ดวงจิตที่ผนึกในดาบคือวิญญาณของนักดาบผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ดาบของเธอกลับต่างออกไป มันซ่อนความพิเศษบางอย่างที่นำพาโชคชะตาหวนคืนสู่เธออีกครั้ง...ขอบคุณที่ให้ฉันได้เคียงข้างเธอนะ คู่หู
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ซอฟท์ไซไฟ,พล็อตสร้างกระแส,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ดวงจิตที่ผนึกในดาบคือวิญญาณของนักดาบผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ดาบของเธอกลับต่างออกไป มันซ่อนความพิเศษบางอย่างที่นำพาโชคชะตาหวนคืนสู่เธออีกครั้ง...ขอบคุณที่ให้ฉันได้เคียงข้างเธอนะ คู่หู
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
นิยายเรื่องนี้จะอัพ ทุกวัน ศุกร์และเสาร์ เวลา 19.00 น. - 19.30 น.
และอาทิตย์ เวลา 18.30 น.
จะพยายามลงให้ต่อเนื่องที่สุดเพื่อนักอ่านทุกท่านนะคะ :>
**เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่ Tiktok และ Bluesky จะอัพเดตเรื่อย ๆ ค่ะ**
ปุกาศ ๆ บัดนี้เรามี E-book แล้วนะจ๊ะ!
ตอนนี้เล่ม 3 กำลังจัดโปรลด50% อยู่น้าา ตั้งแต่ 21 ม.ค. - 4 ก.พ. 68!!!!
ใครสนใจไปส่องกันได้เลยน้าา <3
*** ที่ : mebmarket ครับโผม! ***
เนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกที่เขียนจริงจังของนักเขียนฝึกหัด (เพื่อต่อยอดความฝันอยากทำอาชีพนักเขียนค่ะ) ขอฝากนักอ่านใจดีทุกท่านติชม แนะนำให้ไรท์ฝึกหัดคนนี้ได้นำไปปรับใช้ในเรื่องต่อไปด้วยนะคะ จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็น้อมรับและปรับแก้ค่ะ
หรือถ้าไม่ชอบคอมเมนท์ก็กดใจให้กันได้นะคะ กำลังใจชั้นยอดของเราเลย
กราบขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ^^
================ เกริ่นแนวเรื่องกันซะหน่อย =================
เรื่อง 7Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ ฮ่า)
เป็นแนวแฟนตาซี ฟิลชีวิตประจำวันในประเทศญี่ปุ่นยุคอนาคตปี3000 แต่เพราะกฎการแบนอาวุธปืนเลยทำให้มีสไตล์การต่อสู้แบบโบราณผสมด้วย ฟิลใช้ดาบฟันกันชิ้งๆ ยิงธนูปิ้ว ๆ หรือแม้แต่วิชานินจาก็ยกมาหมดแผง(เท่าที่ไรท์คิดออกอ่ะนะ55)
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารักของพระนางแบบมองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ! ปมดรามาความสัมพันธ์พวกเขามีประปรายให้ได้หมั่นไส้กัน ได้ลิ้มรสความหวานกันเต็มกระบุงแน่นอนค่ะ :)
แล้วก็แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจมาด้วยนะ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยดหลายรอบเลยค่ะ ;-;)
***คำเตือนเล็กน้อย…เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวและนักเขียนมีแพลนเขียนแบ่งเป็น2ซีซั่น
ปัจจุบันซีซั่น1ใกล้จะจบแล้วค่ะ สามารถอ่านกันได้จุใจแน่นวลล***
.
.
