ดวงจิตที่ผนึกในดาบคือวิญญาณของนักดาบผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ดาบของเธอกลับต่างออกไป มันซ่อนความพิเศษบางอย่างที่นำพาโชคชะตาหวนคืนสู่เธออีกครั้ง...ขอบคุณที่ให้ฉันได้เคียงข้างเธอนะ คู่หู
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ซอฟท์ไซไฟ,พล็อตสร้างกระแส,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ดวงจิตที่ผนึกในดาบคือวิญญาณของนักดาบผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ดาบของเธอกลับต่างออกไป มันซ่อนความพิเศษบางอย่างที่นำพาโชคชะตาหวนคืนสู่เธออีกครั้ง...ขอบคุณที่ให้ฉันได้เคียงข้างเธอนะ คู่หู
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
นิยายเรื่องนี้จะอัพ ทุกวัน ศุกร์และเสาร์ เวลา 19.00 น. - 19.30 น.
และอาทิตย์ เวลา 18.30 น.
จะพยายามลงให้ต่อเนื่องที่สุดเพื่อนักอ่านทุกท่านนะคะ :>
**เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่ Tiktok และ Bluesky จะอัพเดตเรื่อย ๆ ค่ะ**
ปุกาศ ๆ บัดนี้เรามี E-book แล้วนะจ๊ะ!
ตอนนี้เล่ม 3 กำลังจัดโปรลด50% อยู่น้าา ตั้งแต่ 21 ม.ค. - 4 ก.พ. 68!!!!
ใครสนใจไปส่องกันได้เลยน้าา <3
*** ที่ : mebmarket ครับโผม! ***
เนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกที่เขียนจริงจังของนักเขียนฝึกหัด (เพื่อต่อยอดความฝันอยากทำอาชีพนักเขียนค่ะ) ขอฝากนักอ่านใจดีทุกท่านติชม แนะนำให้ไรท์ฝึกหัดคนนี้ได้นำไปปรับใช้ในเรื่องต่อไปด้วยนะคะ จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็น้อมรับและปรับแก้ค่ะ
หรือถ้าไม่ชอบคอมเมนท์ก็กดใจให้กันได้นะคะ กำลังใจชั้นยอดของเราเลย
กราบขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ^^
================ เกริ่นแนวเรื่องกันซะหน่อย =================
เรื่อง 7Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ ฮ่า)
เป็นแนวแฟนตาซี ฟิลชีวิตประจำวันในประเทศญี่ปุ่นยุคอนาคตปี3000 แต่เพราะกฎการแบนอาวุธปืนเลยทำให้มีสไตล์การต่อสู้แบบโบราณผสมด้วย ฟิลใช้ดาบฟันกันชิ้งๆ ยิงธนูปิ้ว ๆ หรือแม้แต่วิชานินจาก็ยกมาหมดแผง(เท่าที่ไรท์คิดออกอ่ะนะ55)
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารักของพระนางแบบมองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ! ปมดรามาความสัมพันธ์พวกเขามีประปรายให้ได้หมั่นไส้กัน ได้ลิ้มรสความหวานกันเต็มกระบุงแน่นอนค่ะ :)
แล้วก็แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจมาด้วยนะ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยดหลายรอบเลยค่ะ ;-;)
***คำเตือนเล็กน้อย…เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวและนักเขียนมีแพลนเขียนแบ่งเป็น2ซีซั่น
ปัจจุบันซีซั่น1ใกล้จะจบแล้วค่ะ สามารถอ่านกันได้จุใจแน่นวลล***
.
.
