จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
นับเวลาถอยหลังสู่เทศกาลประลองดาบที่เผลอประเดี๋ยวเดียวก็เหลือแค่ไม่กี่วัน นาโอริและฮินาวะที่วางสัญญาเดิมพันกันเอาไว้ก็ต่างพากันฝึกปรือฝีมือของตนเองไม่น้อยหน้าใครทั้งสิ้น เมื่อพบหน้ากันเพื่อที่ฮินาวะจะได้คืนเจ้าเสก็ตบอร์ดจิ๋วให้เจ้าของ ก็ไม่วายเปิดศึกต่อล้อต่อเถียงกันราวกับเป็นกิจวัตรประจำวัน ส่วนซากิก็เป็นกรรมการอยู่ห่าง ๆ
หากอาจารย์สาวของพวกเขาไม่เข้ามาขัดจังหวะเพื่อเริ่มคาบเรียน การโต้เถียงก็ไม่มีแววว่าจะสิ้นสุดแต่อย่างใด
เวลาเดียวกันกับที่พวกนาโอริกำลังเรียนคาบแรกอยู่นั้น ณ ห้องกระจกกว้าง ชายหญิงสองคนกำลังสนทนากันอย่างเคร่งเครียด เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำผึ้งขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม ดวงตาจับจ้องเอกสารในมือเขม็ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นรายชื่อของนักเรียนปีหนึ่งที่ลงแข่งขันในงานประลองดาบที่จะถึง
“แน่ใจเหรอว่าจะมีอยู่ในกลุ่มเด็กปีหนึ่งจริง ๆ น่ะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย พลางใช้นิ้วเรียวไล่ไปตามตัวอักษรบนเอกสาร ครั้นได้ยินคำถามเด็กหนุ่มพลันถอนใจก่อนจะตอบอย่างไม่ยี่หระ
“ก็มีความเป็นไปได้นี่ ถึงดูจากข้อมูลแล้วก็มีน่าสนใจอยู่ไม่เยอะมากก็ตาม”
“ฮ่า ๆ ใครมันจะไปเหมือนนายทุกคนล่ะจริงไหม?” ดวงตาสีมรกตของเด็กหนุ่มหรี่ลงอย่างมีเลศนัยก่อนจะตอบกลับไป
“เธอก็พูดเกินไป เรื่องความพยายามน่ะถ้าเทียบกันแล้วฉันแพ้เต็ม ๆ เลยล่ะ”
“จ้า ๆ พ่อคนถ่อมตัว”
“จะว่าไปน้องของเธอก็ลงแข่งด้วยไม่ใช่เหรอ?” คำพูดนั้นทำเอาร่างเล็กที่ยืนเท้าโต๊ะอยู่สะอึก
“อ อือ แต่เขาไม่ได้บอกฉันหรอก” เด็กสาวหลุบตาต่ำพลางเบี่ยงไปทางอื่น ทว่ากลับไม่รอดพ้นสายตาว่องไวของเด็กหนุ่มและเป็นเขาที่จุดประเด็นให้แวะไปดูพวกรุ่นน้องปีหนึ่ง จะได้ถือโอกาสไปเยี่ยมเยียนน้องชายของเธอด้วย
ว่าจบเขาพลันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ซึ่งบัดนี้ใกล้จะสิบนาฬิกาเป็นเวลาพักของนักเรียนปีหนึ่งพอดี แต่เสียงหวานกลับแย้งเพื่อนหนุ่มที่ตั้งท่าจะออกจากห้องทันใด
“จ จะไปตอนนี้เลยเหรอโชว์”
“ถ้าไม่รีบไปตอนนี้ก็ต้องรอเย็นเลยนะ” ดวงตาสีเขียวมรกตหรี่ลงเล็กน้อยราวกับลองเชิงอีกฝ่าย และกลับได้ผลเกินคาด
ขณะเดียวทางฝั่งนาโอริ ทันทีที่ได้ยินเสียงกริ่งบอกเวลาพักระหว่างคาบ เด็กสาวสองเพื่อนสนิทจึงหันมาจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน
“เมื่อไหร่จะพักเที่ยงนะ” นาโอริเม้มริมฝีปากพลางจินตนาการถึงอาหารในเบนโตะของเธอ ซึ่งซากิเป็นคนทำไว้ให้
“นาโอะจังหิวแล้วเหรอเนี่ย?”
