ดวงจิตที่ผนึกในดาบคือวิญญาณของนักดาบผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ดาบของเธอกลับต่างออกไป มันซ่อนความพิเศษบางอย่างที่นำพาโชคชะตาหวนคืนสู่เธออีกครั้ง...ขอบคุณที่ให้ฉันได้เคียงข้างเธอนะ คู่หู

7 Samurai - ตอนที่4 ลังเล โดย psrpowder @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ซอฟท์ไซไฟ,พล็อตสร้างกระแส,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

7 Samurai

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ซอฟท์ไซไฟ,พล็อตสร้างกระแส,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี

รายละเอียด

7 Samurai โดย psrpowder  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดวงจิตที่ผนึกในดาบคือวิญญาณของนักดาบผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ดาบของเธอกลับต่างออกไป มันซ่อนความพิเศษบางอย่างที่นำพาโชคชะตาหวนคืนสู่เธออีกครั้ง...ขอบคุณที่ให้ฉันได้เคียงข้างเธอนะ คู่หู

ผู้แต่ง

psrpowder

เรื่องย่อ


นิยายเรื่องนี้จะอัพ ทุกวัน ศุกร์และเสาร์ เวลา 19.00 น. - 19.30 น. 


และอาทิตย์ เวลา 18.30 น.


จะพยายามลงให้ต่อเนื่องที่สุดเพื่อนักอ่านทุกท่านนะคะ :>


**เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่ Tiktok และ Bluesky จะอัพเดตเรื่อย ๆ ค่ะ**


ปุกาศ ๆ บัดนี้เรามี E-book แล้วนะจ๊ะ! 


ตอนนี้เล่ม 3 กำลังจัดโปรลด50% อยู่น้าา ตั้งแต่ 21 ม.ค. - 4 ก.พ. 68!!!!

ใครสนใจไปส่องกันได้เลยน้าา <3

*** ที่ : mebmarket ครับโผม! *** 



เนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกที่เขียนจริงจังของนักเขียนฝึกหัด (เพื่อต่อยอดความฝันอยากทำอาชีพนักเขียนค่ะ) ขอฝากนักอ่านใจดีทุกท่านติชม แนะนำให้ไรท์ฝึกหัดคนนี้ได้นำไปปรับใช้ในเรื่องต่อไปด้วยนะคะ จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็น้อมรับและปรับแก้ค่ะ

หรือถ้าไม่ชอบคอมเมนท์ก็กดใจให้กันได้นะคะ กำลังใจชั้นยอดของเราเลย


กราบขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ^^


================ เกริ่นแนวเรื่องกันซะหน่อย =================


เรื่อง 7Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ ฮ่า)


เป็นแนวแฟนตาซี ฟิลชีวิตประจำวันในประเทศญี่ปุ่นยุคอนาคตปี3000 แต่เพราะกฎการแบนอาวุธปืนเลยทำให้มีสไตล์การต่อสู้แบบโบราณผสมด้วย ฟิลใช้ดาบฟันกันชิ้งๆ ยิงธนูปิ้ว ๆ หรือแม้แต่วิชานินจาก็ยกมาหมดแผง(เท่าที่ไรท์คิดออกอ่ะนะ55)

ผสมความรักแบบวัยใสน่ารักของพระนางแบบมองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ! ปมดรามาความสัมพันธ์พวกเขามีประปรายให้ได้หมั่นไส้กัน ได้ลิ้มรสความหวานกันเต็มกระบุงแน่นอนค่ะ :)

แล้วก็แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจมาด้วยนะ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยดหลายรอบเลยค่ะ ;-;)


***คำเตือนเล็กน้อย…เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวและนักเขียนมีแพลนเขียนแบ่งเป็น2ซีซั่น 

ปัจจุบันซีซั่น1ใกล้จะจบแล้วค่ะ สามารถอ่านกันได้จุใจแน่นวลล***


.


.

ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ

เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา 


(สั้น ๆ คือ ฝากกดติดตามกันด้วยนะทุกคลล ฮืออ T T )



====== เรื่องย่อกันบ้างดีกว่า ======


***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***


แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง 


โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


==============================================


ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้ ทั้งสองต้องเริ่มชีวิตใหม่ในรั้วโรงเรียนไปด้วยกัน กระทั่งได้เจอเพื่อนร่วมห้องอย่าง โมโมเสะ ฮินาวะ เด็กหนุ่มรูปหล่อผู้มากความสามารถและเก่งกาจจนนาโอริอยากให้เขาช่วยสอนวิชาดาบให้ แต่เขากลับยื่นคำท้าต่อเธอให้เอาชนะเขาให้ได้ในงานประลองดาบ เด็กสาวจึงพยายามสุดความสามารถเพื่อชนะเขา  


เพราะการแข่งนั้นพวกนาโอริจึงถูกทาบทามให้เข้าร่วมสภานักเรียนหรือสภาเจ็ดซามูไรและได้ออกไปทำภารกิจเสี่ยงตายจนพบกับองค์ชายรัชทายาทอายุไล่เลี่ยกันที่ถูกกลุ่มทหารรับจ้างนิรนามหมายจะชิงตัวไป นาโอริเลยต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเขาให้ได้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง โดยไม่ทันรู้สึกตัวว่าวินาทีแรกที่สบตาเขาหัวใจก็ไม่อาจลบภาพรอยยิ้มสุดท้ายให้จางหายได้


ทางเลือกใหม่ที่เธอเลือกจึงลงเอยที่ตำแหน่ง 'องครักษ์' ของเด็กหนุ่มสูงศักดิ์ผู้นี้เพื่อให้ได้ปกป้องเขาได้ทุกวินาทีที่หายใจ….


===== สปอยหน้าตาพระนางสักเล็กน้อย =====


ชิสึจิ นาโอริ (น้อนนาโอะ) อายุ 16 ปี

เด็กสาวม.ปลายผู้ฝันอยากเป็นนักดาบเพราะเชื่อว่าความชอบนี้มาจากพ่อที่ไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อน เลยคิดว่าถ้าได้เดินทางเดียวกันก็จะได้เจอครอบครัวฝั่งพ่อของตัวเองก็เป็นได้ แต่ใครจะรู้…ว่าปัจจุบันเธอจะได้ความฝันใหม่อันยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมหน้าที่อันใหญ่ยิ่ง!!!


“ขอสาบานว่าจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนาย…จนกว่าจะตายจากกันไปข้าง!”


ฮิบานะ โซอิจิโร่ (น้อนโซว์) อายุ 15 ปี

เด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่มีความลับมากมายซ่อนไว้หลังหน้ากากอันเยาว์วัยกับ…สีผม?? เพราะเรื่องราวในอดีตที่ทำร้ายเขามานับไม่ถ้วนจึงหล่อหลอมตัวตนของเขาให้เป็นคนจริงจัง สุขุมและเก่งในด้านการต่อสู้(ปกป้องชีวิตตัวเอง) แต่ยามได้อยู่ต่อหน้านาโอริ ทุกบุคลิกก็ดูจะละลายหายไปจนเหลือแค่เด็กขี้อ้อนคนหนึ่ง…กับจุดประสงค์บางอย่างในหัวใจ


“แกจะเป็นด้ายแดงแห่งโชคชะตาให้พวกเราอีกได้ไหม…เหมือนที่เธอพูดครั้งนั้น”


.

.

.


“ใครอยากเริ่มต้นความเบียวไปกับไรท์ กดอ่านตอนแรกกันเล้ย!!!”




