บางคนว่าผมเป็นหนูตกถังข้าวสาร บางคนว่าผมโชคดี แต่ผมว่าเพราะวาสนาของเรามากกว่า

วาสนาของตาตี่I - 19 ตี๋ร้องไห้ โดย Chavaroj @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ครอบครัว,ไทย,รัก,ตลก,ตลก,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วาสนาของตาตี่I

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ครอบครัว,ไทย,รัก,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ตลก,รักวัยรุ่น,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

วาสนาของตาตี่I โดย Chavaroj  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

บางคนว่าผมเป็นหนูตกถังข้าวสาร บางคนว่าผมโชคดี แต่ผมว่าเพราะวาสนาของเรามากกว่า

ผู้แต่ง

Chavaroj

เรื่องย่อ

สารบัญ

วาสนาของตาตี่I-1 ร้านขายโจ๊กกับไอ้วินตาตี่,วาสนาของตาตี่I-2 ไอ้ตี๋ลูกม๊า,วาสนาของตาตี่I-3 ของขวัญวันเกิดกับอินฟลูมือใหม่,วาสนาของตาตี่I-4 ไอ้ตี๋กับสัปดาห์ที่แสนน่าเบื่อ,วาสนาของตาตี่I-5 วันหยุดของไอ้ตี๋มนุษย์เงินเดือน,วาสนาของตาตี่I-6 รัก โลภ โกรธ หลง,วาสนาของตาตี่I-7 ไอ้ตี๋เกลียด,วาสนาของตาตี่I-8 คุณตี๋ผู้ชนะ,วาสนาของตาตี่I-9 โบ๊ะบ๊ะ,วาสนาของตาตี่I-10 ความเปลี่ยนแปลงที่เริ่มก่อตัว,วาสนาของตาตี่I-11 อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดวะไอ้ตี๋,วาสนาของตาตี่I-12 โอกาสของตี๋,วาสนาของตาตี่I-13 ไอ้ตี๋สงบศึก,วาสนาของตาตี่I-14 ตี๋กลัวผี,วาสนาของตาตี่I-15 ตี๋ไม่รู้ตัว,วาสนาของตาตี่I-16 วันเกิดปีนี้ตี๋ไม่เหงา,วาสนาของตาตี่I-17 เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนเหี้ย,วาสนาของตาตี่I-18 วันหยุดขอตี๋กับไอ้ตัววุ่นวาย,วาสนาของตาตี่I-19 ตี๋ร้องไห้,วาสนาของตาตี่I-20 ตี๋จะอยู่ดูแล,วาสนาของตาตี่I-21 เวลาของการจากลา,วาสนาของตาตี่I-22 วุ่นวายเหมือนตายวันแรก,วาสนาของตาตี่I-23 โจผู้ไม่สมบูรณ์แบบ,วาสนาของตาตี่I-24 ความสุข =รอยยิ้ม+เสียงหัวเราะ,วาสนาของตาตี่I-25 ไม่แคล้วกัน,วาสนาของตาตี่I-26 โจไม่กลัวผี,วาสนาของตาตี่I-27 ถ้าฟ้าเสียตัว...ฟ้าต้องได้เป็นแอร์,วาสนาของตาตี่I-28 เครื่องรางกันผี,วาสนาของตาตี่I-29 Work ไร้ Balance ,วาสนาของตาตี่I-30 คนสำคัญ,วาสนาของตาตี่I-ตอนพิเศษ วาสนาของตี๋,วาสนาของตาตี่I-ตอนพิเศษ วาสนาของโจ,วาสนาของตาตี่I-ตอนพิเศษ วาสนาของเรา

เนื้อหา

19 ตี๋ร้องไห้

โดย  Chavaroj



งานวันที่สามก็เหนื่อยเหมือนเมื่อวาน แต่ผมก็ดีใจที่วันนี้จะหมดงาน และวันรุ่งขึ้นก็จะได้กลับบ้านสักที แต่กำลังวุ่นวายอยู่ที่สต๊อกรถ เฮียโกก็เดินมาหาพร้อมกับทำหน้านิ่ง ๆ ใส่จนผมชักจะหวาด ๆ ปกติแกไม่ค่อยมายุ่งกับเรื่องหยุมหยิมอะไรแบบนี้ และเอาจริง ๆ แกก็ไม่ค่อยจะลดตัวมาคุยอะไรกับพวกผมเสียด้วย

"มีอะไรหรอครับเฮีย" ผมลุกขึ้นยืนคุยกับแก เมื่อเห็นว่าแกมายืนเมียงมอง และทำท่าอยากจะคุยด้วย

