จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน

7 Samurai - ตอนที่7 สายสัมพันธ์ใหม่(2) โดย psrpowder @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

7 Samurai

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี

รายละเอียด

จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน

ผู้แต่ง

psrpowder

เรื่องย่อ

สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่ Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)



เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!

ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)

เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ

ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!) 

แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )

 
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา 


==============================================

***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***

แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง 

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

==============================================

ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้ 

ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว



มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย 
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ



 "ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"

"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"



มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย 
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย



"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"

"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"



มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา



"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"

"คุณ...คือใคร?"
 

มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน

 

"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"

"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
 

==============================================


เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;

ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ! 

ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)


よろしく、psrpowder 

สารบัญ

7 Samurai-ตอนที่1 การเริ่มต้นใหม่,7 Samurai-ตอนที่2 คู่หู,7 Samurai-ตอนที่3 เก่งกาจ,7 Samurai-ตอนที่4 ลังเล,7 Samurai-ตอนที่5 ทดสอบ,7 Samurai-ตอนที่6 สายสัมพันธ์ใหม่(1),7 Samurai-ตอนที่7 สายสัมพันธ์ใหม่(2),7 Samurai-ตอนที่8 สายสัมพันธ์ใหม่(3),7 Samurai-ตอนที่9 สายสัมพันธ์ใหม่(4),7 Samurai-ตอนที่10 ฝึกมือ,7 Samurai-ตอนที่11 เปิดเผย,7 Samurai-ตอนที่12 ถึงเทศกาลแล้ว!,7 Samurai-ตอนที่13 แข่งคู่ที่สอง,7 Samurai-ตอนที่14 ชิงชนะเลิศ,7 Samurai-ตอนที่15 เซอร์ไพรซ์ต้อนรับ!,7 Samurai-ตอนที่16 นัดที่ไม่ได้นัด(1),7 Samurai-ตอนที่17 นัดที่ไม่ได้นัด(2),7 Samurai-ตอนที่18 นัดที่ไม่ได้นัด(3),7 Samurai-ตอนที่19 ติวหนังสือให้ทีสิ,7 Samurai-ตอนที่20 คอร์สสอนเฉพาะกิจ,7 Samurai-ตอนที่21 ชั่วโมงประวัติศาสตร์,7 Samurai-ตอนที่22 วันสอบที่ผ่านไปด้วยดี,7 Samurai-ตอนที่23 ภารกิจพิเศษ(1),7 Samurai-ตอนที่24 ภารกิจพิเศษ(2),7 Samurai-ตอนที่25 ภารกิจพิเศษ(3),7 Samurai-ตอนที่26 ภารกิจพิเศษ(4),7 Samurai-ตอนที่27 ความล้มเหลวและหนทางแก้ไข,7 Samurai-ตอนที่28 ดุจกำลังใจ,7 Samurai-ตอนที่29 ข่าวร้ายกับแผนการตีกรอบ,7 Samurai-ตอนที่30 เริ่มแผน!,7 Samurai-ตอนที่31 ฝ่าฝืน,7 Samurai-ตอนที่32 ช่วยเหลือ,7 Samurai-ตอนที่33 จิตสังหาร,7 Samurai-ตอนที่34 แลกด้วยชีวิต,7 Samurai-ตอนที่35 คำโกหกเพื่อปลอบโยน,7 Samurai-ตอนที่36 เยี่ยมไข้,7 Samurai-ตอนที่37 เรื่องราวที่อยากเล่า,7 Samurai-ตอนที่38 ความตั้งใจอันแน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่39 ตามรอย,7 Samurai-ตอนที่40 เหตุร้ายที่เกิดไปพร้อมกัน,7 Samurai-ตอนที่41 แผลใจฝังลึก,7 Samurai-ตอนที่42 เรื่องด่วนและเรื่องร้าย,7 Samurai-ตอนที่43 ความคิดที่ไม่ได้บอก,7 Samurai-ตอนที่44 เชื่อใจ,7 Samurai-ตอนที่45 ข้ออ้างเพื่อตัวเอง,7 Samurai-ตอนที่46 แน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่47 ไม่อยากพลาดโอกาส,7 Samurai-ตอนที่48 จิตสำนึกต่อต้าน,7 Samurai-ตอนที่49 ไม่เข้ากัน,7 Samurai-ตอนที่50 ต้นตอของอาการ,7 Samurai-ตอนที่51 นึกสงสัย,7 Samurai-ตอนที่52 คัดเลือก,7 Samurai-ตอนที่53 กลับบ้าน,7 Samurai-ตอนที่54 โลกเสมือน,7 Samurai-ตอนที่55 ผู้ร่วมทาง,7 Samurai-ตอนที่56 ตามรังควาน,7 Samurai-ตอนที่57 ผู้ร่วมทางอีกคน

