จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน

7 Samurai - ตอนที่14 ชิงชนะเลิศ โดย psrpowder @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

7 Samurai

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี

รายละเอียด

จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน

ผู้แต่ง

psrpowder

เรื่องย่อ

สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่ Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)



เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!

ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)

เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ

ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!) 

แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )

 
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา 


==============================================

***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***

แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง 

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

==============================================

ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้ 

ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว



มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย 
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ



 "ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"

"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"



มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย 
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย



"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"

"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"



มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา



"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"

"คุณ...คือใคร?"
 

มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน

 

"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"

"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
 

==============================================


เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;

ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ! 

ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)


よろしく、psrpowder 

สารบัญ

7 Samurai-ตอนที่1 การเริ่มต้นใหม่,7 Samurai-ตอนที่2 คู่หู,7 Samurai-ตอนที่3 เก่งกาจ,7 Samurai-ตอนที่4 ลังเล,7 Samurai-ตอนที่5 ทดสอบ,7 Samurai-ตอนที่6 สายสัมพันธ์ใหม่(1),7 Samurai-ตอนที่7 สายสัมพันธ์ใหม่(2),7 Samurai-ตอนที่8 สายสัมพันธ์ใหม่(3),7 Samurai-ตอนที่9 สายสัมพันธ์ใหม่(4),7 Samurai-ตอนที่10 ฝึกมือ,7 Samurai-ตอนที่11 เปิดเผย,7 Samurai-ตอนที่12 ถึงเทศกาลแล้ว!,7 Samurai-ตอนที่13 แข่งคู่ที่สอง,7 Samurai-ตอนที่14 ชิงชนะเลิศ,7 Samurai-ตอนที่15 เซอร์ไพรซ์ต้อนรับ!,7 Samurai-ตอนที่16 นัดที่ไม่ได้นัด(1),7 Samurai-ตอนที่17 นัดที่ไม่ได้นัด(2),7 Samurai-ตอนที่18 นัดที่ไม่ได้นัด(3),7 Samurai-ตอนที่19 ติวหนังสือให้ทีสิ,7 Samurai-ตอนที่20 คอร์สสอนเฉพาะกิจ,7 Samurai-ตอนที่21 ชั่วโมงประวัติศาสตร์,7 Samurai-ตอนที่22 วันสอบที่ผ่านไปด้วยดี,7 Samurai-ตอนที่23 ภารกิจพิเศษ(1),7 Samurai-ตอนที่24 ภารกิจพิเศษ(2),7 Samurai-ตอนที่25 ภารกิจพิเศษ(3),7 Samurai-ตอนที่26 ภารกิจพิเศษ(4),7 Samurai-ตอนที่27 ความล้มเหลวและหนทางแก้ไข,7 Samurai-ตอนที่28 ดุจกำลังใจ,7 Samurai-ตอนที่29 ข่าวร้ายกับแผนการตีกรอบ,7 Samurai-ตอนที่30 เริ่มแผน!,7 Samurai-ตอนที่31 ฝ่าฝืน,7 Samurai-ตอนที่32 ช่วยเหลือ,7 Samurai-ตอนที่33 จิตสังหาร,7 Samurai-ตอนที่34 แลกด้วยชีวิต,7 Samurai-ตอนที่35 คำโกหกเพื่อปลอบโยน,7 Samurai-ตอนที่36 เยี่ยมไข้,7 Samurai-ตอนที่37 เรื่องราวที่อยากเล่า,7 Samurai-ตอนที่38 ความตั้งใจอันแน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่39 ตามรอย,7 Samurai-ตอนที่40 เหตุร้ายที่เกิดไปพร้อมกัน,7 Samurai-ตอนที่41 แผลใจฝังลึก,7 Samurai-ตอนที่42 เรื่องด่วนและเรื่องร้าย,7 Samurai-ตอนที่43 ความคิดที่ไม่ได้บอก,7 Samurai-ตอนที่44 เชื่อใจ,7 Samurai-ตอนที่45 ข้ออ้างเพื่อตัวเอง,7 Samurai-ตอนที่46 แน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่47 ไม่อยากพลาดโอกาส,7 Samurai-ตอนที่48 จิตสำนึกต่อต้าน,7 Samurai-ตอนที่49 ไม่เข้ากัน,7 Samurai-ตอนที่50 ต้นตอของอาการ,7 Samurai-ตอนที่51 นึกสงสัย,7 Samurai-ตอนที่52 คัดเลือก,7 Samurai-ตอนที่53 กลับบ้าน,7 Samurai-ตอนที่54 โลกเสมือน,7 Samurai-ตอนที่55 ผู้ร่วมทาง,7 Samurai-ตอนที่56 ตามรังควาน,7 Samurai-ตอนที่57 ผู้ร่วมทางอีกคน

