ดวงจิตที่ผนึกในดาบคือวิญญาณของนักดาบผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ดาบของเธอกลับต่างออกไป มันซ่อนความพิเศษบางอย่างที่นำพาโชคชะตาหวนคืนสู่เธออีกครั้ง...ขอบคุณที่ให้ฉันได้เคียงข้างเธอนะ คู่หู
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ซอฟท์ไซไฟ,พล็อตสร้างกระแส,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ดวงจิตที่ผนึกในดาบคือวิญญาณของนักดาบผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ดาบของเธอกลับต่างออกไป มันซ่อนความพิเศษบางอย่างที่นำพาโชคชะตาหวนคืนสู่เธออีกครั้ง...ขอบคุณที่ให้ฉันได้เคียงข้างเธอนะ คู่หู
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
นิยายเรื่องนี้จะอัพ ทุกวัน ศุกร์และเสาร์ เวลา 19.00 น. - 19.30 น.
และอาทิตย์ เวลา 18.30 น.
จะพยายามลงให้ต่อเนื่องที่สุดเพื่อนักอ่านทุกท่านนะคะ :>
**เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่ Tiktok และ Bluesky จะอัพเดตเรื่อย ๆ ค่ะ**
ปุกาศ ๆ บัดนี้เรามี E-book แล้วนะจ๊ะ!
ตอนนี้เล่ม 3 กำลังจัดโปรลด50% อยู่น้าา ตั้งแต่ 21 ม.ค. - 4 ก.พ. 68!!!!
ใครสนใจไปส่องกันได้เลยน้าา <3
*** ที่ : mebmarket ครับโผม! ***
เนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกที่เขียนจริงจังของนักเขียนฝึกหัด (เพื่อต่อยอดความฝันอยากทำอาชีพนักเขียนค่ะ) ขอฝากนักอ่านใจดีทุกท่านติชม แนะนำให้ไรท์ฝึกหัดคนนี้ได้นำไปปรับใช้ในเรื่องต่อไปด้วยนะคะ จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็น้อมรับและปรับแก้ค่ะ
หรือถ้าไม่ชอบคอมเมนท์ก็กดใจให้กันได้นะคะ กำลังใจชั้นยอดของเราเลย
กราบขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ^^
================ เกริ่นแนวเรื่องกันซะหน่อย =================
เรื่อง 7Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ ฮ่า)
เป็นแนวแฟนตาซี ฟิลชีวิตประจำวันในประเทศญี่ปุ่นยุคอนาคตปี3000 แต่เพราะกฎการแบนอาวุธปืนเลยทำให้มีสไตล์การต่อสู้แบบโบราณผสมด้วย ฟิลใช้ดาบฟันกันชิ้งๆ ยิงธนูปิ้ว ๆ หรือแม้แต่วิชานินจาก็ยกมาหมดแผง(เท่าที่ไรท์คิดออกอ่ะนะ55)
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารักของพระนางแบบมองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ! ปมดรามาความสัมพันธ์พวกเขามีประปรายให้ได้หมั่นไส้กัน ได้ลิ้มรสความหวานกันเต็มกระบุงแน่นอนค่ะ :)
แล้วก็แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจมาด้วยนะ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยดหลายรอบเลยค่ะ ;-;)
***คำเตือนเล็กน้อย…เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวและนักเขียนมีแพลนเขียนแบ่งเป็น2ซีซั่น
ปัจจุบันซีซั่น1ใกล้จะจบแล้วค่ะ สามารถอ่านกันได้จุใจแน่นวลล***
.
.
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
(สั้น ๆ คือ ฝากกดติดตามกันด้วยนะทุกคลล ฮืออ T T )
====== เรื่องย่อกันบ้างดีกว่า ======
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้ ทั้งสองต้องเริ่มชีวิตใหม่ในรั้วโรงเรียนไปด้วยกัน กระทั่งได้เจอเพื่อนร่วมห้องอย่าง โมโมเสะ ฮินาวะ เด็กหนุ่มรูปหล่อผู้มากความสามารถและเก่งกาจจนนาโอริอยากให้เขาช่วยสอนวิชาดาบให้ แต่เขากลับยื่นคำท้าต่อเธอให้เอาชนะเขาให้ได้ในงานประลองดาบ เด็กสาวจึงพยายามสุดความสามารถเพื่อชนะเขา
เพราะการแข่งนั้นพวกนาโอริจึงถูกทาบทามให้เข้าร่วมสภานักเรียนหรือสภาเจ็ดซามูไรและได้ออกไปทำภารกิจเสี่ยงตายจนพบกับองค์ชายรัชทายาทอายุไล่เลี่ยกันที่ถูกกลุ่มทหารรับจ้างนิรนามหมายจะชิงตัวไป นาโอริเลยต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเขาให้ได้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง โดยไม่ทันรู้สึกตัวว่าวินาทีแรกที่สบตาเขาหัวใจก็ไม่อาจลบภาพรอยยิ้มสุดท้ายให้จางหายได้
ทางเลือกใหม่ที่เธอเลือกจึงลงเอยที่ตำแหน่ง 'องครักษ์' ของเด็กหนุ่มสูงศักดิ์ผู้นี้เพื่อให้ได้ปกป้องเขาได้ทุกวินาทีที่หายใจ….
