จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
งานเทศกาลสุดยิ่งใหญ่งานหนึ่งของโรงเรียนชิบุนางิได้เป็นอันจบไปเป็นที่เรียบร้อย เหล่านักแข่งผู้มากความสามารถจึงกลับมาอยู่ในคราบของนักเรียนอีกครั้ง คาบเรียนวิชาการและปฏิบัติยังคงทวีความโหดขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากต้องเตรียมพร้อมสำหรับการสอบปลายภาคที่กำลังเขยิบเข้ามา บัดนี้นาโอริกับซากิเพิ่งจะได้เวลาพักระหว่างคาบให้มานั่งพูดคุยกัน และกำลังสังเกตท่าทางของเหล่านักเรียนที่พากันมุงสนใจดาบคาตานะสีดำขลับของฮินาวะ
“ขอโทษทีนะ แต่ฉันขี้เกียจจะดึงมันออกมาให้ดูแล้ว ช่วยกลับไปเถอะ” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เมื่อเจ้าตัวต้องตอบปฏิเสธเพื่อนร่วมชั้นที่พากันมาขอดูดาบของเขากันนับไม่ถ้วน นี่รายที่ยี่สิบกว่าเห็นจะได้ ทันทีที่ไล่ไปเขาก็ได้แต่ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ก่อนจะหันกลับไปขีดเขียนสมุดของเขาต่อ
“โมโมเสะคุง...น่าสงสารจัง” ซากิเอ่ยพลันย่นคิ้ว
“ทำตัวเอง” นาโอริพึมพำขณะนั่งกอดพนักเก้าอี้อยู่
“แปลกจัง ปกตินาโอะจังน่าจะต้องสนใจแล้วก็วิ่งไปหาเขาแล้วนี่?”
“มันก็สนอยู่หรอกแต่...” สาวเจ้าเว้นจังหวะครู่หนึ่งก่อนจะชูกำปั้นขึ้นกลางอาการพลางกัดฟันกรอด
“แต่ทำไมหมอนั่นถึงได้ปลดดาบง่ายนักนะ ถึงจะเก่งแต่มันก็ต้องมีขอบเขตกันบ้างสิ!” ราวกับเห็นเปลวเพลิงพวยพุ่งจากเบื้องหลัง ซากิจึงพยายามสงบใจอีกฝ่ายลงซึ่งเพื่อนสาวของเธอก็เชื่อฟังดีเสียด้วย
“จะว่าไปเธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กกับหมอนั่นไม่ใช่เหรอ? งั้นก็น่าจะรู้สิว่าเขาฝึกอะไรมาบ้าง!” ใบหน้าน่ารักของซากิส่ายระรัวเป็นคำตอบ
“ต ตั้งแต่ที่พวกเราเข้าเรียนประถมปลายก็ไม่ได้เจอกันเลย โมโมเสะคุงอาจจะฝึกจริงจังช่วงนั้นก็ได้” เมื่อไม่ได้คำตอบนาโอริจึงลุกพรวดและเดินตรงไปหาเจ้าตัวเสียเลย มือเรียววางลงบนโต๊ะพลันจ้องด้วยสายตาคาดคั้น ฮินาวะที่พอจะจับสังเกตได้ว่าเธอจะต้องมาแน่ ๆ จึงปิดสมุดจดตรงหน้าและเงยมองอีกฝ่ายกลับ
“มีอะไรก็ว่ามา”
“บอกฉันมา ว่านายไปทำอีท่าไหนถึงปลดผนึกดาบได้!”