เนื้อหา

ตอนที่14 ชิงชนะเลิศ

กระแสลมพัดพลิ้วใบไม้เป็นเกลียวว่อนไปตามชั้นบรรยากาศ พลันเป็นใจพัดโชยมากขึ้นให้ลานกว้างที่บรรจุผู้คนไว้มากมาย ท่ามกลางความร้อนระอุของศึกชิงชัยของเทศกาลประลองดาบ บัดนี้ผู้แข่งขันทั้งสองกำลังผลัดกันรุกและรับซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ฉวับ!

ฮินาวะง้างดาบใส่คนตัวเล็กกว่าพลันวาดมันลงไปจนแทบมองไม่ทัน ปลายดาบเฉียดแขนเสื้อของนาโอริไปไม่กี่เซนติเมตร แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ถอยห่างพลางหมุนตัวฟาดดาบใส่อีกครั้ง

คราวนี้นาโอริรับมันได้ทันจนอยู่ในสภาพถูกเด็กหนุ่มโถมน้ำหนักใส่ แต่แรงแขนของเธอจะสู้ผู้ชายได้อย่างไร เมื่อต้านไม่ได้สาวเจ้าเลยเลือกจะเอี้ยวตัวหลบ ทว่าด้วยแรงที่อีกฝ่ายทิ้งตัวลงมาดาบของเธอจึงเกือบจะหลุดจากมือ ด้วยความว่องไวนาโอริพลันเปลี่ยนฝั่งด้ามดาบและให้ปลายดาบหันเข้าตัวเองแทน ร่างบางใช้โอกาสนี้กระแทกหัวด้ามดาบใส่หน้าฮินาวะ ทว่าเขากลับใช้มือรับมันได้ง่ายดาย ทั้งสองเลยค้างอยู่ท่านั้นพยายามยืดยุดกัน

“ฉันบีบมือเธอให้แหลกตอนนี้เลยก็ยังได้นะ” ฮินาวะเอ่ยเสียงเรียบ นาโอริรู้ว่านั่นไม่ได้เกินจริง เพราะเธอเห็นมันมากับตาเมื่อครั้งเขาช่วยเธอจากมือปืน แต่มีหรือจะกลัว! 

“ทำได้ก็ทำสิ!” 

ทันใดนั้นมือหนาจึงออกแรงบีบตามคำขอ พร้อมกับที่นาโอริจงใจปล่อยดาบในมือให้ร่วง ก่อนจะรับมันด้วยมือซ้ายที่ว่างและกระทุ้งใส่ลำตัวของอีกฝ่าย และในที่สุดเธอก็หลุดจากพันธนาการของเขาพลันถอยห่างมาตั้งหลักได้

“หมอนั่นเอาจริงแหะ” นาโอริจ้องมองข้อมือที่แดงก่ำเห็นเป็นรอยนิ้วมือ ทว่าเธอดันประมาทเกินไป หากไม่ได้จูลิโอ้เรียกเตือนสติคงแย่แน่

“อย่าเหม่อสิ นาโอริ!” 



ดวงตาสีซากุระเบิกกว้างทันทีที่คู่ต่อสู้เข้าประชิดเธอและวาดดาบใส่ รอบนี้ฮินาวะจงใจตวัดเฉี่ยวหน้าของนาโอริ บังคับให้เธอต้องถอยหลังเพื่อหลบการโจมตี

“ติดกับล่ะ!” เข้าทางอีกฝ่ายที่ใช้ปลายเท้าซ้ายเตะตัดขาคนตัวเล็กจนลอยกลางอากาศชั่วขณะ พริบตาที่นาโอริกระแทกลงพื้น ฮินาวะพลันง้างดาบสูงและเหวี่ยงใส่มือข้างที่ดาบของนาโอริ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างก่อนจะกลิ้งหลบออกมาได้ฉิวเฉียด ไม่เช่นนั้นแขนเธอคงแหลกเหมือนพื้นดินที่ยุบตัวเป็นแน่