===== สปอยหน้าตาพระนางสักเล็กน้อย =====
ชิสึจิ นาโอริ (น้อนนาโอะ) อายุ 16 ปี
เด็กสาวม.ปลายผู้ฝันอยากเป็นนักดาบเพราะเชื่อว่าความชอบนี้มาจากพ่อที่ไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อน เลยคิดว่าถ้าได้เดินทางเดียวกันก็จะได้เจอครอบครัวฝั่งพ่อของตัวเองก็เป็นได้ แต่ใครจะรู้…ว่าปัจจุบันเธอจะได้ความฝันใหม่อันยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมหน้าที่อันใหญ่ยิ่ง!!!
“ขอสาบานว่าจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนาย…จนกว่าจะตายจากกันไปข้าง!”
ฮิบานะ โซอิจิโร่ (น้อนโซว์) อายุ 15 ปี
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่มีความลับมากมายซ่อนไว้หลังหน้ากากอันเยาว์วัยกับ…สีผม?? เพราะเรื่องราวในอดีตที่ทำร้ายเขามานับไม่ถ้วนจึงหล่อหลอมตัวตนของเขาให้เป็นคนจริงจัง สุขุมและเก่งในด้านการต่อสู้(ปกป้องชีวิตตัวเอง) แต่ยามได้อยู่ต่อหน้านาโอริ ทุกบุคลิกก็ดูจะละลายหายไปจนเหลือแค่เด็กขี้อ้อนคนหนึ่ง…กับจุดประสงค์บางอย่างในหัวใจ
“แกจะเป็นด้ายแดงแห่งโชคชะตาให้พวกเราอีกได้ไหม…เหมือนที่เธอพูดครั้งนั้น”
.
.
.
“ใครอยากเริ่มต้นความเบียวไปกับไรท์ กดอ่านตอนแรกกันเล้ย!!!”
よろしく、psrpowder
แสงแดดยามเช้าสว่างจ้าทอประกาย ณ ลานกว้างใกล้กับอาณาเขตปราสาทราชวงศ์ฮิบานะ บัดนี้รอบนอกถูกล้อมด้วยอัฒจันทร์จำนวนมากเรียงรายกันเพื่อรองรับผู้ที่เข้ามาชมเทศกาลนี้ แน่นอนว่าไม่พ้นต้องมีร้านรวงต่าง ๆ นานาตั้งรอรับลูกค้ากันเรียงราย ผู้คนมากหน้าหลายตาเองก็พากันเที่ยวชมร้านค้า บ้างก็เดินขึ้นไปจับจองที่นั่งบนอัฒจันทร์เตรียมชมการแข่งขัน
เช่นเดียวกับเหล่าผู้แข่งขันซึ่งอยู่ในชุดวอร์มสีแดงเข้ม และต่างพกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไว้ข้างเอว กำลังออกันอยู่บริเวณหน้าห้องสภานักเรียน พูดคุยกันจอแจเกี่ยวกับคู่แข่งที่ตนต้องเจอ
“มองไม่เห็นเลยแหะ” นาโอริที่ยื่นอยู่ห่างจากกระดานประกาศ ได้แต่เขย่งเท้ายงโย่ยงหยกเพื่อจะได้มองเห็นแต่ดูท่าจะไม่เป็นผลนัก
“คนมันตัวเตี้ยก็แบบนี้ล่ะนะ”
นาโอริชะงักนิ่งพลันหันขวับไปทางต้นเสียง และเป็นฮินาวะอย่างที่คิดไว้ ความเคืองที่มีต่อเขาเรื่องเมื่อวันก่อนยังไม่หายดี เด็กสาวเลยเลือกที่จะไม่สนใจเขา ซึ่งเจ้าตัวก็สังเกตเห็นชัดเจนกว่าอะไร
“ดูเหมือนเธอจะโชคดีนะเนี่ย” ฮินาวะเว้นจังหวะหายใจ ก่อนจะโน้มตัวไปให้สาวเจ้าเห็นหน้าและยกยิ้มกริ่ม
“ที่ได้เป็นคู่เปิดสนามน่ะ”
“หา!?” นาโอริหน้าเหวอทันใดพลันจ้องคนด้านข้างที่ยังคงยิ้มแย้มอยู่ สาวเจ้ากัดฟันกรอดพลันนึกหมั่นไส้ เธอกระโจนขี่หลังร่างสูงไม่ให้ทันตั้งตัว ทำเอาเด็กหนุ่มแทบหน้าคะมำกันเลยทีเดียว
“เฮ้ย! มันหนักนะ”
“นิ่ง ๆ น่า” นาโอริกล่าวขณะพยายามโน้มหน้าไปใกล้กระดานรายชื่อ และปรากฎว่าเด็กหนุ่มใต้ร่างเธอไม่ได้โกหกแต่อย่างใด
เมื่อได้คำตอบแล้ว นาโอริจึงจงใจทิ้งตัวลงมายืนที่พื้นหวังจะแกล้งเจ้าคนน่าหมั่นไส้ตรงหน้า
“คราวหน้าช่วยบอกก่อนได้ไหม?” ฮินาวะลูบคลำไหล่ข้างซ้ายพลันมองเด็กสาวด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย ทว่าอีกฝ่ายกลับเชิดหน้าหนีไม่สนใจ
“โกรธฉันเหรอ?”