"เออตี๋ เดี๋ยวเฮียจะมาแจ้งตี๋หน่อย คืออย่างนี้ พอดี เดี๋ยวโจเนี่ยต้องไปอีกจังหวัดนึง ต่อไปเลยแล้วลูกค้าก็น่าจะสั่งของเยอะ เฮียก็ปรึกษากับโจเขาแล้วว่า เดี๋ยวให้เอาของที่เหลือทั้งหมดเนี่ยที่เหลือจากงานนี้ ให้ตี๋น่ะขับรถตามโจไปที่จังหวัดข้าง ๆ เลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องขนของไปขนของกลับ อีกอย่าง มันมีของเปลี่ยนของคืน รับของเปลี่ยนมาเลยแล้วเอาไปคืนที่โรงงานจะได้ไม่เสียเที่ยว" เฮียโกแกว่าแล้วก็ยิ้ม ๆ 

"ได้ครับเฮีย" ผมพูดและยิ้มเจื่อน หมดกันความหวังที่จะได้กลับบ้านของกู แต่เอาน่า เลื่อนไปแค่วันสองวัน คงไม่เป็นไรหรอก รีบโทรศัพท์บอกม๊า ซึ่งม๊าก็ดูจะไม่ได้อินังขังขอบอะไร ถามสารทุกข์สุกดิบอีกนิดหน่อย แล้วก็วางสายกันไป ดูม๊าจะไม่ค่อยห่วงลูกชายสุดที่รักเท่าไรแฮะ

"เฮียโกบอกมึงหรือยัง?" ไอ้โจมากระซิบถามเมื่อผมกลับมาที่งาน พร้อมกับของที่อยู่ในรถเข็น

"เออบอกแล้วล่ะ ก็ดีเหมือนกัน คิดซะว่าจะได้ไม่ต้องรีบกลับเหนื่อยจะตายห่า ว่าแต่ไอ้จังหวัดข้าง ๆ นี่มันโอเคใช่มั๊ย?" ผมถามและมันก็พยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย

จนตอนเย็นของงาน  ที่เหลือผมกับมันและเด็กยกของอีกสองคนที่ช่วยกันนับสต๊อกที่เหลือ และสินค้าที่เหลือทั้งหมด จะถูกขนมาใส่ที่ท้ายรถของผม

"ไอ้ตี๋ นับขอบให้มันดี ๆ นะอย่าให้พลาดล่ะ" ไอ้โจมันพูดด้วยเสียงจริงจัง จนผมแปลกใจ ปกติเวลามันพูดกับผมมันชอบกวนตีน 

"มีอะไรหรือเปล่ามึง?" ผมถามมันด้วยหน้าเครียด ๆ นิด ๆ

"ไม่มีอะไรหรอก กูอาจจะคิดมากไปเอง ก็แค่อยากให้มันเรียบร้อย จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง  เออ เดี๋ยวเย็นนี้อย่าลืมเฮียเจ้าของงานเขาจะเลี้ยงข้าวพวกเรา มึงกับกูเช็กของเสร็จแล้วก็รีบตามเขาไปก็แล้วกัน" มันว่าและช่วยผมกับเด็กพนักงานยกของเอาของเรียงในตู้ด้านหลังรถ จนปิดกระบะท้ายแล้วก็เอาแม่กุญแจคล้องให้ดีเพื่อความปลอดภัย คล้องกุญแจสองดอกไปเลย ผมเก็บลูกกุญแจหนึ่งชุด ไอ้โจเก็บลูกกุญแจอีกหนึ่งชุด เรียกว่าอย่าหวังมาขโมยของในรถได้เชียว แม้แต่ผมคนเดียวก็ไม่สามารถเอาของออกมาจากรถตามลำพังได้ แล้วเราก็กลับไปโรงแรมเสียก่อนเพื่อ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จริง ๆ ผมก็คงจะไม่ต้องไปก็ได้ แต่ไอ้ตี๋มันว่าให้ผมไปด้วยเพราะมันรู้ตัวว่ามันจะต้องถูกมอมเหล้า ถ้าเมามาก ๆ มันขับรถกลับไม่ไหวแน่ ๆ

"เอ๊า เชี่ย" ผมบ่นแต่ก็ต้องไป เฮียเจ้าของงาน ท่าทางเป็นเศรษฐีใจดี คุยเสียงดังและดูเป็นนักเลง มีคนของบริษัทผมและมีคนของบริษัทอื่นนิดหน่อย น่าจะเป็นเซลล์เหมือนกัน และนังอุ๋มก็เดินมากระซิบกระซาบเพื่อนินทากาเล

"พี่ตี๋เห็นไอ้หล่อ ๆ ที่ท่าทางขี้เก๊กนั่งติดกับเฮียโกป่ะ?" 