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
(สั้น ๆ คือ ฝากกดติดตามกันด้วยนะทุกคลล ฮืออ T T )
====== เรื่องย่อกันบ้างดีกว่า ======
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้ ทั้งสองต้องเริ่มชีวิตใหม่ในรั้วโรงเรียนไปด้วยกัน กระทั่งได้เจอเพื่อนร่วมห้องอย่าง โมโมเสะ ฮินาวะ เด็กหนุ่มรูปหล่อผู้มากความสามารถและเก่งกาจจนนาโอริอยากให้เขาช่วยสอนวิชาดาบให้ แต่เขากลับยื่นคำท้าต่อเธอให้เอาชนะเขาให้ได้ในงานประลองดาบ เด็กสาวจึงพยายามสุดความสามารถเพื่อชนะเขา
เพราะการแข่งนั้นพวกนาโอริจึงถูกทาบทามให้เข้าร่วมสภานักเรียนหรือสภาเจ็ดซามูไรและได้ออกไปทำภารกิจเสี่ยงตายจนพบกับองค์ชายรัชทายาทอายุไล่เลี่ยกันที่ถูกกลุ่มทหารรับจ้างนิรนามหมายจะชิงตัวไป นาโอริเลยต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเขาให้ได้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง โดยไม่ทันรู้สึกตัวว่าวินาทีแรกที่สบตาเขาหัวใจก็ไม่อาจลบภาพรอยยิ้มสุดท้ายให้จางหายได้
ทางเลือกใหม่ที่เธอเลือกจึงลงเอยที่ตำแหน่ง 'องครักษ์' ของเด็กหนุ่มสูงศักดิ์ผู้นี้เพื่อให้ได้ปกป้องเขาได้ทุกวินาทีที่หายใจ….
===== สปอยหน้าตาพระนางสักเล็กน้อย =====
ชิสึจิ นาโอริ (น้อนนาโอะ) อายุ 16 ปี
เด็กสาวม.ปลายผู้ฝันอยากเป็นนักดาบเพราะเชื่อว่าความชอบนี้มาจากพ่อที่ไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อน เลยคิดว่าถ้าได้เดินทางเดียวกันก็จะได้เจอครอบครัวฝั่งพ่อของตัวเองก็เป็นได้ แต่ใครจะรู้…ว่าปัจจุบันเธอจะได้ความฝันใหม่อันยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมหน้าที่อันใหญ่ยิ่ง!!!
“ขอสาบานว่าจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนาย…จนกว่าจะตายจากกันไปข้าง!”
ฮิบานะ โซอิจิโร่ (น้อนโซว์) อายุ 15 ปี
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่มีความลับมากมายซ่อนไว้หลังหน้ากากอันเยาว์วัยกับ…สีผม?? เพราะเรื่องราวในอดีตที่ทำร้ายเขามานับไม่ถ้วนจึงหล่อหลอมตัวตนของเขาให้เป็นคนจริงจัง สุขุมและเก่งในด้านการต่อสู้(ปกป้องชีวิตตัวเอง) แต่ยามได้อยู่ต่อหน้านาโอริ ทุกบุคลิกก็ดูจะละลายหายไปจนเหลือแค่เด็กขี้อ้อนคนหนึ่ง…กับจุดประสงค์บางอย่างในหัวใจ
“แกจะเป็นด้ายแดงแห่งโชคชะตาให้พวกเราอีกได้ไหม…เหมือนที่เธอพูดครั้งนั้น”
.
.
.
“ใครอยากเริ่มต้นความเบียวไปกับไรท์ กดอ่านตอนแรกกันเล้ย!!!”
よろしく、psrpowder
ท้องฟ้าแต้มสีแดงอ่อน ๆ ฝูงนกบินร่อนกลับสู่รังเป็นสัญลักษณ์ของเวลาพักผ่อนหลังจากเหนื่อยกับการใช้ชีวิตมาทั้งวันแล้ว เช่นเดียวกับเหล่านักเรียนที่พร้อมจะล้มตัวลงนอนและทิ้งความเหนื่อยล้าไว้ข้างหลัง นับเป็นเวลาหลายชั่วโมงตั้งแต่ซากิกับนาโอริกลับมาถึงหอพัก ทั้งสองต่างไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นพลันแยกย้ายกันไปพักผ่อนทำกิจวัตรประจำวันอย่างที่เคย แม้บรรยากาศตอนพูดคุยกันจะดูไม่มีอะไร แต่ดวงตาสีเงินวาวคู่นั้นก็จับสังเกตท่าทางร่าเริงที่แสนปกติของอีกฝ่ายได้ว่ามันไม่ปกติเอาเสียเลย
“นาโอะจัง อาหารเสร็จแล้วนะ!”