“ใช้งานสมองเยอะก็หิวได้นะ” สาวเจ้าหัวเราะคิกคัก ก่อนที่หางตาจะสังเกตเห็นคู่อริของเธอ ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับหนังสือ และแล้วนาโอริจึงนึกสนุกพลันลุกจากเก้าอี้ตรงดิ่งไปหาฮินาวะ
“จดบันทึกอยู่เหรอ?” แม้เด็กหนุ่มจะตอบรับแต่ปากกาลูกลื่นก็ยังคงเคลื่อนไหวบนหน้าสมุดต่อไป นาโอริเลยพยายามแกล้งปัดนิ้วผ่านหน้าเขา หวังให้เสียสมาธิทว่ากลับไร้ซึ่งผลใด ๆ ฮินาวะก็ยังคงเขียนต่อไปอยู่อย่างนั้น
“โหย สมาธิดีจัด จะเขียนอะไรไปถึงไหนเนี่ย”
ครั้นพูดถึงขนาดนี้แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับ ร่างบางจึงหวังจะแกล้งซ้ำ แต่ก็พังไม่เป็นท่าเมื่อเด็กหนุ่มจงใจปิดสมุดบันทึก พอดีกับที่นาโอริยื่นนิ้วไป
“โอ๊ย! ไม่หนีบให้ขาดไปเลยล่ะ” ฮินาวะตอบรับคำขอพลางเพิ่มแรงกดสมุดไปอีก ทำเอาสาวเจ้าร้องเสียงหลง พลางสะบัดแขนไปมาหวังจะหลุดจากการถูกหนีบ
“เธอขอเองนะ ช่วยไม่ได้” สุดท้ายฮินาวะก็ยอมแง้มสมุดออก จนนิ้วเรียวหลุดออกมาได้ คนถูกหนีบลูบคลำนิ้วตนเองที่มีรอยแดง พลันเบ้ปากมองเด็กหนุ่มอย่างหมั่นไส้ และเป็นซากิซึ่งห้ามศึกระหว่างคนสองคนพร้อมลากนาโอริกลับไปนั่งที่เดิม
“นาโอะจังไปแกล้งเขาทำไม?”
“ฉันกำลังสุมไฟอยู่” คิ้วเรียวของซากิเลิกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“สุมไฟ?”
“ใช่ ฉันจะแกล้งหมอนั่นให้รำคาญ ตอนแข่งพอเห็นหน้าฉันจะได้เอาจริงไงล่ะ” นาโอริเชิดหน้าอย่างภาคภูมิ ในขณะที่เพื่อนของเธอได้แต่หัวเราะแห้ง
“แบบนั้นมันจะยิ่งแย่กว่าเดิมหรือเปล่าน่ะ”
“ไม่หรอกน่า เห็นตานั่นโมโหแล้วสนุกดี ฮิ ๆ” นาโอริหัวเราะเจ้าเล่ห์ ก่อนจะชวนคุยเรื่องสัพเพเหระจนกว่าจะหมดเวลาพัก ท่ามกลางเสียงเจี๊ยวจ๊าวฟังไม่รู้เรื่องในห้อง แต่แล้ว...
ครืด
ทันใดนั้นประตูบานเลื่อนของห้องได้ถูกเปิดออก เสียงพูดที่ดังตีกันวุ่นวายพลันเงียบลง ทว่าวินาทีที่ผู้มาใหม่ก้าวเท้าเข้ามาปฏิกิริยาของเหล่านักเรียนหญิงถึงกับแปลกประหลาดไปตาม ๆ กัน
“นั่นมันรุ่นพี่นากามูระนี่!”
