จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
“พรุ่งนี้อย่าลืมใส่ยูนิฟอร์มใหม่ที่รุ่นพี่ให้มาด้วยนะ”
เสียงหวานของซากิเอ่ยกับเพื่อนสาวของตนที่กำลังจะเปิดประตูห้องนอนสีครีม บัดนี้เป็นเวลาที่พวกเธอต้องแยกย้ายกันเข้านอนแล้ว
“เกือบลืมเลย ขอบใจนะซากิ” นาโอริโบกมือลารูมเมทก่อนจะปิดประตูห้องพลันเจ้าตัวจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า ชำระร่างกายจนสะอาดสดชื่น และเดินจ้ำออกมาเปลี่ยนชุดด้วยความไวแสง โดยไม่ลืมที่จะหยิบห่อพลาสติกที่บรรจุชุดเครื่องแบบนักเรียนกับอุปกรณ์เฉพาะอีกสองสามอย่างไว้ในนั้น ดวงตากลมเป็นประกายขณะจ้องมองของตรงหน้า กระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ไม่ลองแกะดูเหรอ?” จูลิโอ้เอ่ย
“แกะสิ แต่ขอดูให้ฟินตาก่อนนะ”
“โธ่ ก็ไม่ต่างอะไรกับเอามันออกมาดูไม่ใช่เรอะ?”
“คุณค่าทางใจมันต่างกันย่ะ!” ว่าแล้วเด็กสาวจึงก้มกลับมาจ้องห่อพลาสติกอีกครั้ง แถมยังหัวเราะคิกคักกับตัวพร้อมหมุนเจ้าห่อนั่นไปมาด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสาวเจ้าเห่อเครื่องแบบใหม่ขนาดไหน
ครั้นเชยชมจนหนำใจ นาโอริพลันแกะถุงพลาสติกที่ห่อไว้ออก ด้านในมีทั้งเสื้อนักเรียนสีแดงเลือดและกระโปรงสีครีมเหมือนกับชุดเครื่องแบบปกติที่ใส่อยู่ ทว่าเนื้อผ้าของมันกลับหนากว่าแถมยังมีน้ำหนักมากกว่าของเดิมเสียอีก นอกจากชุดก็ยังมีอุปกรณ์ใหม่อย่างเกราะแขนสีครีม ที่ครอบคลุมตั้งแต่ข้อนิ้วทั้งห้าไปจนถึงข้อแขน
“อยากใส่เร็ว ๆ จัง ต้องเท่มากแน่เลย!”
เพียงจับของทุกชิ้นมาวางเรียงกัน นาโอริก็แทบจะหุบยิ้มไม่ได้อยู่แล้ว เธอได้แต่จินตนาการถึงตนเองที่ได้ใส่ของพวกนี้ในเช้าวันถัดไป จนอยากจะให้พระอาทิตย์ขึ้นเสียเดี๋ยวนี้ เพราะใครจะคิดล่ะว่าเข้าโรงเรียนที่ใฝ่ฝันได้ไม่นาน ก็กำลังจะได้สวมอุปกรณ์สุดเท่ที่เห็นนักดาบตัวจริงใส่กัน แบบนี้เขาเรียกความฝันเป็นจริง!
“ไปนอนได้แล้ว” ร่างบางสะดุ้งโหยงกับเสียงของคู่หู ที่สัมผัสได้ว่าเขาเริ่มจะรำคาญท่าทีตื่นเต้นนี้เต็มทน นาโอริเลยยอมอดกลั้นความตื่นเต้นไว้เท่านั้นและเอนตัวลงเตียงเข้าสู่ห้วงนิทราแต่โดยดี แน่นอนว่าไม่ลืมจะแลบลิ้นปลิ้นตาใส่จูลิโอ้ส่งท้าย ทำเอาอีกฝ่ายถอนใจเหนื่อยหน่าย
.
.
.