"อือ" 

"นั่นล่ะตัวดีเลย" นังอุ๋มนินทาเอามือป้องปาก

"อย่าบอกนะว่าลูกน้องเก่าเฮียโก ที่วิ่งเขตนี้น่ะ" 

"ใช่แล้ว" นังอุ๋มตอบและเอามือตีที่แขนของผมเหมือนถูกใจที่ผมทายถูก

ผมชั่งใจและมองบรรยากาศเครียด ๆ ตรงหน้า ไอ้โจยิ้มฝืน ๆ ส่วนเฮียโกกับลูกน้องเก่าของแก พูดจาเข้าขากันเป็นอันดีกับเฮียเจ้าของงาน และไอ้โจก็กำลังจะถูกมอมเหล้าเพราะเฮียแกเทเหล้าเอา ๆ ไอ้โจก็ซัดจนตัวแดงแปร๊ด 

กินกันจนพวกสะเก็ดก็ค่อย ๆ ย่องหายไปทีละคนสองคน ส่วนโต๊ะใหญ่ที่เจ้าภาพนั่งกินก็ยังอยู่กันเกือบครบ เสียงหัวเราะของเฮียโกและคุณเอกยังดังลั่น และไอ้โจก็หน้าแดงจนผมห่วงว่าเดี๋ยวมันคงคว่ำแน่ ๆ ไม่ไหวก็ต้องฝืน อย่างที่มันเล่าให้ฟังจริง ๆ เสียด้วย

"พี่ตี๋กลับโรงแรมกัน" ไอ้แห้วมานั่งข้างผมและเขย่าแขนผมยิก ๆ

"เออมึงกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวกูกลับเอง" ไอ้แห้วที่แดกเสียเต็มคราบและคงจะเหนื่อยเต็มที่  ก็จบงานมันก็ต้องแบกหามจนเหงื่อโทรม ยิ่งแดกข้าวอิ่ม ๆ เป็นใครก็อยากจะนอนพัก และมันก็ลาไปก่อนกับเพื่อน ๆ ของมัน ส่วนผมก็นั่งแดกน้ำอัดลมรอไปเรื่อย ๆ ท้องกูป่องแล้วเนี่ย

รออยู่อีกครู่ใหญ่ พวกผู้ใหญ่ก็เลิกรากันเดชะบุญเพราะเมียของลูกค้าโทรศัพท์มาตามให้กลับบ้านไม่อย่างนั้นท่าทางจะเลิกยาก ไอ้โจเดินเซ ๆ ไปส่งพวกเฮีย ๆ และเมื่อพวกเฮียขึ้นรถกลับกันไปแล้ว ไอ้โจ ก็วิ่งเข้าพุ่มไม้ข้างทางแล้วก็อ้วกจนหมดไส้หมดพุง

"ไอ้เหี้ยไหวไหมเนี่ย" ผมย่องไปหามันอย่างห่วง ๆ ค่อย ๆ เอามือลูบหลังมันเบา ๆ สารภาพตรง ๆ ว่ารับมือไม่ได้ ก็ในชีวิตไม่เคยเจอะคนเมา ป๊าเองก็ไม่ได้กินเหล้า แต่ดูดบุหรี่วันละหลาย ๆ ตัว เคยบ่นให้ป๊าเลิกแต่ป๊าก็ว่าป๊าสูบจนติดเสียแล้ว

"เออ แต่โคตรปวดหัว" มันบ่นและให้ผมหิ้วปีกมันไปที่รถ 

"สัสอย่าเสือกอ้วกในรถนะ ถึงจะรถมึง แต่ถ้ามึงอ้วก กูก็ถีบมึงตกรถเลยนะไอ้เหี้ย" ผมบ่นและมองสภาพมันที่เมาเหมือนหมา

ไหน ๆ ก็กลับมาญาติดีกับมัน และผมก็คงไม่ใจแข็งทิ้งมันไว้ในรถแน่ ๆ เดี๋ยวตายห่าขึ้นมากูบาปพอดี ผมก็เลยหิ้วปีกมันไปที่ล็อบบี้ เพื่อเอากุญแจห้องแล้วก็ลากแม่งไปส่งที่ห้อง 