นาโอริอาศัยช่องโหว่ชั่ววินาทีกระโจนเข้าไปรัดคอฮินาวะจากด้านหลัง สองขารัดลำตัวเขาไว้แน่นพร้อมกับออกแรงแขนยิ่งขึ้น คนโดนรัดเหวี่ยงตัวไปมากับสุดแรงแต่มือของเด็กสาวเหนียวยิ่งกว่ากาว ฮินาวะตั้งท่าจะเหวี่ยงดาบใส่นาโอริทว่าเขากลับไม่ทำ และเลือกที่จะดึงแขนเล็กของเธอให้คลายจากคอตัวเอง ก่อนจะส่งแรงทุ่มตัวอีกฝ่ายลงไปนอนกับพื้นพร้อมคร่อมร่างบางเอาไว้ พลันใช้ดาบของตนกดแรงต้านดาบของเด็กสาวไม่ให้ขยับ

“ฉันไม่ใช่ม้านะจะได้ขี่หลังตามอำเภอใจ”

“อ้อเหรอ...งั้นไม่ขี่ก็ได้!” 

สิ้นประโยคขาเรียวจึงตวัดเข้าหากันหนีบศีรษะของฮินาวะ และเกร็งตัวโยนอีกฝ่ายลอยข้ามหัวลงไปกลิ้งตลบอยู่กับพื้น นาโอริใช้จังหวะนั้นดีดตัวลุกขึ้นและกระโดดถอยออกมา ครั้นต้องขนลุกซู่พลันกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ ยามเห็นสีหน้าเรียบสงบของฮินาวะที่พยุงตัวจากพื้น เพราะนาโอริคล้ายจะเห็นรังสีอำมหิตจาง ๆ แผ่จากอีกฝ่าย 

ทั้งสองพลันยืนนิ่งไม่ไหวติงประดุจลองเชิง หากฝ่ายใดขยับก่อนอาจจะเสียท่าจนแพ้ก็เป็นได้... 

“จูลิโอ้” นาโอริเอ่ยชื่อคู่หูเบาหวิว พลันสูดหายใจเข้าลึกและปรับให้สม่ำเสมอ เธอใช้โอกาสนี้เพ่งสมาธิไปที่สัมผัสสากมือของดาบ แม้ดวงตากลมจะยังจับจ้องฮินาวะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแต่จิตของเธอนั้นกลับรวมอยู่ที่สองมือ

            

ราวโลกทั้งใบเงียบสงัด บัดนี้มีเพียงเสียงหอบหายใจของเด็กหนุ่มและสายลมโชยเท่านั้นที่ดังที่สุด นิ้วเรียวกระชับดาบในมือ รูม่านตาขยายกว้าง ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยให้พอเป็นทางผ่านอากาศ กระแสลมพัดพาเส้นผมให้พลิ้วไสวรับกับใบหน้านิ่ง 

ภาพของนาโอริในตอนนี้เปลี่ยนสีหน้าไร้ความรู้สึกของฮินาวะให้ต้องขมวดคิ้วจนเป็นปม เม็ดเหงื่อไหลเยิ้มข้างขมับผิดกับสภาพอากาศ วินาทีนั้นนัยน์ตาสีแดงเลือดเป็นต้องสั่นไหวพลันเม้มริมฝีปากแน่นอย่างช่วยไม่ได้

“นั่น…ใช่การประสานจิตแน่เหรอ” แววตาคมจ้องเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า

“ทำไมมันเหมือนเป็นคนละคนมากกว่าล่ะ?”



ไม่ใช่แค่ฮินาวะเท่านั้น แม้แต่เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ที่อยู่ในอาคารชมวิวยังจับสังเกตท่าทีเปลี่ยนไปนั้นได้ เจ้าตัวรีบก้าวจากที่ร่มด้านในมายังระเบียงโล่งใกล้กับตัวสนาม ทำเอาเหล่านายทหารต้องวิ่งหน้าตั้งตามกันมา ดวงตาสีนิลหรี่ลงอย่างพินิจพลันเห็นสีหน้านิ่งเรียบ ต่างจากก่อนหน้าที่ยังร้อนรนหวั่นเกรงคู่ต่อสู้อยู่หลัด ๆ ประดุจร่างบางในสนาม ณ ตอนนี้ไร้ซึ่งความกลัวต่อสิ่งใด

“แปลก...” เขาพึมพำพลางวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ในหัว ทว่าความคิดนั้นเป็นต้องหยุดเมื่อนาโอริเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง



มือเรียววาดขึ้นสูงและฟาดใส่คนตรงหน้าสุดแรง เกิดเป็นเสียงกังวานไปทั่วไม่พอยังตามด้วยเท้าข้างซ้ายตวัดเข้าสมทบ ฮินาวะรีบกระโดดถอยห่างและตั้งท่ารับการจู่โจมของนาโอริที่จะเข้ามา

ปัก!