“ไม่รู้ ต้องให้บอกอีกกี่รอบว่าจู่ ๆ มันก็เปลี่ยนกลางสนามนั่นเลย” เด็กหนุ่มเท้าคางไม่ยี่หระพลันฟังคนตรงหน้าบ่นต่อไป เพราะว่าตั้งแต่ผ่านงานเทศกาลก็ปาเข้าไปสองสัปดาห์แล้ว แต่ทั้งเพื่อนร่วมชั้นหรือคนที่ได้ดูการแข่งในวันนั้น ไม่เว้นแม้แต่นาโอริก็ยังเข้ามาถามเขาด้วยคำถามเดิม ๆ ไม่หยุดจนเจ้าตัวเริ่มจะชินชา ขนาดตัวเขายังไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับมันด้วยซ้ำ ทำไมจะต้องมีคนมาตื่นเต้นแทนเขาด้วยเด็กหนุ่มก็ไม่เข้าใจนัก
ครืด
ขณะที่สองคู่อริกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น อาจารย์ซาวาเบะก็ได้เปิดประตูบานเลื่อนเข้ามาและเดินตรงมาหาพวกเขาทั้งสอง สายตาคมของหญิงสาวจับจ้องพวกนาโอริอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งบัดนี้ยอมสงบเสงี่ยมต่อหน้าอาจารย์ ไม่นานริมฝีปากสวยจึงขยับเอ่ย
“ประธานนักเรียนมีเรื่องจะคุยกับพวกเธอที่ห้องสภานักเรียน” เธอเว้นจังหวะหายใจพร้อมกับเบนสายตาไปหาซากิที่ห่างออกไป
“โฮชิซังเองก็ต้องไปด้วย” ท่ามกลางความสับสนของคนโดนเรียกตัว อาจารย์สาวได้กำชับอีกรอบว่าให้ไปหลังจากจบชั่วโมงเรียนช่วงเช้าแล้ว ก่อนจะเดินไปหน้าชั้นและเริ่มสอนวิชาถัดไปทันที
การสอนดำเนินไปอย่างราบรื่นเหมือนกับทุก ๆ วันจะมีก็แต่ใครบางคนที่คิดไม่ตกกับเรื่องที่หญิงสาวกล่าว ดวงตาสีซากุระจดจ่ออยู่กับหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ พลันนับเข็มตามเวลาเดิน จนแล้วจนรอด...
กริ๊ง!
เสียงระฆังสวรรค์ลั่นกังวานทั่วอาคารเรียน ตามมาด้วยเสียงจอแจของเหล่านักเรียนที่หิวท้องกิ่วและพากันไปโรงอาหาร อาจารย์ซาวาเบะกล่าวสรุปบทเรียนในวันนี้ทิ้งท้ายและปล่อยให้พวกเขาพวกเธอไปหาอะไรใส่ท้องกันเสียที นาโอริดีดตัวตรงพลันหันขวับไปหาซากิซึ่งอยู่ด้านหลังก่อนจะยกยิ้มให้
“ชักอยากรู้แล้วสิว่ารุ่นพี่เรียกพวกเราไปทำไม”
“นาโอะจังดูจะไม่ค่อยกลัวสถานะของห้องสภานักเรียนเลยนะ ฉันนี่กังวลจะแย่” ซากิเอ่ยพลางเก็บหนังสือเรียนใส่กระเป๋าสะพายข้างโต๊ะ
“เราไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อยจะกังวลอะไรเล่า?” ครั้นได้ยินนาโอริเอ่ยอย่างไม่รู้สึกอะไร เจ้าของเรือนผมสีเงินวาวก็ได้แต่หัวเราะแห้งกับท่าทีของอีกฝ่าย ถึงจะเห็นด้วยว่าช่วงสองสัปดาห์นี้ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎ แต่ความกังวลนั้นไม่ได้หายไปเลย
หากแต่ความคิดนั้นเป็นต้องหายไปเมื่อเด็กหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวเดินเข้ามาหาพวกเธอ ก่อนจะเร่งให้ทั้งสองออกจากห้องไปพร้อมกัน ทั้งนาโอริและซากิต่างเห็นเป็นสิ่งเดียวกันว่าสีหน้าของฮินาวะนั้นส่อแววไม่ชอบใจเป็นที่สุด แม้เจ้าตัวจะไม่ได้เอ่ยอะไรก็ตาม ระหว่างทางนาโอริที่พยายามจะแซวเขาเกี่ยวกับอารมณ์ในตอนนี้ ก็ถูกเพื่อนสาวห้ามแล้วห้ามอีกเพราะเกรงว่าจะเกิดสงครามคารมของคนทั้งสอง และจะไปไม่ถึงห้องสภานักเรียนกันพอดี