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
(สั้น ๆ คือ ฝากกดติดตามกันด้วยนะทุกคลล ฮืออ T T )
====== เรื่องย่อกันบ้างดีกว่า ======
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้ ทั้งสองต้องเริ่มชีวิตใหม่ในรั้วโรงเรียนไปด้วยกัน กระทั่งได้เจอเพื่อนร่วมห้องอย่าง โมโมเสะ ฮินาวะ เด็กหนุ่มรูปหล่อผู้มากความสามารถและเก่งกาจจนนาโอริอยากให้เขาช่วยสอนวิชาดาบให้ แต่เขากลับยื่นคำท้าต่อเธอให้เอาชนะเขาให้ได้ในงานประลองดาบ เด็กสาวจึงพยายามสุดความสามารถเพื่อชนะเขา
เพราะการแข่งนั้นพวกนาโอริจึงถูกทาบทามให้เข้าร่วมสภานักเรียนหรือสภาเจ็ดซามูไรและได้ออกไปทำภารกิจเสี่ยงตายจนพบกับองค์ชายรัชทายาทอายุไล่เลี่ยกันที่ถูกกลุ่มทหารรับจ้างนิรนามหมายจะชิงตัวไป นาโอริเลยต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเขาให้ได้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง โดยไม่ทันรู้สึกตัวว่าวินาทีแรกที่สบตาเขาหัวใจก็ไม่อาจลบภาพรอยยิ้มสุดท้ายให้จางหายได้
ทางเลือกใหม่ที่เธอเลือกจึงลงเอยที่ตำแหน่ง 'องครักษ์' ของเด็กหนุ่มสูงศักดิ์ผู้นี้เพื่อให้ได้ปกป้องเขาได้ทุกวินาทีที่หายใจ….
===== สปอยหน้าตาพระนางสักเล็กน้อย =====
ชิสึจิ นาโอริ (น้อนนาโอะ) อายุ 16 ปี
เด็กสาวม.ปลายผู้ฝันอยากเป็นนักดาบเพราะเชื่อว่าความชอบนี้มาจากพ่อที่ไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อน เลยคิดว่าถ้าได้เดินทางเดียวกันก็จะได้เจอครอบครัวฝั่งพ่อของตัวเองก็เป็นได้ แต่ใครจะรู้…ว่าปัจจุบันเธอจะได้ความฝันใหม่อันยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมหน้าที่อันใหญ่ยิ่ง!!!
“ขอสาบานว่าจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนาย…จนกว่าจะตายจากกันไปข้าง!”
ฮิบานะ โซอิจิโร่ (น้อนโซว์) อายุ 15 ปี
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่มีความลับมากมายซ่อนไว้หลังหน้ากากอันเยาว์วัยกับ…สีผม?? เพราะเรื่องราวในอดีตที่ทำร้ายเขามานับไม่ถ้วนจึงหล่อหลอมตัวตนของเขาให้เป็นคนจริงจัง สุขุมและเก่งในด้านการต่อสู้(ปกป้องชีวิตตัวเอง) แต่ยามได้อยู่ต่อหน้านาโอริ ทุกบุคลิกก็ดูจะละลายหายไปจนเหลือแค่เด็กขี้อ้อนคนหนึ่ง…กับจุดประสงค์บางอย่างในหัวใจ
“แกจะเป็นด้ายแดงแห่งโชคชะตาให้พวกเราอีกได้ไหม…เหมือนที่เธอพูดครั้งนั้น”
.
.
.
“ใครอยากเริ่มต้นความเบียวไปกับไรท์ กดอ่านตอนแรกกันเล้ย!!!”
よろしく、psrpowder
รุ่งอรุณวันใหม่แสงทองสาดไปทั่วท้องฟ้าคราม เด็กสาวที่นอนอยู่ในท่าสบายถูกปลุกด้วยเสียงนาฬิกาปลุกที่อยู่ข้างเตียง ร่างบางตื่นจากห้วงนิทราก่อนจะเอื้อมมือเรียวมาปิดมัน บัดนี้แสงทองอร่ามลอดผ่านผ้าม่านสีขาวนวลแยงหนังตาหนักให้ค่อย ๆ ยกขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีซากุระแวววาวสะท้อนกับแสง นาโอริดันตัวลุกจากเตียงพลางขยี้ตาเพื่อให้ตาสว่าง ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นดึงความสนใจไป
“ตื่นเช้านะวันนี้....”