“จ้า เดี๋ยวฉันออกไป!” เจ้าของเสียงหวานตอบกลับพร้อมกับเสียงกุกกักเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาจากห้องสีครีมสวย พาให้ซากินึกสงสัยจนต้องเอ่ยถาม แต่สาวเจ้ากลับปฏิเสธว่าไม่มีอะไรและหัวเราะกลบเกลื่อนไป
“ว้าว นี่มัน โอฉะสึเกะ*นี่นา” เด็กสาวเรือนผมสีน้ำตาลเปลือกไม้วิ่งแจ้นไปที่โต๊ะอาหารอย่างรวดเร็วพลันกระโดดกอดเพื่อนสาวของตนที่จำได้ว่าเธอบ่นอยากทานเจ้าสิ่งนี้มาสักพักแล้ว นี่มันสวรรค์มาโปรดหรือนี่!?
“มาทานกันเถอะ ก่อนมันจะเย็นนะ”
ว่าแล้วทั้งสองก็นั่งประจำที่ของตนที่โต๊ะอาหาร ไอร้อนจาง ๆ ลอยเคว้งมาจากถ้วยกระเบื้องสีเข้มกับกลิ่นของชาข้าวช่างผ่อนคลายอารมณ์และความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ไม่รีรอมือเรียวของนาโอริก็ตักข้าวชุ่มด้วยน้ำชาร้อนเข้าปากก่อนจะหลับตาพริ้ม เคลิบเคลิ้มไปกับรสฝาดของชาผสมกับรสเค็มของเนื้อปลาย่างเกลือที่ลงตัว รู้ตัวอีกทีปริมาณในถ้วยของเธอก็หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“ยังมีเติมนะ” เสียงหวานของซากิเอ่ยอย่างรู้ทันทำเอาอีกฝ่ายสะอึกเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้ม แก้มอิ่มที่เคี้ยวอาหารอยู่ถูกดันขึ้นจนเป็นลูกกลมดิกดูน่ารัก ไม่ทันไรเจ้าตัวพลันรีบกวาดส่วนที่เหลือในถ้วยและยื่นมันให้กับเพื่อนสาว
“กินเยอะ ๆ ระวังอ้วนนะ” ซากิหัวเราะคิกคักพร้อมกับเติมข้าวให้
“ไม่มีทาง แค่เจอวิชาปฏิบัติทุกเย็นก็น้ำหนักลดฮวบฮาบแล้ว” เด็กสาวเบ้ปากและยักไหล่ก่อนจะตักอาหารเข้าปากอีกคำหนึ่ง ซากิยกยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดของอีกฝ่ายแต่ไม่ทันไรริมฝีปากบางก็เหยียดตรงเป็นเส้นยาว ดวงตาสีเงินวาวจ้องมองเพื่อนสาวไม่วางตา
“นาโอะจัง...เรื่องประลอง เธอตัดสินใจหรือยัง?” เด็กสาวนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะกลืนอาหารลงคอ
“แล้วเธอคิดว่าฉันควรจะลงดีไหม?”
“มันสำคัญตรงที่นาโอะจังอยากลงแข่งไหมต่างหาก แต่ถ้าเป็นฉัน...ก็คงตอบว่าไม่เพราะฉันไม่ชอบสู้กับใครน่ะ ยิ่งโดนคนเก่งแบบนั้นท้าอีก ยิ่งไม่ไหวเลย”
“เฮ้อ..งั้นฉันก็คงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะมั้ง” แขนเรียวสองข้างยกมารองใบหน้าสวย ดวงตาสีซากุระหลุบต่ำลง
“นาโอะจังดูจะชอบนักดาบเอามาก ๆเลยนี่นา ฉันคิดว่าถ้าเป็นเธอจะลงสมัครไปแบบทันทีเลยเสียอีก” ซากิเอียงคอเล็กน้อย ดูจากสายตาของอีกฝ่ายแล้วปัญหาคงจะอยู่ไม่ไกลแล้วล่ะ ไม่ทันไรดวงตาสีเงินวาวก็เบิกกว้างและจับจ้องไปที่เพื่อนสาว
“อย่าบอกนะว่านาโอะจังกลัวโมโมเสะคุงน่ะ!?”