“จริงด้วย หล่อระเบิดระเบ้อมากอะ”
“ว่าแต่พวกพี่เขามาทำอะไรกันน่ะ?”
เสียงฮือฮายังไม่ทันซา มันกลับดังกระหึ่มอีกครายามใครอีกคนก้าวตามหลังเด็กหนุ่มเข้ามา ใบหน้าสวยดั่งเทพธิดาผสมกับเส้นผมสีบ๊วยแดงสยายยาวถึงกลางหลัง เข้ากันกับชุดนักเรียนสีเลือด เรียกว่าดึงดูดความสนใจของเหล่านักเรียนชายในห้องได้เป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนจะมีคนหนึ่งที่ไม่ได้คิดเช่นนั้น
“อึก...” บัดนี้ฮินาวะแทบจะซ่อนตัวอยู่หลังสมุดเล่มบางที่เขาใช้เป็นประจำ จนเป็นจุดสังเกตของพวกนาโอริ ทำเอาสองสาวต่างมองหน้ากันฉงน
“หมอนั่นเป็นอะไรน่ะ?” นาโอริเลิกคิ้วสูง แม้แต่ซากิเองก็ดูจะมีท่าทีลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด และขณะที่กำลังจะอ้าปากถามเพื่อนสาว เสียงทุ้มลึกของรุ่นพี่หนึ่งพลันดึงความสนใจของนาโอริไปเสียก่อน
“ขอโทษที่ต้องเข้ามารบกวนน้อง ๆ นะครับ ผมเป็นรุ่นพี่ปีสาม ชื่อ นากามูระ โชโตะ ครับ”
“ส่วนฉัน โมโมเสะ ฮิเมะโกะ อยู่ปีสามเหมือนกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะ” รอยยิ้มหวานถูกวาดบนใบหน้าสะกดใจเหล่าเด็กหนุ่มไปกว่าครึ่ง
แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องแปลกใจเท่ากับสิ่งที่รุ่นพี่สาวได้เอ่ยออกมา
“เดี๋ยวนะ...โมโมเสะเหรอ!?” นาโอริร้องลั่นพลางหันมองฮินาวะซึ่งยังคงซ่อนใบหน้าอยู่หลังสมุดดังเดิม เด็กสาวตั้งจะแอบเดินไปหาเจ้าตัว ทว่าไม่ทันไรเสียงทุ้มจากโชโตะก็พลันดึงความสนใจไปอีกครั้ง
“บางคนคงรู้อยู่ก่อนแล้ว ว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีงานเทศกาลการประลองดาบของเด็กปีหนึ่งจัดขึ้น ” เขาเว้นจังหวะหายใจ ก่อนจะหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตด้านใน
เหรียญตราทรงกลมสีเงินแวววับขนาดเท่าฝ่ามือ ลวดลายแกะสลักพิถีพิถันเป็นรูปดอกฮิกันบานะดอกใหญ่ตรงกลาง มองผิวเผินอาจเหมือนเหรียญตราทั่วไป แต่สำหรับบุคคลที่ได้เหยียบเข้ามาในโรงเรียนของเครือราชวงศ์แล้ว มันสามารถเป็นใบเบิกทางสู่ความฝันหรือแม้แต่เกียรติยศยิ่งใหญ่ ที่จะติดตัวไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว
“นี่คือเหรียญตราแสดงถึงกลุ่มกรรมการสภานักเรียนของโรงเรียน หรืออีกชื่อว่า ซามูไรทั้งเจ็ดแห่งฮิบานะ ซึ่งในการประลองครั้งนี้ก็จะมีการเฟ้นหาผู้ที่จะมาเป็นหนึ่งในสมาชิก โดยพวกเราสมาชิกสภานักเรียนจะเป็นคนพิจารณาด้วยตัวเอง”