ดาบสองเล่มปะทะกันไปมา ต่างฝ่ายต่างหลบเลี่ยงการโจมตีและเป็นฮินาวะที่กำลังเสียเปรียบ เขากระชับดาบแน่นพลันเชื่อมประสาทรับรู้เข้ากับคู่หูของตนเร็วกว่าที่เด็กสาวทำได้หลายเท่า ก่อนจะรับรู้ว่าทุกการโจมตีของนาโอริมีแต่จะเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนน่ากลัวว่าอาจจะส่งผลถึงร่างกายของเธอเอง

“เป็นเพราะดาบงั้นเหรอ?...” นัยน์ตาสีแดงเลือดลอบมองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมืออีกฝ่าย หากสามารถใช้มือของเขาดึงดาบออกจากมือเด็กสาวได้ เขาคงทำไปแล้ว

เด็กหนุ่มกัดปากแน่นก้มหลบวิถีดาบที่วาดเป็นแนวนอน พลันใช้โอกาสนั้นกระแทกดาบใส่ลำตัว จนนาโอริต้องก้มหน้างอตัวก่อนจะอ้อมไปด้านหลังและง้างดาบสูง หวังจะปัดดาบในมือให้กระเด็นแต่แล้วด้วยความไวผิดคาด นาโอริจึงสามารถหันมารับดาบของเขาได้ทันเวลา สองฝ่ายจึงกลับมาอยู่สภาพที่โต้แรงกันอีกครั้ง

“คุรากะทนอีกหน่อยนะ!” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกชื่อคู่หู ครั้นเขาสัมผัสถึงความหนักอึ้งของลมหายใจ บ่งบอกว่าการเชื่อมจิตของพวกเขาใกล้จะถึงขีดจำกัดเต็มที

“อยู่แล้ว!” 

ได้ยินคำตอบแจ่มชัด เรี่ยวแรงของฮินาวะพลันถูกเสริมด้วยความช่วยเหลือจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มือหนากระชับดาบแน่นดวงตาสีเลือดจับจ้องดาบของอีกฝ่ายรอจังหวะที่เหมาะสม



กระทั่งอีกฝ่ายเผลอผ่อนแรงลงในชั่วขณะ....



“เจอล่ะ!” เขาเอ่ยพร้อมกับส่งแรงอีกครั้งดันให้คนตัวเล็กกว่าเซไปข้างหลัง หางตาคมเบี่ยงตามมือขวาที่ถือดาบของอีกฝ่าย ฮินาวะสูดหายใจเข้าลึกและเกร็งกล้ามเนื้อแขนขวาก่อนลงตวัดดาบเข้าใส่มือเรียว

            

ฟึบ!



“อึก!”

วินาทีนั้นแสงเจิดจ้าพุ่งตัวปกคลุมดาบในมือของเด็กหนุ่ม พร้อมกับความเบาหวิวที่แปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง ใบมีดคมกริบสีเงินวาวสะท้อนแดดจ้าในยามบ่าย รับกับโกร่งดาบลายดอกบ๊วยเคลือบสีดำขลับ เช่นเดียวกับด้ามดาบถักทอด้วยด้ายสีดำเป็นเงา เล่นเอาผู้คนทั่วสนามต้องเบิกตาอ้าปากค้างตาม ๆ กัน



เพราะบัดนี้ดาบของ โมโมเสะ ฮินาวะ ได้ถูกปลดผนึกออก และมันกำลังจะสัมผัสเข้ากับข้อมือเล็กของนาโอริ



“!!” ฮินาวะเพ่งจิตครั้งสุดท้ายตอบสนองให้ไวขึ้น เขารีบพลิกสันดาปทื่อให้ชนกับมือนั้นแทน จนท้ายที่สุดดาบของนาโอริพลันกระเด็นลิ่วไปตกแทบจะขอบสนาม ส่วนเด็กสาวนั้นก็ล้มลงไปนอนอยู่กับพื้นแล้ว



และทุกอย่างเงียบจึงสงัดราวกลั้นหายใจ กระทั่งเสียงแห่งความปีติระเบิดออกมา



“เฮ้!” 

เสียงเฮลั่นสนามดังขึ้นอีกคราจนแก้วหูสั่นไหว ผู้คนต่างลุกขึ้นดีใจพลางปรบมือระรัวให้กับการต่อสู้ที่เร่าร้อนนี้ หนำซ้ำพวกเขายังได้มีโอกาสเห็นการปลดผนึกดาบ ซึ่งเป็นที่เล่าลือกันด้วยตาตนเองไม่มีอะไรจะตื่นตาไปมากกว่านี้อีกแล้ว!

“ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ครับว่าจะได้เห็นการปลดผนึกดาบกันในสนามแข่งแบบนี้!” เสียงประกาศดังจากลำโพงใหญ่ แม้แต่เขาเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กับคนดูในสนาม

“แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราก็ได้ผู้ชนะในเทศกาลประลองดาบครั้งนี้แล้ว นั่นก็คือ โมโมเสะ ฮินาวะ ครับ!” 

เสียงเชียร์ยังคงดังต่อเนื่องให้กับผู้ชนะ ทว่าตัวเขานั้นหาได้สนใจมัน ครั้นเห็นเธอสำลักจนนอนตัวงอ ร่างสูงรีบจ้ำเข้าไปใกล้นาโอริที่ยังคงนอนอยู่

“เฮือก!” ริมฝีปากบางพะงาบรับอากาศปนกับไอคอกแค่กอยู่เช่นนั้น ก่อนจะได้ฮินาวะช่วยพยุงให้ลุกขึ้นมานั่ง

“เธอไหวไหม?”

“ไหว...” นาโอริเอ่ยเสียงแผ่ว ดวงตาสีแดงเลือดหรี่ลงพลันจับจ้องคนตรงหน้า สภาพของเธอนั้นกวนใจเขาเป็นที่สุดยังไม่นับภาพการต่อสู้เมื่อครู่ ที่ทำเอาเขาเกือบถึงขีดจำกัดของตัวเอง

ขณะที่ครุ่นคิดอยู่เสียงนาโอริที่เรียกชื่อคู่หูของเธอดึงความสนใจไป ฮินาวะจะรีบพยุงร่างบางไปยังบริเวณที่ดาบหล่นอยู่ เขาจำเป็นต้องให้เธอหยิบมันเอง ไม่เช่นนั้นมือของเขาอาจพุพองเพราะไปจับดาบของคนอื่นเอาได้

“นาโอริ เธอเป็นอะไรไหม?” จูลิโอ้เอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน ซึ่งเด็กสาวก็ตอบรับแผ่วเบา ก่อนจะเหน็บคู่หูไว้ที่เอวตามเดิมพลันหันมามองเพื่อนหนุ่มข้าง ๆ ตัว

“นี่ฉันแพ้งั้นเหรอ?”

“อือ...ไม่รู้ตัวเลยเหรอ?” ฮินาวะเลิกคิ้ว ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“ฉันรู้ตัวนะ แต่เหมือนทุกอย่างเคลื่อนไหวช้าไปหมดเลย พอกะพริบตาแล้วทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิมฉันก็ลงไปนอนกับพื้นแล้ว” แม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่นาโอริกล่าว แต่ก็ยอมที่จะปล่อยมันไปก่อนเพราะสภาพของเธอดูไม่สู้ดีนัก



ฮินาวะรีบพาเด็กสาวเดินกลับเข้าไปในอาคารเพื่อพักผ่อน ทว่าไม่นานกลับมีนายทหารสองคนวิ่งตามเข้ามาหาพวกเขา ก่อนจะถามอาการของนาโอริและมอบยาขวดหนึ่งให้กับเธอ

“องค์รัชทายาททรงมีรับสั่งให้นำสิ่งนี้มาให้เธอและตรัสว่าให้ดื่มทันทีจะได้มีเรี่ยวแรงขึ้น” พวกเขากล่าวเสร็จก็ขอตัวลากลับไป ปล่อยให้นาโอริและฮินาวะยืนกะพริบตาปริบ ๆ  

นาโอริจ้องมองขวดยาอยู่พักหนึ่งพลันชะโงกหน้าไปนอกประตู ดวงตาสีซากุระสบเข้ากับนัยน์ตาสีนิลอย่างจังราวกับเขารู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องมองขึ้นมา เด็กหนุ่มสูงส่งมีสีหน้าเรียบนิ่งแต่ยังคงจ้องมาไม่วางตา จนเป็นด้านของนาโอริที่ต้องละสายตาหนีแทน เพราะรู้สึกเหมือนจะพ่ายแพ้ให้สายตาอีกฝ่ายยังไงก็ไม่รู้