ไม่นานทั้งสามจึงเดินเท้ามาหยุดอยู่ที่ประตูกระจก ซึ่งแตกต่างจากห้องรอบข้างที่เป็นประตูบานเลื่อนไม้ทั่วไป ป้ายอะคริลิกสลักชื่อ ห้องสภานักเรียน เอาไว้ให้เด่นชัด มองมาแต่ไกลยังสามารถเห็นได้
ก๊อก ๆ
นาโอริเป็นผู้อาสาเคาะประตูให้คนด้านในได้ยิน ไม่นานจึงมีเสียงตอบรับออกมา
“เข้ามาสิ” เสียงทุ้มรื่นหูเชิญชวนให้พวกเขาเข้าไป มือเรียวจึงผลักประตูเปิดออกและปะทะกับอากาศเย็นชื่นจากเครื่องปรับอากาศ
ดวงตาสีซากุระกวาดตามองห้องที่รอบด้านเป็นกำแพงกระจก ทว่าของเครื่องใช้ด้านในกลับเป็นไม้เนื้อดีดูงามตา โดยสิ่งแรกที่เด็กสาวเห็นคือชั้นหนังสือที่ตั้งตระหง่านขนาบสองข้างของห้องกว้าง และโต๊ะกระจกเตี้ยอยู่ระหว่างโซฟาตัวใหญ่สองตัว ด้านในสุด ณ ใจกลางคือโต๊ะไม้ยาวที่มีเอกสารมากมายวางเรียงเป็นตั้ง เบื้องหน้าของโต๊ะมีป้าย ประธานนักเรียน กำกับไว้และที่ขาดไม่ได้คือเจ้าของโต๊ะตัวนั้น รุ่นพี่ปีสาม นากามูระ โชโตะ บัดนี้เขาได้นั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่มวาดรอยยิ้มอ่อนโยนส่งมายังพวกนาโอริ
“ยินดีต้อนรับ เข้ามานั่งก่อนสิทั้งสามคน” ประธานหนุ่มเอ่ยพลางผายมือไปที่โซฟาเบื้องหน้าเขา นาโอริพลันเดินนำไปนั่งก่อน ตามด้วยซากิและฮินาวะที่นั่งอีกฝั่ง ดวงตากลมสีเขียวมรกตลอบมองฮินาวะที่มีท่าทีว่อกแว่กราวกับระแวงบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยดักทางอีกฝ่าย
“ฮิเมะโกะไม่อยู่หรอกครับ ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้” ฮินาวะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกจับได้ พลันหันมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของประธานหนุ่ม ซึ่งเริ่มต้นเข้าประเด็นหลักที่เขาเรียกพวกน้อง ๆ มา
“เอาล่ะ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับแชมป์และรองชนะเลิศในการแข่งด้วยนะ ขอโทษที่บอกช้าไปหน่อย พอดีมีอะไรต้องเคลียร์เยอะน่ะ”
“ขอบคุณนะคะรุ่นพี่” นาโอริยกยิ้มให้เช่นเดียวกันกับเขา
“และในฐานะที่พวกเธอสองคนคือผู้ที่ไต่ไปจนถึงจุดสูงสุดของการประลองนี้” โชโตะเว้นจังหวะหายใจก่อนจะเอ่ยต่อ
“ทั้งสองคนจึงมีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกสภาเจ็ดซามูไรของพวกเรา” ดวงตาสีซากุระเบิกกว้างเป็นประกาย ไม่คิดไม่ฝันในสิ่งที่ได้ยิน
“แน่นอนว่าพี่ต้องถามความสมัครใจของทั้งสองคนก่อนถึงจะดำเนินการต่อได้ พวกเธอว่ายังไง?” รุ่นพี่หนุ่มทิ้งประโยคไว้เท่านั้น ก่อนบรรยากาศในห้องจะปกคลุมด้วยความเงียบชั่วขณะและเป็นนาโอริที่ทำลายมันลง ร่างบางชูมือขึ้นพลันตอบตกลงไปอย่างง่ายดาย จนเหลือแต่ฮินาวะที่หลุบตาต่ำครุ่นคิดไม่เลิก
“พี่เคารพการตัดสินใจของเธอนะ” ประธานหนุ่มกล่าว ทำให้ฮินาวะต้องเบนสายตาไปยังเขา ทว่า...