“เปล่านี่” นาโอริตอบแทบจะทันที
“โกรธชัวร์”
“ไม่รู้ล่ะ ฉันไปเตรียมตัวเลยดีกว่า อยากเดินไปดูสนามแข่งด้วยว่าเป็นยังไง” เด็กสาวเอ่ยลอย ๆ ก่อนจะหันหลังหนีคู่อริและเดินจากไป
ฮินาวะได้แต่ถอนหายใจกับคนอารมณ์แปรปรวน ก่อนจะกลับไปสนใจตารางแข่งขัน ซึ่งคนเริ่มจะซาลงมากแล้ว ดวงตาสีแดงเลือดเคลื่อนอ่านตัวอักษรบนกระดานพลันหยุดเมื่อเจอชื่อของตนเองแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะช่วยนาโอริก่อน แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่พอใจต้องมาอ่านด้วยตัวเอง หนำซ้ำยังไม่ได้รับคำขอบคุณสักนิด
ฝั่งเด็กสาวที่จ้ำอ้าวออกมาจากตึกเรียน ขณะนี้กำลังเดินผ่านทางลัดของสวนซากุระที่อยู่ด้านข้างตึก สิ่งที่กล่าวกับฮินาวะหาได้เป็นแค่ข้ออ้างให้ปลีกตัวออกมา แต่เธอตั้งใจว่าจะไปพบกับซากิตรงสนามแข่งอยู่แล้ว จะได้ถือโอกาสเดินดูร้านค้าด้วยเนื่องจากยังมีเวลาอีกมากก่อนจะถึงเวลาเปิดการแข่งขัน
“หนอยแน่ เมื่อวันก่อนยังขึ้นเสียงใส่อยู่เลยวันนี้มาทำดีด้วย หึ!” นาโอริกอดอกกระฟัดกระเฟียดเดินจ้ำ ๆ ไปตามทางของสวนที่คดเคี้ยว
“เธอเองนั่นแหละที่ไปอยากรู้อยากเห็นเรื่องส่วนตัวคนอื่นก่อน” จูลิโอ้ท้วง
“ไม่ต้องซ้ำเติมเลย รู้หรอกน่าว่าฉันผิดใครจะคิดล่ะว่ามันจะร้ายแรงขั้นนั้น แถมทำซากิร้องไห้อีก”
“ก็แทนที่จะขอโทษ”
“เอาไว้แข่งเสร็จก็แล้วกัน ตอนนี้ใช้มันเป็นแรงผลักดันให้อยากกระทืบหมอนั่นก่อน” นาโอริชกกำปั้นกับฝ่ามือระรัว ทว่ากลับต้องหยุดการกระทำนั้น เมื่อสายตาดันสบเข้ากับปราสาทญี่ปุ่นโบราณ ที่ภายนอกเป็นไม้สีแดงฉานกับส่วนที่สร้างด้วยหินสีขาวสะอาด ซึ่งปราสาทนั้นถูกล้อมด้วยทุ่งดอกฮิกังบานะสีแดงราวทะเลเพลิง ช่างเพลินตายิ่งนัก
“สวยจัง...แต่เดี๋ยวนะ” นาโอริหลุดจากภวังค์ ครั้นเธอตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง
สาวเจ้าหันซ้ายทีขวาทีกระวนกระวาย เพราะรอบข้างดันมีแต่ทุ่งดอกฮิกังบานะกับต้นไม้ซากุระ แม้จะมีเส้นทางให้เดินต่อแต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันจะไปสุดที่ไหน นาโอริจึงเลือกเดินไปตามทางที่ได้ยินเสียงผู้คนชัดที่สุด เธอพลันเร่งฝีเท้าเมื่อเริ่มมั่นใจว่าเป็นทางที่ถูกต้อง บวกกับกลัวว่าจะไม่มีเวลาเดินเที่ยวรอบงานกับซากิ แบบนั้นคงเสียดายแย่!
จนกระทั่ง...
ปัก
“โอ้ย!”
