จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
บัดนี้ดำเนินการแข่งขันมาจนถึงคู่ที่ยี่สิบ และกำลังจะดำเนินต่อไปในคู่ที่ยี่สิบเอ็ด ซึ่งก็คือคู่เพื่อนรักเพื่อนซี้อย่างฮินาวะและไคโตะที่จะต้องมาประดาบกัน แม้ดูผิวเผินความเป็นคู่แข่งของทั้งสองจะมีค่อนข้างมาก แต่ความจริงแล้วพวกเขาแค่ตื่นเต้นที่จะได้ประลองกันจนแทบอยากกระโดดลงไปในสนามเพื่อแข่งกันเสียเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ
“ขอเชิญผู้เข้าแข่งขันลงสู่สนามได้เลยครับ!”
สิ้นเสียงประกาศเด็กหนุ่มทั้งสองจึงก้าวเท้าไปยืนอยู่กลางสนามกว้าง ท่ามกลางเสียงเฮและเสียงปรบมือของเหล่าผู้ชม พวกเขาต่างยืนจ้องหน้ากันและกันไม่วางตา
“อย่าออมมือเชียวล่ะ”
“ไม่มีทาง” ฮินาวะตอบแทบจะทันทีโดยไม่แสดงสีหน้าใด
ดั่งช่วงเวลาที่ยาวนาน เมื่อกรรมการเดินเข้ามาเพื่ออธิบายกฎกติกา ไปจนถึงชั่ววินาทีที่กำลังจะเอ่ยเปิดการแข่งและในที่สุด...
“เริ่มได้!”
ฮินาวะพุ่งตัวทันทีที่ได้รับสัญญาณเช่นเดียวกันกับไคโตะ ดาบไม้สองเล่มปะทะกันถี่ยิบเกิดเป็นเสียงก้องไปทั่วสนาม และยังคงเกิดอย่างต่อเนื่องเมื่อฮินาวะตวัดดาบใส่อีกฝ่ายอย่างรุนแรง เรียกว่าถ้าคู่หูของเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเขาคงได้หักเป็นสองท่อนไปแล้ว
“โหย ใส่ไม่ยั้งเลยนะ” ไคโตะหัวเราะพลันตั้งรับดาบของอีกฝ่ายอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะวาดดาบจากล่างตวัดขึ้นบนแน่นอนว่าฮินาวะหลบได้
ทว่าจังหวะเอี้ยวตัวหลบ ปลายดาบที่บัดนี้อยู่สูงกว่ากลับถูกเหวี่ยงลงมาอย่างรวดเร็วจนเฉียดใบหน้าของฮินาวะ บังคับให้เจ้าตัวต้องใช้วิชายืดหยุ่นหลบการโจมตี จนอยู่ในท่าสะพานโค้งซึ่งใช้มือข้างซ้ายยันพื้นไว้อย่างมั่นคง แต่มือขวาที่ถือดาบไว้ก็ไม่วายตวัดดาบแฉลบหน้าท้องไปนิดเดียว ไม่นานร่างสูงจึงดึงตัวกลับมายืนปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ลุกไหวได้ยังไงวะนั่น” ไคโตะเอ่ยปนหัวเราะ
“สบาย ๆ”
โต้ตอบกันไม่ทันไรสองหนุ่มพลันวิ่งเข้าปะทะกันอีกครา ฮินาวะหลุบตามองต่ำราวหาบางอย่าง ก่อนจะตัดสินใจทุ่มน้ำหนักไปด้านหน้าพร้อมอาศัยแรงนั้นยกตัวให้ลอยจากพื้น ขาขวาเหยียบต้นขาไคโตะที่ยื่นมาเพื่อทรงตัว ก่อนจะดีดตัวให้ตีลังกาข้ามศีรษะอีกฝ่ายและตอกส้นเท้าซ้ายใส่หลังของไคโตะ เล่นเอาเด็กหนุ่มใส่แว่นสำลักจนเสียหลักล้มหน้าคะมำไป