ร่างกายพักฟื้นจนถึงขีดสุด เช่นเดียวกับดวงตะวันที่โผล่พ้นขอบฟ้ามาทักทาย บัดนี้เด็กสาวเรือนผมสีเปลือกไม้กำลังบรรจงแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดใหม่ที่ได้มา นัยน์ตาสีซากุระจดจ้องตัวเองในชุดเครื่องแบบสีแดงเลือดผ่านกระจก เป็นอย่างที่นาโอริคิด ด้วยวัสดุผ้าที่ต่างกันเนื้อสัมผัสจึงต่างไปด้วย ตัวชุดเรียบร้อยตามมาด้วยเกราะแขนสีครีม ซึ่งให้ความรู้สึกแข็งแรงและปลอดภัยขึ้นไม่น้อย อีกสิ่งหนึ่งที่ยืนยันความแตกต่างระหว่างเครื่องแบบเก่าและใหม่ คือความยืดหยุ่นของมันเมื่อขยับร่างกายราวกับถูกทำขึ้นมาเพื่อใช้ต่อสู้โดยเฉพาะเลยล่ะ
“นาโอะจัง อาหารเช้าพร้อมแล้วนะ!” เสียงหวานจากซากิช่วยเตือนสติให้กับเจ้าคนเห่อของใหม่ ซึ่งยืนอยู่หน้ากระจกมาได้หลายนาทีแล้ว
ร่างบางรีบคว้ากระเป๋าและคู่หูของตนก่อนจะวิ่งแจ้นออกไปนอกห้อง ทันทีที่เปิดประตูออกกลิ่นหอมรัญจวนได้ปะทะกับจมูกโด่งได้รูป มื้ออาหารเช้าตามแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างข้าวสวยเม็ดอ้วนหอมฉุย คู่กับปลาแซลมอนย่างเกลือกำลังดี ปิดท้ายด้วยผักเทมปุระและซุปมิโซะถูกจัดวางเรียงรายบนโต๊ะไม้อย่างกับร้านอาหาร ตามมาด้วยร่างของเพื่อนสาวที่นั่งรอเธออยู่ก่อนแล้ว ครั้นนาโอริเห็นซากิในชุดเครื่องแบบ สาวเจ้าพลันอดอ้าปากค้างไม่ได้เพราะอีกฝ่ายดูดีจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“เธอใส่ชุดนี้แล้วเท่ระเบิดเลย!”
“ฉันว่ามันอึดอัดกว่าเดิมนิดหน่อยแหะ พอใส่เกราะแขนด้วยแล้ว..” ดวงตาสีเงินวาวหลุบต่ำมองแขนของตน
“มันต้องแบบนี้แหละ ถ้าเจออันตรายมันจะได้ปกป้องเรายังไงล่ะ!”
“โธ่ นั่นไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นเลยนะ” ซากิมุ่ยหน้าก่อนจะเห็นคนตรงข้ามเริ่มทานอาหารเธอจึงทานบ้าง
สองสาวเพื่อนสนิทร่วมรับประทานอาหารด้วยกันอย่างสนุกสนาน ไม่นานจึงเก็บล้างจานและพากันเดินไปอาคารเรียนด้วยกัน ครั้นพ้นจากหอพัก นาโอริพลันเห็นร่างสูงของคู่อริอย่างฮินาวะยืนกอดอกขึงขังอยู่ตรงทางเดิน พาให้นักเรียนสาวที่เดินผ่านไปผ่านมาเป็นต้องหันมองตาเคลิ้มไปตาม ๆ กัน หนำซ้ำตัวเขาเองก็อยู่ในชุดเครื่องแบบใหม่ของสภานักเรียน จึงยิ่งเพิ่มรังสีความเจิดจรัสเข้าไปใหญ่
“นายมาทำอะไร?” เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้เอ่ยถาม
“มารอ”
“เพื่อ?”
“เดินไปพร้อม ๆ กันพวกเธอจะได้ไม่เป็นจุดเด่นมากไงล่ะ” เด็กหนุ่มเอ่ยพร้อมยักไหล่ นาโอริถึงกับเบ้ปากพลันเหลือบมองไปด้านหลังคนตัวสูงกว่า ซึ่งกำลังถูกมองและเป็นที่ซุบซิบกันของเหล่าสาว ๆ
“รู้ใช่ไหมว่าพูดอะไรออกมา?”