よろしく、psrpowder


สารบัญ

7 Samurai-ตอนที่1 การเริ่มต้นใหม่,7 Samurai-ตอนที่2 คู่หู,7 Samurai-ตอนที่3 เก่งกาจ,7 Samurai-ตอนที่4 ลังเล,7 Samurai-ตอนที่5 ทดสอบ,7 Samurai-ตอนที่6 สายสัมพันธ์ใหม่(1),7 Samurai-ตอนที่7 สายสัมพันธ์ใหม่(2),7 Samurai-ตอนที่8 สายสัมพันธ์ใหม่(3),7 Samurai-ตอนที่9 สายสัมพันธ์ใหม่(4),7 Samurai-ตอนที่10 ฝึกมือ,7 Samurai-ตอนที่11 เปิดเผย,7 Samurai-ตอนที่12 ถึงเทศกาลแล้ว!,7 Samurai-ตอนที่13 แข่งคู่ที่สอง,7 Samurai-ตอนที่14 ชิงชนะเลิศ,7 Samurai-ตอนที่15 เซอร์ไพรซ์ต้อนรับ!,7 Samurai-ตอนที่16 นัดที่ไม่ได้นัด(1),7 Samurai-ตอนที่17 นัดที่ไม่ได้นัด(2),7 Samurai-ตอนที่18 นัดที่ไม่ได้นัด(3),7 Samurai-ตอนที่19 ติวหนังสือให้ทีสิ,7 Samurai-ตอนที่20 คอร์สสอนเฉพาะกิจ,7 Samurai-ตอนที่21 ชั่วโมงประวัติศาสตร์,7 Samurai-ตอนที่22 วันสอบที่ผ่านไปด้วยดี,7 Samurai-ตอนที่23 ภารกิจพิเศษ(1),7 Samurai-ตอนที่24 ภารกิจพิเศษ(2),7 Samurai-ตอนที่25 ภารกิจพิเศษ(3),7 Samurai-ตอนที่26 ภารกิจพิเศษ(4),7 Samurai-ตอนที่27 ความล้มเหลวและหนทางแก้ไข,7 Samurai-ตอนที่28 ดุจกำลังใจ,7 Samurai-ตอนที่29 ข่าวร้ายกับแผนการตีกรอบ,7 Samurai-ตอนที่30 เริ่มแผน!,7 Samurai-ตอนที่31 ฝ่าฝืน,7 Samurai-ตอนที่32 ช่วยเหลือ,7 Samurai-ตอนที่33 จิตสังหาร,7 Samurai-ตอนที่34 แลกด้วยชีวิต,7 Samurai-ตอนที่35 คำโกหกเพื่อปลอบโยน,7 Samurai-ตอนที่36 เยี่ยมไข้,7 Samurai-ตอนที่37 เรื่องราวที่อยากเล่า,7 Samurai-ตอนที่38 ความตั้งใจอันแน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่39 ตามรอย,7 Samurai-ตอนที่40 เหตุร้ายที่เกิดไปพร้อมกัน,7 Samurai-ตอนที่41 แผลใจฝังลึก,7 Samurai-ตอนที่42 เรื่องด่วนและเรื่องร้าย,7 Samurai-ตอนที่43 ความคิดที่ไม่ได้บอก,7 Samurai-ตอนที่44 เชื่อใจ,7 Samurai-ตอนที่45 ข้ออ้างเพื่อตัวเอง,7 Samurai-ตอนที่46 แน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่47 ไม่อยากพลาดโอกาส,7 Samurai-ตอนที่48 จิตสำนึกต่อต้าน,7 Samurai-ตอนที่49 ไม่เข้ากัน,7 Samurai-ตอนที่50 ต้นตอของอาการ,7 Samurai-ตอนที่51 นึกสงสัย,7 Samurai-ตอนที่52 คัดเลือก,7 Samurai-ตอนที่53 กลับบ้าน,7 Samurai-ตอนที่54 โลกเสมือน,7 Samurai-ตอนที่55 ผู้ร่วมทาง,7 Samurai-ตอนที่56 ตามรังควาน,7 Samurai-ตอนที่57 ผู้ร่วมทางอีกคน,7 Samurai-ตอนที่58 เหนือธารร้อนระอุ,7 Samurai-ตอนที่59 ปล่อยไว้ไม่ได้,7 Samurai-ตอนที่60 อย่าได้เหลียวแล,7 Samurai-ตอนที่61 ปรับความเข้าใจ,7 Samurai-ตอนที่62 บอกความจริง,7 Samurai-ตอนที่63 ความรู้สึกของแม่,7 Samurai-ตอนที่64 อารมณ์อ่อนไหว,7 Samurai-ตอนที่65 ก้าวแรกสู่ทางใหม่