ภาพตรงหน้าสร้างเสียงฮือฮาให้ผู้ชมบนอัฒจันทร์กันยกใหญ่ แม้แต่นาโอริที่ยืนดูการต่อสู้ของทั้งสองคนอยู่ในร่ม ก็ต้องอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น
“นี่ฉันดูโชว์กายกรรมยิมนาสติกหรืออะไรอยู่เนี่ย?” เด็กสาวเบ้ปากขณะมองเจ้าหนุ่มแว่นที่ลงไปหน้าคะมำกลับพื้น
ทว่าไม่ทันจะได้กะพริบตาเขาก็กลิ้งตัวกลับมายืนได้อย่างสวยงามราวกับคาดการไว้แล้ว เจ้าของเรือนผมสีฟ้าครามยิ้มกริ่มให้เพื่อนรักพลางลูบแผ่นหลังป้อย ๆ
“รู้อยู่แล้วสินะ” ฮินาวะเอ่ย
“ต้องขอบคุณสายตาของนายที่บอกฉัน ไม่งั้นคงจะเกร็งหลังรับไม่ทันแน่” คำพูดนั้นดูสร้างความพึงใจให้คนถามไม่น้อย ฮินาวะรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนรักของเขามีสายตาที่เฉียบแหลมเพียงใดแล้วมันก็เป็นไปตามคาด
ไม่ทันไรทั้งสองจึงเข้าประดาบกันอีกครา ทว่าคราวนี้ฮินาวะเลือกที่จะจับดาบด้วยมือเดียว พลันประสานท่วงท่าเข้ากับหมัดและเท้าจนกลายเป็นการโจมตีที่ไม่ว่องไวแต่มีจำนวนที่นับไม่ถ้วน แม้ไคโตะจะรับได้เป็นส่วนใหญ่ทว่าขีดจำกัดของเขาเองก็มี
ดวงตาหลังกรอบแว่นเหลี่ยมพยายามหาช่องโหว่ของอีกฝ่าย จังหวะนั้นเขาจึงเล็งไปยังช่วงที่ฮินาวะสับเปลี่ยนมือที่จับดาบ และง้างดาบสูงหวังจะปัดดาบให้กระเด็น
แต่แล้ว....
“เสร็จฉันล่ะ!”
ไคโตะเป็นต้องพลาดท่าให้ เมื่อฮินาวะจงใจล่อให้เขาชูมือขึ้นอาศัยจังหวะนั้นเตะใส่มือของที่ถือดาบของไคโตะ จนมันกระเด็นหลุดมือและกระเด็นกระดอนไปกับพื้น
และผู้ชนะก็ถูกตัดสิน...
“ผู้ชนะในรอบที่ยี่สิบเอ็ดคือ โมโมเสะ ฮินาวะ ครับ ขอเสียงปรบมือ!” ผู้รับชมบนอัฒจันทร์ต่างพากันปรบมือระรัวให้กับความสามารถของผู้ชนะในรอบนี้ เช่นเดียวกับคู่แข่งของเขาด้วย ที่สามารถสร้างความสนุกสนานพร้อมกับความตื่นเต้นแก่พวกเขา ท่ามกลางความยินดีทั่วสนาม ฮินาวะได้ส่งมือให้กับเพื่อนรักและแน่นอนว่าไคโตะเองก็รู้ใจเอื้อมมือจับให้อีกฝ่ายช่วยพยุงลุกขึ้น
“ไม่เลวไอ้เพื่อน แต่จ่ายค่ารักษาหลังให้ด้วยล่ะ”
“เกี่ยวอะไรด้วยไม่ทราบ?”
