จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
ท้องฟ้าแต้มสีแดงอ่อน ๆ ฝูงนกบินร่อนกลับสู่รังเป็นสัญลักษณ์ของเวลาพักผ่อนหลังจากเหนื่อยกับการใช้ชีวิตมาทั้งวันแล้ว เช่นเดียวกับเหล่านักเรียนที่พร้อมจะล้มตัวลงนอนและทิ้งความเหนื่อยล้าไว้ข้างหลัง นับเป็นเวลาหลายชั่วโมงตั้งแต่ซากิกับนาโอริกลับมาถึงหอพัก ทั้งสองต่างไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นพลันแยกย้ายกันไปพักผ่อนทำกิจวัตรประจำวันอย่างที่เคย แม้บรรยากาศตอนพูดคุยกันจะดูไม่มีอะไร แต่ดวงตาสีเงินวาวคู่นั้นก็จับสังเกตท่าทางร่าเริงที่แสนปกติของอีกฝ่ายได้ว่ามันไม่ปกติเอาเสียเลย
“นาโอะจัง อาหารเสร็จแล้วนะ!”
“จ้า เดี๋ยวฉันออกไป!” เจ้าของเสียงหวานตอบกลับพร้อมกับเสียงกุกกักเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาจากห้องสีครีมสวย พาให้ซากินึกสงสัยจนต้องเอ่ยถาม แต่สาวเจ้ากลับปฏิเสธว่าไม่มีอะไรและหัวเราะกลบเกลื่อนไป
“ว้าว นี่มัน โอฉะสึเกะ*นี่นา” เด็กสาวเรือนผมสีน้ำตาลเปลือกไม้วิ่งแจ้นไปที่โต๊ะอาหารอย่างรวดเร็วพลันกระโดดกอดเพื่อนสาวของตนที่จำได้ว่าเธอบ่นอยากทานเจ้าสิ่งนี้มาสักพักแล้ว นี่มันสวรรค์มาโปรดหรือนี่!?
“มาทานกันเถอะ ก่อนมันจะเย็นนะ”
ว่าแล้วทั้งสองก็นั่งประจำที่ของตนที่โต๊ะอาหาร ไอร้อนจาง ๆ ลอยเคว้งมาจากถ้วยกระเบื้องสีเข้มกับกลิ่นของชาข้าวช่างผ่อนคลายอารมณ์และความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ไม่รีรอมือเรียวของนาโอริก็ตักข้าวชุ่มด้วยน้ำชาร้อนเข้าปากก่อนจะหลับตาพริ้ม เคลิบเคลิ้มไปกับรสฝาดของชาผสมกับรสเค็มของเนื้อปลาย่างเกลือที่ลงตัว รู้ตัวอีกทีปริมาณในถ้วยของเธอก็หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“ยังมีเติมนะ” เสียงหวานของซากิเอ่ยอย่างรู้ทันทำเอาอีกฝ่ายสะอึกเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้ม แก้มอิ่มที่เคี้ยวอาหารอยู่ถูกดันขึ้นจนเป็นลูกกลมดิกดูน่ารัก ไม่ทันไรเจ้าตัวพลันรีบกวาดส่วนที่เหลือในถ้วยและยื่นมันให้กับเพื่อนสาว
“กินเยอะ ๆ ระวังอ้วนนะ” ซากิหัวเราะคิกคักพร้อมกับเติมข้าวให้
“ไม่มีทาง แค่เจอวิชาปฏิบัติทุกเย็นก็น้ำหนักลดฮวบฮาบแล้ว” เด็กสาวเบ้ปากและยักไหล่ก่อนจะตักอาหารเข้าปากอีกคำหนึ่ง ซากิยกยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดของอีกฝ่ายแต่ไม่ทันไรริมฝีปากบางก็เหยียดตรงเป็นเส้นยาว ดวงตาสีเงินวาวจ้องมองเพื่อนสาวไม่วางตา
“นาโอะจัง...เรื่องประลอง เธอตัดสินใจหรือยัง?” เด็กสาวนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะกลืนอาหารลงคอ
“แล้วเธอคิดว่าฉันควรจะลงดีไหม?”