“หา? ใช่ที่ไหนเล่า”
“ตั้งแต่เมื่อเย็นในห้องเรียนนาโอะจังก็ทำหน้าไม่สบายใจตลอดเลยนี่”
“ร เรื่องนั้นมันพูดยากน่ะ...แต่ที่แน่ ๆ คือฉันไม่ได้กลัวไอขี้เก๊กนั่นหรอก” นาโอริหลับตาลงพร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากัน
“ถ้าไม่ได้กลัวเขา...หรือว่าเธอจะ”
ไม่พูดพร่ำทำเพลงเด็กสาวเรือนผมสีเงินวาวได้เอื้อมไปหยิบถุงผ้าที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวก่อนจะดึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองออกมา อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูงมองเพื่อนสาวพลันเริ่มไม่มั่นใจว่าเธอต้องการจะทำอะไร
“พวกเราไปซ้อมดาบกันเถอะ” เครื่องหมายคำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของนาโอริ แม้จะอยากถามกลับไปว่า “ตอนนี้เหรอ?” แต่จากท่าทางของเพื่อนสาวแล้วคงจะช่วยไม่ได้ล่ะนะ
นาโอริและซากิพากันลงไปที่โรงยิมใต้ดินซึ่งถูกสร้างสำหรับนักเรียนที่ต้องการมาฝึกซ้อมนอกเวลาเรียน แต่ใครมาได้ยินคำว่า ‘โรงยิมใต้ดิน’ ก็คงจะจินตนาการถึงทางเข้าลับที่ซ่อนอยู่กับห้องกว้างที่ครอบคลุมด้วยวิทยาการทันสมัยมากมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้เหมือนในหนังแนวโลกอนาคตกันเป็นแน่
ถ้าไม่นับรวมทางเข้าที่แค่เป็นลิฟต์พาลงไปใต้ดินแล้ว...นอกนั้นก็แทบจะตรงปกทั้งหมดเลยล่ะนะ
“สมกับเป็นโรงเรียนของราชวงศ์ฮิบานะ ทำได้ใหญ่โตชะมัด” ดวงตาสีซากุระเบิกกว้างก่อนจะหันไปซ้ายทีขวาทีรอบโรงยิม ถ้าคนอื่นมองเห็นได้คงจะเห็นดาวประกายแวววับกระจายออกมาจากดวงตากลมโตคู่นั้นเป็นแน่
“ว่าแต่ทำไมจู่ ๆก็อยากฝึกขึ้นมาล่ะ?”
“ไม่บอก...” ดวงตาสีเงินวาวข้างซ้ายขยิบอย่างน่ารักก่อนจะเดินนำหน้าไป เด็กสาวได้แต่เลิกคิ้วสูงแต่ก็ยอมเดินตามไปแต่โดยดี
หลังจากจัดวางกระเป๋าสะพายทั้งสองจึงไปยืนประจันหน้ากันอยู่ที่ใจกลางโรงยิม โชคดีที่ไม่มีใครใช้งานสถานที่ในช่วงกลางดึก มันจึงเงียบสงบมากจนแม้แต่เสียงหายใจของทั้งคู่ยังสามารถได้ยินเสียงเลยทีเดียว
“พร้อมมั้ย?” ได้ยินคำถามนั้น เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้พยักหน้าตอบกลับทันใด
ไม่รีรอนาโอริจึงเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน เธอวาดดาบเป็นแนวขวางกะเล็งที่ลำตัว ทว่าอีกฝ่ายกลับกระโดดถอยหลบการโจมตีได้ทันท่วงที ซากิโต้กลับทันควันเกิดเสียงไม้กระทบกันซ้ำไปซ้ำมา แม้สถานการณ์ตอนนี้จะดูไม่มีใครได้เปรียบใคร แต่ซากิก็รู้ว่าตนเป็นฝ่ายเหนื่อยกว่าทั้งต้องตั้งรับการโจมตีที่หนักหน่วงและหาช่องโต้กลับก็เต็มแรงแล้ว ทว่า...
ปัก!