“ถึงกับมีเซอร์วิสเอายามาให้เลยเรอะ” เด็กสาวพึมพำ

“ก็นะ สภาพเธอเมื่อกี้แย่มากจนคิดว่าจะช็อกตายคาสนามเสียด้วยซ้ำ” นาโอริเป็นต้องเบ้ปาก ก่อนจะกระดกยกที่ได้รับมาจนหมดขวด น่าแปลกใจที่มันมีรสชาติหวานลื่นคอกว่าที่คิดเอาไว้ แถมอร่อยด้วย

“รีบไปพักเถอะ เดี๋ยวต้องออกมารับรางวงรางวัลอีก เป็นลมไปจะแย่เอา” ฮินาวะเอ่ยพลางใช้มือดันหลังของอีกฝ่ายให้เดินเร็วขึ้นจะได้ไม่โอ้เอ้ จนในที่สุดทั้งสองจึงได้มานั่งพักในห้องล็อกเกอร์

“แล้วก็อย่าลืมติดต่อยัยนั่นด้วยล่ะ”

“ยัยนั่น...อ้อ ซากิน่ะเหรอ จริงด้วย” ว่าแล้วมือเรียวจึงยกมือถือคู่ใจออกมาแนบหูก่อนจะได้ยินเสียงของเพื่อนสาวจากปลายสาย

“นาโอะจังเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหม!? ฉันเห็นเธอหอบอยู่กับพื้นน่ะ แล้วตอนนี้...”

“จ ใจเย็น ๆ ก่อนซากิ ฉันดีขึ้นแล้ว” นาโอริถึงกับหัวเราะแห้งทันทีที่เพื่อนของเธอร่ายประโยคยาวใส่

“ดีขึ้นแล้ว? แปลว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นจริง ๆ ใช่ไหม”

“ก็มีนิดหน่อยแหละแต่ได้ยาไปแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ” เสียงปลายสายถอนหายใจดังจนได้ยินทะลุมาก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่ง

“นาโอะจัง”

“หือ?”

“โอะสึคาเระ(ขอบคุณที่เหนื่อยนะ) เธอเก่งมากเลยรู้ไหม” ซากิวาดยิ้ม คำพูดนั้นเป็นดั่งหยาดน้ำรินลงพื้นดินแห้งให้ชุ่มชื้นได้อีกครั้ง นาโอริเองก็ฉีกยิ้มกว้างตอบรับเพื่อนสาวของเธอ



หลังจากสองสาวพูดคุยฆ่าเวลา ร่างกายของเด็กสาวที่ได้ยาไปจึงเริ่มฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว ต้องขอบคุณองค์ชายหนุ่มที่มอบมันให้ ในที่สุดพิธีมองรางวัลจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางเสียงปรบมือกับพลุกระดาษโปรยปรายแก่ผู้ชนะทั้งสอง ฮินาวะได้รับเหรียญทองไปครองและนาโอริที่เป็นรองชนะเลิศก็ได้เหรียญเงินไป

“ดื่มไปแล้วดีขึ้นหรือเปล่า?” เสียงเสนาะหูดังมาจากองค์ชายรัชทายาท ซึ่งเพิ่งจะมายืนอยู่ตรงหน้านาโอริ

“พ เพคะ ต้องขอบคุณยานั่นหม่อมฉันเลยอาการดีขึ้น” เด็กสาวตอบเก้ ๆ กัง ๆ เพราะนอกจากจะเกร็งแล้วตนยังมีชนักปักหลังเรื่องที่ไปพูดไม่ดีกับเขาอยู่

“มันไม่ใช่ยาอะไรหรอก ก็แค่น้ำเชื่อมสกัดจากผลไม้ที่เราได้มาน่ะ”

“เอ๊ะ แล้วทำไมมันถึงดูได้ผลขนาดนั้น...”

“เป็นเพราะเธอใช้แรงเพ่งจิตมากเกินไป มันก็เหมือนกันคนออกกำลังแล้วขาดน้ำตาลนั่นแหละ” เด็กหนุ่มอธิบายพร้อมกับคล้องเหรียญให้กับเด็กสาว ก่อนจะจ้องดวงตากลมไม่วาง

“ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ยังไงก็ยินดีด้วยถึงจะเป็นที่สอง แต่เธอก็ทำให้เราสนุกกับการแข่งมาก” องค์ชายสูงศักดิ์เอ่ยและท่าจะเดินไป ทว่าเขากลับหยุดเท้าพลันหันกลับมาหา

“อ้อ แล้วก็ขอบคุณเราด้วยที่ไม่คิดจับเธอข้อหาหมิ่นประมาทน่ะ” คำพูดนั้นทำเอาสาวเจ้าขนลุกซู่ เพราะไม่คิดว่าเขาจะเอามาพูดตรงนี้ นาโอริเหงื่อแตกพลั่กรอจนเขาผู้นั้นเดินห่างไปแล้ว จึงลอบถอนหายใจสุดปอดก่อนจะก้มมองเหรียญเงินบนคอ รอยยิ้มเบิกบานปรากฏแม้จะไม่สามารถชนะฮินาวะได้แต่ก็ถือว่ามาไกลมากแล้ว



แต่เดี๋ยวก่อน....