“รู้ ไปกันเถอะเดี๋ยวจะสาย” ฮินาวะเอ่ยพลางพาดกระเป๋าของตนบนบ่ากว้างและเดินนำหน้าไป ร่างบางที่คิดจะอ้าปากเถียงต่อ จึงถูกเพื่อนสาวใช้มือดันแผ่นหลังให้เดินตามคนตรงหน้าไปแต่โดยดี
เช่นเดียวกับที่หน้าหอพัก เมื่อทั้งสามก้าวเท้าเข้ามายังตึกเรียนเสียงฮือฮาจากรอบตัวพลันดังไปทั่ว ราวกับเสียงหึ่งของแมลงไม่มีผิด ซากิและนาโอริได้แต่มองหน้ากันพยายามจะไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น ผิดกับเด็กหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่เคยจะสนใจไยดีอะไรอยู่แล้ว ไม่รู้ว่านักเรียนส่วนมากกำลังพูดถึงเครื่องแบบของพวกเขาทั้งสาม หรือพูดถึงพ่อหนุ่มหน้านิ่งเพียงผู้เดียวกันแน่ แต่ต้องขอบคุณความไม่แยแสสิ่งใดของฮินาวะ ที่พาเพื่อนสาวของเขามาถึงห้องเรียนได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีใครกล้าเข้ามาทักถามตลอดทาง
ครั้นถึงห้องเรียน นาโอริรีบทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“บรรยากาศเมื่อกี้มันอะไรกัน?” เด็กสาวเอ่ยพลางเอนศีรษะพิงกับหัวโต๊ะของเพื่อนตน
“นั่นสิ แต่ต้องขอบคุณโมโมเสะคุงเขานะที่เดินมาด้วยกัน ไม่งั้นคงมีคนเข้ามารุมถามกันเยอะแน่”
“จริงดิ? ไม่ใช่ว่าเพราะหมอนั่นคนถึงได้มองตาเป็นมันแบบนี้เหรอ?” นาโอริเบ้ปาก
“นี่ ชิสึจิซัง โฮชิซัง” ไม่ทันไรจึงมีเสียงจากนักเรียนหนุ่มคนหนึ่งแทรกพวกเธอ เขาเดินเข้ามาหาและยิ้มแย้มให้อย่างเป็นมิตร ทว่าสองสาวกลับไม่ได้รู้จักเขาและเหมือนจะไม่อยู่ห้องเดียวกันด้วย....
“นั่นใช่เครื่องแบบพิเศษของสภาเจ็ดซามูไรหรือเปล่า?”
“อือ ก็ใช่นะ”
“ถ ถ้าไม่ว่าอะไร ขอฉันดูเครื่องแบบชัด ๆ ได้ไหม...”
ตึง!
เสียงดังสนั่นมาพร้อมกับมือหนาของฮินาวะที่ทุบลงบนโต๊ะของซากิอย่างจัง ทำเอาคนทั้งสามถึงกับสะดุ้งโหยง สายตาทั้งหมดพลันจับจ้องไปที่เด็กหนุ่ม ทว่ากลับเป็นนักเรียนชายคนนั้นที่ต้องหลบตาหนีเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีเลือดนิ่งสงบไม่ไหวติงจนเขาเผลอกลืนน้ำลายเอื้อก ก่อนจะขอตัวเผ่นแนบจากที่ตรงนั้นและวิ่งหายลับไปนอกห้อง
ไม่ต่างจากนักเรียนคนอื่นในห้องที่เผลอมองฮินาวะ พวกเขาเป็นต้องถูกสายตาน่ากลัวนั่นไล่เตลิดกันหมด และเมื่อทุกอย่างเริ่มกลับสู่ปกติ จึงเป็นนาโอริที่กล้าดึงความสนใจจากเด็กหนุ่ม
“เขาแค่มาขอดูชุดเองนะ ไม่เห็นต้องถลึงตาใส่กันแบบนั้นเลย”
“ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ใครมายุ่งหรอกเหรอ? ฉันก็อุตส่าห์ช่วย” เด็กหนุ่มกอดอกพลันจ้องคนตรงหน้ากลับ
“ต แต่ครั้งหน้าอย่าใช้ความรุนแรงเลยนะ สงสารเขาออก” คราวนี้เป็นเสียงหวานจากซากิเอ่ยแทน ทำให้เจ้าของเรือนผมสีบ๊วยแดงต้องเบือนหน้าหนีไปจากสองสาว
“ขอโทษแล้วกัน” ถึงเจ้าตัวจะขอโทษแต่จากสีหน้าเรียบนั่น นาโอริก็ไม่รู้ได้ว่าเขารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ หรือเปล่า และในใจคิดว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นมันมีความหมายอะไรไหมนะ?