เนื้อหา

ตอนที่7 สายสัมพันธ์ใหม่(2)

นกน้อยร่ำร้องบินว่อนทั่วท้องฟ้าที่บัดนี้ถูกแต่งแต้มด้วยสีส้มอำพันทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เหล่านักเรียนจากทั่วทุกแห่งต่างพากันเดินกลับบ้าน บ้างก็ไปเที่ยวสังสรรค์ บ้างก็แวะร้านค้าตามทาง เช่นเดียวกันกับนักเรียนจากโรงเรียนชิบุนางิที่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้หลังจากผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนตั้งแต่เปิดภาคเรียนใหม่ เด็กสาวผู้หนึ่งกำลังจ้ำอ้าวไปยังเป้าหมายของตน เรือนผมสีเปลือกไม้พลิ้วไหวไปตามแรงเคลื่อนตัวดูแล้วงดงาม ไม่นานเธอก็หยุดตรงบ้านหลังเล็กซึ่งรายล้อมด้วยต้นไม้พุ่มหลากสีดูสดใสแม้ในยามเย็น มือเรียวผลักบานประตูสีขาวครีมพลันตะโกนเสียงใส

“กลับมาแล้วค่า” นาโอริยิ้มร่าก่อนจะวิ่งไปกอดผู้เป็นแม่ที่เดินออกมาต้อนรับ ทั้งสองกอดกันอยู่นานให้สมกับความคิดถึงที่มีให้กันแล้วจึงผละออก เด็กสาวแทบอดใจไม่ไหวที่จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาให้แม่ของเธอฟัง เธอตั้งใจจะบอกเรื่องการประลองดาบด้วยเช่นกัน

“กลับมาเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไหมลูก?” 

“เดี๋ยวก่อนก็ได้ค่ะ หนูมีอะไรจะเล่าเยอะไปหมดเลย!” ว่าแล้วเธอจึงดึงมือของคนอายุมากกว่าไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นและสิ่งที่เจ้าตัวทำเป็นอย่างแรกคือแนะนำคู่หูใหม่ของเธอ มือเรียวปลดดาบออกจากสายคาดเอวและชูอาวุธศักดิ์สิทธิ์ให้ยูริดู

“นี่คือ จูลิโอ้ เป็นคู่หูใหม่ของหนูล่ะ” เด็กสาวฉีกยิ้มจนตาหยี ทำเอาผู้เป็นแม่ต้องยกมือมาบดบังไม่เห็นรอยยิ้มของตน 

“ไม่คิดว่าลูกจะใช้ชื่อนี้จริง ๆ นะเนี่ย”

“โธ่ แม่ขำอีกแล้ว มันเท่จะตายไป” หญิงสาวหรี่ตามองลูกอย่างเอ็นดูพลางลูบเส้นผมนุ่มของอีกฝ่ายไปมา นัยน์ตาสีม่วงกล้วยไม้จับจ้องดาบไม้ตรงหน้าไม่วางตา คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยยากที่จะมองเห็นก่อนมันจะหายไปทันทีที่นาโอริเริ่มพูดต่อ

“จูลิโอ้ลองทักทายแม่ฉันหน่อยสิ”

“แม่ของเธอไม่น่าจะได้ยินหรอก” เสียงทุ้มเอ่ยทันควัน

“ทำไมล่ะ?”