“ก็รอยบาทานายน่าจะยังอยู่บนหลังฉันอยู่เลย ยังจะตีเนียนอีก”
“รอยอยู่บนตัวใครคนนั้นก็รับผิดชอบสิ” เด็กหนุ่มเรือนผมสีบ๊วยแดงกล่าวพลันเดินจากไป
“อ่าวเฮ้ย เจ้าบ้านี่” ไม่นานสองคู่ซี้ก็เดินเถียงกันกลับเข้ามาในที่พักผู้เข้าแข่งขัน ก่อนจะหยุดเท้าไว้เมื่อถูกใครมายืนขวาง
“พวกนายสองคนสุดยอดไปเลยนี่นา” นาโอริวาดยิ้มพลางชูนิ้วโป้งทั้งสองข้างขึ้นมาให้หนุ่ม ๆ
“ขอบใจนะชิสึจิซัง แต่คงต้องนอนเจ็บหลังไปหลายวันเลยล่ะ” ไคโตะเอ่ยพลางเอื้อมมือไปกอดคอเจ้าคนข้างตัวที่ไม่แสดงสีหน้าใดตามเคย
ฮินาวะเบนมองเด็กสาวตรงหน้าก่อนจะยื่นกำปั้นให้เธอ การกระทำแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบนี้พาให้นาโอริและไคโตะต้องเลิกคิ้ว ก่อนจะได้ยินร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ
“จนกว่าจะเจอฉัน…เธอห้ามแพ้ใครเด็ดขาด” ความสงสัยพลันเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น เช่นเดียวกับแววตาทอประกายจากนาโอริ ริมฝีปากบางยกยิ้มและชนกำปั้นกับเด็กหนุ่ม
“นายก็เหมือนกัน”
ดั่งคำสัญญาที่ไม่มีใครเอ่ย ทั้งสองคนต่างพยายามในแบบของตนเพื่อฝ่าฟันเอาชนะคู่ต่อสู้ที่รับมือยากขึ้นเรื่อย ๆ ทางฝั่งของนาโอริแม้จะยากลำบากไม่น้อย แต่ก็ได้การประสานจิตกับจูลิโอ้ทำให้ชนะมาได้หวุดหวิด ต่างกับฝั่งของฮินาวะที่เลือกใช้ลูกเล่นไม่ซ้ำกันในแต่ละรอบ ถึงเขาจะไม่ได้ช่างสังเกตและคิดการเร็วเท่าไคโตะ แต่เรื่องการอ่านวิถีดาบนั้นเขามั่นใจกว่าใคร
การแข่งยังคงดำเนินต่อไป ซากิและนาโอริติดต่อกันผ่านมือถือเป็นระยะ โดยเจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้เป็นคนรายงานสถานการณ์ของแต่ละคนรวมถึงฮินาวะให้ฟัง เพื่อนสาวที่นั่งชมอยู่จึงสบายใจได้เปลาะหนึ่ง ว่าไม่ว่าฝ่ายไหนก็คงจะไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก
“ฟู่ว…อีกแค่ไม่กี่รอบแล้ว พยายามเข้านะนาโอะจัง”เสียงหวานพึมพำ พลันจับจ้องลานแข่งตรงหน้าที่เพิ่งจะตัดสินให้ฮินาวะเป็นผู้ชนะไป และอีกไม่นานก็จะถึงเวลาที่เพื่อนสาวของเธอรอคอยแล้ว
ณ อาคารชมวิวสำหรับแขกพิเศษ มีนายทหารคนหนึ่งย่างก้าวเข้าไปใกล้กับองค์ชายสูงส่งพลันเอ่ยต่อเขา
“ครั้งนี้ฝ่าบาทจะเสด็จกลับเมื่อไหร่ดีหรือพ่ะย่ะค่ะ” เขากล่าวอย่างนอบน้อม ดวงตาสีนิลลอบมองเบื้องหลังก่อนจะเบนสายตากลับไปยังสนามดังเดิม บัดนี้เด็กสาวผู้มอบฉายาให้กับเขาได้ก้าวเข้าสู่สนามเพื่อแข่งรอบถัดไปอีกครา
“คราวนี้เราจะอยู่จนจบนั่นแหละ” ใบหน้าของทหารหนุ่มดูประหลาดใจเอามาก ๆ องค์ชายสูงส่งที่เห็นเช่นนั้นจึงกล่าวเสริมไป
“แค่คิดว่าถ้าไม่อยู่ดูให้จบสักครั้ง คงจะเสียดายแย่น่ะ” ว่าแล้วสายตาคมจึงกลับไปสนใจที่สนามแข่งต่ออย่างเพลิดเพลิน ภาพของเด็กสาวที่สะท้อนผ่านนัยน์ตาของเขาช่างชัดเจน ราวไม่อยากจะพลาดสักท่วงท่าเดียวของเธอ
.
.
.