เสียงร้องดังประสานกันพร้อมกับแรงกระแทกอย่างจัง นาโอริรู้ทันทีว่าเธอเผลอวิ่งชนใครเข้าให้ สาวเจ้าส่ายหัวให้หายลายตา ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายก็ล้มลงไปนั่งกับพื้นเช่นเดียวกัน หนำซ้ำยังเป็นเด็กผู้ชายที่ตัวเล็กว่าเธอหน่อยหนึ่งด้วย
“ขอโทษนะ เป็นอะไรไหม?” นาโอริดันตัวลุกขึ้นพลันก้าวเท้าไปหา ดวงตาสีซากุระกวาดมองร่างกายของอีกฝ่ายให้แน่ใจว่าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
สาวเจ้าพลันสังเกตเห็นชุดยูกาตะที่เขาใส่ และตระหนักว่าวัสดุผ้าของมันมีราคาแพงหูฉี่เพียงใด อีกทั้งเรือนผมสีขาวนวลกับดวงตาคมสีนิลเป็นเอกลักษณ์น่าดึงดูด ยิ่งทำให้นาโอริคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่พ้นลูกคุณหนูสักคนเป็นแน่
ทว่าไม่ทันจะได้มองให้ถี่ถ้วนกว่านี้เธอกลับถูกดึงออกมาจากโลกของตนด้วยเสียงเรียกใกล้หู
“นี่เธอ”
“ค คะ?” นาโอริเผลอตอบสุภาพกลับไปโดยไม่รู้ตัว พลันตระหนักว่าเธอเผลอจ้องอีกฝ่ายนานไปเสียแล้ว
“ช่วยเขยิบออกไปทีได้ไหมเราจะลุกเอง”
“ให้ฉันช่วยนะ” มือเรียวยื่นไปหวังจะช่วยพยุง แต่กลับถูกเด็กหนุ่มปัดทิ้งเสียอย่างนั้น
“บอกแล้วไงว่าลุกเองได้”
เด็กหนุ่มดันตัวลุกขึ้นและจัดแจงชุดของตนใหม่ ปล่อยให้นาโอรินั่งยองเก้ออยู่อย่างนั้นและลุกขึ้นตามมา
“ไม่น่ารักเลยนะ คนเขาอุตส่าห์หวังดีไม่ขอบคุณสักคำ” ร่างบางเบ้ปากเท้าเอวขึงขังใส่คนตรงหน้า
“เรายืนของเราอยู่ดี ๆ เธอต่างหากวิ่งมาชนคนอื่นเขาแล้วก็ไม่ขอโทษ ”
“ก็ฉันรีบ...จริงด้วยต้องรีบไปนี่หว่า! นายพอจะรู้ไหมว่าลานแข่งประลองดาบไปทางไหน?”
“ขอโทษก่อนเราถึงจะบอก” เด็กหนุ่มยืนกอดอกนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับรอคำตอบอยู่ นาโอริเลยยอมก้มโค้งขอโทษ ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายอย่างคาดคั้น แต่ท่าทางของเด็กสาวกลับไปสร้างความชอบใจให้คนตัวเล็กกว่าเสียอย่างนั้น จนเขาอดที่จะแกล้งเธอไม่ได้
“อือ...แต่จะว่าไปเราก็ไม่เคยใช้ทางนั้นมาก่อนเลยไม่แน่ เอ๊ะหรือว่าจะเป็นทางนี้หรือทางนั้น...”
“โอ้ยพอแล้ว! ฉันไปของฉันเองก็ได้” นาโอริโวยลั่นพร้อมกับเดินจ้ำไปตามเส้นทางที่เธอคิดว่าน่าจะใช่ โดยไม่สนคำแนะนำแสนเล่นตัวของอีกฝ่าย และไม่วายหันขวับกลับมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขาอีก
“ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้เด็กไม่น่ารักเอ้ย!”
สิ้นเสียงร่างบางจึงหายวับไปเมื่อลงเนินเขา เหลือเพียงเจ้าของฉายา ไม่น่ารัก คนนั้นยืนกอดอกมองตาม
“จับข้อหาหมิ่นประมาทเชื้อพระวงศ์ดีไหมนะ?” เจ้าตัวกล่าวปนหัวเราะ ก่อนจะหยุดการกระทำนั้นทันทีที่จับสังเกตถึงผู้มาใหม่ได้
“ฝ่าบาท ใกล้ได้เวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ชายในชุดเครื่องแบบสีขาวขลิบทองเอ่ยอย่างนอบน้อม
“อือ” เด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์ตอบรับ และเดินจากไปก่อนที่นายทหารหนุ่มจะตามหลังมาอีกที
โชคดีในโชคดีของนาโอริที่เชื่อในสัญชาตญาณของเธอ ทำให้สามารถเดินเท้ามาถึงบริเวณลานแข่งได้โดยสวัสดิภาพ แถมยังเหลือเวลาให้แวะไปหาซากิได้อีกนิดหน่อยด้วย ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่ได้ไปแวะเวียนร้านค้าตามที่ต้องการ แต่อย่างน้อยก็ได้รับกำลังใจจากเพื่อนสาว รวมถึงผู้เป็นแม่ซึ่งส่งข้อความมาบอกว่าตนนั่งอยู่บนอัฒจันทร์แล้ว การมีคนที่รู้จักมาดูสิ่งที่เราจะแสดงให้เห็นเนี่ยมันทั้งอุ่นใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกันจนเริ่มประหม่าเลยทีเดียว
