จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
เป็นเวลาสองอาทิตย์นับจากวันที่พวกนาโอริย้ายเข้ามาในหอ ชีวิตการเรียนดำเนินไปอย่างทุลักทุเลด้วยการสอนระดับมหาโหดของซาวาเบะ รวมถึงต้องต่อสู้กับความปวดเมื่อยที่สะสมในแต่ละวัน ทั้งที่เพิ่งจะปลุกใจตนเองไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนแต่ตอนนี้รู้สึกอยากกลับบ้านให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย
นอกจากการเรียนที่แสนจะยากลำบากแล้วยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไปสร้างความลำบากให้ผู้อื่นไว้เช่นกัน...
“นี่ โมโมเสะ ขอร้องล่ะ สอนฉันเถอะ!” ร่างบางพนมมือลวก ๆ พร้อมก้มศีรษะชนิดที่ว่าหัวแทบจะแนบโต๊ะนักเรียนอีกนิดคงทะลุไปแล้ว ทำเอาเจ้าของเรือนผมสีบ๊วยแดงนิ่วหน้าเคร่งเครียดทันใด เขาพยายามยกหนังสือนวนิยายมากั้นเอาไว้และเมินเฉยคำขอนั้นแต่อีกฝ่ายก็ยังตื๊อไม่หยุด
ย้อนกลับไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน...
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่สองสาวหลับเป็นตายจากการทดสอบครั้งแรกของการเรียน นาโอริพลันนึกถึงคำที่อาจารย์สาวพูดเกี่ยวกับฝีมือของเด็กหนุ่มนามว่า โมโมเสะ ฮินาวะ ภาพที่สาวเจ้าได้เห็นด้วยตาตัวเองจากการทดสอบเมื่อวานยังคงตราตรึงในหัว จนความรู้สึกที่อยากจะทำได้แบบนั้นพรั่งพรูขึ้นมา
“นี่ซากิ”
“มีอะไรเหรอ นาโอะจัง?” ซากิเอ่ยขณะตักอาหารไว้บนช้อน เด็กสาวยิ้มแป้นก่อนจะเล่าความคิดของตัวเองให้เพื่อนสาวได้ฟัง
“เอาจริงเหรอ...โมโมเสะคุงดูเข้าหายากมากเลยนะ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เธอไม่มั่นใจว่าเด็กหนุ่มผู้เงียบขรึมคนนั้นจะยอมฝึกให้ ยิ่งเพิ่งเข้าวันที่สองของการเรียนยังไม่รู้จักกันดีเท่าไหร่ยิ่งไม่มีทางเลย
“ถ้าเขาไม่ยอมเราก็แค่ขอซ้ำ ๆ ไปเท่านั้นแหละ ยังไงก็ต้องยอมอยู่แล้ว!” นาโอริพูดอย่างมั่นใจก่อนจะตักอาหารเข้าปาก ซากิที่ได้ยินเช่นนั้นหัวเราะแห้งให้กับเพื่อนสาวของเธอก่อนจะลงมือทานอาหารต่อไป...
มื้อเช้าเสร็จสิ้นลงเด็กสาวทั้งสองพากันเดินออกจากหอไปยังตึกเรียน พวกเธอสนทนากันไปได้สักระยะก่อนจะเป็นซากิที่ตัดบทและชี้อะไรบางอย่างให้เพื่อนสาวดู
“นั่นโมโมเสะคุงนี่” นาโอริมองตามคำบอกของเพื่อนก่อนจะเบิกตากว้าง เพราะคนที่เป็นประเด็นสนทนากำลังเดินนำหน้าพวกเธอแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้นเอง
“ฉันจะไปทักเขานะ!”
“ด เดี๋ยวนาโอะจัง!” สายเกินไปที่จะห้ามเพราะร่างบางได้ออกตัววิ่งไปหาอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซากิตัดสินใจวิ่งตามไปทันทีก่อนจะเกิดเรื่องน่ากลัวขึ้น
“นี่นายน่ะ โมโมเสะ ฮินาวะใช่ไหม?” นาโอริวิ่งไปดักหน้าของเด็กหนุ่ม เขามองเธอด้วยสายตาสงบนิ่งและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบดั่งเช่นแววตา
“ใช่ แล้วทำไม?”