“แค่กลัวตื่นสายเท่านั้นแหละเดี๋ยวซากิต้องมาลำบากทำอาหารเช้าให้อีก คราวนี้แหละฉันจะทำให้เธอบ้าง!” เด็กสาวกำสองมือแน่น ดวงตาลุกโชนด้วยเปลวเพลิงแห่งความตั้งใจ เธอมักจะพลาดโอกาสที่จะตื่นเช้ามาทำอาหารให้รูมเมตของเธอตอนนี้ก็เป็นเวลาสองอาทิตย์แล้ว
“หึ ทำให้มันก็ดีอยู่หรอก...แต่แขนเธอจะไหวเหรอ?” จูลิโอ้ส่งเสียงหัวเราะ เด็กสาวเบิกตากว้างทันทีที่คู่หูของเธอเตือนสติ ความเจ็บที่หายไปนานแล่นแปล๊บสู่แขนอีกคราจนต้องยกแขนขึ้นมา ดูเหมือนว่ารอยช้ำจะชัดขึ้นกว่าเมื่อวานเสียอีก
“ทำไมจะไม่ไหว? รอยแค่นี้เอง” เด็กสาวเอ่ยพลางก้มมองแขน คิ้วเรียวขมวดจนแทบเป็นโบ แต่แล้วก็ส่ายหัวไปมาพร้อมกับลุกจากเตียงนุ่มและเดินเข้าห้องน้ำไปไม่พูดไม่จา
นาโอริใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีในการอาบน้ำรวมถึงจัดแจงแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะคว้ากระเป๋าและออกจากห้องนอนไป แต่ดันลืมที่จะหยิบคู่หูตัวแสบไปด้วยจึงชะงักฝีเท้าแล้วหันไปคว้าอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาเหน็บเอวไว้ ดูเหมือนจูลิโอ้จะบ่นกระปอดกระแปดอยู่หน่อย ๆ แต่เด็กสาวหาได้สนใจไม่
“ดูเหมือนจะยังไม่ตื่นแหะ” ใบหน้าเรียวแนบกับประตูห้องของรูมเมตกำลังฟังเสียงการเคลื่อนไหว ทว่ากลับไร้เสียงใด เมื่อเห็นเช่นนั้นนาโอริจึงเดินไปเปิดตู้เย็นในโซนห้องครัวและหยิบวัตถุดิบออกมาเตรียมไว้ โดยมีวัตถุดิบหลักเป็นปลาซาบะ มือเรียวเริ่มบรรจงจัดการวัตถุต่าง ๆ ปรุงรสอย่างพิถีพิถันจนส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่วห้องสีนวล
ในระหว่างที่กำลังบรรจงทำอยู่นั้นเองเสียงลูกบิดประตูก็ดังขึ้นจากห้องด้านหลังเผยให้เห็นร่างซากิที่ยังแต่งตัวไม่เสร็จโผล่ออกมาสีหน้าเธอดูตระหนกเล็กน้อย
“นาโอะจัง ตื่นแล้วเหรอ?” นาโอริหันไปตามเสียงเรียก เด็กสาวส่งยิ้มหวานให้เพื่อน
“รีบแต่งตัวล่ะอาหารจะเสร็จแล้ว” เสียงหวานเอ่ย ซากิที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบกลับเข้าห้องไปทันที ประมาณห้านาทีต่อมาเด็กสาวก็ออกจากห้องมาด้วยชุดยูนิฟอร์มสีแดงทับทิม พอดีกับนาโอริที่กำลังจัดวางอาหารบนโต๊ะอยู่ ร่างเล็กจึงเข้าไปช่วยจนในที่สุดเมนูยามเช้าอย่างซาบะย่างเกลือก็พร้อมให้รับประทานแล้ว!
“ทานแล้วนะคะ!” สองเสียงประสานกันพร้อมเพรียงก่อนจะลงมือรับประทาน คำแรกที่เข้าปากของซากิไปทำให้เธอถึงกับอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกับดวงตาที่ทอประกาย ทำเอานาโอริกะพริบตาปริบ ๆ ในทีแรกเธอก็ไม่มั่นใจในฝีมือทำอาหารสักเท่าไหร่แต่ดูจากปฏิกิริยาอีกฝ่ายคงสบายใจได้แล้วล่ะ
ทั้งสองเพลิดเพลินกับมื้ออาหารเช้า ตอนนี้นาโอริรู้สึกว่าชักอยากจะตื่นมาทำอาหารให้เพื่อนสาวบ่อย ๆ เสียแล้วสิ เพราะเวลาเห็นสีหน้าเบิกบานของซากิมันทำให้รู้สึกดีอย่างน่าประหลาด
“นาโอะจังแขนเป็นยังไงบ้าง?”