“เธอทำได้ เอาที่พวกเราฝึกด้วยออกมาใช้นะ!” ซากิเอ่ยพร้อมกุมมือของเพื่อนสาว
นาโอริพลันแย้มยิ้มให้เป็นการตอบกลับ ก่อนเธอจะขอแยกตัวออกมาเพื่อไปรอแข่งขัน และเนื่องจากเธอเป็นคู่เปิดสนาม ทำให้การเริ่มแข่งนั้นค่อนข้างยิ่งใหญ่ เพราะจะมีคนจากราชวงศ์มากล่าวเปิดการแข่งขันก่อนถึงเริ่มแข่งจริง
เด็กสาวจึงคิดว่าตนควรไปรอไว้ก่อนดีกว่า ใครมันจะไปคิดล่ะว่าจับพลัดจับผลูได้เป็นคู่แรกเสียเองแบบนี้
“ตื่นเต้นชะมัด”
“ทำใจให้สบาย ฉันอยู่ด้วยทั้งคน” เป็นครั้งแรกที่เสียงทุ้มจากคู่หูช่วยสงบความประหม่าลงได้ ราวกับว่าเขายืนกุมมือของเธออยู่อย่างไรอย่างนั้น
นาโอริปรับลมหายใจเข้าออกจนเกือบสม่ำเสมอ พลันรู้สึกได้ว่ามือของตนไม่ได้เย็นเฉียบเหมือนก่อนหน้า ทันใดนั้นเสียงประกาศก้องจากลำโพงตัวยักษ์ได้ถูกส่งออกมาให้ได้ยินกันโดยรอบ
“บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่จะเริ่มอีเว้นท์หลักของเทศกาลในครั้งนี้ นั่นคือการประลองดาบของเหล่านักเรียนชั้นปีที่หนึ่งประจำปีนี้!”
เฮ้!
เสียงผู้ชมเฮลั่นตอบรับคำกล่าวของผู้บรรยาย
“และในปีนี้ทางเราก็ได้รับเกียรติอย่างหาที่สุดไม่ได้จากองค์รัชทายาท องค์ชายลำดับที่หนึ่งแห่งราชวงศ์ฮิบานะ มากล่าวเปิดงานและทอดพระเนตรการแข่งขันตลอดทั้งวันนี้อีกเช่นเคยครับ!”
เสียงเฮที่ว่าดังแล้วกลับดังขึ้นไปอีก เมื่อร่างเล็กสูงส่งก้าวเดินออกจากตัวอาคารชมวิวมายังระเบียงไม้กว้าง เรือนผมสีขาวนวลพลิ้วตามแรงลม เสริมกับดวงตาสีนิลพราวเสน่ห์ เข้ากันกับชุดยูกาตะสีขาวทับด้วยฮาโอริสีดำลายดอกฮิกังบานะสีทองอร่าม
“เด็กนั่นเป็นเจ้าชายหรอกเหรอ!?” นาโอริตกตะลึงคิดอะไรไม่ออก ทำแค่ดึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์มากำไว้ในมือแน่น
“จูลิโอ้บอกฉันทีว่านี่ไม่ใช่ความจริง!”
“ถ้าบอกใช่เธอจะเชื่อเหรอ?”
“ก็ไม่น่ะสิ! แย่แล้วดันเผลอไปพูดจาไม่เคารพที่ต่ำที่สูงเข้าให้แล้ว จะไม่โดนฟ้องร้องหรอกใช่ไหม!?” นาโอริกระวนกระวายเหลื่อแตกพลั่ก หากไม่ได้จูลิโอ้บอกให้สูดหายใจลึก สาวเจ้าคงเป็นลมล้มพับไปก่อนได้แข่งเป็นแน่
เสียงประกาศผ่านลำโพงยังคงดังต่อเนื่อง และในที่สุดก็ถึงช่วงเวลาสำคัญ นั่นคือการประกาศเรียกตัวผู้เข้าแข่งขันคู่แรกที่จะลงมาเปิดสนาม
“ได้เวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้วครับ ขอเปิดตัวคู่แข่งขันคู่แรกของการประลองนี้ออกมากลางสนามได้เลย!” นาโอริสูดหายใจเข้าลึกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะรวบรวมความกล้าก้าวเท้าออกไปยังลานแข่งท่ามกลางเสียงผู้คน
ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก อีกฝ่ายเป็นเด็กผู้ชายรูปพรรณสัณฐานธรรมดาทั่วไป ถึงแม้นาโอริจะจำไม่ได้ว่าเป็นเพื่อนคนไหน อยู่ห้องอะไรหรือเก่งอย่างไร แต่จะประมาทอีกฝ่ายไม่ได้เด็ดขาด หากแพ้ตั้งแต่รอบแรกเช่นนี้ มีหวังได้โดนฮินาวะหัวเราะเยาะเป็นแน่แท้
“เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ขอเชิญองค์รัชทายาททรงกล่าวให้กำลังใจผู้เข้าแข่งขันหน่อยพ่ะย่ะค่ะ” สิ้นเสียงหนึ่ง ไมค์จึงถูกส่งต่อไปให้เด็กหนุ่ม ไม่นานเขาจึงขยับปากเอ่ย