“มีแต่ผู้ที่ผูกจิตกับดวงจิตเท่านั้นถึงจะสามารถได้ยิน ถ้าแม่เธอเป็นคนธรรมดาก็จะไม่ได้ยินน่ะ” นาโอริพยักหน้าเบา ๆ ให้กับคำตอบนั้น ทว่าคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างผู้เป็นแม่นั้นได้แต่เอียงคอพลันเลิกคิ้วสูง

“เอ่อ แม่ได้ยินสิ่งที่เจ้านี่พูดไหมคะ?” นาโอริพูดพลางชี้นิ้วไปที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ ดวงตาคู่สวยเหลือบมองที่มือลูกสาวอีกครั้งก่อนจะส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบ นาโอริถึงกับคอตกและบ่นอุบอิบว่าเสียดายอย่างนั้นอย่างนี้พาให้ยูริหัวเราะคิกคักกับท่าทางโอดครวญของลูกสาวสุดที่รัก

“ไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะ แค่ลูกมีความสุขแม่ก็ดีใจแล้ว”

“ค่ะ...”

“แต่แสดงว่าเป็นความจริงสินะที่เขาเล่ากันว่าในดาบคาตานะทุกเล่มต่างก็มีจิตใจของมันเอง” หญิงสาวลูบคางตนเอง ก่อนจะสังเกตใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามของลูกสาว เธอจึงอธิบายถึงความเชื่อของชาวญี่ปุ่นโบราณที่ว่ากันว่าทุกครั้งที่ช่างตีดาบตีดาบขึ้นมาสักเล่มหนึ่งจะต้องมีความตั้งใจและความคิดที่ดีต่อดาบและต่อผู้ที่จะใช้ดาบ จึงทำให้จิตวิญญาณของคนผู้นั้นหลอมรวมกับดาบที่สร้างจนเกิดเป็นดวงจิตในดาบเล่มนั้น นอกจากช่างตีดาบแล้วนักดาบที่ฝึกปรือฝีมือจนเชี่ยวชาญและเก่งกาจเองก็จะนิยมตั้งชื่อให้กับดาบและเรียกมันด้วยชื่อเสมอราวกับเพื่อนร่วมรบที่ฟันฝ่าอันตรายไปด้วยกัน

“แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกจ้ะที่จะเชื่อ คงจะมีแต่นักดาบเท่านั้นที่รู้ความจริงข้อนี้”

“โห...ไม่คิดเลยว่าจะสุดยอดขนาดนี้ นายเจ๋งไม่เบาเลยนี่” นาโอริก้มลงมองคู่หูในมือ

“ขอบใจ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างไม่ยี่หระจนคนชมได้แต่เบ้ปาก

บทสนทนาดำเนินไปอย่างสนุกสนาน ความอบอุ่นที่น่าคิดถึงปกคลุมไปทั่วห้องนั่งเล่นไม่ต่างกับรอยยิ้มเบิกบานที่แต่งแต้มบนใบหน้าของสองแม่ลูก เรื่องราวที่นาโอริได้พบเจอตั้งแต่วันเปิดภาคเรียนใหม่ถูกเล่าอย่างสนุกสนานแม้ว่าจะเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปเพียงใด แต่สำหรับคนเป็นแม่การเห็นลูกสาวที่รักยิ้มแย้มมีความสุขก็พอจะช่วยคลายความเป็นห่วงไปได้อยู่บ้าง

“วันนี้ก็ดึกแล้วไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเถอะลูก พรุ่งนี้มีนัดไม่ใช่เหรอ?”

“ค่ะแม่ ถ้างั้นฝันดีล่วงหน้านะคะ” เด็กสาวโบกไม้โบกมือตรงเชิงบันไดก่อนจะวิ่งขึ้นไป ผู้เป็นแม่เมื่อลูกลับสายตาไปแล้วจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางเดินไปเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะในห้องนั่งเล่นห้องเดิมเผยให้เห็นรูปถ่ายของชายหญิงคู่หนึ่งที่มีใบหน้ายิ้มแย้มและดูมีความสุขมาก