ท้ายที่สุดนาโอริก็สามารถเอาชนะคู่แข่งในรอบถัดมาได้ เส้นทางการแข่งขันได้ขยับเข้ามาจนจะถึงจุดสุดท้ายของตาราง หรือก็คือรอบชิงชนะเลิศ แน่นอนว่าทั้งผู้ชมและผู้เข้าแข่งขันที่ไม่ได้ไปต่อต่างก็ตื่นเต้น ต่างก็ลุ้นไปกับผู้เหลือรอดทั้งสองว่าใครกันที่จะได้ครองตำแหน่งผู้ชนะ
ทว่าสำหรับเด็กสาวแล้ว นี่กลับเป็นช่วงเวลาที่เธอกดดันเอาเสียมากกว่า แม้แต่ตอนนี้เธอเองได้แต่เดินวกวนเป็นวงกลมอยู่ในที่พักผู้เข้าแข่งขัน บัดนี้ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นกับนาโอริ ความเงียบจึงทำให้เจ้าตัวยิ่งฟุ้งซ่านเข้าไปใหญ่
“พอเอาเข้าจริง ทำไมถึงมือสั่นใจสั่นขนาดนี้เนี่ย!” ร่างบางทิ้งตัวลงกับเก้าอี้พร้อมถูมือให้ความอบอุ่นกับตัวเอง
“มาถึงขั้นนี้แล้ววิตกไปก็ทำอะไรไม่ได้ เธอเองไม่ใช่เหรอที่อยากจะสู้กับเขาน่ะ” จูลิโอ้เอ่ยก่อนจะถูกคู่หูของเขายกขึ้นมาเขย่ารัว
“ถ้าไม่ช่วยก็ไม่ต้องซ้ำเติมกันเลย เจ้าดาบบ้า”
“เหวี่ยงให้ตายฉันก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกนะ”
“หน็อยแน่ เดี๋ยวจะ..”
Rrrrrr
ไม่ทันจะได้เอ่ยจบ มือถือในตู้ล็อคเกอร์ของนาโอริพลันส่งเสียงรำคาญหูออกมา มือเรียวรีบวางดาบไว้บนเก้าอี้ก่อนจะเอื้อมไปคว้ามือถือจากด้านในตู้ บนหน้าจอกระจกปรากฏชื่อของผู้เป็นแม่ดวงตาสีซากุระจึงแวววาวขึ้นทันที
“ฮาโหลค่ะแม่!”
“เป็นยังไงบ้างลูก ขอโทษที่มาช้านะจ๊ะ” เสียงปลายสายเอ่ยท่ามกลางเสียงจอแจของผู้คน
“หนูกำลังจะได้แข่งรอบชิงชนะเลิศแล้วล่ะ ดีนะที่แม่มาทัน” นาโอริได้ยินเสียงอุทานจากฝั่งตรงข้ามก่อนจะเงียบหายไปพักหนึ่ง
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
“แค่...ไม่อยากจะเชื่อว่าหนูจะเก่งขนาดนี้ แม่ปลื้มใจมาก ๆ เลย”
“แม่...หนูจะทำให้แม่ภูมิใจค่ะ!” เด็กสาวฉีกยิ้มกว้างแม้จะไม่สามารถมองเห็น แต่ความรู้ได้ถูกส่งไปถึงแล้ว
“ทำให้เต็มที่เถอะนะลูก ไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหนแม่ก็ภูมิใจในตัวหนูเสมอนะ” นำเสียงอบอุ่นดุจดวงตะวันเข้าชโลมจิตใจของนาโอริ บัดนี้มือที่เคยสั่นไหวและหัวใจที่เคยว้าวุ่นได้สงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ คำให้กำลังใจนั้นเป็นดั่งเครื่องชำระให้วิสัยทัศน์ของเธอชัดเจนและแน่วแน่ยิ่งขึ้น อาจเป็นอย่างที่เขากล่าวกันว่ากำลังใจที่ดีที่สุดคือคนในครอบครัว