บรรยากาศหนักอึ้งแผ่ซ่านไปทั่วห้องกว้าง ด้วยน้ำเสียงและสีหน้ารวมถึงความเป็นมาของ นากามูระ โชโตะ ประธานสภานักเรียน ซึ่งเป็นที่เลื่องลือว่าเขาสามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกได้ตั้งแต่ปีแรกจากงานเทศกาลนี้เมื่อสองปีก่อน
และคำร่ำลือว่าสภาเจ็ดซามูไรนั้นเป็นกลุ่มที่เข้ายากแต่ออกง่าย ในเชิงของการคัดเลือกที่เข้มงวดที่สุด และต่อให้ผ่านเข้ามาก็ใช่ว่าจะอยู่ไปจนถึงจบชั้นปีที่สาม หากไม่ลับความสามารถให้คมกริบตลอดเวลาก็สามารถถูกปลดออกได้ง่าย ๆ เช่นกัน
ถึงขนาดเล่าขานกันว่าสภานักเรียนที่มีสมาชิกแค่เจ็ดคน แต่ก็ไม่เคยมีปีไหนมีสมาชิกครบถึงเจ็ดคนเลยสักครั้ง
เพราะเหตุนี้เทศกาลประลองดาบจึงกลายเป็นชื่อชวนเสียวสันหลังวาบสำหรับนักเรียนบางคน แต่ก็กลายเป็นเชื้อเพลิงชุดประกายไฟในตัวได้เช่นกัน ฮิเมะโกะพลันกำชับเรื่องเวลาและตารางประกาศคู่แข่งขัน ซึ่งจะถูกติดไว้ที่หน้าห้องสภานักเรียนในวันเทศกาล กระทั่งเสร็จเรื่องเรียบร้อยก็หมดเวลาของรุ่นพี่ทั้งสองแล้ว
“ขอบคุณที่รับฟังนะครับ พวกพี่จะรอดูฝีมือของทุกคนอยู่นะ” โชโตะแย้มยิ้มน่ารักผิดกับก่อนหน้าลิบลับ สองรุ่นพี่โค้งตัวบอกลาและพากันเดินออกจากห้องเรียนไป
ครืด
ครั้นประตูปิดสนิท เสียงพูดคุยพลันกลับมาฮือฮาอีกครั้ง แน่นอนว่าหัวข้อสนทนาคือเรื่องของงานเทศกาลและสภาเจ็ดซามูไรนั่นเอง
“โมโมเสะ อธิบายมาเสียดี ๆ” นาโอริกอดอกแน่นพลางจ้องมองอย่างจับผิด
“เรื่องอะไร?”
“ก็เรื่องรุ่นพี่คนนั้นไงเล่า! พวกนายสองคนเป็นอะไรกัน” เด็กสาวยืนหน้าเข้าใกล้อย่างกะทันหันทำเอาฮินาวะผงะจนเผลอหลังชนพนักเก้าอี้ เขาพลันถอนใจไม่สบอารมณ์และยอมตอบอย่างช่วยไม่ได้
“เธอเป็น....พี่สาวฉันเอง”
“นายมีพี่สาวด้วยเหรอเนี่ย...สุดยอดไปเลย!” ดวงตาของนาโอริเป็นประกายวับ พลางจ้องเด็กหนุ่มที่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของคู่อริ
“แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน เลิกยุ่งได้แล้วน่า” ฮินาวะรีบตัดบทพลันลุกหนีทันควัน
ครั้นเขาเปิดประตูและตั้งท่าจะก้าวออกไป จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งโถมเข้าใส่ตัวเขาอย่างจัง ทำเอาเซไปชนกับกำแพงด้านข้าง
“ฮินะ!” เสียงหวานชื่นเอ่ยเรียกชื่อเล่นสุดแสนจะน่ารักของคนตรงหน้า พลางโอบกอดคนตัวสูงกว่าแน่น
“ทำอะไรเนี่ย อายุเท่าไหร่แล้วไม่ทราบ!” ฮินาวะพยายามดันตัวเด็กสาวตรงหน้าออกสุดกำลัง แต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์เพราะมันทำให้เธอยิ่งกอดแน่นกว่าเดิมหลายเท่า
“สิบเก้าค่า! ถามทำไมเหรอ?”