“จะเหมือนกันได้ขนาดนี้เลยหรือนี่...” ไม่นานเธอจึงปิดลิ้นชักและลุกไปทำสิ่งอื่นต่อ



เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้ที่บัดนี้อยู่ในผ้าขนหนูสีขาวสะอาดเนื่องจากเพิ่งออกจากห้องน้ำ เส้นผมนุ่มเรียบตรงเป็นแผ่นเดียวเพราะเปียกน้ำ เจ้าตัวจึงต้องนั่งเช็ดอยู่หลายนาที ทว่าความผ่อนคลายหลังจากอาบน้ำนั้นช่างเหมือนสวรรค์เสียจริงผ่านไปไม่ทันไรนาโอริก็พร้อมจะเข้าสู่ห้วงนิทราเสียแล้ว

“พรุ่งนี้ปลุกฉันด้วยนะจูลิโอ้” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะหาวไปหนึ่งหวอด

“ไปตั้งนาฬิกาปลุกให้มันดี ๆ เถอะ”

“ไม่ล่ะ ง่วงจะแย่อยู่แล้ว”

“เฮ้อ ฝันดีแล้วกัน” เสียงทุ้มกล่าวอย่างเหนื่อยหน่าย

.

.

.

ความเงียบสงบได้มาเยือนหนึ่งบ้าน ผิดกับบ้านอีกหลังที่เวลานี้ยังมีใครคนหนึ่งนั่งเหม่อมองดวงจันทร์กลมโตบนท้องฟ้าอย่างไม่รู้จักเบื่อ สายลมอ่อน ๆ พัดพาเส้นผมสีเงินวาวที่สั้นประบ่าให้พลิ้วไหวรับกับเสียงน้ำไหลกระทบกระบอกไม้ไผ่ในบ่อปลา เพลิดเพลินได้ไม่นานนัก ประตูด้านหลังจึงถูกเปิดปรากฏร่างของหญิงสูงวัยในชุดยูกาตะสีครีมสบายตา เธอนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าประตูก่อนจะเอ่ยเรียกเด็กสาวเบื้องหน้า

“คุณหนูคะ อากาศเริ่มเย็นแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะคะ”

“ขอฉันนั่งอีกสักแปปหนึ่งนะคะ ยังไม่อยากนอนเลย” ซากิในชุดนอนกระโปรงสีขาว ยกยิ้มให้อีกฝ่ายพลันหันกลับไปนั่งมองดวงจันทร์ดังเดิม

“ไม่ใช่ว่าคุณหนูมีนัดเช้าเหรอคะ?”

“เพราะแบบนั้นฉันก็เลยนอนไม่หลับไงคะ แหะ ๆ”  เด็กสาวหัวเราะแก้เก้อ เช่นเดียวกับคนอายุมากกว่าที่บัดนี้เขยิบมานั่งใกล้กับเธอ ทั้งสองคนนั่งชมดวงจันทร์ดวงโตด้วยกันอยู่นานท่ามกลางสายลมสดชื่นที่พัดโชยสม่ำเสมอ จนแทบลืมเวลาเลยทีเดียว

“ไปโรงเรียนมีความสุขไหมคะ?” คำถามที่จู่ ๆ ก็ถูกส่งมาดึงความสนใจจากซากิได้อย่างดี

“มาก ๆ เลยค่ะ หนูได้เพื่อนใหม่ด้วยล่ะ”

“ดีจริง มิน่าล่ะคุณหนูของยายถูกดูสดใสขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลยค่ะ” หญิงชรายกยิ้ม นัยน์ตาสีเงินวาววาบไหวต่อคำพูดของคนอายุมากกว่า มือเรียวกอบกุมเข้าด้วยกันและออกแรงบีบเล็กน้อย บนใบหน้าสวยเปื้อนรอยยิ้มที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องยิ้มไปด้วย

“หนูก็คิดแบบนั้นค่ะ” 



ครั้นถึงเวลาอันสมควรหญิงสูงก็ไม่วายต้องไล่คุณหนูของเธอให้เข้านอนเสียทีก่อนที่จะพลาดนัดสำคัญเพราะตื่นสายเสียก่อน

.

.

.