“เราเข้าใจว่าการถูกเลือกให้เป็นคนแรกมักจะตื่นเต้นและประหม่าเสมอ แต่จงใช้ความกดดันนี้มาผลักให้เข้าไปสู่รอบต่อไปให้ได้ หากชนะก็เท่ากับคุณได้ก้าวขึ้นบันไดอีกขั้น..” เด็กหนุ่มเว้นจังหวะเล็กน้อย เขาหรี่ตาพร้อมวาดยิ้มกริ่มบนใบหน้าส่งไปหานาโอริที่ฟังอยู่ก่อนจะเอ่ยต่อ
“หากแพ้ก็ถือว่าคุณทำเต็มที่และมีโอกาสทบทวนความสามารถของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทุกคนสนุกไปกับการกวัดแกว่งดาบต่างหาก สุดท้ายนี้เราขอให้ผู้แข่งขันทุกคนโชคดีและขอให้ผู้ชมทุกท่านเพลิดเพลินกับงานประลองในวันนี้ด้วย”
เมื่อกล่าวจบเสียงปรบมือพร้อมเพรียงกังวานทั่วสนาม เป็นสัญญาณการเปิดงานที่ดีเลิศ แม้จะมีคนที่ครุ่นคิดกับสายตาที่จดจ้องมองตัวเองเมื่อสักครู่อยู่นานสองนาน ทว่ากลับต้องสลัดมันไปให้สิ้นเพราะขณะนี้สังเวียนแรกของเธอกำลังจะเริ่มต้น กรรมการได้ลงมากลางสนามใหญ่และอธิบายกฎให้ผู้เข้าแข่งขันและผู้ชมฟัง ซึ่งข้อตัดสินง่ายได้ใจความ คือหากใครที่ทำอาวุธหลุดมือจะตัดสินว่าแพ้ทุกประการ
เมื่อเข้าใจกติกากันทั้งสองฝ่ายแล้วจึงเข้าประจำที่ของตน
“เริ่มได้!”
“ย๊าก!”
พริบตาเดียวนาโอริพลันถูกเข้าประชิดตัว ดวงตากลมเบิกกว้างพลันรีบตั้งรับลวก ๆ ไม่ให้วิถีดาบของอีกฝ่ายโดนตัว ทว่าปลายดาบของคู่ต่อสู้กลับแฉลบไปโดนโคนดาบใกล้กับมือเรียว ด้วยความไวกว่านาโอริจึงรีบชักมืออกพร้อมกระโดดถอยหลังห่าง แต่อีกฝ่ายยังคงตามตื้อและรัวดาบใส่เด็กสาว
ตอนนี้นาโอริที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ ต้องคิดหาทางโต้กลับให้เร็วที่สุด ก่อนสิ่งที่ฝั่งตรงข้ามเล็งเอาไว้จะเป็นจริง นั่นคือทำให้เธอตั้งรับไปเรื่อย ๆ และหาจังหวะโจมตีเข้าที่มือเพื่อให้ดาบหลุดมือ
นาโอริออกแรงผลักคู่ต่อสู้ให้เว้นระยะโจมตี และตวัดดาบใส่สีข้างของอีกฝ่าย แต่มันไม่ได้ง่ายดายนักเมื่ออีกฝ่ายฉวยโอกาสแทงดาบเข้ามาใส่ระรัว นาโอริเบี่ยงร่างไปซ้ายทีขวาทีสลับอยู่เช่นนั้น ทว่าเมื่อเทียบกับความเร็วที่ฝั่งตรงข้ามแทงเข้ามา มันยังช้ากว่ามาก จนนาโอริพลาดท่าถูกปลายดาบกระแทกแขนเต็มเปา
เพราะอาการชาจากแรงกระแทก บัดนี้มือข้างที่ใช้จับดาบจึงเหลือเพียงข้างขวาเท่านั้น นาโอริรู้ได้ทันทีว่าคู่แข่งของเธอได้รับการฝึกมากค่อนข้างดีทีเดียว เขานั้นรู้จุดที่สามารถทำให้ร่างกายชาจนขยับยากไปชั่วขณะเป็นอย่างดีเลยล่ะ
“นาโอริ ใจเย็น ๆ ตั้งสติ”
เสียงของจูลิโอ้ดังขึ้นในหัวเป็นดั่งเครื่องเตือนสติ มือขวากำด้ามดาบแน่น ริมฝีปากเผยอสูดหายใจเข้าลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ พลันกำหนดจิตใจให้สงบประสานกับคู่หูของตน ความเจ็บและชายังคงอยู่ทว่ากลับได้ประสาทสัมผัสของจูลิโอ้ช่วยเสริมเข้าไป จึงพอเพ่งสมาธิไว้กับแขนขวาได้
“พอประสานจิตแล้วดีแบบนี้เอง...” ต้องขอบคุณการฝึกสุดหฤโหดของซากิ ที่ทำให้เธอเคยชินกับการประสานจิตในระดับหนึ่ง
ขณะที่ร่างกายของเธอทั้งตั้งรับและเหวี่ยงดาบโต้กลับ สายตาและสมองก็พยายามหาช่องโหว่ของอีกฝ่ายจากทุกท่าการโจมตีที่เห็น ราวกับการทำงานของคนสองคนในร่างกายเดียวกัน จนกระทั่งสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในตอนที่ฝึกกับซากิได้แสดงผล ณ เวลานี้ ภาพปลายแหลมของดาบที่ทะลวงเข้ามาเชื่องช้า จนสามารถมองเห็นนัยน์ตาของคู่ต่อสู้ที่สะท้อนตัวของนาโอริ เมื่อต้องการจะแทงออกไป
“เห็นแล้ว!”