ก๊อก ๆ
ยังไม่ทันจะตกผลึกคำตอบ เสียงเคาะประตูจากผู้มาใหม่ได้ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเปิดออกจึงพบกับเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีบ๊วยแดงยาวสลวยเดินยิ้มแย้มเข้ามา ทว่าพวกนาโอริกลับต้องอ้าปากค้างยิ่งกว่า เมื่อใครอีกคนเดินตามหลังรุ่นพี่สาวมาอีกที
“ไคโตะ!?” ฮินาวะเผลอเรียกชื่อเจ้าตัวเสียดังลั่น
“โอ๊ะ อยู่กันครบเลยหรือนี่” เจ้าหนุ่มแว่นกล่าวปนหัวเราะพร้อมเดินมานั่งข้าง ๆ เพื่อนรักอย่างรู้ใจ ส่วนฮิเมะโกะที่เห็นน้องชายสุดที่รักก็พุ่งตัวเข้ากอดเขาจากด้านหลังโซฟา และพักใบหน้าไว้บนศีรษะของเขา ทำเอานาโอริแทบจะหลุดขำกับภาพน่ารักตรงหน้า จนไม่วายถูกซากิตีที่แขนเบา ๆ ห้องกว้างที่เคยสงบเงียบบัดนี้เต็มไปด้วยผู้คนดูแล้วเพลินตาของประธานนักเรียนหนุ่มเอามาก
“นายมาที่นี่ทำไม?” ฮินาวะถามพลางออกแรงง้างแขนของผู้เป็นพี่ให้หลุดจากไหล่ของตน แต่กลับเป็นโชโตะที่ตอบแทน
“พี่สนใจทักษะของยูซึกะคุงเลยเชิญเขามาคุยด้วยน่ะ ไม่คิดว่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว”
“ถูกต้อง! รุ่นพี่นากามูระเรียกฉันมาเองเลยนะ แล้วฉันก็คิดจะตอบตกลงอยู่แล้วด้วย”
“เหอะ นอกจากหอแล้วยังต้องเจอนายอีกเหรอนี่” เด็กหนุ่มเรือนผมสีบ๊วยแดงถอนหายใจทว่าอีกฝ่ายกลับหัวเราะร่าแทนเสียอย่างนั้น
“หือ พูดแบบนี้แปลว่านายยอมตกลงงั้นเหรอ?” นาโอริที่เงียบอยู่นานโพล่งขึ้น ทำเอาทุกสายตาต้องจับจ้องไปที่ฮินาวะและพยายามกดดันคำตอบจากเขา จนท้ายที่สุดเจ้าตัวก็ยอมพยักหน้าเบา ๆ เป็นคำตอบ
“ก็...ไม่ได้เสียหายอะไร ถือเป็นการฝึกไปด้วย โอ๊ย!” ครั้นเอ่ยจบเขาก็โดนฮิเมะโกะสวมกอดแน่นจนร้องโอดโอย สร้างเสียงหัวเราะให้คนในห้อง กระทั่งประธานนักเรียนหนุ่มเอ่ยแทรกขึ้น
“ตอนนี้ทั้งสามคนที่เข้าร่วมงานประลองดาบก็ตกลงกันเรียบร้อย” นัยน์ตาสีเขียวมรกตสะท้อนภาพของซากิแจ่มชัด ก่อนจะวาดยิ้มส่งให้เธอ
“ต่อไปก็เป็นคำขอของโมโมเสะคนพี่เกี่ยวกับโฮชิซัง” ซากิพลันจ้องฮิเมะโกะด้วยใบหน้าตระหนก และเห็นอีกฝ่ายยิ้มร่าโบกมือไปมาให้โชโตะ
“ค่า! ฉันขอเสนอให้รับซากิจังเข้าเป็นสมาชิกด้วยค่ะ”
“ก็ตามนั้นแหละโฮชิซัง เธอว่ายังไง?”