“เมื่อวานฉันเห็นตอนที่นายสู้กับอาจารย์ซาวาเบะน่ะ มันเจ๋งมากเลย” เด็กสาวยิ้ม
“อ่อ...ขอบคุณ ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัวก่อน” ขายาวกำลังจะเบี่ยงซ้ายเพื่อหลบแต่กลับถูกอีกฝ่ายยืนขวางอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาเผยเส้นเลือดปูดข้างขมับ ดูเหมือนว่าเขาจะโมโหเสียแล้ว
“ฉันไม่ว่างคุยเรื่องไร้สาระหรอกนะ หลีกไป”
“ไม่ไป!” นาโอริยืนกรานเสียงแข็ง ดวงตากลมโตจ้องอีกฝ่ายเขม็งไม่มีวี่แววกลัวรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
“....ต้องการอะไร?” ในที่สุดเขาก็ยอมเอ่ยปากถามแต่โดยดี สาวเจ้าจึงเอ่ยความต้องการที่อยากให้เด็กหนุ่มช่วยสอนกระบวนท่าให้เธอกับซากิ ทว่าเด็กหนุ่มกลับเลิกคิ้วให้คำถามนั้น เพราะเท่าที่เขาเห็นเมื่อวานเธอคนนี้ไม่มีอะไรที่จะต้องสอนเลย แค่ฝึกเพิ่มเติมก็พอแล้ว ส่วนซากิที่มีทักษะและความสามารถที่ดีติดตัวอยู่แล้วคงไม่มีอะไรให้เขาสอนหรอก...
“ถ้าฉันตอบว่าไม่ล่ะ” เขาลองเชิง
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะตื๊อนายจนกว่าจะยอมสอนพวกฉัน”
“เหอะ งั้นก็เชิญตื๊อให้หนำใจไปเลย เพราะฉันไม่มีความจำเป็นต้องสอนพวกเธอ” ว่าแล้วร่างสูงจึงเดินออกมาจากวงสนทนา ซากิที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดกลัวว่าเพื่อนของเธอจะเสียใจเพราะคำพูดเย็นชาของเด็กหนุ่ม มือเล็กจับที่แขนของอีกฝ่ายเบาๆ
“ไม่เป็นไรนะนาโอะจัง ถ้าเขาไม่สอนเราฝึกกันเองก็ได้นะ” ซากิยิ้มอย่างเป็นห่วง แต่ทว่านาโอริกลับไม่ได้มีทีท่าสลดอย่างที่เธอกลัวเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ได้หรอก...”
“หา?” ซากิอุทานเบาๆ
“ไม่ว่ายังไงฉันก็จะทำให้เขาสอนให้ได้เลยคอยดูสิ ต่อให้ต้องตามตื๊อเช้า กลางวัน เย็น ก่อนอาหาร หลังอาหารก็เถอะ!!” เด็กสาวกำมือแน่น ดวงตาลุกโชนด้วยเปลวไฟแห่งความตั้งใจไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมแพ้! ผิดกับซากิที่ยิ้มเจื่อนกับท่าทีมุ่งมั่นของเพื่อนสาว เธอเองก็ไม่รู้จะห้ามยังไงเช่นกัน
“เป็นเด็กที่ช่างบ้าบิ่นเกินตัวเสียจริง ให้ตายสิ” จูลิโอ้เอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย
“ดูท่าคู่หูของท่านจะเกลียดการยอมแพ้ยิ่งกว่าสิ่งใดเลยนะคะ” จิโยที่ไม่ค่อยพูดมากนักยังเอ่ยเช่นนี้ ต้องเป็นคนยังไงกันถึงทำให้แม้แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ปวดหัวกันได้?