ตริ๊ง
เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นจากมือถือของทั้งสามประสานกันจนแยกแทบไม่ออก เมื่อสัมผัสหน้าจอกระจกจึงขึ้นเป็นกล่องข้อความผุดขึ้นมา
‘สวัสดีน้อง ๆ ปีหนึ่งครับ’
‘วันนี้ช่วงเที่ยงรบกวนมาหาที่ห้องสภาหน่อยนะครับ :p’
ข้อความนั้นถูกส่งมาด้วยชื่อของ นากามูระ โชโตะ ที่ส่งถึงเหล่าสมาชิกสภานักเรียนหน้าใหม่ทุกคนเพื่อนัดหมาย ซากิและฮินาวะต่างสงสัยว่ารุ่นพี่ของพวกเขาตั้งใจจะมอบหมายงานอะไรให้ตั้งแต่วันแรกของการเป็นสมาชิกกันแน่ ในขณะที่นาโอรินั้นแววตาเป็นประกายจนซ่อนไว้ไม่อยู่ ไม่พ้นต้องให้เพื่อนสาวมาปรามให้สงบใจลง ไม่เช่นนั้นสาวเจ้าคงจะบึ่งไปห้องสภานักเรียนเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ
ทันทีที่อาจารย์สาวของพวกเขาก้าวเข้ามาและเริ่มชั่วโมงแรกของการเรียน เวลาพลันไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าพริบตาเดียวตัวเลขบนนาฬิกาข้อมือก็บอกเวลาพักเที่ยง หนุ่มสาวทั้งสามจึงพากันเดินไปยังสถานที่นัดหมายก่อนจะแวะห้องเรียนใกล้เคียง ให้ฮินาวะหนีบเจ้าหนุ่มแว่นเพื่อนตนออกไปพร้อมกัน จนท้ายที่สุดพวกเขาก็มานั่งพร้อมหน้ากันในห้องกระจกเย็นฉ่ำชื่น โดยมีรุ่นพี่ทั้งสองรออยู่ก่อนแล้ว
“รุ่นพี่โช มีภารกิจอะไรให้พวกเราทำงั้นเหรอคะ?” นาโอริอดใจไว้ไม่อยู่ จึงโพล่งถามรุ่นพี่หนุ่มไปอย่างรวดเร็ว
“คงทำให้ผิดหวังเสียแล้ว แต่วันนี้พี่แค่อยากจะมานัดแนะงานคร่าว ๆ ของสภาเท่านั้นน่ะ”
“โธ่ เสียดายจัง” เด็กสาวมุ่ยหน้าพลันทิ้งตัวจมกับเบาะของโซฟา และปล่อยให้พวกรุ่นพี่เริ่มต้นอธิบายต่อไป
โชโตะได้อธิบายถึงหน้าที่ของสภานักเรียนให้น้อง ๆ ฟังซึ่งส่วนใหญ่เป็นหน้าที่ทั่วไปที่ทุกคนคงจะเคยพบเจอในช่วงมัธยมต้นทั้งเรื่องการดูแลเหล่านักเรียน กิจกรรมต่าง ๆ ไปจนถึงการประสานงานกับอาจารย์ในโรงเรียน โดยประธานหนุ่มเองก็ได้กำชับไว้ ว่าแม้หน้าที่สภานักเรียนของโรงเรียนชิบุนางิจะพิเศษกว่าที่อื่นยังไงก็ตาม แต่ก็ห้ามละเลยความรับผิดชอบที่มีต่อโรงเรียนเป็นอันขาด เพราะหากไม่มีที่แห่งนี้พวกเขาคงจะไม่มีชื่อของสภาเจ็ดซามูไรประดับไว้หรอก
“คุยเรื่องจริงจังกันมากพอแล้ว เรามาคุยเรื่องสบาย ๆ กันดีกว่า” เสียงเสนาะหูจากฮิเมะโกะดังขึ้น พร้อมเสียงปรบมือเรียกความสนใจจากพวกนาโอริ
“อย่างเช่น...วันนี้ทุกคนคงไม่ได้เจอนักเรียนคนอื่นเข้ามารุมหรอกใช่ไหม?” รุ่นน้องทั้งสี่ต่างมองหน้ากัน ก่อนจะเป็นซากิที่อ้าปากถาม
“รุ่นพี่รู้เหรอคะ ว่าจะมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น?”
