จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
ณ จัตุรัสกลางเมืองซึ่งอัดแน่นไปด้วยผู้คนเดินกันพลุ่งพล่าน เด็กสาวในชุดเสื้อเชิ้ตคอปกสีขาวนวลทับด้วยเสื้อสเวตเตอร์แขนยาวสีน้ำตาลอ่อน มีลายน่ารักตรงกลางเสื้อใส่คู่กับกางเกงยีนสีซีด รองเท้าผ้าใบสีขาวและกระเป๋าสะพายข้างคู่ใจ เรือนผมสีเปลือกไม้ถูกปล่อยสยายให้ประบ่า บัดนี้เธอกำลังจดจ้องมือถือพลางก้าวเท้าเดินไปตามถนนก่อนจะก้ม ๆ เงย ๆ อยู่นานสองนาน
“แถวนี้หรือเปล่านะ?” นาโอริกวาดตามองร้านรวงเบื้องหน้า
“ไหนบอกว่าเคยไปไง หลงเสียแล้วเหรอ?” แน่นอนว่าเธอไม่ลืมที่จะพกคู่หูจอมกวนประสาทมาให้เหน็บแนมเธอระหว่างทางด้วยเช่นกัน ดวงตาสีซากุระยังคงกลอกไปซ้ายทีขวาทีหาได้สนใจเสียงทุ้มนั่นไม่ ครานี้เธอเปลี่ยนไปเดินหาร้านจากอีกฝั่งหนึ่งและดูพิกัดจากในมือถือควบคู่ไปด้วย
จนในที่สุดก็มายืนอยู่ที่ร้านเป้าหมายจนได้....
“เจอเสียที หน้าร้านมันเปลี่ยนไปจากเดิมนี่เองเลยหาไม่เจอ”
“ก็นึกว่าเธอจะขี้ลืม”
“เงียบไปเลย!” นาโอริมุ่ยหน้าพร้อมกับผลักประตูร้านเข้าไป เสียงกระดิ่งดังกังวานบ่งบอกว่ามีลูกค้าเข้ามาใหม่ ไม่นานจึงมีใครคนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับ
“นาโอริ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!” เสียงสดใสมาจากเด็กหนุ่มสวมผ้ากันเปื้อนสีฟ้าอ่อน ดวงตาสีทองเป็นประกายทันทีที่เห็นอีกฝ่าย ก่อนเขาจะพาเจ้าตัวเดินไปยังโต๊ะที่เหล่าเพื่อน ๆ รวมตัวกันอยู่สองคน
“โอ๊ะ นาโอะจังนี่นา!” เพื่อนสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพลันโบกไม้โบกมือเรียก เธอมีผมทรงสั้นเช่นเดียวกับซากิทว่านิสัยนั้นออกแนวร่าเริงเสียมากกว่า
“อายะ มิโกะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” นาโอริวาดยิ้มทักทายเด็กสาวผมสั้นที่ชื่อ อายะ ก่อนจะนั่งลงตรงโซฟาที่ว่างข้าง ๆ เพื่อนสาวอีกคนนามว่า มิโกะ
“เธอจะรับอะไรดี สตรอเบอร์รี่ปั่นอย่างเคยไหม?” เด็กหนุ่มเอ่ย ไม่ทันไรจึงมีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
“แหม ยังจำได้อีกนะว่านาโอริชอบอะไรน่ะ” คราวนี้เป็นเสียงของมิโกะ เด็กสาวผมยาวที่นั่งติดกับนาโอริ เธอยกยิ้มกริ่มใส่คนตรงหน้า ไม่ต่างจากเพื่อนสาวอีกคนของเธอ
“นั่นสิ ทีของพวกฉันยังต้องถามใหม่เลย”
“ง เงียบไปเลยพวกเธอ...ว่าแต่เธอยังชอบทานสตรอเบอร์รี่อยู่หรือเปล่า? จะสั่งอย่างอื่นก็ได้นะ” เขาแย้งกลับทันควัน ก่อนจะหันไปถามนาโอริด้วยท่าทีร้อนรน ทว่าสาวเจ้ากลับส่ายหน้าเบา ๆ เป็นคำตอบ
“ขอบใจนะยาชิโระที่ยังจำได้ ฉันเอาเหมือนเดิมนั่นแหละ” ริมฝีปากบางยกยิ้มน่ามองให้เด็กหนุ่มที่ชื่อยาชิโระ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขากลับรู้สึกว่าอุณหภูมิรอบตัวมันร้อนขึ้นเสียอย่างนั้น
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” ครั้นนาโอริเห็นสีหน้าคนตรงหน้าที่แก้มขึ้นสีจาง ๆ เจ้าตัวจึงรีบปฏิเสธและพาตัวเองหลบเข้าไปทำเครื่องดื่มให้อย่างรวดเร็ว จนเธอได้แต่เลิกคิ้วและไม่วายต้องหันไปถามเพื่อนสาวอีกสองคนแทน
“ฉันทำอะไรผิดเหรอ?”