และหลังจากนั้นนาโอริก็พยายามตามฮินาวะไปทุกที่ในทุกช่วงเวลาดั่งที่ตนได้เคยกล่าวไว้ เด็กหนุ่มเองก็พยายามหลบเลี่ยงจะเจอเธอเท่าที่จะทำได้แต่มันติดตรงที่ดันอยู่ห้องเรียนเดียวกันนี่สิ มีหลายครั้งที่เขาระแวงเสียจนไม่เป็นอันทำอะไรแม้แต่จะอ่านนวนิยายที่ชอบยังลำบากเลย
กระทั่งผ่านไปสองอาทิตย์เต็ม ๆ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่นาโอริพยายามตามตื๊อเจ้าตัวขอให้สอนกระบวนท่าให้ หลังจากที่เธอโดนปฏิเสธในครั้งแรกไป เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายก็ถูกเด็กสาวหน้าตาน่ารักตามตื๊อดั่งเช่นสตอล์คเกอร์ ทั้งเช้า กลางวัน และเย็น หากไม่ติดว่าหอนั้นแบ่งแยกชายหญิงเธอคงเข้าไปตามถึงหน้าห้องแล้วเป็นแน่
“เถอะน่า! โมโมเสะ นายเก่งจะตาย อย่าหวงวิชาสิ” นาโอริเบ้ปาก
“หวงเหิงอะไรฉันไม่เคยทำ แล้วอีกอย่างถ้าจะขอก็ช่วยทำให้มันสุภาพกว่านี้จะได้ไหม ไม่ใช่จู่ ๆ ก็โผล่มาแถมยังตามฉันอย่างกับพวกโรคจิต คิดว่าฉันไม่กลัวหรือไง?” เด็กหนุ่มพ่นทุกอย่างที่คิดออกมาอย่างฉุนเฉียว นาโอริผงะไปชั่วครู่ก่อนจะตาเบิกกว้างอย่างเป็นประกาย สองมือเท้าโต๊ะไม้ตรงหน้าก่อนจะยื่นหน้าไปใกล้อีกฝ่าย
“แปลว่าถ้าฉันขอนายดี ๆ นายก็จะสอนใช่ไหม?” เสียงหวานเอ่ยดวงตาสีซากุระจ้องอย่างคาดหวัง ทำเอาฮินาวะที่เห็นถึงกับถอนหายใจเฮือก เขาปิดหนังสือปกสวยอย่างทะนุถนอมก่อนจะเอ่ยต่อ
“ก็...ถ้าเธอสัญญาว่าจะเลิกสตอล์คเกอร์ฉัน...ก็โอเค” คำสุดท้ายเบาหวิวแทบจะหายไปกับสายลมแต่นาโอริได้ยินมันเต็มสองหู จู่ ๆเธอก็ถอยตัวออกไปจากโต๊ะไม้ มือสองข้างกุมไว้ที่หน้าตักร่างบางค่อยๆก้มโค้งลงช้าๆอย่างสง่างามและเอ่ยคำขอที่ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องยอมทำให้เป็นแน่
“ได้โปรดสอนวิชาความรู้ของคุณให้กับฉันด้วยเถอะ...” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นดังเดิมก่อนจะยิ้มหวานอย่างน่ารัก
“นะคะ?” ราวกับดาบแทงใจใบหน้านิ่งของเด็กหนุ่มขึ้นสีเล็กน้อย เขาเบนหน้าหนีพยายามไม่สบสายตาที่จ้องมาที่เขา แบบนี้ใครจะไม่ยอมล่ะจริงไหม?
“ก็ได้...แต่ฉันมีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง”
“หา เงื่อนไขอะไรอีก?”