"เอ้าถึงห้องแล้ว อาบน้ำอาบท่าจะได้สร่างเมา แดกน้ำก่อน" ผมยื่นน้ำเย็น ๆ จากในตู้เย็นให้มัน

"คนที่นอนกับมึงล่ะ?" ผมถามเพราะแต่ละห้องก็จะนอนกันสองคนหรือสามคนเพื่อประหยัดงบบริษัท

"ไปแดกเหล้าต่อมั้ง มึงไปนอนเถอะ ขอบใจนะ" มันว่าและทิ้งตัวลงนอน ผมยืนเท้าเอวถอนหายใจ และคิดว่ามันคงชินกับเรื่องแบบนี้แล้วก็เลยเดินกลับห้องตัวเองไป อาบน้ำแต่งตัวและพี่คนขับรถ ก็บอกว่าจะไปเล่นไพ่ที่ห้องข้าง ๆ

"สัส อย่างนี้กูก็อยู่คนเดียวอ่ะสิ" ผมว่ากับตัวเอง และคิดว่าจะชวนไอ้แห้วมาอยู่เป็นเพื่อน แต่พอเดินมาห้องข้าง ๆ ที่เขาเล่นไพ่นี่แหละ ไอ้แห้วหลับสลบไปแล้ว กูจะเอายังไงกับชีวิตต่อดีวะ ดูเหมือนพวกคนขับรถและพนักงานหลายคนมารวมตัวกันที่ห้องนี้เพราะนาน ๆ จะได้อยู่เต็มวง

จู่ ๆ ก็นึกห่วงไอ้คนเมา เพราะวงไพ่นี้ก็มีคนที่นอนห้องเดียวกับไอ้โจมาเล่นไพ่อยู่ด้วย อย่างนี้ก็เท่ากับมันอยู่คนเดียวสิวะ ผมเดินไปเร็ว ๆ จนถึงห้องของมัน เปิดประตูออกเข้าไปได้เพราะตอนออกมาผมไม่ได้ล็อก

"อ้าวไอ้เวร ยังไม่นอนอีกเรอะ" ผมว่าและค่อย ๆ ดึงมันขึ้นมา พอลุกขึ้นนั่ง ไอ้เหี้ยโจก็กระโจนตัวเข้าไปในส้วมทันที เพื่ออ้วกอีกหนึ่งกรุบ

"สัสเอ๊ย" อันนี้ผมไม่ได้ด่าไอ้โจ แต่ด่าไอ้เฮียคนที่กรอกเหล้าให้ไอ้โจแดก ส่วนตัวเองก็เอาแต่หัวเราะ สภาพคล้าย ๆ วันเอ้าท์ติ้งที่ผมโดนมอมเหล้าไม่มีผิด แต่เป็นการหัวเราะไม่ใช่หัวเราะขำ แต่หัวเราะเพราะผมไม่รู้จะทำยังไงดีต่างหาก

"เชี่ย ปวดหัวแทบระเบิด" มันบ่นและเอากำปั้นทุบหัวตัวเองแรง ๆ

"ใจเย็น ๆ ไอ้ห่า ไปอาบน้ำไป" ผมว่าและมันก็รับคำ อย่างงัวเงีย อ้วกแม่งพุ่งแต่ก็หกโดนเสื้อของมันจนเปื้อน ผมก็เลยต้องไล่ให้แม่งอาบน้ำ เออ ไอ้แห้วมันว่าตอนผมเมาสภาพเหมือนหมา สงสัยจะเป็นอย่างที่ไอ้โจเป็นตอนนี้ล่ะมั้ง

ไอ้โจอาบน้ำเสร็จก็เดินนุ่งผ้าเช็ดตัวของโรงแรมออกมา ทิ้งตัวลงนั่งที่ขอบเตียง เหมือนตั้งสติ หันมามองผมแล้วก็ส่ายหน้าไปมา

"แม่งเมาชิบหาย" มันบ่นแล้วก็เอื้อมมือไปที่กระเป๋าเดินทางที่วางข้าง ๆ ตัวมัน หยิบกางเกงขาสั้นขึ้นมาสวม แล้วก็ทิ้งตัวลงนอน

"เออนอนไป" ผมว่าและกำลังจะเดินกลับ แต่นึกขึ้นมาได้ว่าถ้ากลับไปผมก็ต้องอยู่คนเดียว จะทำยังไงดีวะ 

ผมก็เลยทิ้งตัวนอนแม่งที่โซฟาในห้องไอ้โจนี่แหละ นอนฟังเสียงกรนของมันไปด้วย อย่างน้อยก็ยังอุ่นใจ จนราว ๆ ตีสองกว่า นั่นแหละ พี่ที่นอนห้องเดียวกับไอ้โจถึงกลับมา ผมก็เลยเดินกลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง

ตื่นเช้ามาแบบเซ็ง ๆ และเมื่อเดินไปที่ล็อบบี้ มองคนอื่นที่เขาเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางกลับ ส่วนเฮียโกกับคุณเอก พ่อนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว 

"เจอกันที่กรุงเทพฯ นะพี่ตี๋" นังอุ๋มเอ่ยลาและผมก็ยืนบ๋ายบายรถตู้สองคัน ไอ้โจเดินยิ้มหน้าระรื่น มาทีหลังแต่หน้ายังบวม ๆ และนัดแนะกับผมถึงเส้นทางที่จะต้องเดินทางไป 

แต่พอรถผมถึงรถ ไอ้แห้วก็ทำหน้าเซ็ง ๆ และหยิบกระเป๋าเดินทางของมันมาสะพายที่ข้างตัว

"เอ๊า ไม่เอากระเป๋าไว้ในรถล่ะ?" ผมท้วง คิดว่ามันงอนที่ผมไม่ชวนมันไปกินอะไรตอนเช้า

"ผมโดนคำสั่งให้กลับกรุงเทพฯ ด่วนเลย ที่โน่นคนขาด พี่ตี๋ขับรถไปคนเดียว ขับระวัง ๆ นะ" ไอ้แห้วพูดอย่างมีแก่ใจ และพี่คนขับก็อธิบายเหตุผลให้ฟัง ผมก็พยักหน้าเออออไป จริง ๆ มีหรือไม่มีไอ้แห้วก็ไม่ค่อยต่างกันหรอก หมอนี่ ถ้าไม่ได้ทำงาน นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นแดก เรียกว่ามีไว้พออุ่นใจก็แค่นั้น

"ไปมึง ไปหาอะไรแดกดีกว่า ไปกินที่ร้านจังหวัดข้าง ๆ เลย หรือมึงหิวจะหาอะไรกินที่นี่ตอนเช้าก่อนก็ได้" ไอ้โจพูดเหมือนสภาพดี ไม่มีวี่แววการเมาเหมือนหมาแบบเมื่อคืนเลยสักนิด ยกเว้นหน้าบวมหน่อย ๆ

"มึงขับรถไหวแน่เรอะ?"

"ไหวสิ อ้วกหมดไส้หมดพุงอย่างนั้น" ไอ้โจว่าและทำท่ารีบรีบร้อน คงอยากจะไปให้พ้นจากที่นี่เต็มที

ผมขับตามมันไปพอได้ระยะ จนถึงร้านข้าวแกงแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเงียบ ๆ หน่อย

"กินข้าวที่นี่แหละ อร่อยสุดในจังหวัดนี้แล้ว" ไอ้โจมันว่าและเดินนำไปทีเดียว ผมว่าจริง ๆ รสชาติมันก็พอใช้ แต่ก็ไม่ได้น่าอร่อยชนิดอร่อยที่สุดในจังหวัด จนไอ้โจมาเฉลยว่าที่จังหวัดนี้มันเป็นจังหวัดเล็ก และออกจะเงียบ ๆ เอาของไปส่ง แล้วเราก็จะข้ามไปอีกจังหวัดโน่นเลย 

"ไม่นอนค้างที่นี่เหรอ?" ผมไม่วายจะถาม

"เชี่ยนอนได้ไง ผีดุชิบหาย" ไอ้โจว่าและผมก็ไม่คัดค้านอะไรมันอีก ยังไงมันก็ต้องรู้มากกว่าผมสิ และการเสี่ยงนอนโรงแรมผี ไม่ดีกับใครทั้งนั้นโดยเฉพาะกู

ไอ้ผมก็นั่งรอยืนรอ เดินรอ ส่วนไอ้โจก็นั่งคุยกับเฮียเจ้าของร้าน คุยอยู่เป็นนานเหมือนชีวิตไม่ต้องเร่งรีบอะไร จนสุดท้าย มันก็มาให้ผมเปิดท้ายรถ และเบิกของไปส่ง นับให้ถ้วนถี่ ตั้งสองสามรอบ

"อย่าให้พลาดได้นะมึง" ไอ้โจย้ำอีก จนผมชักจะสงสัย ปกติตอนนับของ มันก็ปล่อยให้ผมนับโดยไม่ได้เช็กอะไร นี่มันให้ผมนับสองรอบแล้วมันก็นับทวนพร้อมกับพนักงานที่ร้านอีกรอบหนึ่ง ก็คงจะทำเพื่อความมั่นใจ 