“มันสำคัญตรงที่นาโอะจังอยากลงแข่งไหมต่างหาก แต่ถ้าเป็นฉัน...ก็คงตอบว่าไม่เพราะฉันไม่ชอบสู้กับใครน่ะ ยิ่งโดนคนเก่งแบบนั้นท้าอีก ยิ่งไม่ไหวเลย”
“เฮ้อ..งั้นฉันก็คงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะมั้ง” แขนเรียวสองข้างยกมารองใบหน้าสวย ดวงตาสีซากุระหลุบต่ำลง
“นาโอะจังดูจะชอบนักดาบเอามาก ๆเลยนี่นา ฉันคิดว่าถ้าเป็นเธอจะลงสมัครไปแบบทันทีเลยเสียอีก” ซากิเอียงคอเล็กน้อย ดูจากสายตาของอีกฝ่ายแล้วปัญหาคงจะอยู่ไม่ไกลแล้วล่ะ ไม่ทันไรดวงตาสีเงินวาวก็เบิกกว้างและจับจ้องไปที่เพื่อนสาว
“อย่าบอกนะว่านาโอะจังกลัวโมโมเสะคุงน่ะ!?”
“หา? ใช่ที่ไหนเล่า”
“ตั้งแต่เมื่อเย็นในห้องเรียนนาโอะจังก็ทำหน้าไม่สบายใจตลอดเลยนี่”
“ร เรื่องนั้นมันพูดยากน่ะ...แต่ที่แน่ ๆ คือฉันไม่ได้กลัวไอขี้เก๊กนั่นหรอก” นาโอริหลับตาลงพร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากัน
“ถ้าไม่ได้กลัวเขา...หรือว่าเธอจะ”
ไม่พูดพร่ำทำเพลงเด็กสาวเรือนผมสีเงินวาวได้เอื้อมไปหยิบถุงผ้าที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวก่อนจะดึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองออกมา อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูงมองเพื่อนสาวพลันเริ่มไม่มั่นใจว่าเธอต้องการจะทำอะไร
“พวกเราไปซ้อมดาบกันเถอะ” เครื่องหมายคำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของนาโอริ แม้จะอยากถามกลับไปว่า “ตอนนี้เหรอ?” แต่จากท่าทางของเพื่อนสาวแล้วคงจะช่วยไม่ได้ล่ะนะ
นาโอริและซากิพากันลงไปที่โรงยิมใต้ดินซึ่งถูกสร้างสำหรับนักเรียนที่ต้องการมาฝึกซ้อมนอกเวลาเรียน แต่ใครมาได้ยินคำว่า ‘โรงยิมใต้ดิน’ ก็คงจะจินตนาการถึงทางเข้าลับที่ซ่อนอยู่กับห้องกว้างที่ครอบคลุมด้วยวิทยาการทันสมัยมากมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้เหมือนในหนังแนวโลกอนาคตกันเป็นแน่
ถ้าไม่นับรวมทางเข้าที่แค่เป็นลิฟต์พาลงไปใต้ดินแล้ว...นอกนั้นก็แทบจะตรงปกทั้งหมดเลยล่ะนะ
“สมกับเป็นโรงเรียนของราชวงศ์ฮิบานะ ทำได้ใหญ่โตชะมัด” ดวงตาสีซากุระเบิกกว้างก่อนจะหันไปซ้ายทีขวาทีรอบโรงยิม ถ้าคนอื่นมองเห็นได้คงจะเห็นดาวประกายแวววับกระจายออกมาจากดวงตากลมโตคู่นั้นเป็นแน่
“ว่าแต่ทำไมจู่ ๆก็อยากฝึกขึ้นมาล่ะ?”
“ไม่บอก...” ดวงตาสีเงินวาวข้างซ้ายขยิบอย่างน่ารักก่อนจะเดินนำหน้าไป เด็กสาวได้แต่เลิกคิ้วสูงแต่ก็ยอมเดินตามไปแต่โดยดี
หลังจากจัดวางกระเป๋าสะพายทั้งสองจึงไปยืนประจันหน้ากันอยู่ที่ใจกลางโรงยิม โชคดีที่ไม่มีใครใช้งานสถานที่ในช่วงกลางดึก มันจึงเงียบสงบมากจนแม้แต่เสียงหายใจของทั้งคู่ยังสามารถได้ยินเสียงเลยทีเดียว
“พร้อมมั้ย?” ได้ยินคำถามนั้น เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้พยักหน้าตอบกลับทันใด
ไม่รีรอนาโอริจึงเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน เธอวาดดาบเป็นแนวขวางกะเล็งที่ลำตัว ทว่าอีกฝ่ายกลับกระโดดถอยหลบการโจมตีได้ทันท่วงที ซากิโต้กลับทันควันเกิดเสียงไม้กระทบกันซ้ำไปซ้ำมา แม้สถานการณ์ตอนนี้จะดูไม่มีใครได้เปรียบใคร แต่ซากิก็รู้ว่าตนเป็นฝ่ายเหนื่อยกว่าทั้งต้องตั้งรับการโจมตีที่หนักหน่วงและหาช่องโต้กลับก็เต็มแรงแล้ว ทว่า...