คืนที่แสนสงบดำเนินผ่านไปกล่าวทักทายสู่รุ่งเช้าของวันใหม่ ดวงอาทิตย์เจิดจรัสสาดแสงประกายผ่านหน้าต่างปลุกเหล่าคนขี้เซาทั้งหลายให้เริ่มต้นชีวิตของตนเอง กลิ่นหอมของซุปเต้าเจี้ยวอบอวลไปทั่วห้องครัวสีนวลก่อนมันจะโชยขึ้นไปเตะจมูกถึงชั้นสองของบ้าน ดวงตาคู่สวยปรือขึ้นอย่างยากลำบากพลางบิดตัวยืดเส้น

“ถ้าไม่ได้กลิ่นอาหารเธอจะยอมตื่นไหมเนี่ย” เสียงทุ้มเอ่ยปนหัวเราะ ทว่าการจะต่อปากต่อคำกับคู่หูตอนเช้าตรู่เช่นนี้ช่างลำบากเกินกว่านาโอริจะทำได้

“งึม...อรุณสวัสดิ์จูลิโอ้” เด็กสาวเอ่ยเสียงงัวเงีย

“อรุณสวัสดิ์ รีบไปอาบน้ำเถอะ” ร่างบางตอบรับเสียงเนือยพลันหย่อนตัวลงจากเตียงนุ่มหยิบอุปกรณ์และเข้าห้องน้ำไป เวลาไม่นานเธอก็ออกมาด้วยท่าทางสดชื่นราวกับคนใหม่ จัดแจงแต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดสีเทากางเกงขาสั้นประมาณเข่าใส่แล้วสบายไม่ลืมที่จะเหน็บเอาคู่หูของตนลงไปทานข้าวเช้าด้วย เมื่อลงมาถึงชั้นล่างก็พบร่างของแม่ยืนอยู่ตรงเชิงบันไดยิ้มแย้มต้อนรับเธอ

“กำลังจะขึ้นไปปลุกเลย”

“ไม่ต้องห่วง หนูมีนาฬิกาปลุกส่วนตัวค่ะ” เด็กสาวยิ้มร่าพลางตบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เอว 

“ไม่ไหวเลยจริง ๆ” หญิงสาวย่นคิ้วก่อนจะดึงให้ลูกสาวไปนั่งที่โต๊ะอาหาร จากหลายใบถูกแต่งแต้มด้วยชิ้นเนื้อปลาแซลมอนย่างซอสกับผักทอดสีเหลืองอร่ามเพิ่มเติมด้วยซุปมิโซะหอมกรุ่นที่โชยแทบจะทั่วบ้าน

“อิ่มแล้วค่ะ!” เจ้าคนกินจุพนมมือลวก ๆ ก่อนจะยกจากไปล้างอย่างรู้งาน ดวงตาสีซากุระเหลือบมองนาฬิกาฝาผนังซึ่งบ่งบอกเวลาว่าใกล้จะสิบโมงอยู่รอมร่อ สาวเจ้าจึงเร่งเก็บล้างจนเสร็จก่อนจะวิ่งจ้ำขึ้นบันไดไปเปลี่ยนชุด

ไม่ทันไรเธอก็ได้ยินเสียงกุกกักมาจากชั้นสองของบ้าน ทำเอาเจ้าตัวหลุดขำกับท่าทีตื่นเต้นและรีบร้อนของลูกสาว ต่อมาไม่นานนาโอริจึงลงมาจากชั้นสองในชุดเสื้อไหมพรมคอเต่าแขนสั้นสีเทา ตัดกับกางเกงผ้ายีนสีกรมท่าดูเข้ากันกับเรือนผมสีเปลือกไม้ที่ปล่อยสยายใส่คู่กับรองเท้าผ้าใบสีขาวทะมัดทะแมง ไหล่ขวาสะพายกระเป๋าผ้าสะพายข้างสีครีมไว้และที่เด่นชัดยิ่งกว่าคือถุงผ้าสีน้ำเงินเข้มซึ่งถูกคาดไว้กลางหลัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือสิ่งใด

“จะพกดาบไปด้วยจริง ๆ เหรอลูก?” ยูริเลิกคิ้วสูงพลันจับจ้องที่ถุงผ้า

“ก็เป็นคู่หูนี่คะ ไปไหนก็ต้องไปกันอยู่แล้ว!”