“เธอจะต้องเข้าร่วมงานประลองดาบประจำภาคการศึกษาและชนะฉันให้ได้” มีคำถามมากมายที่นาโอริอยากจะถาม แต่ไม่ทันไรก็ถึงเวลาต้องเข้าเรียนเสียงแล้ว นาโอริจึงจำใจเดินกลับไปนั่งที่ของตน ก่อนจะเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรอย่างขุ่นเคือง ดูท่าเรื่องทั้งหมดต้องเก็บไปถามหลังเลิกเรียนเสียแล้วล่ะ
ฟึบ
ประตูบานเลื่อนเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของอาจารย์สาวที่เดินเข้ามาในห้องเรียนเหมือนทุกครั้ง ต่างตรงที่ครานี้เธอมาพร้อมกับเอกสารปึกหนาในมือก่อนจะถูกวางลงบนโต๊ะหน้าชั้นเรียน
“วันนี้ครูมีกิจกรรมจะมาประกาศ” มือเรียวหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาชูให้เด็กนักเรียน หัวกระดาษนั้นเขียนว่า ‘งานประลองดาบประจำภาคการศึกษา’ ตามมาด้วยรายละเอียดที่ยาวเป็นหางว่าวจนขี้เกียจจะอ่าน อาจารย์สาวอธิบายว่าอีกไม่นานจะมีการจัดงานประลองสำหรับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง โดยจะจัดขึ้นในอีก2เดือน ซึ่งเป็นโอกาสจะได้พัฒนาฝีมือและอาจจะปลดผนึกดาบของตัวเองได้ด้วย
“งานประลองที่ว่า...คืองานนี้สินะ?” ดวงตาสีซากุระลอบมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ห่างออกไป เจ้าตัวก็ดูเหมือนจะรู้สึกว่ากำลังถูกมองจึงสบตากลับอย่างไม่กลัว ทำเอาเด็กสาวผงะไปเล็กน้อยจนต้องเบนสายตากลับมาดังเดิม
เสียงพูดคุยของนักเรียนเริ่มดังขึ้น มีทั้งคนที่ตื่นเต้นกับงานประลองและมีคนที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงอยู่ด้วยเช่นกัน แต่สำหรับนาโอริแล้ว...เธอมีทางเลือกอื่นงั้นหรือ?
“เอกสารที่ครูเอามาวันนี้คือใบสมัครของกิจกรรมนี้ ใครที่สนใจจะลงก็มาหยิบไปได้ตามสบายเลย อีกสองวันก็รวบรวมมาไปไว้ที่ห้องสภานักเรียนด้วยล่ะ”
“ครับ/ค่ะ” เหล่านักเรียนตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนจะเริ่มคาบเรียนตามปกติ ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิม ทว่าใครบางคนกลับไม่ได้สนใจกับการเรียนตรงหน้ามากนัก เพราะในใจมันกำลังตีกันไปมาอย่างช่วยไม่ได้
“เอายังไงดี...” เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้บ่นอุบอิบ หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเห็นได้ชัด
.
.
.
กริ๊ง!
เสียงแห่งสวรรค์ลั่น เป็นสัญญาณบอกว่าคาบเรียนอันแสนยาวนานได้จบลงเสียที มิหนำซ้ำยังได้รับข้อความที่แสนจะเมตตาอย่าง “ช่วงบ่ายไม่มีวิชาปฏิบัตินะ จะกลับไปพักผ่อนหรือทำอะไรก็เชิญตามสบาย” แล้วด้วย เช่นนั้นจะต้องรออะไรอีก เหล่านักเรียนต่างรีบทำความเคารพอาจารย์สาวแล้ววิ่งแจ้นออกไป จนซาวาเบะเองก็ได้แต่ถอนหายใจให้กับความกระตือรือร้นที่มีของเด็ก ๆ อย่างช่วยไม่ได้
“หือ...ฉันว่าแล้วว่าเธอต้องสนใจงานประลองนี้” อาจารย์สาวพูดปนหัวเราะหลังจากเห็นร่างสูงเดินตรงมาหยิบใบสมัครที่วางไว้บนโต๊ะ
“ผมก็แค่อยากหาที่ระบายอารมณ์น่ะครับ” ฮินาวะพูดอย่างไม่กังวลเท่าไหร่
“ฮ่า ๆ ถึงจะรู้ว่าเธอเก่ง แต่ให้เกียรติพวกรุ่นเดียวกันที่เขาพยายามหน่อยเถอะ”
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” เด็กหนุ่มยอมรับผิดแบบว่านอนสอนง่ายจนน่าตกใจและเดินจากไป หญิงสาวได้แต่นึกสงสัยว่าเด็กตรงหน้าจงใจกวนบาทาเธอหรือว่าใสซื่อจริง ๆ กันแน่
เด็กหนุ่มเก็บเอกสารเข้ากระเป๋าของตนและเตรียมเดินออกจากห้องเรียน ทว่าดันถูกบทสนทนาของสองสาวที่คิดว่ากลับไปแล้วดึงความสนใจไว้
“ซากิจะเข้าร่วมการประลองหรือเปล่า?”