ปัก!
ด้วยแรงกระแทก มือข้างซ้ายของนาโอริที่จับดาบอยู่เผลอปล่อยออก สร้างช่องโหว่ให้ดาบของซากิสามารถถึงตัวเธอได้ ดวงตาสีเงินวาวหรี่ลง แขนเรียวยกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขึ้นและเตรียมฟาดลงไป
“อึก!” นาโอริหลับตาปี๋พร้อมกับยกแขนขึ้นมาป้องกัน ดาบของอีกฝ่ายที่ยั้งมือไม่ทันจึงปะทะกับแขนอย่างจัง
“นาโอะจัง! เจ็บไหม ฉันขอโทษนะ” ซากิพุ่งตัวเข้าไปหาเพื่อนสาวของเธอทันทีก่อนจะดึงแขนของอีกฝ่ายมาดู รอยแดงเป็นทางยาวปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนและดูจะเริ่มแดงขึ้นกว่าเดิมด้วย
“ม ไม่เป็นไร ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น..”
“ยังจะพูดอีก รีบไปนั่งก่อนเถอะ” เด็กสาวรีบพยุงเพื่อนสาวของเธอไปยังจุดที่มีกระเป๋าวางอยู่ด้วยความเร่งรีบ แม้นาโอริจะทักว่าตนเองเจ็บแขนไม่ใช่ขาแต่เธอหาได้ฟังไม่
ซากิจัดแจงประคบเย็นด้วยน้ำแข็งที่เธอเตรียมติดตัวมา ก่อนจะขอโทษขอโพยไม่หยุดจนนาโอริได้แต่เหงื่อตกกับท่าทางของอีกฝ่าย
“พอแล้ว คำว่าขอโทษกองเต็มตัวฉันแล้วเนี่ย”
“เพราะฉันยั้งมือไม่ทันเองแหละ ทั้งที่กะจะลองเฉย ๆ แท้ ๆ” คิ้วเรียวสีเปลือกไม้เลิกสูงกับประโยคนั้น เด็กสาวผมเงินหลุบตาต่ำก่อนจะกลับมาจ้องมองเพื่อนของเธอ ซากิเอ่ยว่าเธอเพียงต้องการหาคำตอบบางอย่างจากการซ้อมดาบในครั้งนี้ ซึ่งมีแต่จะทำให้เครื่องหมายคำถามผุดในสมองนาโอริมากเข้าไปอีก แต่เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายสาวเจ้าจึงตัดสินใจไม่ขัดการพูดของเธอ
“ฉันกำลังคิดว่าที่นาโอะจังไม่กล้ารับคำท้าของโมโมเสะคุงเป็นเพราะว่า...นาโอะจังกลัวที่จะเจ็บตัวใช่ไหม?” ดวงตาสีซากุระเบิกกว้างก่อนจะก้มมองแขนที่เจ็บ เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อยพลันเงยหน้ากลับไปมองซากิ
“อืม...เป็นอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ มันตลกดีเนอะว่าไหม?”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ใคร ๆ ก็กลัวเจ็บกันทั้งนั้นนะ” ซากิส่งยิ้มละมุนให้เพื่อนสาว มือที่ถือถุงน้ำแข็งค่อยยกขึ้นและเปลี่ยนที่ประคบ
“อยากจะเป็นนักดาบแต่เจ็บนิดเจ็บหน่อยก็กลัวแบบนี้ บางทีที่โมโมเสะไม่ยอมรับคำขอฉันคงจะถูกแล้วล่ะมั้ง”
“อย่าไปฟังที่เขาพูดสิ คนเราก็ต้องมีสิ่งที่กลัวเหมือนกัน...เขาก็ไม่เว้นหรอก” คำพูดสุดท้ายนั้นเบาเสียจนแทบกลืนหายไปกับสายลม
“เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ?”