“ฉัน...” เด็กสาวผมสั้นอ้ำอึ้งพลันหลุบตาครุ่นคิด เพราะเธอไม่คิดว่าตัวเองจะเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ในทีแรกซากิคิดแค่อยากจะสนับสนุนเพื่อนของเธอให้เข้าสภานักเรียน แต่ไหงตอนนี้ตัวเธอถึงกำลังถูกทาบทามไปด้วยล่ะ เธอมีดีอะไรฮิเมะโกะจึงเลือกเสนอชื่อเธอกัน?
“ซากิน่ะเก่งที่สุด! เธอทำได้อยู่แล้ว!” ซากิหันขวับมองนาโอริที่ยิ้มเบิกบานแก่เธอ หัวใจพลันเต้นระรัวเพราะมันเป็นการตัดสินใจที่ไม่คาดคิดและครั้งใหญ่สำหรับเด็กสาว
ทุกคนต่างรู้ดีว่าการเข้าสภานักเรียนของที่นี่ต่างจากโรงเรียนทั่วไป สมาชิกทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมกับภารกิจที่ทางบริษัทชินระเป็นผู้ดูแลมอบหมายให้หรือแม้แต่งานจากราชวงศ์ นั่นหมายถึงการเอาชีวิตไปเสี่ยงในหน้าที่ก็ว่าได้ แต่ตัวเธอนั้นเตรียมใจทำแบบนั้นมาหรือยัง เธอสมควรทำแบบนั้นหรือไม่และหากเธอตอบตกลง สภานักเรียนนี้จะเป็นที่ที่เหมาะสำหรับผู้หญิงอย่างเธอหรือเปล่า?
‘ทำไมหนูถึงแรงเยอะจังล่ะ?’
‘เป็นเด็กผู้หญิงต้องเรียบร้อยเข้าไว้นะ’
‘ย อย่าเข้าใกล้ดีกว่าเดี๋ยวโดนจับแขนหักขึ้นมาไม่รู้นะ’
เสียงมากมายในอดีตกังวานภายในสมองของเด็กสาวผมสั้น ภาพใบหน้ายิ้มแย้มและพร่ำพูดถึงความเรียบร้อยของผู้หญิง ภาพสีหน้าหวั่นเกรงจากเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่ตีตัวออกห่างหลังจากเธอเผลองอปากกาเหล็กด้วยมือเปล่าในวัยประถม ทั้งหมดพรั่งพรูเข้ามาจนเจ้าตัวเริ่มจะคลื่นไส้
แต่แล้วเธอจึงรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นที่มือ และเป็นนาโอริที่กุมมือเธอไว้พร้อมมองด้วยแววตาเป็นประกายราวกับเด็ก ประดุจแสงเทียนปัดเป่าความมืดและลมหนาวจากหัวใจให้กลับมาเต้นสม่ำเสมอและหนักแน่นอีกครั้ง ซากิเผลอบีบมือเพื่อนสาวพลันยกยิ้มกว้างน่ามองให้อีกฝ่าย
ถึงจะกะทันหันไปบ้างก็ตาม
แต่หากเป็นที่แห่งนี้...และมีคนเหล่านี้ มีเจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้อยู่เคียงข้าง
โฮชิ ซากิ อาจจะเป็นตัวของตัวเองได้มากกว่านี้ก็ได้
“ฉันตกลงค่ะ” วินาทีที่ตัดสินใจแน่วแน่ นาโอริโผเข้ากอดเพื่อนสาวหัวเราะกันคิกคักยกใหญ่ ก่อนจะโดนประธานหนุ่มดึงความสนใจไปอีกครั้ง
“ถ้างั้นก็เป็นอันตกลง แต่ก่อนอื่นพี่คงต้องขอทดสอบโฮชิซังสักหน่อย ถึงพี่จะไม่สงสัยในทักษะของลูกสาวตระกูลโฮชิก็ตาม แต่ก็ต้องทดสอบพอเป็นพิธี”
“ได้ค่ะ” ซากิเอ่ยตอบอย่างมั่นใจ ในเมื่อเธอเลือกแล้วจะทดสอบแบบไหนเธอก็ไม่หวั่น!