เนื้อหา

ตอนที่4 ลังเล

เป็นเวลาสองอาทิตย์นับจากวันที่พวกนาโอริย้ายเข้ามาในหอ ชีวิตการเรียนดำเนินไปอย่างทุลักทุเลด้วยการสอนระดับมหาโหดของซาวาเบะ รวมถึงต้องต่อสู้กับความปวดเมื่อยที่สะสมในแต่ละวัน ทั้งที่เพิ่งจะปลุกใจตนเองไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนแต่ตอนนี้รู้สึกอยากกลับบ้านให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย

นอกจากการเรียนที่แสนจะยากลำบากแล้วยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไปสร้างความลำบากให้ผู้อื่นไว้เช่นกัน...

“นี่ โมโมเสะ ขอร้องล่ะ สอนฉันเถอะ!”  ร่างบางพนมมือลวก ๆ พร้อมก้มศีรษะชนิดที่ว่าหัวแทบจะแนบโต๊ะนักเรียนอีกนิดคงทะลุไปแล้ว ทำเอาเจ้าของเรือนผมสีบ๊วยแดงนิ่วหน้าเคร่งเครียดทันใด เขาพยายามยกหนังสือนวนิยายมากั้นเอาไว้และเมินเฉยคำขอนั้นแต่อีกฝ่ายก็ยังตื๊อไม่หยุด



ย้อนกลับไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน...



วันรุ่งขึ้นหลังจากที่สองสาวหลับเป็นตายจากการทดสอบครั้งแรกของการเรียน นาโอริพลันนึกถึงคำที่อาจารย์สาวพูดเกี่ยวกับฝีมือของเด็กหนุ่มนามว่า โมโมเสะ ฮินาวะ ภาพที่สาวเจ้าได้เห็นด้วยตาตัวเองจากการทดสอบเมื่อวานยังคงตราตรึงในหัว จนความรู้สึกที่อยากจะทำได้แบบนั้นพรั่งพรูขึ้นมา 

“นี่ซากิ”  

“มีอะไรเหรอ นาโอะจัง?” ซากิเอ่ยขณะตักอาหารไว้บนช้อน เด็กสาวยิ้มแป้นก่อนจะเล่าความคิดของตัวเองให้เพื่อนสาวได้ฟัง

“เอาจริงเหรอ...โมโมเสะคุงดูเข้าหายากมากเลยนะ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เธอไม่มั่นใจว่าเด็กหนุ่มผู้เงียบขรึมคนนั้นจะยอมฝึกให้ ยิ่งเพิ่งเข้าวันที่สองของการเรียนยังไม่รู้จักกันดีเท่าไหร่ยิ่งไม่มีทางเลย

“ถ้าเขาไม่ยอมเราก็แค่ขอซ้ำ ๆ ไปเท่านั้นแหละ ยังไงก็ต้องยอมอยู่แล้ว!” นาโอริพูดอย่างมั่นใจก่อนจะตักอาหารเข้าปาก ซากิที่ได้ยินเช่นนั้นหัวเราะแห้งให้กับเพื่อนสาวของเธอก่อนจะลงมือทานอาหารต่อไป...



มื้อเช้าเสร็จสิ้นลงเด็กสาวทั้งสองพากันเดินออกจากหอไปยังตึกเรียน พวกเธอสนทนากันไปได้สักระยะก่อนจะเป็นซากิที่ตัดบทและชี้อะไรบางอย่างให้เพื่อนสาวดู

“นั่นโมโมเสะคุงนี่”  นาโอริมองตามคำบอกของเพื่อนก่อนจะเบิกตากว้าง เพราะคนที่เป็นประเด็นสนทนากำลังเดินนำหน้าพวกเธอแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้นเอง

“ฉันจะไปทักเขานะ!”

“ด เดี๋ยวนาโอะจัง!”  สายเกินไปที่จะห้ามเพราะร่างบางได้ออกตัววิ่งไปหาอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซากิตัดสินใจวิ่งตามไปทันทีก่อนจะเกิดเรื่องน่ากลัวขึ้น

“นี่นายน่ะ โมโมเสะ ฮินาวะใช่ไหม?”  นาโอริวิ่งไปดักหน้าของเด็กหนุ่ม เขามองเธอด้วยสายตาสงบนิ่งและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบดั่งเช่นแววตา

“ใช่ แล้วทำไม?”