“ถ้าฉันไม่ชนะ...” เด็กสาวพึมพำ ก่อนจะหันขวับไปมองคนข้างตัวอย่างรวดเร็ว

“งั้นนายก็จะไม่ยอมสอนฉันงั้นสินะเนี่ย โธ่เอ๊ย!” มือเรียวกุมศีรษะพลางส่ายไปมา

“ก็ไม่สอนน่ะสิ”

“อึก...อยากจะเถียงแต่เถียงไม่ออกเลย...”

“แต่จะช่วยฝึกแทน” เสียงต่ำกล่าวเรียบ ๆ รอจังหวะให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวเอง

“อ๊า ไม่สอนแต่จะช่วยฝึก...ฝึกเหรอ?” ฮินาวะทำเพียงพยักหน้าให้ และเดินนำเธอเขาไปยังที่ตึก ไม่นานนาโอริจึงวิ่งตามทันและรัวคำถามใส่เขา เพราะเธอกำลังสับสนหลาย ๆ สิ่ง ว่าสรุปเขายอมรับคำขอของเธอหรือยังไงกันแน่

“เป็นการตัดสินใจของฉันเองต่างหาก ไม่เกี่ยวกับที่ท้ากันไว้” ฮินาวะเอ่ยพลันเหลือบมองคนตัวเล็กกว่า เขาเว้นจังหวะหายใจก่อนจะเอ่ยต่อ

“เพราะเธอมีทักษะมากอยู่แล้วไม่ถึงขั้นต้องสอนหรอก แค่ช่วยขัดเกลาก็พอ แน่นอนว่าทั้งเธอแล้วก็...โฮชิด้วย”

“โหย นายยอมสอนให้ทั้งฉันกับซากิเลยเหรอเนี่ย นี่มันพ่อพระมาโปรดชัด ๆ เลย!” นาโอริยิ้มร่าพร้อมแววตาเป็นประกายวิบวับ ทว่าไม่ทันไรก็ต้องเลิกคิ้วสูง ครั้นสังเกตว่าตอนนี้เขาไม่ได้ใส่เสื้อแจ็คเก็ตของชุดวอร์มอยู่

“เสื้อนอกไปไหนน่ะ? ทำไมเหลือแต่เสื้อยืด” 

“อ้อ...” เด็กหนุ่มตอบรับพลันเอื้อมมือสัมผัสที่ดาบข้างเอวซึ่งตอนนี้มันถูกห่อไว้ด้วยผ้าสีแดงเลือด นาโอริจดจ้องอยู่นานสองนานก่อนจะสังเกตด้ามดาบที่ไม่ใช่วัสดุไม้อีกแล้วและแทนที่ด้วยด้ายสีดำมันวาว

“ดาบนาย!? ทำไมถึงเป็นแบบนั้น”

“ฉันปลดผนึกมันได้ตอนสู้กับเธอน่ะ มือเธอเกือบจะโดนฟันขาดแล้วด้วย” เด็กสาวรีบลูบคลำข้อมือของตนที่เกิดรอยช้ำจนเริ่มแดง ดวงตากลมจับจ้องดาบคาตานะที่เอวอีกฝ่ายไม่วาง พลางรู้สึกเสียดายที่ตนไม่ได้เห็นเหตุการณ์นั้นกับตา 

“ว่าแต่นายเอาเสื้อมาห่อไว้ทำไมอ่ะ?”

“เพราะมันไม่มีฝักดาบน่ะสิ เดี๋ยวก็โดนบาดกันตาย” ฮินาวะเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ ทำเอาสาวเจ้าต้องเบ้ปากกับท่าทางสบายใจของฮินาวะ นาโอริได้แต่คิดว่านี่เขาจะไม่ดีใจกับเรื่องนี้สักหน่อยเหรอ?

.

.

.