มือขวาเบี่ยงคมดาบให้ครูดกับดาบของอีกฝ่าย มือซ้ายที่พละกำลังน้อยกว่าช่วยพยุงปลายด้ามให้ต้านแรงเสียดสี นาโอนิเอียงคอหลบปลายแหลมจนเฉียดใบหูไปเล็กน้อย พร้อมกับที่ปลายดาบของเธออยู่ใกล้มืออีกฝ่าย นาโอริพลันตวัดปลายดาบให้หันลงพื้นเร็ว ก่อนจะ....
ปัก!
เด็กสาวออกแรงทั้งสองมือเสยด้ามดาบของฝ่ายตรงข้ามให้หลุดจากมือ และลอยเคว้งไปตกตรงขอบสนามใกล้กับอัฒจันทร์
“ตัดสินแล้ว! ผู้ชนะในรอบเปิดสนามนี้คือ ชิสึจิ นาโอริ ครับ!”
เสียงเฮดังลั่นกลบสนาม ประสานกับเสียงปรบมือจากรอบด้าน ดึงให้นาโอริออกจากภวังค์พลันหอบหายใจถี่จนตัวกระเพื่อม เนื้อตัวอ่อนแรงฮวบฮาบคล้ายพละกำลังถูกสูบเกลี้ยง นาโอริเหลือบมองอัฒจันทร์โดยรอบอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะก้มมองคู่หูของตนสลับกับมือข้างซ้ายที่ปรากฏรอยแดงจาง เธอกอบกุมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แน่นราวต้องการแบ่งปันความตื้นตันที่เอ่อล้นในหัวใจ
“ฉันผ่านรอบแรกแล้ว...”
“เก่งมาก แต่มันเพิ่งจะรอบแรกเท่านั้นนะอย่าหมดแรงก่อนล่ะ” เสียงทุ้มกล่าวปนหัวเราะ ทว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความปีติ รอยแดงบนฝ่ามือของนาโอริเป็นดั่งเครื่องบ่งบอกความพยายามของเธอในรอบแรก การแข่งรอบต่อไปจะเป็นเช่นไร สาวเจ้าชักตื่นเต้นที่จะรู้เสียแล้ว
เวลาเดียวกันท่ามกลางเสียงปรบมือที่มอบให้ผู้ชนะ นัยน์ตาสีนิลกำลังจดจ้องร่างบางไม่วางพลางกอดอกแน่น ริมฝีปากได้รูปวาดยิ้มซึ่งยากจะมองเห็นออกมา
“ต้องใช่แน่ ๆ ...เราจำไม่ผิดหรอก” เสมือนพูดข้างหูเด็กสาว คนถูกมองเงยหน้าสบตากับเด็กหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัว และไม่วายแลบลิ้นใส่เขาไปหนึ่งทีก่อนจะเดินเข้าตึกไป
“มันน่าจับปรับให้เข็ด”
ภายในอาคารที่ให้เหล่าผู้เข้าแข่งขันเตรียมตัว นาโอริเดินเข้ามานั่งพักดื่มน้ำดื่มท่าให้คลายล้า พลันสะดุ้งตัวครั้นเผลอขยับแขนข้างซ้ายที่ปวด เธอบีบนวดมันอยู่นานสองนาน ทว่าทำเช่นนั้นกลับยิ่งทำให้มันช้ำกว่าเดิมเสียมากกว่า แต่ขณะที่สาวเจ้ากำลังโอดโอยกับความปวด มือใครบางคนก็ได้ยื่นมาบดบังวิสัยทัศ ในมือถือตลับใส่ยาทาเอาไว้ด้วย
“เอาไปใช้สิ” เสียงไม่คุ้นหูเรียกความสนใจของนาโอริให้หันไปมอง
เด็กหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ เธอมีเรือนผมสีฟ้าครามถูกรวบเป็นหางม้า และมีนัยน์ตาสีเทาหม่นทับด้วยกรอบแว่นทรงสี่เหลี่ยม เขาเองก็อยู่ในชุดวอร์มสีแดงเลือดเช่นเดียวกับเด็กสาว รอยยิ้มถูกวาดบนใบหน้าอย่างเปิดเผยทำเอานาโอริเลิกคิ้วฉงน
“ขอบใจนะ ว่าแต่นายคือ...” นาโอริเอ่ยพร้อมรับตลับยามาจากอีกฝ่าย
“ผมชื่อ ยูซึกะ ไคโตะ ยินดีที่ได้รู้จัก ส่วนชื่อของเธอ....ได้ยินจากที่ประกาศแล้วล่ะ”
“อ อือ ยินดีที่ได้รู้จัก นายเองก็แข่งด้วยงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะแต่ต้องรออีกสักสองสามคู่น่ะ พอดีเห็นการประดาบของเธอเมื่อกี้เลยอยากมาทำความรู้จักสักหน่อย” เขาหยุดประโยคไว้ชั่วขณะพลางฉีกยิ้มกว้างให้อย่างเจิดจ้า
“ยิ่งกว่านั้น การได้รู้จักเพื่อนของเพื่อนอีกทีมันน่าตื่นเต้นดีว่าไหม?” คิ้วเรียวของเด็กสาวขมวดเข้าหากันเมื่อได้ฟัง
“หมายถึงใครเหรอ?”