“ดูเหมือนรอยมันจะชัดกว่าเดิมนะ” เด็กสาวถลกแขนเสื้อและลูบที่รอยช้ำเบา ๆ ก่อนจะเป็นซากิที่ลุกจากเก้าอี้ไปหยิบตลับยามาทาให้
“พกติดไว้ก่อนนะ ถ้ารู้สึกเจ็บก็ค่อยทาก็ได้จ้ะ” ว่าแล้วเธอจึงส่งตลับยาให้นาโอริ คนรับของมาถึงกับหลุดขำพรืดกับท่าทางเอาใจใส่เหมือนแม่ของเพื่อนสาว จนเจ้าตัวได้แต่พองแก้มและบ่นอุบอิบแต่เหมือนว่าเธอจะค่อนข้างพอใจกับบทบาทนะ
“เอาล่ะได้เวลาไปแล้ว” แขนเรียวยกขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมือเรือนสวย บัดนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงพอดียังมีเวลาเหลือเฟือกว่าจะเริ่มวิชาเรียนแต่การไปถึงก่อนก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง
เมื่อทั้งคู่พร้อมจึงลงจากหอพักและมุ่งหน้าสู่ตึกเรียนสูง ระหว่างทางดวงตาสีซากุระเหลือบมองไปยังทางเข้าของหอฝั่งชาย ดูเหมือนเธอจะยังคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานและต้องขอบคุณซากิที่ทำให้ความกลัวของเธอลดลงบ้าง แต่จะสามารถทำให้มันหายไปเลยได้หรือไม่นั้นเจ้าตัวก็ไม่รู้ได้
ณ ตึกเรียนสูงตระหง่านเด็กสาวทั้งสองมุ่งตรงไปสู่ห้องเรียน บัดนี้มีคนอยู่ในห้องแค่หยิบมือเท่านั้นและดูเหมือนว่าฮินาวะยังมาไม่ถึงเช่นกัน
“นาโอะจังอย่าลืมไปหยิบใบสมัครนะ” เสียงหวานช่วยเตือนความจำของนาโอริ ว่าแล้วเธอจึงเดินไปยังโต๊ะของอาจารย์ซึ่งเคยมีเอกสารกองสูงตั้งอยู่ บัดนี้มันลดจำนวนลงเรียกว่าครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว
“มีคนสมัครเยอะเหมือนกันแหะ”
ครืด
ไม่ทันไรเสียงประตูเลื่อนก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของคนที่นาโอริมองหาอยู่เดินเข้ามาภายในห้องเรียน สายตาสบกันโดยบังเอิญแต่เด็กหนุ่มกลับหลบตาทันทีก่อนจะเดินไปนั่งที่นั่งของตนซึ่งห่างจากที่นั่งของพวกนาโอริไปสองแถว เด็กสาวที่เห็นท่าทางของอีกฝ่ายพลันรู้สึกขัดใจแปลก ๆ จึงตัดสินใจก้าวไปหาฮินาวะและหยุดตรงเบื้องหน้าโต๊ะของเขา
“นี่...” เด็กสาวยิ้มกริ่มก่อนจะเอ่ยออกไป
“ฉันรับคำท้าของนาย” คนตรงหน้าเมื่อเห็นเอกสารตรงหน้าถึงกับตาเบิกกว้าง เขาไม่ทันคิดว่าสีหน้าของเขาจะออกชัดเจนขนาดไหน ดวงตาสีแดงเลือดจึงเบี่ยงสายตาไปทางอื่น
“งั้นเหรอ? โอเค” พูดจบเด็กหนุ่มยกหนังสือนวนิยายที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่านต่ออย่างไม่ยี่หระจนนาโอริเบ้ปากกับท่าทีไม่สนใจสิ่งใดของเขา
“พูดแค่นี้? ฉันอุตส่าห์รวบรวมความกล้าที่จะลงสมัครแต่นายกลับพูดประโยคเดียวอ่ะนะ?!”
“อ่าห้ะ แล้วจะให้ฉันพูดว่า เธอมันกล้าหาญมากนะที่กล้ามาสู้กับฉัน แต่ขอโทษนะเธอไม่มีทางชนะฉันผู้นี้หรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า แบบนี้เหรอ?”
“หา นายอายุเท่าไหร่ไม่ทราบ”
“สิบหกปีถ้วน มีปัญหาหรือไง?” เด็กสาวกัดฟันกรอดพยายามจะเถียงกลับแต่ก็ถูกเพื่อนสาวคนสนิทดึงแขนไว้ได้ทัน
“ร เรากลับไปนั่งที่เถอะนาโอะจัง จะได้เขียนใบสมัครด้วย” ซากิยิ้มแห้งพลางพยายามฝืนแรงของนาโอริไว้สุดกำลัง ท้ายที่สุดนาโอริจึงยอมตามซากิกลับไปโดยไม่ลืมที่จะแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คู่อริของตน คนถูกยั่วโมโหหาได้มีสีหน้าหงุดหงิดไม่ เพียงแต่ทอดสายตาที่มองร่างของสองสาวอย่างเลื่อนลอยก็เท่านั้น
.