“ฉันประชด!”
“ฮิ ๆ ใครจะไม่รู้นิสัยน้องชายสุดที่รักกันล่ะ” ว่าแล้วมือเรียวพลันขยี้ศีรษะผู้เป็นน้องอย่างมันมือ ทำเอาเส้นผมสีบ๊วยแดงกระเดิดออกมาเล็กน้อย
“เลิกทำเหมือนฉันเป็นเด็กเสียที” มือใหญ่ปัดแขนเรียนของอีกฝ่าย ก่อนจะดันตัวให้หลุดจากพันธนาการได้ในที่สุด
เป็นจังหวะเดียวกับที่นาโอริลากซากิเดินตามออกมานอกห้องพอดี
“รุ่นพี่...โมโมเสะ?” นาโอริเอ่ยอย่างตะกุกตะกักเพราะดูสถานการณ์แล้วมันอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าที่คลับคล้ายเด็กหนุ่มหันขวับมาทางสองสาว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้อย่างเป็นกันเอง
“โอ้! สวัสดีจ้ะฉันเป็นพี่สาวของเขาชื่อฮิเมะโกะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ!”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ รุ่นพี่โมโมเสะ”
“เรียกฮิเมะโกะเถอะนะ ไหน ๆ เธอก็อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนกับเจ้าน้องชายตัวแสบของฉันแล้ว เราก็ควรสนิทกันไว้...หือ?” ใบหน้าเบิกบานพลันหายไป เมื่อนัยน์ตาสีแดงเลือดพบกับเด็กสาวเรือนผมสีเงินวาว
“ซากิจัง?”
เจ้าตัวเผลอสะดุ้งโหยงพลันเหลือบมองคนอายุมากกว่า แต่ไม่ทันไรเธอก็ถูกอีกฝ่ายเข้าสวมกอดแน่น ยิ่งเพิ่มเครื่องหมายคำถามในหัวของนาโอริเข้าไปสองเท่า
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน โตเป็นสาวน่ารักขนาดเลยเหรอเนี่ย!” ฮิเมะโกะกระดี๊กระด๊าพลางผละออกเพื่อดูหน้าซากิให้ชัด ๆ
“ม ไม่ได้เจอกันนานเลยค่ะพี่ฮิเมะ”
“เอ่อ ทั้งสองคนรู้จักกันงั้นเหรอคะ?” นาโอริที่ยืนงงงวยอยู่เอ่ยถาม
“พวกเราเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันน่ะ เมื่อก่อนเราเล่นด้วยกันบ่อยแต่ก็ไม่..”
“เลิกยุ่งกับเพื่อนฉันจะได้มั้ย พี่ว่างหรือไง?” ฮินาวะโพล่งแทรกพลันทำสีหน้าไม่ชอบใจ
“ถ้าสำหรับน้องชายสุดที่เลิฟล่ะก็ พี่ว่างเสมอแหละจ้า” ว่าแล้วฮิเมะโกะก็เอื้อมมือไปหวังจะขยี้หัวผู้เป็นน้องอีกครั้ง แต่กลับถูกเจ้าตัวจับไว้ได้ทัน
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!”
“โธ่เอ๊ย...งั้นฉันกลับแล้วก็ได้ ไม่ง้อหรอก” ฮิเมะโกะหันมายังเพื่อนทั้งสองของฮินาวะก่อนจะขยิบตาน่ารัก ๆ ให้พวกเธอ ก่อนจะไปฮิเมะโกะได้พูดคุยกับสองสาวอีกเล็กน้อย โดยไม่ลืมที่จะหันมาแหย่น้องชายสุดที่รักและเดินหายลับไปในหมู่นักเรียน บรรยากาศรอบตัวพลันกลับมาอึดอัดอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเพราะสายตาจี้ถามจากนาโอริที่แผ่ใส่เพื่อนทั้งสองของเธอต่างหาก
“นาโอะจัง...คือว่า”
“อธิบายมาเดี๋ยวนี้”
“ฮิเมะโกะก็บอกแล้วนี่ เรื่องมันก็มีแค่นั้น” ฮินาวะเอ่ยด้วยสีหน้าขรึม
“ไม่เชื่อ ไม่งั้นพวกนายจะทำตัวกระอักกระอ่วนเวลาอยู่ต่อหน้ากันไปทำไม?”