“ต แต่ว่ากฎของโรงเรียนมัน...” หญิงสาวอ้ำอึ้งเล็กน้อยพลางนึกถึงข้อห้ามที่ว่าไม่อนุญาตให้นักเรียนใช้อาวุธนอกสถานที่โดยพลการ

“แค่พกไปไม่ได้ใช้หรอกค่ะแม่ สบายมาก” หากแต่ลูกสาวของเธอกลับไม่ได้กังวลกับกฎข้อนี้เลยแม้จะรู้อยู่เต็มอกก็ตาม  ให้ตายสิ

“เฮ้อ เราเนี่ยน้า” คนอายุมากกว่าเอื้อมมือลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างมันเขี้ยวพลันดึงไปกอดให้ชื่นใจสักทีหนึ่งและจึงปล่อยให้นาโอริออกไปสนุกสนานกับวันหยุดที่รอคอย ทั้งสองบอกลากันก่อนที่เด็กสาวจะรีบคว้าแผ่นกระจกหนาทรงสามเหลี่ยมที่คนสมัยนี้เรียกว่า สเกตบอร์ด พลันกระโดดขึ้นไปเหยียบ ปลายเท้าจรดตรงมุมแหลมไม่ทันไรมันก็ลอยตัวขึ้นจากพื้นดินและพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าด้วยความรวดเร็วตรงไปยังสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด

ระหว่างที่กำลังโต้ลมอยู่บนแผ่นกระจกหนาทันใดนั้นจึงมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแทรกเสียงลมมา ครั้นหยิบมือถือสีสวยออกมาดูปรากฏชื่อของซากิบนหน้าจอ นิ้วเรียวเลื่อนปุ่มสีเขียวทันควันก่อนจะนำมาแนบหู

“นาโอะจังอยู่ไหนแล้วเหรอ?” เสียงหวานจากปลายสายเอ่ยถาม

“เอ่อฉันกำลังจะไปขึ้นรถไฟใต้ดินน่ะ”

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้นะ เดี๋ยวจะอันตราย” เด็กสาวกล่าวด้วยความเป็นห่วง คงเพราะเสียงของกระแสลมที่ทะลุผ่านเข้าไปในสายเรื่อย ๆ กระมัง

“จ้า ถ้าถึงก่อนก็รอที่หน้าสถานีเลยนะซากิ!” เอ่ยจบนาโอริจึงกดวางสายจากเพื่อนสาวและเพิ่มความเร็วเข้าไปอีก ไม่กี่นาทีก็มาถึงสถานีรถไฟ แม้จะมีผู้คนสัญจรไปมามากมายเนื่องจากเป็นวันหยุดแต่นั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคในการจะมองหาเพื่อนสาวของเธอเลยแม้แต่น้อย ในหมู่ผู้คนมีเด็กสาวคนหนึ่งในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวสะอาดเข้ากันกับกระโปรงผ้าฝ้ายสีน้ำตาลอ่อนยาวถึงข้อเท้าใส่คู่กับรองเท้าคัทชูผ้าสีพาสเทล เรือนผมสีเงินวาวประดับด้วยกิ๊บลายดอกไม้ทำให้ดูน่ารักไม่หยอก ในมือของเธอถือกระเป๋าผ้าขนาดกลางเอาไว้ด้วย

“รอนานไหม ขอโทษที่ช้านะ” นาโอริหอบหายใจตัวโยนพร้อมพนมมือลวก ๆ ให้อีกฝ่าย แต่กลับเห็นเพื่อนสาวกอดอกและขมวดคิ้วใส่เธอเสียอย่างนั้น

“โธ่ นาโอะจังบอกแล้วไงว่าอย่ารีบน่ะ เกิดเจ็บตัวขึ้นมาจะทำยังไง”

“ข ขอโทษนะ” เด็กสาวหัวเราะแก้เก้อ

“ฮ่า ๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ไม่ได้โกรธเสียหน่อย” ซากิเอ่ยพลางเอื้อมมือไปกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้ เธอส่งยิ้มหวานให้เพื่อยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใด นาโอริเห็นเช่นนั้นจึงถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะสังเกตบางสิ่งในมือของเพื่อนสาว

“ซากิ ถุงผ้านี่...”