.
.
เวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงเย็นในคาบฝึกปฏิบัติ ดูเหมือนวันนี้เหล่านักเรียนจะได้ฝึกกันเองแบบอิสระ แน่นอนว่าสองสาวเพื่อนสนิทก็ได้เริ่มกระบวนการฝึกตั้งรับและการป้องกันสูตรฉบับโฮชิ ซากิที่เจ้าตัวจะเป็นผู้โจมตีและนาโอริต้องคอยรับดาบของเธอให้ได้ เด็กสาวเรือนผมสีเปลือกไม้ล้มตัวลงนอนแผ่กับพื้นไม้ด้วยสภาพเหงื่อท่วมตัว หากสามารถหลับตรงนี้ได้เธอคงจะทำไปแล้วเพราะครูฝึกเฉพาะกิจของเธอไม่ปรานีแม้แต่น้อยผิดกับหน้าตาที่จิ้มลิ้มนั่นเลย ให้ตายสิ
“เฮ้อ ไม่ผอมก็ให้มันรู้กันไปเถอะ” นาโอริหอบหายใจตัวโยน
“ถ้าจะเอาชนะโมโมเสะคุงให้ได้นาโอะจังก็ต้องฝึกมากกว่านี้นะ” เสียงหวานลอยมาเข้าหูเรียกความสนใจ ก่อนจะมีมือเรียวยื่นกระบอกน้ำมาบดบังดวงตาคู่สวย เด็กสาวเอื้อมมือไปรับไว้และกระดกมันเข้าไปหลายอึก
“จะว่าไปเธอก็ฝึกโหดเหมือนกันนะซากิ เห็นเรียบร้อยแบบนี้”
“ก็นาโอะจังจะต้องสู้กับตัวท้อปของโรงเรียนนะ แค่นี้ยังน้อยเลย” ซากิเบ้ปากพลางมองเพื่อนของตนกระดกน้ำเป็นรอบที่สอง แม้จะมีบ่นอุบอิบตลอดเวลาแต่ซากิก็รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามฝึกแค่ไหน ถึงจะพังไม่เป็นท่าหรือไม่คืบหน้าบ้างแต่ใครจะรู้ล่ะถึงเวลาจริง ๆ มันอาจจะผิดคาดก็ได้
แปะ!
เสียงปรบมือดังก้องของอาจารย์สาวเรียกความสนใจจากเหล่านักเรียน ดวงตาคมกวาดมองลูกศิษย์ที่ลงไปกองกับพื้นหลายคนอย่างไม่ยี่หระก่อนจะเอ่ยต่อไป
“เหนื่อยหน่อยนะทุกคน แต่เดี๋ยวก็จะได้พักกันเต็มที่แล้วล่ะเพราะสุดสัปดาห์นี้ทางโรงเรียนจ้ะให้พวกเธอกลับบ้านได้ ยังไงก็..”
“เย้!!” เสียงร้องด้วยความยินดีของเด็ก ๆ ดังกลบประโยคของผู้เป็นอาจารย์เสียสิ้น หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับยกฝักดาบสีสวยขึ้นมาและกระแทกมันลงกับพื้นไม้อย่างจัง
ปึง!