“ป เปล่า ฉันแค่จะพูดว่าที่นาโอะจังกลัวที่จะเจ็บตัวน่ะมันไม่ได้ตลกเลยนะ แต่ในเมื่อเรารักที่จะจับดาบแล้วนาโอะจังก็ต้องเอาชนะมันให้ได้สิ!” เด็กสาวผมสั้นเอ่ยเสียงใส
“ฉันสนับสนุนให้เธอรับคำท้าของโมโมเสะคุงนะ เขาจะได้ยอมสอนให้ไงล่ะ เป้าหมายมีไว้พุ่งชนนะ!” ซากิกำมือสองข้างลวก ๆ ก่อนจะยกยิ้ม เพื่อนสาวของเธอได้แต่ทำตาปริบ ๆ กับท่าทางกระตือรือร้นของเธอ
“ทำไมคนตื่นเต้นถึงเป็นเธอแทนเสียได้ล่ะเนี่ย” ดวงตาสีซากุระหรี่ลงเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้ม
“ฉัน...พอฉันเห็นคนที่มีความฝันเป็นของตัวเองแล้วก็อยากให้กำลังใจน่ะ อยากให้สู้ต่อไป”
“ซากิ...” นาโอริจ้องดวงตาที่สั่นไหวของเพื่อนสาวไม่วางตา
“อ เอาเป็นว่านาโอะจังต้องเริ่มจากฝึกการตั้งรับให้เป็นนะ!” นาโอริสะดุ้งโหยงกับเสียงของอีกฝ่ายที่จู่ ๆ ก็เพิ่มระดับขึ้นมา
“ตอนที่ซ้อมกันเมื่อกี้นาโอะจังเลือกที่จะเอามือขึ้นมากันแทนที่จะใช้ดาบ แบบนั้นไม่ได้นะนอกจากจะเจ็บตัวแล้ว ถ้าเป็นดาบจริงก็แขนขาดได้เลยนะ” ซากิขมวดคิ้วพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อนสาวแล้วจึงเริ่มอธิบายถึงวิธีการตั้งดาบรับการโจมตีและข้อจำเป็นที่เธอพอจะรู้ให้นาโอริฟัง ซึ่งมันยาวเสียจนคนฟังก็ไม่รู้ว่าจะทำความเข้าใจมันทั้งหมดได้ยังไง
.
.
.
ครั้นจบคลาสอบรมของซากิเป็นที่เรียบร้อย สองสาวจึงพากันกลับขึ้นห้องและเป็นเจ้าของเรือนผมสีเงินที่คอยดูแลแผลตรงแขนของนาโอริให้ ขณะเดียวกันใบหน้าสวยของนาโอริพลันดูสงบนิ่งและเหมือนว่าเธอจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว
กิจวัตรยามเย็นดำเนินไปตามปกติจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน แสงไฟสลัวที่หัวเตียงในห้องสีครีมกว้างประกอบกับความเงียบและอากาศเย็นฉ่ำช่างน่าล้มตัวลงนอนเสียจริง เด็กสาวเรือนผมสีเปลือกไม้ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มก่อนจะยกแขนที่มีรอยฟกช้ำขึ้นมาลูบเบา ๆ พลางโอดโอยเล็กน้อยจากอาการปวด
“เหมือนความกังวลจะหายไปแล้วนะ” เสียงทุ้มจากคู่หูเรียกความสนใจของอีกฝ่าย
“ต้องขอบคุณซากินั่นแหละ” นาโอริยกยิ้ม เธอได้ยินเสียงหัวเราะเล็ก ๆ มาจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์และได้แต่เลิกคิ้วมองไปยังต้นเสียง
“หึ ไม่มีอะไรดีไปกว่ามีเพื่อนที่พร้อมช่วยเหลือเราหรอกนะ”
“จะว่าไปนายเคยมีเพื่อนแบบนี้หรือเปล่า?” เด็กสาวเอียงคอสงสัย ก่อนจะโดนเจ้าตัวเหน็บแนมว่าความจำสั้น ขนาดลืมเรื่องที่เขาเล่าว่าดวงจิตไม่มีความทรงจำก่อนตาย ซึ่งคนถูกเหน็บก็เบ้ปากและขมวดคิ้วถอนหายใจเสียงดังราวกับประชดประชัน
“สภาพนี้ถ้ามีเพื่อนคงจะเป็นพวกชอบหาเรื่องคนอื่นเวลานายโดนรังแกแน่ ๆเลย”
“ฮ่า ๆ ใครจะไปรู้ล่ะ...”
“บางทีเพื่อนแบบนั้นของฉันอาจจะมีอยู่จริง ๆ ก็ได้นะ”
to be continue
ศัพท์เพิ่มเติม!!
โอฉะสึเกะ = เมนูข้าวราดด้วยน้ำชา ทานคู่กับ ผักดอง ส่าหร่าย ไข่ปลา เป็นต้น
つづく、psrpowder