“เมื่อวานฉันเห็นตอนที่นายสู้กับอาจารย์ซาวาเบะน่ะ มันเจ๋งมากเลย” เด็กสาวยิ้ม

“อ่อ...ขอบคุณ ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัวก่อน” ขายาวกำลังจะเบี่ยงซ้ายเพื่อหลบแต่กลับถูกอีกฝ่ายยืนขวางอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาเผยเส้นเลือดปูดข้างขมับ ดูเหมือนว่าเขาจะโมโหเสียแล้ว

“ฉันไม่ว่างคุยเรื่องไร้สาระหรอกนะ หลีกไป”

“ไม่ไป!”  นาโอริยืนกรานเสียงแข็ง ดวงตากลมโตจ้องอีกฝ่ายเขม็งไม่มีวี่แววกลัวรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวเขาเลยแม้แต่น้อย

“....ต้องการอะไร?”  ในที่สุดเขาก็ยอมเอ่ยปากถามแต่โดยดี สาวเจ้าจึงเอ่ยความต้องการที่อยากให้เด็กหนุ่มช่วยสอนกระบวนท่าให้เธอกับซากิ ทว่าเด็กหนุ่มกลับเลิกคิ้วให้คำถามนั้น เพราะเท่าที่เขาเห็นเมื่อวานเธอคนนี้ไม่มีอะไรที่จะต้องสอนเลย แค่ฝึกเพิ่มเติมก็พอแล้ว ส่วนซากิที่มีทักษะและความสามารถที่ดีติดตัวอยู่แล้วคงไม่มีอะไรให้เขาสอนหรอก...

“ถ้าฉันตอบว่าไม่ล่ะ” เขาลองเชิง

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะตื๊อนายจนกว่าจะยอมสอนพวกฉัน” 

“เหอะ งั้นก็เชิญตื๊อให้หนำใจไปเลย เพราะฉันไม่มีความจำเป็นต้องสอนพวกเธอ” ว่าแล้วร่างสูงจึงเดินออกมาจากวงสนทนา ซากิที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดกลัวว่าเพื่อนของเธอจะเสียใจเพราะคำพูดเย็นชาของเด็กหนุ่ม มือเล็กจับที่แขนของอีกฝ่ายเบาๆ

“ไม่เป็นไรนะนาโอะจัง ถ้าเขาไม่สอนเราฝึกกันเองก็ได้นะ”  ซากิยิ้มอย่างเป็นห่วง แต่ทว่านาโอริกลับไม่ได้มีทีท่าสลดอย่างที่เธอกลัวเลยด้วยซ้ำ

“ไม่ได้หรอก...”

“หา?”  ซากิอุทานเบาๆ

“ไม่ว่ายังไงฉันก็จะทำให้เขาสอนให้ได้เลยคอยดูสิ ต่อให้ต้องตามตื๊อเช้า กลางวัน เย็น ก่อนอาหาร หลังอาหารก็เถอะ!!”  เด็กสาวกำมือแน่น ดวงตาลุกโชนด้วยเปลวไฟแห่งความตั้งใจไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมแพ้! ผิดกับซากิที่ยิ้มเจื่อนกับท่าทีมุ่งมั่นของเพื่อนสาว เธอเองก็ไม่รู้จะห้ามยังไงเช่นกัน

“เป็นเด็กที่ช่างบ้าบิ่นเกินตัวเสียจริง ให้ตายสิ”  จูลิโอ้เอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย

“ดูท่าคู่หูของท่านจะเกลียดการยอมแพ้ยิ่งกว่าสิ่งใดเลยนะคะ” จิโยที่ไม่ค่อยพูดมากนักยังเอ่ยเช่นนี้  ต้องเป็นคนยังไงกันถึงทำให้แม้แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ปวดหัวกันได้?