“พอดีว่าหยิบติดมาน่ะ แหะ ๆ” ว่าแล้วเด็กสาวจึงยกถึงผ้าสีสวยที่มีสิ่งที่คล้ายอาวุธศักดิ์สิทธิ์ใส่อยู่ขึ้นมา เห็นเช่นนี้อีกฝ่ายถึงกับยิ้มร่าและเอื้อมไปแตะถุงที่สะพายหลังของตนเบา ๆ ราวกับรู้ใจทั้งสองส่งเสียงหัวเราะคิกคักและเลือกที่จะไม่เอ่ยมันออกมา

“ว่าแต่เราจะไปคาเฟกันเลยไหม?” ซากิเอ่ย

“ขอฉันแวะร้านหนังสือแถวนี้ก่อนได้ไหม? พอดีมีคนสั่งมาน่ะ” เสียงของผู้เป็นแม่ผุดเข้ามาในหัวของนาโอริ โชคยังดีที่เธอจำรายชื่อหนังสือนิยายที่แม่ต้องการได้ขึ้นใจ เพราะมันเยอะมากเลยล่ะ

“ได้สิ งั้นไปกันเถอะ” พูดจบเจ้าของเรือนผมสีเงินวาวจึงดึงมือของเพื่อนเดินไปตามท้องถนนผ่านผู้คนมากหน้าหลายตา ร้านรวงต่างเต็มไปด้วยลูกค้าเดินเข้าเดินออกดูคึกคักมากเป็นพิเศษหันไปทางไหนก็ได้ยินประกาศเรียกคนเข้าร้าน ลดราคาเอย เมนูพิเศษเอย ปะปนกันจนฟังแทบไม่รู้ความ หลังจากเดินเข้าตรอกซอยในที่สุดก็พบกับร้านหนังสือเล็ก ๆ ซึ่งไม่แออัดเท่าบริเวณของกินเมื่อสักครู่นี้

กรุ๊งกริ๊ง

กระดิกสีเงินสั่นไหวต้อนรับลูกค้าหน้าใหม่พร้อมกับบรรยากาศภายในร้านที่เงียบสงบกว่าข้างนอกเป็นไหน ๆ เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้รีบตรงดิ่งไปที่โซนขายหนังสือนิยายของร้านและก้ม ๆ เงย ๆ อยู่นานก่อนจะหยิบเล่มที่ตรงกับความต้องการของผู้เป็นแม่ สองเล่มก็แล้วสามเล่มก็แล้วแต่ดูท่าจะยังไม่ครบเสียทีเดียว

“เยอะขนาดนี้เลยเหรอนาโอะจัง?” คิ้วเรียวของซากิเลิกขึ้นสูงเมื่อเห็นจำนวนหนังสือ

“นี่ยังขาดอีกเล่มหนึ่งนะแต่แถวนี้เหมือนจะไม่มี...ขอฉันไปดูฝั่งนู้นก่อนนะ” ว่าแล้วนาโอริจึงเดินไปยังอีกฝั่งของชั้นหนังสือพลางกวาดสายตาทั่วชั้นจนมาหยุดตรงที่หนังสือปกแข็งเล่มหนึ่งที่มีชื่อตรงกัน

“เจอแล้ว!” เด็กสาวเอ่ยพร้อมกับยื่นมือไปหยิบหนังสือทว่ามือของเธอกลับชนเข้ากับของใครบางคนที่ตั้งใจจะหยิบมันเช่นกัน ดวงตาคู่สวยเหลือบมองการแต่งกายของฝ่ายตรงข้ามในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวทับด้วยเสื้อนอกแขนกุดมีฮู้ดสีดำเข้ากับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มและรองเท้าผ้าใบสีขาวลายดำ แต่กลับต้องอุทานชื่อของคนคนนั้นออกมาทันทีที่เห็นหน้าเขา

            

“โมโมเสะ!?” 



to be continue…



つづく、psrpowder