“โอเค ถ้าอย่างนั้นเราไปที่โรงยิมเถอะ เดี๋ยวพี่จะไปขอยืม...”
ฟิ้ว!
วัตถุชิ้นหนึ่งพุ่งตัดอากาศมาจากมุมอับของห้อง วิถีของมันตรงไปหานาโอริที่อยู่ใกล้ซากิ ดวงตาสีซากุระเผลอหลับแน่นด้วยความตระหนก ทว่าเธอกลับรู้สึกถึงแรงดึงของใครบางคนที่คว้าเธอเข้าไปชิดกับร่างกายของตน พร้อมกับเสียงอะไรบางอย่างกระทบกับพื้น
ครั้นนาโอริลืมตาขึ้นกลับพบกับขาเรียวของเพื่อนสาวซึ่งชี้ขึ้นสูงราวกับเพิ่งยกขาเตะอะไรไป และเห็นเพื่อนหนุ่มอีกสองคนที่คนหนึ่งเบือนหน้าหนี ส่วนอีกคนก็ถูกพี่สาวตัวเองปิดตาเอาไว้อย่างนั้น นัยน์ตาสีซากุระพลันสังเกตคุไนหรือมีดสั้นของนินจาที่ตกบนพื้น บวกกับสภาพที่เธออยู่ในอ้อมกอดแน่นของซากิเช่นนี้ สาวเจ้าจึงรู้ได้ทันทีเมื่อครู่มีดคุไนนั่นกำลังจะพุ่งมาทางเธอและก็ถูกซากิเตะจนกระเด็นนี่เอง
“นาโอะจังเป็นอะไรไหม?” เสียงหวานเอ่ยอย่างร้อนรน
“ม ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” นาโอริกล่าวพลางช่วยอีกฝ่ายดึงกระโปรงที่ถกขึ้นไปจนเห็นกางเกงซับใน เธอยิ้มแห้งให้กับการตอบสนองของซากิที่ขนาดตัวเองต้องยกธงขาวยอมแพ้ ไม่ทันไรจึงได้ยินเสียงหัวเราะร่าจากรุ่นพี่หนุ่ม เขาดูจะพอใจไม่น้อยเลยล่ะ
“ไม่ผิดหวังจริง ๆ สมกับเป็นลูกสาวตระกูลโฮชิ”
“รุ่นพี่เป็นคนทำเหรอครับ?” ไคโตะเอ่ยหลังจากปลอดภัยที่จะหันกลับมาได้
“ก็พี่บอกแล้วว่าจะทดสอบ”
“ถ้าเกิดมันโดนนาโอะจังขึ้นมาจะทำยังไงล่ะคะ!” ซากิแย้งทันควัน ก่อนจะเป็นฮิเมะโกะที่ยอมปล่อยมือจากน้องชายตัวดีและเดินไปเก็บคุไนขึ้นมา
“ไม่ต้องห่วง มันเป็นยางน่ะ ฮิ ๆ” ใบหน้าสวยยกยิ้มพลางใช้นิ้วโป้งดีดปลายแหลมของคุไนปลอม นาโอริถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะนึกว่าตนจะโดนมีดเสียบคอเสียแล้ว
“ยังไงก็...”
ปุ้ง!
“ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ทุกคนนะ!” สองรุ่นพี่ประสานเสียงกันพลันคว้าพลุกระดาษจากกระเป๋าเสื้อด้านในและยิงมันขึ้นเพดานให้กระดาษร่วงหล่นระยิบระยับ
ไม่ทันที่เหล่ารุ่นน้องจะได้ตกใจกับเจ้าพลุกระดาษ โต๊ะเตี้ยเบื้องหน้าดันถูกเปิดขึ้นอัตโนมัติพร้อมกับแผนกระจกอีกแผ่นแทรกขึ้นมา บนนั้นมีกล่องเบนโตะหลายกล่องวางซ้อนกัน ตามมาด้วยเครื่องดื่มผลไม้สีสดใสที่ฮิเมะโกะยกมาวางควบคู่กันบนโต๊ะ
“เตรียมอย่างกับรู้ว่าพวกเราจะตอบตกลงทุกคนงั้นแหละ” ฮินาวะย่นคิ้ว
“ต่อให้พวกเธอไม่ตกลงทุกคน พี่ก็จะจับมัดมือชกอยู่ดีแหละ!”
“ยังจะกล้าพูดอีก...แล้วแค่รับสมาชิกสี่คน ต้องเตรียมขนาดนี้เลยเหรอ?”
“แน่นอนสิ เพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่สมาชิกเจ็ดซามูไรของเราครบคนเลยนะ!” ฮิเมะโกะกล่าวพลางวาดนิ้วเป็นตัวเลขเจ็ด คำพูดนั้นทำให้นาโอริต้องเลิกคิ้วสงสัยทันที
“แต่ตอนนี้...เรามีกันอยู่หกเองนี่คะ?” รุ่นพี่ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะเป็นประธานหนุ่มที่ตอบคำถามนั้นแทน
“สมาชิกอีกคนเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับพวกพี่นี่แหละ แต่เขาไม่อยู่น่ะ”
“ใช่แล้ว เขาชื่อ อิบารากิ มิโกโตะ ตอนนี้เขาไปแลกเปลี่ยนที่อังกฤษคงจะกลับมาต้นปีหน้าน่ะ” ฮิเมะโกะเสริม
“อิบารากิ...ที่เป็นหนึ่งในตระกูลห้าบุปผาหรือเปล่าคะ?” ซากิเอ่ย
“ห้าบุปผา?” นาโอริเอียงคอสงสัยกว่าเก่า
“ตระกูลซามูไรเก่าแก่ที่ว่ากันว่ามีสิทธิ์เทียบเท่าราชวงศ์ ตระกูลฮิบานะขององค์จักรพรรดิก็เป็นหนึ่งในนั้น และที่ถูกเรียกว่าห้าบุปผาเพราะชื่อของแต่ละตระกูลมีต้นกำเนิดมาจากดอกไม้ห้าชนิดน่ะ”
“โอ้ เพิ่งรู้เลยแหะ”
“ในชั่วโมงเรียนพวกเธอก็น่าจะได้เรียนเองแหละ แต่ว่าเราพอเรื่องประวัติศาสตร์ไว้ก่อนแล้วมาทานอาหารกันเถอะ นี่ก็เลยเที่ยงมานานแล้วด้วย” โชโตะเอ่ยก่อนจะย้ายตัวเองมานั่งที่โซฟาสูงร่วมกับเหล่ารุ่นน้อง
พวกเขาชนแก้วเฉลิมฉลองกันพร้อมเพรียง เหล่าสมาชิกสภาเจ็ดซามูไรต่างเพลิดเพลินไปกับอาหารเลิศรส ที่ถูกจัดเตรียมไว้ต้อนรับเหล่ารุ่นน้อง ๆ สายสัมพันธ์เส้นใหม่ต่างเชื่อมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นสายใยระหว่างพี่น้อง ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะมีภารกิจหรือหน้าที่ใดมาให้พวกเขาได้เผชิญ แต่บัดนี้ขอเพียงรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและคนรู้ใจเท่านั้นก็เพียงพอกับชีวิตวัยเรียนของพวกเขาแล้วล่ะ
to be continue….
つづく、psrpowder