และหลังจากนั้นนาโอริก็พยายามตามฮินาวะไปทุกที่ในทุกช่วงเวลาดั่งที่ตนได้เคยกล่าวไว้  เด็กหนุ่มเองก็พยายามหลบเลี่ยงจะเจอเธอเท่าที่จะทำได้แต่มันติดตรงที่ดันอยู่ห้องเรียนเดียวกันนี่สิ  มีหลายครั้งที่เขาระแวงเสียจนไม่เป็นอันทำอะไรแม้แต่จะอ่านนวนิยายที่ชอบยังลำบากเลย



กระทั่งผ่านไปสองอาทิตย์เต็ม ๆ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่นาโอริพยายามตามตื๊อเจ้าตัวขอให้สอนกระบวนท่าให้ หลังจากที่เธอโดนปฏิเสธในครั้งแรกไป เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายก็ถูกเด็กสาวหน้าตาน่ารักตามตื๊อดั่งเช่นสตอล์คเกอร์ ทั้งเช้า กลางวัน และเย็น หากไม่ติดว่าหอนั้นแบ่งแยกชายหญิงเธอคงเข้าไปตามถึงหน้าห้องแล้วเป็นแน่

“เถอะน่า! โมโมเสะ นายเก่งจะตาย อย่าหวงวิชาสิ”  นาโอริเบ้ปาก

“หวงเหิงอะไรฉันไม่เคยทำ แล้วอีกอย่างถ้าจะขอก็ช่วยทำให้มันสุภาพกว่านี้จะได้ไหม ไม่ใช่จู่ ๆ ก็โผล่มาแถมยังตามฉันอย่างกับพวกโรคจิต คิดว่าฉันไม่กลัวหรือไง?”  เด็กหนุ่มพ่นทุกอย่างที่คิดออกมาอย่างฉุนเฉียว นาโอริผงะไปชั่วครู่ก่อนจะตาเบิกกว้างอย่างเป็นประกาย สองมือเท้าโต๊ะไม้ตรงหน้าก่อนจะยื่นหน้าไปใกล้อีกฝ่าย

“แปลว่าถ้าฉันขอนายดี ๆ นายก็จะสอนใช่ไหม?”  เสียงหวานเอ่ยดวงตาสีซากุระจ้องอย่างคาดหวัง ทำเอาฮินาวะที่เห็นถึงกับถอนหายใจเฮือก เขาปิดหนังสือปกสวยอย่างทะนุถนอมก่อนจะเอ่ยต่อ

“ก็...ถ้าเธอสัญญาว่าจะเลิกสตอล์คเกอร์ฉัน...ก็โอเค”  คำสุดท้ายเบาหวิวแทบจะหายไปกับสายลมแต่นาโอริได้ยินมันเต็มสองหู จู่ ๆเธอก็ถอยตัวออกไปจากโต๊ะไม้ มือสองข้างกุมไว้ที่หน้าตักร่างบางค่อยๆก้มโค้งลงช้าๆอย่างสง่างามและเอ่ยคำขอที่ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องยอมทำให้เป็นแน่

“ได้โปรดสอนวิชาความรู้ของคุณให้กับฉันด้วยเถอะ...”  เด็กสาวเงยหน้าขึ้นดังเดิมก่อนจะยิ้มหวานอย่างน่ารัก

“นะคะ?” ราวกับดาบแทงใจใบหน้านิ่งของเด็กหนุ่มขึ้นสีเล็กน้อย เขาเบนหน้าหนีพยายามไม่สบสายตาที่จ้องมาที่เขา แบบนี้ใครจะไม่ยอมล่ะจริงไหม?

“ก็ได้...แต่ฉันมีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง” 

“หา เงื่อนไขอะไรอีก?” 