“ก็เพราะเคยโดนมากับตัว ถึงได้รู้ไงล่ะครับ” โชโตะหัวเราะในลำคอพลางยกยิ้มกว้างตอบ ทำเอาเพื่อนสาวของเขาหลุดขำไปตาม ๆ กัน
“จริงด้วย พอนึกถึงตอนนั้นแล้วก็ลำบากมากกว่าจะผ่านมาได้” สองรุ่นพี่หัวเราะกันเอง ปล่อยให้คนอายุน้อยกว่านั่งมองกะพริบตาปริบ ๆ
“จะว่าไป ทำไมทุกคนถึงต้องมารุมพวกเราถึงขนาดขอดูเสื้อผ้าด้วยล่ะคะ ไม่ใช่ว่าเห็นกันบ่อยแล้วเหรอ?” เป็นนาโอริที่โบกไม้โบกมือราวกับการถามตอบในชั้นเรียน
“จำที่พี่เคยบอกได้ไหมว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่สมาชิกครบน่ะ” เด็กสาวเรือนผมสีเปลือกไม้พลันพยักหน้าเบา ๆ ให้รุ่นพี่สาว
“เพราะสมาชิกที่น้อยมากและแต่ละคนต้องออกไปปฏิบัติภารกิจนอกสถานที่บ่อย เลยแทบจะหาตัวไม่ค่อยเจอ บางทีห้องนี้ก็ร้างเป็นวันเลย”
“และปกติคงไม่มีใครอยากเดินดุ่ม ๆ เข้ามาห้องสภานักเรียนอยู่แล้ว เลยยากมากที่นักเรียนทั่วไป
จะเจอสมาชิกแต่ละคนได้” รุ่นพี่หนุ่มพูดเสริม คลายความสงสัยของนาโอริเกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนเช้าไปได้มากทีเดียว ไม่น่าล่ะถึงมีคนจากต่างห้องลงทุนเดินเข้ามาถามคำถามแปลกประหลาดแบบนั้น
“จริงสิ นี่ก็พักเที่ยงพอดี พวกเธออยู่ทานข้าวที่นี่เลยแล้วกันนะ” โชโตะเอ่ย
“เอ๊ะ ที่นี่เหรอคะ?”
“ถูกต้อง!”
ครั้นว่าจบเด็กหนุ่มพลันดีดนิ้วเสียงดัง ปรากฏกล่องเบนโตะหลายขนาดเลื่อนขึ้นมาบนโต๊ะเหมือนกับเมื่อวานไม่มีผิด จนพวกนาโอริได้แต่เหงื่อตก พลางคิดว่าสองคนนี้ไปหาเวลาเตรียมกล่องข้าวหรูหราแบบนี้มาจากไหน ทั้งที่เพิ่งจะบอกไปหยก ๆ ว่างานของสภานักเรียนมันยุ่งตัวเป็นเกลียว
การสังสรรค์รอบที่สองของสมาชิกสภาเจ็ดซามูไรจึงเริ่มต้นขึ้น และนี่คงจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครพบตัวพวกเขา เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่สมาชิกสองคนนี้ก็มักจะใช้เวลาทำงาน บวกกับทานอาหารในห้องกระจกเสร็จสรรพเลยยังไงล่ะ
.
.
.