ทุกอย่างเงียบเป็นเป่าสากจนได้ยินแต่เสียงฝักดาบที่กระทบไปมาเมื่อเก็บเข้าที่ หญิงสาวกระแอมหนึ่งครั้งก่อนจะเอ่ยประโยคที่ค้างเอาไว้
“ยังไงก็ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่าล่ะ อีกไม่นานก็จะถึงกิจกรรมประลองดาบแล้วพวกเธอคงไม่อยากเสียเวลาซ้อมดาบไปกับวันหยุดธรรมดา ๆ ใช่ไหมล่ะ” เหล่านักเรียนตอบรับเป็นเสียงเดียว เมื่อเห็นเช่นนั้นซาวาเบะจึงปล่อยให้พวกเขาแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน ไม่นานเสียงเจี๊ยวจ๊าวในโรงยิมจึงเริ่มเบาลงเพราะเหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังคงอยู่ ในนั้นก็มีสองสาวเพื่อนสนิทรวมอยู่ด้วย นัยน์ตาสีซากุระกลอกไปซ้ายทีขวาทีก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่และหันกลับไปพูดกับซากิเกี่ยวกับเรื่องหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในความคิดทันทีที่ได้ยินว่า ‘วันหยุด’
“เราไปเที่ยวกันไหม!” คนถูกถามละสายตาจากกระเป๋าสัมภาระตรงหน้าไปหาเพื่อนสาวซึ่งปรากฏประกายระยิบระยับราวกับเด็กก่อนจะเอียงคอน้อย ๆให้อีกฝ่าย
“ต แต่ว่าเรามีนัดซ้อมดาบกันนี่นา”
“โธ่ ได้หยุดทั้งทีก็ขอหน่อยแล้วกันน่าพวกเรานัดว่าจะซ้อมทั้งเสาร์อาทิตย์ไม่ใช่เหรอ ขอเว้นเสาร์ไว้วันนึง นะ ๆ” มือเรียวประกบเข้าหากันและคุกเข่าลงพยายามอ้อนวอนขอโอกาสให้ได้ออกไปรื่นระเริงจนซากิได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ
ในท้ายที่สุดเธอก็ยอมตกลงแต่จะยอมให้แค่ครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเพราะงานประลองก็ใกล้เข้ามาแล้วเดี๋ยวจะไม่ทันการณ์ นาโอริที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับโผเข้ากอดเพื่อนสาวทันที ก่อนทั้งสองจะพากันกลับไปพักผ่อนและทำกิจวัตรช่วงเย็นตามปกติ แน่นอนว่าคนคิดแผนการไม่ลืมที่จะวางแผนการเที่ยวในวันสุดสัปดาห์ ทว่ากลับเป็นเด็กสาวผู้เรียบร้อยอย่างซากิที่งัดเอาใบปลิวของสถานที่ต่าง ๆ มาให้เลือก
“โอ้ พระเจ้า...” นาโอริเบิกตากว้าง
“ฉ ฉันก็แค่รับมาจากพี่ ๆ ที่เขายืนแจกเท่านั้นแหละ ไม่ได้ไปทั้งหมดนี่หรอกนะ”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ฮิ ๆ” นาโอริวาดยิ้มกริ่ม ก่อนจะโดนเพื่อนสาวพองแก้มใส่และชวนให้เลือกร้านอาหารต่อไป ค่ำคืนที่ดวงดาวพร่างฟ้านั้นจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้มเบิกบานกับเส้นด้ายแห่งสายสัมพันธ์ที่ถักทอแน่นขึ้นซึ่งจะกลายเป็นเชือกที่คงทนต่อพายุ ลมฝนและคำโกหกทั้งปวง
เวลาเดียวกัน ณ หอฝั่งชาย ฮินาวะที่โดยสารลิฟต์ของหอพักและเดินมาจนถึงห้องของตนในชั้นสาม ขณะตั้งท่าจะเปิดประตูห้องไม่ทันไรประตูที่ล็อกอยู่ก็เปิดออก เด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมสีฟ้าครามที่รวบเป็นหางม้าเข้ากันกับนัยน์ตาสีเทาหม่นถูกทับด้วยแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมาต้อนรับอย่างเป็นมิตรในชุดลำลองสบายตัว
“ยินดีต้อนรับกลับ” เขาพูดพลางปิดประตูหลังจากรูมเมตเดินเข้าห้องมาแล้ว ฮินาวะทิ้งสัมภาระลงบนโซฟาตัวใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงตาม
“กินอะไรมาหรือยัง? ฉันซื้อมาเผื่อไว้ด้วย แต่ไม่คิดว่านายจะกลับเย็นขนาดนี้” เขาว่าพลางหยิบถุงพลาสติกที่มีข้าวกล่องอยู่จากเคาน์เตอร์ครัวมาวางบนโต๊ะ
“ขอบใจนะ ไคโตะ” เด็กหนุ่มเอ่ยก่อนจะหยิบข้าวกล่องมานั่งรับประทาน ทว่าเพื่อนของเขากลับสังเกตเห็นบางอย่างจึงเอ่ยถามเจ้าตัวไป
“เป็นอะไรหรือเปล่า? สีหน้าดูหงุดหงิดชอบกล” คนถูกถามไม่ตอบสิ่งใด เขายังคงคีบอาหารเข้าปากอย่างไม่สนใจจนอีกฝ่ายได้แต่เลิกคิ้วและถอนหายใจ
“มีจริง ๆ สินะ...เพราะตั้งแต่ฉันเป็นเพื่อนกับนายมาเนี่ย เวลาเงียบทีไรเป็นมีเรื่องให้กลุ้มทุกที ใช่ไหม?”