“อยู่นี่เองเหรอไคโตะ” เสียงใหม่คลายความสงสัยให้เด็กสาว ทำเอานาโอริต้องเบ้หน้าทันทีที่เห็นคนผู้นั้น...
“ว่าไงไอ้เพื่อนยาก กำลังรออยู่เลย” ไคโตะส่งยิ้มสุดยียวนไปให้เพื่อนรักพลางเท้าแขนมองตอบ ทว่าอีกฝ่ายกลับเมินมันและเบนสายตาไปยังนาโอริที่นั่งอยู่ด้านหลัง ก่อนจะเดินตรงไปหาและนั่งลงข้าง ๆ มือหนาผายไปทางเด็กสาวพลันค้างไว้ราวกับกำลังรออะไรอยู่
“เอายานั่นคืนมา”
“เรื่องอะไรล่ะ ยูซึกะอุตส่าห์ให้มาฉันยังไม่ได้ใช้เลย”
“มันขโมยฉันมาต่างหากล่ะ” ฮินาวะตอบหน้านิ่งพร้อมอาศัยทีเผลอคว้าตลับยามาได้ แม้จะโดนนาโอริบ่นไม่หยุดแต่เขาหาได้ฟังไม่พลันเปิดฝาตลับยาและจ้องมองเด็กสาว
“ถกแขนเสื้อขึ้น” ทั้งนาโอริและไคโตะพากันอุทานออกมาและกระพริบตาปริบ ๆ
“จะทายาให้” ประโยคสั้นนี้ก็ยังไม่พอที่จะไขความข้องใจให้เด็กสาวได้ ร่างสูงจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะอธิบายต่อ
“เจ้ายานี่มันแรง เวลาทาให้ใช้แค่บาง ๆ ถ้าคนไม่รู้เรื่องไปจ้วงมาทาก็ได้แสบตายกันพอดี”
“ร เหรอ?” นาโอริเลิกคิ้ว
“เพราะงั้นรีบทาให้เสร็จ ฉันจะได้ลากไอ้หมอนี่กลับไปด้วย”
ท้ายที่สุดเจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้ก็ได้แต่ยอมทำตาม ต้นแขนซ้ายที่ปรากฏรอยแดงถูกแต้มด้วยยาเนื้อบาง และเป็นดั่งฮินาวะกล่าว ความร้อนจากฤทธิ์ยาแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณที่ทา หากใช้ปริมาณมากกว่านี้คงจะแสบทรมาณเป็นแน่ ทว่าอาการของรอยช้ำดูจะดีขึ้นทันตาเห็นเลยล่ะ
“หายปวดจริงด้วย”
“หายก็ดีเพราะถ้าต้องมาแข่งกันในสภาพที่ไม่พร้อม ฉันคงจะลำบากใจแย่”
“เหอะ ให้มันจริง” สองเสียงประสานกันราวกับนัดกันมา ก่อนจะเป็นไคโตะที่ยื่นมือมาแปะมือกับนาโอริ ครั้นเสร็จเรื่องฮินาวะจึงลากตัวเพื่อนของเขาออกจากที่ที่นาโอรินั่งอยู่ โดยให้เหตุผลว่าจะไปเตรียมตัวก่อนถึงการแข่งของตน
เดินมาได้ระยะหนึ่ง บัดนี้ก็เหลือเพียงสองหนุ่มเพื่อนรักเดินตีคู่กันตรงทางเดินไร้ผู้คน
“มาเตรียมตัวต่อหน้าฉันแบบนี้มันจะดีเหรอเพื่อน?” ไคโตะวาดยิ้มบนใบหน้า ผิดกับอีกฝ่ายที่คงสีหน้าเช่นเดิม
“จะต่อหน้าหรือลับหลังยังไงผลมันก็แน่นอนอยู่แล้ว”
“แหม...งั้นคงต้องไปวัดกันในสนามแล้วสินะ” หนุ่มแว่นเอ่ยพลางชูกำปั้นขึ้นมา ฮินาวะเองก็ยกกำปั้นขึ้นมาชนกับอีกฝ่ายอย่างรู้ทันพลันยกยิ้มพึงใจ เช่นเดียวกับดวงตาสีเลือดของเขาที่ทอประกายตื่นเต้นออกมา...
เพราะศึกแรกของเขาจะต้องประชันกับเจ้าเพื่อนรักคนนี้ยังไงล่ะ!
to be continue…
つづく、psrpowder