เวลาล่วงเลยผ่านชั่วโมงปฏิบัติสุดทรหดในยามบ่าย บัดนี้ ณ หอพักของนาโอริ สองสาวกำลังช่วยกันเก็บกวาดจานชามหลังจากมื้ออาหารเย็น ก่อนจะมานั่งพูดคุยกันต่อที่โซฟา เพราะยังไม่อยากเข้านอน
“สุดสัปดาห์หน้าไปไหนกันดีซากิ” นาโอริเอ่ยพลางเอนตัวพิงโซฟานุ่ม
“เอาอีกแล้วเหรอนาโอะจัง” เด็กสาวผมสั้นถึงกับต้องอุทาน เพราะเพิ่งเที่ยวไปไม่นานเท่าไหร่นาโอริก็คิดที่จะออกไปเที่ยวอีกแล้ว
“บอกแล้วไงวันหยุดมีไว้เพื่อเที่ยวน่ะ!”
“เพิ่งจะได้เป็นสภานักเรียนเองนะ พวกเราก็ต้องช่วยพี่ ๆ เขาหน่อย”
“โธ่ ตอนนี้ยังไม่มีงานอะไรให้พวกเรานี่ ถือว่าส่งท้ายก่อนจะไม่ว่างไง” เด็กสาวเรือนผมสีเปลือกไม้ยิ้มร่า เลยถูกซากิตีแขนไปหนึ่งเผียะ ทว่าพอมาคิดดู เธอเองก็แอบอยากออกไปไหนมาไหนเช่นเดียวกับนาโอริ เพราะต่อจากนี้งานในฐานะสภานักเรียนคงจะทยอยหลั่งไหลเข้ามาจนไม่มีเวลาว่างเป็นแน่ โอกาสทองเช่นนี้ไม่คว้าไว้จะให้ทำยังไงเล่า!
ตริ๊ง
จู่ ๆ เสียงแจ้งเตือนจากมือถือของนาโอริก็ดังแทรกบทสนทนา เธอคว้ามันขึ้นมาเปิดดูก่อนจะพบว่าเป็นข้อความจากเพื่อนของเธอ ที่หมายถึงเพื่อนก่อนหน้าจะมาเข้าชิบุนางินี่เอง....
‘นาโอริ วันหยุดที่จะถึงนี้พวกเราว่าจะนัดไปร้านกาแฟของเจ้าอาโองิกัน’
‘เธอจะมาด้วยใช่ไหม?’
‘ต้องมานะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน น้า ๆ ๆ’
ดวงตาสีซากุระอ่านข้อความจนละเอียด พลันคิดว่าอยู่ดีไม่ว่าดีเพื่อนสมัยมัธยมต้นของเธอก็เกิดอยากจะนัดเจอกันขึ้นมาเสียอย่างนั้น แถมต้องการให้เธอไปด้วย ในวันหยุดที่นาโอริกำลังพูดถึงกับซากิ ช่างเหมาะเจาะอะไรปานนี้...
“ไปสินาโอะจัง ไม่ได้เจอกันก็น่าจะสักพักแล้ว” ดวงตาสีเงินวาวหรี่ลงอย่างอ่อนโยน
“อือ...แต่อุตส่าห์นัดวันกับเธอแล้วนี่นา”
“พวกเรายังมีเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันอีกตั้งมาก แต่เพื่อนเก่าจากต่างโรงเรียนเนี่ยเจอกันทีก็ยากแล้วนะ” นาโอริย่นคิ้วเหี่ยวเฉา แต่ก็ยอมเห็นด้วยกับซากิ
“พูดตามตรงฉันเริ่มจะลืมหน้าพวกเขาไปแล้วด้วยสิ ปกติก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น...” เจ้าของเรือนผมสีเงินวาวเลิกคิ้วสูงกับประโยคนั้น
“นาโอะจังโหดร้าย...”
“ก ก็มาเรียนที่นี่มันสนุกมาก จนฉันลืมชีวิตช่วงมัธยมต้นไปสนิทเลยน่ะ...”