"เห้อเสร็จสักที เฮียแม่งก็คุยยากคุยเย็นชิบหาย นี่ถ้าไม่มีรถของมึงมาด้วย ท่าทางเฮียแม่งก็ไม่เอา แกคงขี้เกียจรอสินค้าเพราะถ้าสั่งแล้วกว่าของจะมาถึงก็อีกตั้งสี่ห้าวัน" ไอ้โจบ่นและพาผมไปหาลูกค้าอีกสองร้าน

"เอาล่ะเสร็จงานของที่นี่แล้ว เดี๋ยวไปกินข้าวเย็นที่จังหวัดโน้นเลยก็แล้วกันนะมีตลาดไนท์" ไอ้โจพูดเหมือนปลอบใจตัวเองและปลอบใจผม ผมชักจะเห็นใจมันหน่อย ๆ และคิดว่าชีวิตเซลล์ที่ผมเคยอิจฉา เพราะมันได้เงินค่าคอมเยอะแยะนั้น มันก็ไม่ได้ง่าย อย่างที่คิด ลูกค้าดีก็ดีไป แต่เจอลูกค้าร้าย ๆ ก็ต้องยอมให้เขาหมด เขาจะด่าว่า หรือทำอะไรไม่ดี ก็ต้องยิ้มรับ เพราะต้องค้าขายกับเขา พูดไปก็น่าจะเข้าตำราหนังหน้าไฟ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัทแท้ ๆ แต่ก็ต้องยอมลูกค้าหมด ลูกค้าคือพระเจ้านั่นแหละ

จนเย็นย่ำ รถของผมกับมันก็จอดที่โรงแรมเก่า ๆ แห่งหนึ่งกลางเมือง

"เชี่ยทำไมเก่าจังวะ" ผมบ่นเมื่อเห็นสภาพโรงแรม

"มึงคิดว่ามึงอยู่ที่ไหน ?" ไอ้โจค้อนและให้ผมเอากระเป๋าเสื้อผ้าลงมา 

"นอนห้องเดียวกับกูนะ เพราะงบมันมาแค่นี้" มันว่าและผมก็ไม่ได้ท้วงอะไร ยังไงซะ ก็ดีกว่าต้องนอนคนเดียวล่ะวะ 

โรงแรมนี้ภายนอกดูเก่าหน่อย ๆ แต่ด้านในโรงแรมอย่างน้อยแม่งก็ทาสีซะใหม่เอี่ยม ค่อยอุ่นใจหน่อย ผมกับมันอาบน้ำ แล้วมันก็บอกให้ผมไปขึ้นรถมัน เพราะเราต้องไปหาอะไรกินที่ตลาดไนท์ ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีอะไรให้แดกแล้ว

ลงท้ายที่ร้านส้มตำ สั่งปลาเผามากิน กับส้มตำและน้ำตกอีกจาน กินข้าวเหนียวจนผมจุกไปหมด และคืนนี้น่าจะหลับสนิท 

การขับรถต่างจังหวัดมันไม่เหมือนในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัดรถมันไม่ติด ยิ่งผมขับรถข้ามจังหวัด แม้จะใช้เวลาเท่ากันแต่ได้ระยะทางไกลกว่ามาก ๆ น่าจะสองร้อยกว่าโลเห็นจะได้ 

บ้วนปากแปรงฟัน ไม่อาบน้ำอาบเนิ้มมันละ ผมก็เตรียมตัวเข้านอนทีเดียว ไม่ลืมที่จะอาราธนาหลวงพ่อที่ม๊าให้มาเอามาไว้นอกอก ถ้าเกิดมีผีมามึงต้องเจออิทธิฤทธิ์หลวงพ่อกูก่อนล่ะวะ

"ยังไม่นอนเรอะ" ผมถามเมื่อเห็นไอ้โจหยิบโน๊ตบุ๊กและกระดาษเอกสารออกมาเป็นตั้ง ๆ

"ยังนอนไม่ได้สิ ต้องสรุปยอดโว้ย" มันหันมาโวยวาย และไม่หันกลับมามองผมอีกเลย

ที่คิดว่าจะหลับง่าย ๆ กลับเป็นตาสว่างไปซะอย่างนั้น อาจเพราะตอนบ่ายสามกินชาเขียวปั่นไปแน่ ๆ ปกติไอ้ตี๋หัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย ผมก็เลยนอนเล่นโทรศัพท์กระดิกตีนไปมา และดูคลิปสั้น ๆ ในติ๊กต๊อกที่ม๊าทำ