ด้วยแรงกระแทก มือข้างซ้ายของนาโอริที่จับดาบอยู่เผลอปล่อยออก สร้างช่องโหว่ให้ดาบของซากิสามารถถึงตัวเธอได้ ดวงตาสีเงินวาวหรี่ลง แขนเรียวยกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขึ้นและเตรียมฟาดลงไป
“อึก!” นาโอริหลับตาปี๋พร้อมกับยกแขนขึ้นมาป้องกัน ดาบของอีกฝ่ายที่ยั้งมือไม่ทันจึงปะทะกับแขนอย่างจัง
“นาโอะจัง! เจ็บไหม ฉันขอโทษนะ” ซากิพุ่งตัวเข้าไปหาเพื่อนสาวของเธอทันทีก่อนจะดึงแขนของอีกฝ่ายมาดู รอยแดงเป็นทางยาวปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนและดูจะเริ่มแดงขึ้นกว่าเดิมด้วย
“ม ไม่เป็นไร ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น..”
“ยังจะพูดอีก รีบไปนั่งก่อนเถอะ” เด็กสาวรีบพยุงเพื่อนสาวของเธอไปยังจุดที่มีกระเป๋าวางอยู่ด้วยความเร่งรีบ แม้นาโอริจะทักว่าตนเองเจ็บแขนไม่ใช่ขาแต่เธอหาได้ฟังไม่
ซากิจัดแจงประคบเย็นด้วยน้ำแข็งที่เธอเตรียมติดตัวมา ก่อนจะขอโทษขอโพยไม่หยุดจนนาโอริได้แต่เหงื่อตกกับท่าทางของอีกฝ่าย
“พอแล้ว คำว่าขอโทษกองเต็มตัวฉันแล้วเนี่ย”
“เพราะฉันยั้งมือไม่ทันเองแหละ ทั้งที่กะจะลองเฉย ๆ แท้ ๆ” คิ้วเรียวสีเปลือกไม้เลิกสูงกับประโยคนั้น เด็กสาวผมเงินหลุบตาต่ำก่อนจะกลับมาจ้องมองเพื่อนของเธอ ซากิเอ่ยว่าเธอเพียงต้องการหาคำตอบบางอย่างจากการซ้อมดาบในครั้งนี้ ซึ่งมีแต่จะทำให้เครื่องหมายคำถามผุดในสมองนาโอริมากเข้าไปอีก แต่เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายสาวเจ้าจึงตัดสินใจไม่ขัดการพูดของเธอ
“ฉันกำลังคิดว่าที่นาโอะจังไม่กล้ารับคำท้าของโมโมเสะคุงเป็นเพราะว่า...นาโอะจังกลัวที่จะเจ็บตัวใช่ไหม?” ดวงตาสีซากุระเบิกกว้างก่อนจะก้มมองแขนที่เจ็บ เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อยพลันเงยหน้ากลับไปมองซากิ
“อืม...เป็นอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ มันตลกดีเนอะว่าไหม?”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ใคร ๆ ก็กลัวเจ็บกันทั้งนั้นนะ” ซากิส่งยิ้มละมุนให้เพื่อนสาว มือที่ถือถุงน้ำแข็งค่อยยกขึ้นและเปลี่ยนที่ประคบ
“อยากจะเป็นนักดาบแต่เจ็บนิดเจ็บหน่อยก็กลัวแบบนี้ บางทีที่โมโมเสะไม่ยอมรับคำขอฉันคงจะถูกแล้วล่ะมั้ง”
“อย่าไปฟังที่เขาพูดสิ คนเราก็ต้องมีสิ่งที่กลัวเหมือนกัน...เขาก็ไม่เว้นหรอก” คำพูดสุดท้ายนั้นเบาเสียจนแทบกลืนหายไปกับสายลม
“เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ?”