“ว่าแต่จะเริ่มแข่งอีกทีเมื่อไหร่หรือลูก?” ยูริเอ่ยถาม
“น่าจะอีกสักพักค่ะตอนนี้ยังพักเบรกอยู่เลย”
“โอเค งั้นแม่ให้หนูไปเตรียมตัวดีกว่า จะรอเชียร์นะจ๊ะ” นาโอริวาดยิ้มบนใบหน้าก่อนจะวางสายมารดา และกลับมานั่งเหม่อลอยรอเวลาต่อ ทว่าร่างบางถึงกับดีดตัวขึ้นตรงเมื่อบางสิ่งแล่นเข้ามาในความคิด เธอรีบคว้าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ข้างตัวมาจ้องมองเขม็ง
“นี่จูลิโอ้”
“ว่ายังไง” เสียงทุ้มเอ่ย
“ฉันขอลองประสานจิตหน่อย” ว่าแล้วสองมือจึงเปลี่ยนมากำด้ามดาบแน่น ดวงตากลมปิดสนิทจดจ่อสมาธิไปกับสัมผัสสากมือของไม้ ความเย็นจากเนื้อไม้แผ่ซ่านผ่านฝ่ามือ สัมผัสรอบข้างเริ่มแคบเข้าจนประชิดกายเนื้อ ประสาทหูรับเสียงได้ดียิ่งขึ้นจนสามารถจับใจความบทสนทนาบริเวณใกล้เคียงได้เล็กน้อย เช่นเดียวกับเสียงฝีเท้าหนักเบามากมายปะปนกัน
ทันใดนั้นใบหน้านวลพลันสัมผัสเข้ากับแรงลมอ่อนโยนที่พัดผ่าน ดวงตาหนักอึ้งพยายามฝืนยกขึ้น เพื่อตอบสนองสิ่งที่โดนตัวตามสัญชาตญาณมนุษย์แต่กลับไม่เป็นผล จิตใจเริ่มวูบไหวตามสายลม การหายใจเริ่มกระส่ายเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง
เด็กสาวพยายามฝืนสลัดตัวเองให้ออกจากภวังค์ หากแต่ทุกอย่างกลับต้องหยุดนิ่งเมื่อนาโอริสัมผัสได้ถึงวัตถุเบาบางที่ลอยละลิ่วผ่านหน้าเธอไปมากมาย แม้ไม่ได้ลืมตาร่างบางก็รู้ได้ว่ามันคือ กลีบดอกไม้ ด้วยพื้นผิวเนียนเรียบบอบบางราวกับจะแหลกสลายด้วยกระแสลม
“เฮือก!”
วินาทีที่กลีบดอกปริศนาประทับลงบนเปลือกตาขวาของเด็กสาว ประดุจเชือกฟางขาดสะบั้นดวงตาสีซากุระพลันเบิกกว้าง ร่างกายอ่อนวูบทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น ริมฝีปากพะงาบรับอากาศอย่างลำบากขณะที่มือซ้ายกอบกุมหน้าอกแน่น ราวกับหาที่พึ่ง เม็ดเหงื่อผุดทั่วใบหน้าและร่วงหล่นลงพื้น
“เป็นอะไรหรือเปล่านาโอริ!?” จูลิโอ้ร้อนรนพลันเรียกชื่ออีกฝ่ายอยู่หลายครั้งกว่าเธอจะตอบรับ
“หายใจ...ไม่ทัน”
“ฉันว่าถ้าไม่ได้อยู่ในสนามแข่งอย่าเชื่อมจิตพร่ำเพรื่อดีกว่า มันจะกินแรงเธอ”
“ใครมันจะคิด...ว่าจะแทบขาดใจแบบนี้” เด็กสาวเว้นช่วงหายใจพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ
“ก่อนหน้า...ยังแค่เหนื่อยเฉย ๆ เอง” อาวุธศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดกลับจนกระทั่งคู่หูของเขาเปิดปากพูดอีกครั้ง
“ปกติ...เคยมีคนเป็นแบบนี้หรือเปล่า?”