ดวงตะวันได้บอกลาคนเบื้องล่างและหายลับจากขอบฟ้าไป เช่นเดียวกับงานเทศกาลแสนตื่นเต้นเร่าร้อนก็เป็นอันต้องบอกลา แต่มันก็ได้สร้างความทรงจำมากมายไว้ให้แก่ทุกคนในงานอีกครั้ง บัดนี้เหล่านักแข่งทั้งหลายต่างพากันกลับไปพักผ่อนที่หอพักและดำเนินกิจวัตรยามเย็นดั่งเช่นทุกวัน

ทว่ากิจวัตรในวันนี้ของนาโอริกลับเต็มไปด้วยความห่วงใยจากมารดาและเพื่อนสาว ที่ระดมคำถามใส่เธอทั้งทางข้อความ โทรศัพท์ ไปจนถึงถามปากเปล่าตั้งแต่ที่เธอกลับถึงห้อง ดูเหมือนเรี่ยวแรงของเธอจะต้องหมดไปอีกครั้งกับคำถามเหล่านี้ แต่มันก็ทำให้เด็กสาวใจชื้นและยิ้มร่าได้เท่านั้นคงเพียงพอแล้วกระมัง



รู้ตัวอีกทีเจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้ก็ได้ผ่านมรสุมความห่วงใยมาและนอนแผ่อยู่บนเตียงนุ่มเสียแล้ว

“สภาพตอนนั้นทำเอาฉันเป็นห่วงเลยนะ” อาวุธศักดิ์สิทธิ์กล่าวปนหัวเราะดึงความสนใจจากนาโอริไป

“นั่นสิ...ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้นะ” เด็กสาวหวนนึกถึงความรู้สึกเมื่อหลุดจากการประสานจิตกับคู่หู มันช่างเหมือนกับการตื่นจากฝันที่ลึกเอามาก ๆ ความทรมานราวหยุดหายใจไปชั่วขณะเธอไม่มีวันลืมได้เลย

“ฉันไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรคงจะตอบได้ยาก...”

“อือ เอาไว้ค่อย...ว่ากัน” เสียงนุ่มเลือนหายกับเสียงเครื่องปรับอากาศ บัดนี้เด็กสาวเรือนผมสีเปลือกไม้ไม่สามารถต้านความเหนื่อยล้าได้อีกต่อไปและเข้าสู่นิทราในที่สุด

“เฮ้อ ฝันดีก็แล้วกันนะ นาโอริ” จูลิโอ้เอ่ยเบาหวิว ก่อนจะเงียบหายไปปล่อยให้ความเย็นของเครื่องปรับอากาศบรรเทาความล้า และกล่อมเด็กสาวคนนี้ให้ฝันหวาน

.

.

.

ฟิ้ว

สายลมพัดคลอกลีบดอกสีชมพูอ่อนปลิวสัมผัสใบหน้านวล ทำให้ดวงตาสีซากุระเบิกขึ้นพลันพบว่าตนเองนอนอยู่กับพื้นที่โรยด้วยกลีบดอกสีชมพูอ่อน มือเรียวเอื้อมหยิบกลีบเล็กนั่นขึ้นมาอย่างเบามือและพลิกมันดู

“ซากุระเหรอ?” เสียงนุ่มที่เปล่งออกมากังวานทั่วจนเจ้าตัวต้องใช้มือปิดปาก เธอใช้สายตากวาดมองไปทั่วจนพบกับต้นซากุระสูงใหญ่ มันเป็นต้นเดียวกับความฝันในครั้งก่อนทว่าครานี้กลับดูใกล้เข้ามาหน่อยหนึ่ง

ร่างบางลุกขึ้นจากกองดอกไม้พลันก้าวเดินไปหาต้นซากุระตรงหน้า แต่ยิ่งเดินเท่าใดระยะทางก็ไม่ได้สั้นลงเลย จนขาสองข้างเริ่มล้าและจำเป็นต้องหยุดพักเพื่อหายใจ ก่อนจะเงยหน้ามาพบกับชายผู้มีเรือนผมชมพูดุจซากุระ เขาอยู่ใกล้ขึ้นกว่าฝันครั้งแรกแต่ก็ยังคงห่างเกินกว่าจะเห็นหน้าตาได้ชัด ชายหนุ่มหันกลับมามองนาโอริที่อยู่ด้านหลังพร้อมกับส่งรอยยิ้มแสนอ่อนโยนให้เธอ ไม่นานริมฝีปากหนาจึงเริ่มขยับเป็นคำพูด

“ฉัน...”

“ภูมิใจในตัวเธอนะ นาโอริ”

“คุณคือ...ใคร?” นาโอริหรี่ตาลงอย่างพินิจ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มองไม่ออกอยู่ดี

“อีกไม่นาน...”



“เราจะได้พบกัน”



to be continue...



つづく、psrpowder