“มันไม่เกี่ยวกับเธอนี่” เสียงต่ำแย้งกลับทำให้สาวเจ้ากลอกตาไปมา
สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินกลับเข้าห้องเรียนไปโดยไม่รอเพื่อนสาว ซากิที่เริ่มร้อนใจเหลือบมองคนข้างหลังเธอซึ่งมีสีหน้าเรียบนิ่งผิดกับเธอ ครั้นเห็นว่าฮินาวะไม่คิดจะตามไปแก้ต่าง เธอจึงกลับไปให้ความสนใจกับนาโอริและจ้ำอ้าวไปหาทันที ปล่อยเด็กหนุ่มยืนอยู่ลำพัง
.
.
.
เรื่องวุ่นเกิดขึ้นมากมายจนกระทั่งกลับเข้าสู่ชั่วโมงเรียน ทว่าใจของคนหนึ่งกลับร้อนรุ่ม เนื่องด้วยเพื่อนของเธอไม่ยอมเปิดโอกาสให้เธอพูดถึงเรื่องช่วงพักเลย แม้แต่ตอนระหว่างทางกลับถึงหอจนใกล้จะเข้านอนเต็มที นาโอริก็ไม่ได้ปริปากถามมันกับซากิหรือฮินาวะอีก ถึงจะชวนคุยตามประสาของเธอ แต่มันกลับทำให้จิตใจที่กังวลอยู่แล้วร้อนรุ่มกว่าเดิม
“เดี๋ยวก่อนนาโอะจัง” ซากิคว้าแขนของเพื่อนสาวไว้ หวังจะพูดคุยให้รู้เรื่อง
“มีอะไรเหรอ?”
“โกรธหรือเปล่า?” ครั้นเห็นนาโอริเอียงคอเลิกคิ้วเป็นตอบกลับ ซากิจึงตั้งท่าจะเอ่ยต่อทว่าอีกฝ่ายดันห้ามไว้เสียก่อน
“จะให้ฉันถามเรื่องที่ทำให้พวกเธอหน้าเคร่งเครียดกันแบบนี้อีกได้ยังไง” นาโอริเอ่ยพร้อมกับกุมมือเพื่อนสาวแน่น
“ขอบคุณนะ...ขอบคุณจริง ๆ”
เหนือความคาดหมายครั้นหยดน้ำใส่ไหลอาบแก้มอมชมพู ทำเอานาโอริผงะจนทำอะไรไม่ถูก เธอรีบดึงตัวซากิเข้ามากอดปลอบจนเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนคราบน้ำตา
ทั้งสองยืนกอดกันอยู่นาน รอจนซากิสงบสติอารมณ์ได้และจึงส่งเธอเข้านอนไปก่อน ส่วนนาโอริที่ยังตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ได้มานั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องตัวเองแทน
ในใจลึก ๆ นาโอริกลับรู้สึกโล่งใจที่ไม่รู้สึกอยากรู้เรื่องของพวกเขาแล้ว เพราะแค่เห็นน้ำตาจากเพื่อนที่เคยปลอบโยนเธอมาตลอดก็รู้สึกเจ็บหัวใจจนยากจะบรรยาย สาวเจ้าได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะได้พักผ่อนใจในค่ำคืนนี้ และตื่นมาแย้มยิ้มให้อีกครั้งในเช้าวันต่อไป
ทว่าเวลานี้นาโอริควรปล่อยเรื่องไม่สบายใจต่าง ๆ ให้ห่างไปก่อน เพราะเธอควรจะเพ่งสมาธิไปยังวันแห่งความสนุกสนานที่กำลังจะมาถึง...
เทศกาลประลองดาบยังไงล่ะ!
to be continue…
つづく、psrpowder