“นายนี่ดูฉันออกหมดจริงนะ”
“ของมันแน่อยู่แล้วเป็นเพื่อนกันมาตั้งกี่ปีเล่า” ไคโตะดันแว่นตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะซักถามเพื่อนต่อไป
“เล่ามาสิ เก็บไว้คนเดียวเดี๋ยวก็เป็นใบ้พอดีปกติก็ไม่ค่อยจะพูดอยู่แล้ว หรือจะให้ดาบของนายพูดแทนก็ได้นะ”
“เงียบน่า” เพื่อนหนุ่มหัวเราะร่าก่อนจะนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน ใช้เวลาสักพักกว่าอีกฝ่ายจะยอมเล่าออกมาว่าเรื่องที่ก่อกวนใจของเขาอยู่ตลอดก็คือเรื่องของเพื่อนร่วมห้องที่ชื่อ ชิสึจิ นาโอริ และเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งเรื่องที่ถูกขอร้องให้สอนและลงเอยที่เด็กสาวดันรับคำท้าทายเขาเข้าจริง ๆ
“อย่างนี้เอง...นายก็แค่อยากไล่เธอไปห่าง ๆ แต่กลายเป็นว่าหาเรื่องใส่ตัวงั้นสินะ” ไคโตะกล่าวพลางลูบคางเบา ๆ
“ใครจะไปคิดล่ะว่าจะมีคนกล้ารับจริง ๆ ที่ผ่านมาไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย”
“แต่เธอเป็นมือใหม่ไม่ใช่เหรอ สำหรับตัวท้อปอย่างนายน่ะสบายอยู่แล้ว”
“มันก็ใช่...แต่รู้สึกแปลกยังไงก็ไม่รู้” ฮินาวะขมวดคิ้วจนแทบเป็นโบ แม้ว่าอีกฝ่ายจะจ้องมองเขาด้วยสายตาคาดคั้นคำตอบแต่เด็กหนุ่มก็จนปัญญาจะอธิบายจนได้แต่กุมขมับอยู่อย่างนั้น
“อย่าบอกนะว่า...พ่อสุภาพบุรุษดันไปทำร้ายจิตใจใครเข้าเหรอ?”
“นายมันผู้มาก่อนกาลหรือไง”
“มันจะมีสักกี่เรื่องที่ทำนายนั่งกุมขมับแบบนี้ได้” เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง
“เฮ้อ...ฉันคิดว่าตัวเองพูดแรงเกินไปหรือเปล่า คือตอนนั้นสีหน้ายัยนั่นเปลี่ยนไปเลย” ดวงตาสีแดงเลือดหลุบต่ำพลางขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิงก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสที่แผ่นหลังกว้าง
“อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ คิดมากน่า”
“แต่ฉันรู้สึกว่ายัยนั่นกำลัง...กลัว?” ไคโตะเลิกคิ้วสูง ทว่าอีกฝ่ายดูจะจมปลักอยู่ในความคิดของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยเสียแล้ว
“หรือว่าไม่ใช่...เอ๊ะ หรือว่ามันจะ”
“โอ๊ย พอ ๆ” ฮินาวะชะงักพลันหันขวับมายังเพื่อนหนุ่มที่เบ้ปากใส่เขา ร่างสูงในชุดลำลองยืนขึ้นจากโซฟานุ่มและกำลังจะเดินไปห้องของตนแต่ไม่วายหันกลับมาและทิ้งข้อความเล็กน้อยไว้ให้ฮินาวะ
“ถ้าคิดว่าผิดก็แค่ขอโทษ ไอ้เพื่อนรัก ฉันไปล่ะ” และแล้วเขาก็หายเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้เพื่อนของตนพึมพำคำพูดของเขาซ้ำไปซ้ำมา
ท้ายที่สุดค่ำคืนที่ดาวพร่างฟ้าก็กลับมาเงียบสงบอีกครา....
to be continue…
つづく、psrpowder