“พูดตามตรงฉันก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เสียงทุ้มเอ่ยเบาหวิว
ใช้เวลาอยู่นานกว่านาโอริจะกลับสู่สภาพเดิมได้ ทว่ารู้ตัวอีกทีก็เหลือเวลาอีกไม่มากก่อนจะเริ่มการแข่งนัดสำคัญแล้ว เด็กสาวผลักประตูออกพลันจ้ำอ้าวไปยังทางเดินที่นักแข่งใช้เข้าออกสนาม หวังจะไปดูสถานการณ์ข้างนอกเสียหน่อย ใบหน้าสวยชะโงกออกไปเจอกับภาพที่ผู้คนยังคงแน่นอัฒจันทร์สูงและยังมีบางคนที่เดินแวะเวียนไปส่วนร้านค้า แต่ทุกคนต่างเตรียมพร้อมที่จะดูการแข่งขันคู่สุดท้ายกันเอามาก ๆ อาจจะพร้อมกว่านักแข่งเองเสียด้วยซ้ำ
“คนยังเยอะอยู่เลย...” เด็กสาวเบ้ปาก
“การแข่งมันก็ต้องแบบนี้แหละ” ยิ่งฟังคำของคู่หูก็ยิ่งตื่นเต้นไปใหญ่ ดวงตาสีซากุระหรี่ลงอย่างพินิจพยายามมองหาตำแหน่งของมารดาจากผู้คนนับร้อย ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเพราะมองจากระยะไกลศีรษะคนเรามันก็เหมือน ๆ กันหมด เจ้าตัวจึงล้มเลิกก่อนสายตาจะไปหยุดที่ห้องกระจกกว้างของอาคารชมวิว ซึ่งเด็กหนุ่มเรือนผมสีขาวนวลยังคงอยู่ตรงนั้นและกำลังพูดคุยกับอาจารย์บางคนที่เธอเคยเห็นหน้า
“ไม่ใช่ว่าปกติเขาจะกลับไปแล้วหรอกเหรอ?” นาโอริพึมพำ ครั้นนึกถึงสิ่งที่ซากิเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ ว่าช่วงสี่ถึงห้าปีก่อนหลังจากจักรพรรดิให้องค์รัชทายาทเป็นตัวแทนมาร่วมงานแทนเขา เด็กหนุ่มมักจะอยู่ไม่จบงานและฝากข้อความปิดงานให้กับพิธีกรหรือผู้อำนวยการแทน ทว่าครานี้เกิดอะไรดลใจเขากันแน่ก็ไม่มีใครรู้ได้
“ทำไมต้องมาอยู่ยาวเอาครั้งนี้ด้วย แบบนี้ก็ยิ่งกดดันน่ะสิ” เด็กสาวกัดฟันกรอด
“แล้วทำไมเธอถึงไม่อยากให้อยู่ล่ะ?”
“ก็เจ้าเด็ก เอ้ย องค์ชายคนนั้นเขาพยายามแช่งให้ฉันแพ้อยู่ไงล่ะ” ร่างบางหวนนึกถึงสีหน้ายิ้มกริ่มกับสายตาที่จ้องมองเธอในการแข่งรอบแรก ราวเปลวไฟลุกโชนในดวงตาเธออยากจะตอกหน้าเขาเสียให้เข็ด หากไม่ใช่เพราะสถานะอันตรายนั่นแล้วล่ะก็...
“ขอโทษที่ให้รอนะครับ บัดนี้การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วครับ!” เสียงประกาศดังจากลำโพงใหญ่อีกครั้ง เช่นเดียวกับเสียงฮือฮาทั่วสนามดังปกคลุมพื้นที่
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญผู้ท้าชิงทั้งสองท่านที่กลางสนามได้เลย!”
ร่างของคนสองคนปรากฏออกมาตามคำเรียกของพิธีกร เสียงเชียร์ดังกระหน่ำกว่าครั้งไหน ๆ พร้อมเพรียงกับเสียงปรบมือ นาโอริพลันสบตากับฮินาวะที่จ้องเธออยู่ก่อนไม่วาง ราวกับอยากจะเริ่มตอนนี้เลยเสียให้ได้และเป็นฮินาวะที่อ้าปากพูด
“คงไม่ได้เจ็บตัวตรงไหนสินะ ฉันจะได้ไม่ต้องออมมือ”
“สบายหายห่วง ไม่ต้องทำให้นายลำบากใจหรอก” นาโอริยิ้มกริ่มให้พลันแกล้งตบที่แขนซ้ายซึ่งเคยบาดเจ็บ ต้องขอบคุณยาดีของอีกฝ่าย ตอนนี้เธอขยับแขนได้สบายบรื๋อ
เห็นเช่นนั้นใบหน้านิ่งจึงยอมเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะเบนสายตาไปยังกรรมการที่เดินเข้าหาทั้งสองคน พร้อมกำชับกติกาดั่งเช่นทุกครั้งแล้วจึงให้ผู้ท้าชิงทั้งสองเข้าประจำที่
“ถ้าพร้อมแล้ว...”
“เริ่มได้!”
to be continue…
つづく、psrpowder