“เธอจะต้องเข้าร่วมงานประลองดาบประจำภาคการศึกษาและชนะฉันให้ได้” มีคำถามมากมายที่นาโอริอยากจะถาม แต่ไม่ทันไรก็ถึงเวลาต้องเข้าเรียนเสียงแล้ว นาโอริจึงจำใจเดินกลับไปนั่งที่ของตน ก่อนจะเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรอย่างขุ่นเคือง ดูท่าเรื่องทั้งหมดต้องเก็บไปถามหลังเลิกเรียนเสียแล้วล่ะ



ฟึบ

ประตูบานเลื่อนเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของอาจารย์สาวที่เดินเข้ามาในห้องเรียนเหมือนทุกครั้ง ต่างตรงที่ครานี้เธอมาพร้อมกับเอกสารปึกหนาในมือก่อนจะถูกวางลงบนโต๊ะหน้าชั้นเรียน

“วันนี้ครูมีกิจกรรมจะมาประกาศ” มือเรียวหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาชูให้เด็กนักเรียน หัวกระดาษนั้นเขียนว่า ‘งานประลองดาบประจำภาคการศึกษา’ ตามมาด้วยรายละเอียดที่ยาวเป็นหางว่าวจนขี้เกียจจะอ่าน อาจารย์สาวอธิบายว่าอีกไม่นานจะมีการจัดงานประลองสำหรับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง โดยจะจัดขึ้นในอีก2เดือน ซึ่งเป็นโอกาสจะได้พัฒนาฝีมือและอาจจะปลดผนึกดาบของตัวเองได้ด้วย

“งานประลองที่ว่า...คืองานนี้สินะ?” ดวงตาสีซากุระลอบมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ห่างออกไป เจ้าตัวก็ดูเหมือนจะรู้สึกว่ากำลังถูกมองจึงสบตากลับอย่างไม่กลัว ทำเอาเด็กสาวผงะไปเล็กน้อยจนต้องเบนสายตากลับมาดังเดิม

เสียงพูดคุยของนักเรียนเริ่มดังขึ้น มีทั้งคนที่ตื่นเต้นกับงานประลองและมีคนที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงอยู่ด้วยเช่นกัน แต่สำหรับนาโอริแล้ว...เธอมีทางเลือกอื่นงั้นหรือ?

“เอกสารที่ครูเอามาวันนี้คือใบสมัครของกิจกรรมนี้ ใครที่สนใจจะลงก็มาหยิบไปได้ตามสบายเลย อีกสองวันก็รวบรวมมาไปไว้ที่ห้องสภานักเรียนด้วยล่ะ”

“ครับ/ค่ะ” เหล่านักเรียนตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนจะเริ่มคาบเรียนตามปกติ ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิม ทว่าใครบางคนกลับไม่ได้สนใจกับการเรียนตรงหน้ามากนัก เพราะในใจมันกำลังตีกันไปมาอย่างช่วยไม่ได้ 

“เอายังไงดี...” เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้บ่นอุบอิบ หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเห็นได้ชัด

.

.

.

กริ๊ง!



เสียงแห่งสวรรค์ลั่น เป็นสัญญาณบอกว่าคาบเรียนอันแสนยาวนานได้จบลงเสียที มิหนำซ้ำยังได้รับข้อความที่แสนจะเมตตาอย่าง “ช่วงบ่ายไม่มีวิชาปฏิบัตินะ จะกลับไปพักผ่อนหรือทำอะไรก็เชิญตามสบาย” แล้วด้วย เช่นนั้นจะต้องรออะไรอีก เหล่านักเรียนต่างรีบทำความเคารพอาจารย์สาวแล้ววิ่งแจ้นออกไป จนซาวาเบะเองก็ได้แต่ถอนหายใจให้กับความกระตือรือร้นที่มีของเด็ก ๆ อย่างช่วยไม่ได้

“หือ...ฉันว่าแล้วว่าเธอต้องสนใจงานประลองนี้” อาจารย์สาวพูดปนหัวเราะหลังจากเห็นร่างสูงเดินตรงมาหยิบใบสมัครที่วางไว้บนโต๊ะ

“ผมก็แค่อยากหาที่ระบายอารมณ์น่ะครับ” ฮินาวะพูดอย่างไม่กังวลเท่าไหร่

“ฮ่า ๆ ถึงจะรู้ว่าเธอเก่ง แต่ให้เกียรติพวกรุ่นเดียวกันที่เขาพยายามหน่อยเถอะ” 

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” เด็กหนุ่มยอมรับผิดแบบว่านอนสอนง่ายจนน่าตกใจและเดินจากไป หญิงสาวได้แต่นึกสงสัยว่าเด็กตรงหน้าจงใจกวนบาทาเธอหรือว่าใสซื่อจริง ๆ กันแน่



เด็กหนุ่มเก็บเอกสารเข้ากระเป๋าของตนและเตรียมเดินออกจากห้องเรียน ทว่าดันถูกบทสนทนาของสองสาวที่คิดว่ากลับไปแล้วดึงความสนใจไว้

“ซากิจะเข้าร่วมการประลองหรือเปล่า?”