“อืม...ฉันคงขอผ่านล่ะ รู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมเท่าไหร่เลย ว่าแต่นาโอะจังล่ะ?” เมื่อถูกเพื่อนสาวถามกลับนาโอริก็ได้แต่ลังเลที่จะตอบออกไป ที่เธอไม่มีสมาธิกับการเรียนก็เพราะเรื่องนี้ ซากิพลันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้ว่าเผลอไปกดดันเพื่อนของเธอด้วยไม่รู้ตัวเสียแล้ว
“อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิ มีเวลาอีกตั้งสองวัน ค่อย ๆ คิดก็ได้นะ” นาโอริเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อน ทว่านั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในบทสนทนาระหว่างเธอกับฮินาวะ ความจริงเธอตระหนักถึงเงื่อนไขที่เด็กหนุ่มยื่นให้และรู้ว่าถ้าไม่เข้าร่วมการประลองจะให้ชนะอีกฝ่ายด้วยนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ ทั้งที่รู้แบบนั้นแต่เธอกลับตอบอะไรไม่ได้ อาจเป็นเพราะ....
“ถ้ากลัวเจ็บจะยกเลิกเงื่อนไขก็ได้นะ ฉันไม่ว่าหรอก” เสียงทุ้มแทรกเข้ามาระหว่างบทสนทนาของทั้งสอง ดวงตาสีแดงเลือดจ้องมองใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ของนาโอริอย่างไม่รู้สึกอะไรนัก
“พูดอะไรของนาย...ฉันไม่ได้กลัว”
“อ๋อเหรอ งั้นเธอก็ควรจะตอบเพื่อนไปสิว่าจะเข้าร่วมงานประลอง ไม่เห็นต้องมาอ้ำอึ้งอยู่แบบนี้”
“ฉัน...” นาโอริ เริ่มที่เถียงอะไรไม่ออก เธอไม่อยากยอมรับว่าในใจของเธอเกิดความลังเล และไม่อยากยอมรับว่าเธอกลัวขนาดไหน ทว่าก่อนที่จะได้พูดอะไรออกไปซากิก็ได้เข้ามาขวางเสียก่อน
“ถ้าเงื่อนไขของโมโมเสะคุงมันเกี่ยวกับงานประลองล่ะก็ อย่างน้อยขอเวลาให้นาโอะจังได้คิดก่อนไม่ได้เหรอ ไม่เห็นจะต้องรีบเอาคำตอบแบบนั้นเลยนี่”
ซากิจ้องอีกฝ่ายเขม็งพยายามช่วยเหลือเพื่อนของเธออย่างสุดความสามารถ ฮินาวะเผลอขมวดคิ้วครั้นสบกับนัยน์ตาสีเงิน แต่เขาก็ยอมที่จะพอแค่นั้นและปล่อยให้นาโอริกดดันต่อไปแทน
“เอาเถอะ ยังไงก็ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะต้องตอบรับอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากจะให้ฉันช่วย...ก็คิดดูดี ๆ”
พูดแล้วร่างสูงพลันเดินจากไปทิ้งเด็กสาวทั้งสองไว้ในห้องเรียนที่ไร้ซึ่งผู้คน
“กลับหอกันเถอะ นาโอะจัง” เด็กสาวเอ่ยกับเพื่อนของเธอและจูงมือไปโดยไม่รีรอ แน่นอนว่านาโอริไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ทำเพียงแค่เดินตามอีกฝ่ายไปก็เท่านั้น
ความกังวลใจได้ตามติดเด็กสาวกลับไปถึงหอพักด้วยและท่าทางจะสลัดไม่หลุดง่าย ๆ เป็นแน่..
to be continue
つづく、psrpowder