"หัวเราะอะไรของมึง" ไอ้โจมันหันมาถามทำหน้ารำคาญนิด ๆ 

"กูขำม๊ากู เห้อในที่สุดก็มีวันนี้จนได้" ผมว่าและหันโทรศัพท์ไปให้ไอ้โจดู มันก็คงปวดตาปวดหัว ก็เลยเดินย่อง ๆ มาดูคลิปของม๊าผมที่ทำท่าเต้นประกอบเพลงแบบที่พวกวัยรุ่นเขาทำกัน แล้วมันก็หัวเราะขำท่าทางถูกอกถูกใจ

"ม๊ามึงหรอที่เต้นดุ๊กดิ๊กนี่...น่ารักดี" มันหัวเราะแล้วก็บิดขี้เกียจ แล้วก็กลับไปนั่งทำงานต่อ ผมมองมันที่กว่าจะเก็บกระดาษเก็บโน๊ตบุ๊กก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่ง

"มึงต้องนอนดึกอย่างนี้ทุกคืนเลยเรอะ?" 

"ไม่อ่ะ แต่ก็เกือบ กูไม่อยากดองเอกสาร ทิ้งไว้คืนเดียว แม่งวันถัดไปต้องทำตั้งแต่หัวค่ำ ปวดหัวทำให้มันเสร็จ ๆ ไปเลย"

"เออชีวิตเซลล์นี่มันก็ไม่ได้ง่ายเนอะ" ผมเปรยแล้วก็มันพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย

"มึง ๆ กูถามอะไรมึงอย่าง มึงแน่ใจนะว่าที่นี่มันไม่มีอะไรที่แบบว่า ...น่ากลัว" ผมถามและกระชับผ้าห่มคลุมตัว

"ผีน่ะเหรอ?" ไอ้เหี้ยโจพูดจนผมสะดุ้ง

"สัสพูดทำไม" ผมด่าแม่งแล้วก็เอาหมอนเขวี้ยงใส่หน้ามันซะเลย

"ทำไมจะพูดไม่ได้" ไอ้โจมันเขวี้ยงหมอนกลับ

"มึงไม่เคยได้ยินภาษิตโบราณหรือไง เข้าป่าอย่าพูดถึงเสือ ลงน้ำอย่าพูดถึงตะเข้ ไอ้เหี้ยนี่" ผมพูดกระซิบกระซาบเหมือนนินทาผีกลัวผีได้ยิน

"ก็เลยถ้าไม่อยากเจอผีก็อย่าพูดถึงผีว่างั้นเถอะ" ไอ้โจมันพูดแล้วหัวเราะหึ ๆ 

"สัส พูดอีกแล้ว กูบอกไม่ให้พูดไงไอ้เหี้ยนี่ไม่รู้ภาษาคนหรือไงวะไอ้สันดาน" ผมด่ามันจนมันหัวเราะ

"เออไม่เถียงละนอน ๆ จะตีหนึ่งแล้ว" มันว่าและทำท่าจะปิดไฟ แต่เห็นสีหน้าผมมันก็เลยยืนเท้าเอวมอง

"เลื่อนเตียงมาใกล้ ๆ กันมั๊ย?" มันถามและผมก็รู้สึกว่าเป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน ห้องนอนเตียงคู่ และเตียงนอนก็เป็นแบบมีล้อเข็นได้ ผมลงจากเตียง ขยับเตียงของตัวเองไปชิดกับเตียงของมันในชั่วอึดใจ มันหัวเราะหึ ๆ แล้วก็ดับไฟ แล้วก็ค่อย ๆ เดินกลับมาขึ้นเตียงของมัน

"ไอ้ตี๋"

"ฮึ?" 

"มึงคิดจะทำงานแบบนี้ไปอีกนานมั๊ยวะ?" 

"ไม่รู้สิ ก็ยังทำได้อยู่ก็ทำ ๆ แม่งไป ถามทำไม อยากลาออกแล้วเรอะ?"

"ก็ยังอ่ะ แต่จะว่าไปกูก็ทำงานที่นี่มาจะครบสองปีแล้วนะ" มันว่าและเราสองคนก็เงียบกันไป

"ไม่ง่วงหรอ?" มันหันมามองผมในความมืด

"เออสิไอ้เหี้ย เมื่อตอนบ่าย สงสัยกูแดกชาเขียวปั่นไปแหง ๆ นี่ตากูเลยค้างเลย ปกติกูแดกแต่แดงโซดาใส่มะนาว ผมว่าและไอ้โจก็หัวเราะเหมือนตกเสียเต็มประดา

"หัวเราะอะไรไม่ทราบ?"