“แบบนี้ก็ยิ่งต้องไปใหญ่เลย” นาโอริที่ได้ยินพลันตั้งท่าจะเถียง แต่มีหรือซากิจะไม่รู้ทัน
“ถึงจะไม่สนิท แต่ครั้งหนึ่งก็เคยเรียนมาด้วยกัน มีเพื่อนดี ๆ ก็ต้องรักษาไว้นะ” ประโยคของเพื่อนสาว เล่นเอานาโอริต้องเงียบไปชั่วขณะ เธอเผลอหลุบตาครุ่นคิดพักใหญ่ก่อนจะยอมพยักหน้าตกลง แม้ใบหน้าจะแสดงความไม่พึงใจออกมาก็ตาม สุดท้ายสาวเจ้าก็พิมพ์ตอบเพื่อนไปจนเสร็จ และขอตัวไปอาบน้ำนอนเพราะหนังตาเริ่มจะปิด
ทันทีที่กระโดดลงเตียงนุ่มให้ผ้านวมดูดกลืนตัวเธอเข้าไป มือเรียวยกมือถือคู่ใจมาเลื่อนดูวันเวลาที่นัดหมาย ซึ่งจะมาถึงในอีกหนึ่งวันและอดถอนหายใจไม่ได้ เพราะเดิมทีเด็กสาวก็ไม่ได้ผูกพันกับโรงเรียนเก่าและเพื่อนถึงขั้นอยากนัดเจอทุกครั้งที่มีโอกาส ที่ผ่านมานาโอริมุ่งเป้ามายังชิบุนางิเพื่อเป็นนักดาบตามความฝันเสมอ ส่วนเพื่อน ๆ ของเธอคือคนที่เข้าไม่ถึงความฝันนี้ และพลอยมองว่าเป็นไปไม่ได้อยู่ตลอด แม้พวกเธอจะไม่ได้พูดออกมาทำร้ายสาวเจ้าโดยตรง แต่สายตาลังเลยามที่รับฟังเธอพูดถึงดาบหรืออาชีพนี้ นาโอริพบเห็นมันมาตั้งแต่เด็กแล้ว มีหรือจะดูไม่ออกในแวบแรก
“ถ้าพวกนั้นรู้ว่าเราเข้าชิบุนางิจริง ๆ จะทำหน้ายังไงนะ...”
“ไม่ได้บอกพวกเขาเหรอ?” จูลิโอ้เอ่ยขึ้น นาโอริพลันส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะปิดตาลงให้ความมืดกล่อมตัวเธอให้ฝันดี
“ต่อให้บอกไป ก็ไม่มีใครสนใจหรอก...”
เวลาเดียวกันใต้ผืนฟ้าพร่างดาว....
ในห้องไม้กว้างและทึบของหนึ่งในปราสาทญี่ปุ่นโบราณ โคมไฟถูกเปิดไว้ให้แสงสลัวชวนง่วงนอน ประกอบกับเสียงกดแป้นพิมพ์ระรัวปะปนกับเสียงกดเมาส์สลับกันไป แสงจากจอคอมพิวเตอร์สาดส่องสัมผัสใบหน้าได้รูป ซึ่งจดจ้องสายตาไปข้างหน้าไม่วาง จนท้ายที่สุดก็ได้ยินเสียงกดที่แรงขึ้นส่งท้ายหนึ่งครั้งพร้อมกับหน้าจอที่วูบดับ เหลือแต่แสงจากโคมไฟที่ให้ความสว่าง ร่างร่างหนึ่งค่อย ๆ เอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้พลันถอนหายใจออกมา
“เสร็จเสียที...” ดวงตาสีนิลเป็นเอกลักษณ์สะท้อนกับแสงไฟสลัว เห็นถึงความเหนื่อยล้าเช่นเดียวกับใต้ตาที่เริ่มคล้ำเล็กน้อย
“สุดสัปดาห์นี้คงจะพอมีเวลาให้หายใจหายคอบ้าง” เสียงนุ่มเอ่ยพลางดันตัวลุกขึ้นและไปหยุดอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ให้สายลมยามค่ำคืนพัดโชยผ่านใบหน้าและเรือนผมนุ่มสีดำขลับ ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยเพราะถูกดึงดูดจากดวงจันทร์ดวงโตตรงหน้าเขา
“แอบออกไปเดินเล่นในเมืองดีไหมนะ?”
to be continue…
つづく、psrpowder