“อืม...ฉันคงขอผ่านล่ะ รู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมเท่าไหร่เลย ว่าแต่นาโอะจังล่ะ?” เมื่อถูกเพื่อนสาวถามกลับนาโอริก็ได้แต่ลังเลที่จะตอบออกไป ที่เธอไม่มีสมาธิกับการเรียนก็เพราะเรื่องนี้ ซากิพลันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้ว่าเผลอไปกดดันเพื่อนของเธอด้วยไม่รู้ตัวเสียแล้ว

“อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิ มีเวลาอีกตั้งสองวัน ค่อย ๆ คิดก็ได้นะ” นาโอริเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อน ทว่านั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในบทสนทนาระหว่างเธอกับฮินาวะ ความจริงเธอตระหนักถึงเงื่อนไขที่เด็กหนุ่มยื่นให้และรู้ว่าถ้าไม่เข้าร่วมการประลองจะให้ชนะอีกฝ่ายด้วยนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ ทั้งที่รู้แบบนั้นแต่เธอกลับตอบอะไรไม่ได้ อาจเป็นเพราะ....

“ถ้ากลัวเจ็บจะยกเลิกเงื่อนไขก็ได้นะ ฉันไม่ว่าหรอก” เสียงทุ้มแทรกเข้ามาระหว่างบทสนทนาของทั้งสอง ดวงตาสีแดงเลือดจ้องมองใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ของนาโอริอย่างไม่รู้สึกอะไรนัก

“พูดอะไรของนาย...ฉันไม่ได้กลัว”

“อ๋อเหรอ งั้นเธอก็ควรจะตอบเพื่อนไปสิว่าจะเข้าร่วมงานประลอง ไม่เห็นต้องมาอ้ำอึ้งอยู่แบบนี้”

“ฉัน...” นาโอริ เริ่มที่เถียงอะไรไม่ออก เธอไม่อยากยอมรับว่าในใจของเธอเกิดความลังเล และไม่อยากยอมรับว่าเธอกลัวขนาดไหน ทว่าก่อนที่จะได้พูดอะไรออกไปซากิก็ได้เข้ามาขวางเสียก่อน

“ถ้าเงื่อนไขของโมโมเสะคุงมันเกี่ยวกับงานประลองล่ะก็ อย่างน้อยขอเวลาให้นาโอะจังได้คิดก่อนไม่ได้เหรอ ไม่เห็นจะต้องรีบเอาคำตอบแบบนั้นเลยนี่” 



ซากิจ้องอีกฝ่ายเขม็งพยายามช่วยเหลือเพื่อนของเธออย่างสุดความสามารถ ฮินาวะเผลอขมวดคิ้วครั้นสบกับนัยน์ตาสีเงิน แต่เขาก็ยอมที่จะพอแค่นั้นและปล่อยให้นาโอริกดดันต่อไปแทน

“เอาเถอะ ยังไงก็ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะต้องตอบรับอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากจะให้ฉันช่วย...ก็คิดดูดี ๆ”

พูดแล้วร่างสูงพลันเดินจากไปทิ้งเด็กสาวทั้งสองไว้ในห้องเรียนที่ไร้ซึ่งผู้คน

“กลับหอกันเถอะ นาโอะจัง” เด็กสาวเอ่ยกับเพื่อนของเธอและจูงมือไปโดยไม่รีรอ แน่นอนว่านาโอริไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ทำเพียงแค่เดินตามอีกฝ่ายไปก็เท่านั้น



ความกังวลใจได้ตามติดเด็กสาวกลับไปถึงหอพักด้วยและท่าทางจะสลัดไม่หลุดง่าย ๆ เป็นแน่..



to be continue



つづく、psrpowder