"นี่มึงยังแดกน้ำแดงโซดาอีกหรอ ตอนเด็ก ๆ มึงแดกเสร็จปากแดงแจ๊ด แล้วมึงก็เซ่อซ่าชอบทำน้ำหกจนเสื้อเปื้อน" มันพูดจนผมคิดถึงอดีต 

"เชี่ย ทำเสื้อเปื้อนทีไร กูโดนม๊าด่าไปสามวันแปดวัน" ผมบ่นและไป  มา ๆ ผมก็หัวเราะไปกับมันเสียอย่างนั้น

"ไอ้โจ"

"อะไร?"

"กูถามมึงหน่อยสิ เกิดวันนึง มันเกิดเรื่องกับมึงเหมือนที่เกิดกับพวกเฮีย ๆ มึงจะทำยังไงวะ?" ผมถามเพราะคิดว่าเคยคุยเรื่องนี้กันมาแล้วและมันก็ว่ามันพอจะมีทางหนีทีไล่ ผมก็อยากจะรู้ว่ามันจะทำยังไง จะได้ไม่ต้องห่วงแม่ง ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ผมควรจะสมน้ำหน้ามันมากกว่า

"ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่ะ เอาจริง ๆ กูว่าถ้ามันบีบกูมาก ๆ กูก็แค่ลาออกแล้วก็สมัครงานใหม่ งานเซลล์น่ะมันไม่น่าหางานยากหรอก ในวงการก็มีอยู่แค่นี้ ลองถาม ๆ กันดูเดี๋ยวก็แนะนำกัน" 

"อืมก็ดีแล้ว"

"ทำไมห่วงกูหรอ ไม่ต้องเสือกหรอก" แน่ะมันกลับมาเป็นไอ้เหี้ยโจที่โคตรกวนตีนอีกแล้ว

"กูไม่ห่วงมึงหรอก กูแช่งให้มึงลาออกไว ๆ ต่างหาก" 

"ก็คอยดูกันไปมึงกับกูใครจะลาออกก่อนกัน" ไอ้โจพูดแล้วก็หัวเราะหึ ๆ ลงลูกคอ

ดูเหมือนเราจะหมดเรื่องคุยกันซะแล้ว พอไม่มีใครพูดอะไร ในห้องก็มีแค่เสียงแอร์ที่ร้องหึ่ง ๆ เท่านั้น จะดีไม่น้อยถ้ามันจะจบแค่นี้แต่จู่ ๆ แม่งก็เสือกมีเสียงหมาหอน แล้วแม่งหอนกันเป็นบอยแบนด์ซะด้วย หอนแบบหมู่เลยทีเดียว ไอ้หมาเหี้ย มึงขนกันมาจากไหน เจ้าของเขาไม่เอาเข้าบ้านเข้าช่องหรือไงวะ น่าเอายาเบื่อให้โคตรแม่งแดกทั้งฝูง

"สัสเอ๊ย" ผมบ่นและขยับผ้าห่มให้กระชับตัว ไอ้โจมันหัวเราะในลำคอแล้วมันก็ขยับตัวมาจนชิดขอบเตียง แล้วก็นอนหันหลังให้ผม ดูเหมือนมันกำลังจะหลับไปแล้ว และไอ้หมาหน้าเหี้ยพวกนั้นแม่งก็ออกซิงเกิ้ลกันไม่รู้จักจบ ผมก็เลยขยับไปใกล้ ๆ กับไอ้เปรตนี่แล้วก็นอนเอาหลังพิงกับหลังของมัน เออไอ้ห่าค่อยอุ่นใจหน่อย นอนคิดด่าหมาที่แม่งเอาแต่หอนเสียงโหยหวน ด่าโรงแรมที่แม่งไม่รู้จักปรับปรุงด้านนอกให้มันดูใหม่เอี่ยม ด่าผีที่แม่งจะมาเดินเล่นให้หมามันเห็นแล้วหอนทำไม ด่าลูกค้าอะไรไปเรื่อยเปื่อยที่แม่งสั่งของจนกูต้องระเหเร่ร่อนมานอนค้างที่โรงแรมเก่า ๆ แห่งนี้ จนในที่สุดผมก็หลับไปเองจนได้ อยากให้เช้าไว ๆ จะได้เผ่นไปจากที่นี่ ให้ไวที่สุด