“ป เปล่า ฉันแค่จะพูดว่าที่นาโอะจังกลัวที่จะเจ็บตัวน่ะมันไม่ได้ตลกเลยนะ แต่ในเมื่อเรารักที่จะจับดาบแล้วนาโอะจังก็ต้องเอาชนะมันให้ได้สิ!” เด็กสาวผมสั้นเอ่ยเสียงใส
“ฉันสนับสนุนให้เธอรับคำท้าของโมโมเสะคุงนะ เขาจะได้ยอมสอนให้ไงล่ะ เป้าหมายมีไว้พุ่งชนนะ!” ซากิกำมือสองข้างลวก ๆ ก่อนจะยกยิ้ม เพื่อนสาวของเธอได้แต่ทำตาปริบ ๆ กับท่าทางกระตือรือร้นของเธอ
“ทำไมคนตื่นเต้นถึงเป็นเธอแทนเสียได้ล่ะเนี่ย” ดวงตาสีซากุระหรี่ลงเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้ม
“ฉัน...พอฉันเห็นคนที่มีความฝันเป็นของตัวเองแล้วก็อยากให้กำลังใจน่ะ อยากให้สู้ต่อไป”
“ซากิ...” นาโอริจ้องดวงตาที่สั่นไหวของเพื่อนสาวไม่วางตา
“อ เอาเป็นว่านาโอะจังต้องเริ่มจากฝึกการตั้งรับให้เป็นนะ!” นาโอริสะดุ้งโหยงกับเสียงของอีกฝ่ายที่จู่ ๆ ก็เพิ่มระดับขึ้นมา
“ตอนที่ซ้อมกันเมื่อกี้นาโอะจังเลือกที่จะเอามือขึ้นมากันแทนที่จะใช้ดาบ แบบนั้นไม่ได้นะนอกจากจะเจ็บตัวแล้ว ถ้าเป็นดาบจริงก็แขนขาดได้เลยนะ” ซากิขมวดคิ้วพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อนสาวแล้วจึงเริ่มอธิบายถึงวิธีการตั้งดาบรับการโจมตีและข้อจำเป็นที่เธอพอจะรู้ให้นาโอริฟัง ซึ่งมันยาวเสียจนคนฟังก็ไม่รู้ว่าจะทำความเข้าใจมันทั้งหมดได้ยังไง
.
.
.
ครั้นจบคลาสอบรมของซากิเป็นที่เรียบร้อย สองสาวจึงพากันกลับขึ้นห้องและเป็นเจ้าของเรือนผมสีเงินที่คอยดูแลแผลตรงแขนของนาโอริให้ ขณะเดียวกันใบหน้าสวยของนาโอริพลันดูสงบนิ่งและเหมือนว่าเธอจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว
กิจวัตรยามเย็นดำเนินไปตามปกติจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน แสงไฟสลัวที่หัวเตียงในห้องสีครีมกว้างประกอบกับความเงียบและอากาศเย็นฉ่ำช่างน่าล้มตัวลงนอนเสียจริง เด็กสาวเรือนผมสีเปลือกไม้ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มก่อนจะยกแขนที่มีรอยฟกช้ำขึ้นมาลูบเบา ๆ พลางโอดโอยเล็กน้อยจากอาการปวด
“เหมือนความกังวลจะหายไปแล้วนะ” เสียงทุ้มจากคู่หูเรียกความสนใจของอีกฝ่าย
“ต้องขอบคุณซากินั่นแหละ” นาโอริยกยิ้ม เธอได้ยินเสียงหัวเราะเล็ก ๆ มาจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์และได้แต่เลิกคิ้วมองไปยังต้นเสียง
“หึ ไม่มีอะไรดีไปกว่ามีเพื่อนที่พร้อมช่วยเหลือเราหรอกนะ”
“จะว่าไปนายเคยมีเพื่อนแบบนี้หรือเปล่า?” เด็กสาวเอียงคอสงสัย ก่อนจะโดนเจ้าตัวเหน็บแนมว่าความจำสั้น ขนาดลืมเรื่องที่เขาเล่าว่าดวงจิตไม่มีความทรงจำก่อนตาย ซึ่งคนถูกเหน็บก็เบ้ปากและขมวดคิ้วถอนหายใจเสียงดังราวกับประชดประชัน
“สภาพนี้ถ้ามีเพื่อนคงจะเป็นพวกชอบหาเรื่องคนอื่นเวลานายโดนรังแกแน่ ๆเลย”
“ฮ่า ๆ ใครจะไปรู้ล่ะ...”
“บางทีเพื่อนแบบนั้นของฉันอาจจะมีอยู่จริง ๆ ก็ได้นะ”
to be continue
ศัพท์เพิ่มเติม!!
โอฉะสึเกะ = เมนูข้าวราดด้วยน้ำชา ทานคู่กับ ผักดอง ส่าหร่าย ไข่ปลา เป็นต้น
つづく、psrpowder