนยุคที่บริษัทกำหนดมาได้เลยนะคะ" นังเจี๊ยบประกาศแบบรีบ ๆ ผมรู้แกวว่าพวกหล่อน ๆ น่ะ งานนี้ถึงไม่ได้รางวัลก็ขอสวยแข่งกัน และเกือบทั้งนั้นก็จะเดาะชุดไทย คงคิดว่าตัวเองเป็นแม่การะเกดหลงยุคเข้าไปอยู่ยุคพี่หมื่นล่ะสิ เดี๋ยวเจอชุดของกูก่อนแล้วพวกมึงจะหนาว ผมคิดและรอให้ใครก็ไม่รู้มาแกะผ้าที่รัดแขนของผมกับไอ้เปรตนี่ สาธุ ได้แยกจากกันเสียที เกลียดมึงอย่างกับขี้ต้องมาเล่นเกมด้วยกัน หวังว่าคงไม่ต้องเจอต้องเจอกันอีก 

ผมรีบเดินจ้ำ ๆ พาสารรูปที่เละเทะ มองคนอื่นก็เละเหมือนกัน แต่ทำไมกูเลอะมากกว่าชาวบ้านก็ไม่รู้ ทั้งโคลน ทั้งแป้ง เสื้อผ้าที่ผมใส่มันก็เป็นสีดำมอ ๆ มันก็ยิ่งดูเลอะไปใหญ่ ผมรีบมาถึงห้องพักเป็นคนแรก แล้วก็รีบอาบน้ำ เดี๋ยวพ่อจะปล่อยทีเด็ดให้คนทั้งบริษัทได้อ้าปากค้างกันบ้างล่ะวะ งานนี้ไอ้ตี๋ต้องมีแต่คนเอาไปลือ...