“เปล่าหรอก เจ้าอาโองิมันทำตัวเองน่ะ” นาโอริได้แต่เลิกคิ้วกับการตอบไม่ตรงคำถามนั่น แต่ก็ทำได้แค่ปล่อยเครื่องหมายคำถามให้ลอยหายไป
“อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนั้น ไหน ๆ นาโอะจังก็มาแล้วงั้นมาคุยเรื่องชีวิตม.ปลายแต่ละคนดีกว่า!”
หัวข้อใหม่ถูกเปิดขึ้นโดยที่นาโอริไม่ได้ตั้งตัว ทำให้สาวเจ้าได้รู้ว่าเพื่อนสมัยมัธยมต้นของเธอทั้งสองคนได้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายที่ตนมุ่งเป้าเอาไว้ และมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ เพราะมีระยะทางที่ใกล้กัน เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มที่ชื่อ อาโองิ ยาชิโระ ซึ่งเป็นเพื่อนกับนาโอริมาตั้งแต่วัยประถม จากคำเล่าของอายะ อาโองิเองก็ได้เข้าเรียนมัธยมปลายที่หวังไว้และคอยช่วยเหลือกิจการร้านกาแฟของครอบครัวไปด้วย ซึ่งร้านของเขาก็กลายเป็นจุดนัดพบประจำของสองสาวนี่ไปเสียแล้ว
“แล้วเธอล่ะนาโอริ?” ครั้นถึงตาเด็กสาวที่ต้องเล่าเรื่องของตัวเอง เธอพลันสูดหายใจลึกและพร้อมจะยอมรับปฏิกิริยาจากเหล่าเพื่อน
“ฉันเองก็ได้เข้าที่ที่อยากเข้านะ”
“ที่ไหนเหรอ?”
“โรงเรียนชิบุนางิน่ะ” ทันทีที่ได้ยินชื่อ ใบหน้าของพวกเธอก็ราวกับมีเครื่องหมายคำถามอันเบ้อเริ่มแปะกลางหน้า เป็นไปตามที่นาโอริคิดไม่ผิด สาวเจ้าจึงอธิบายเกี่ยวกับโรงเรียนของเธออีกนิดหน่อยหวังให้เพื่อนเข้าใจ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะคุ้นชื่อนี้ หากไม่ใช่คนที่สนด้านอาชีพนักดาบหรือคิดจะไปเป็นทหารของราชวงศ์ สำหรับสาวมัธยมปลายทั่วไปนั้น ชิบุนางิเป็นที่ที่ไม่เคยคิดฝันว่าอยากจะเข้าเลยล่ะ
“แบบนี้แปลว่านาโอะจังจะไปเป็นทหารเหรอ?”
“เอ๊ะ ก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอก...” นาโอริผงะไปชั่วขณะเมื่อเจอคำถามนี้ แม้ว่าเพื่อนของเธอจะยัดคำถามมาอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะจมอยู่กับคำถามก่อนหน้าไม่ไปไหนเสียที
ทหารงั้นเหรอ นาโอริไม่เคยนึกถึงอาชีพนั้นมาก่อนเลย เธอเพียงอยากสัมผัสตัวตนของนักดาบที่น่าหลงใหลก็เท่านั้นถึงเลือกเข้าชิบุนางิ ซึ่งตอนนี้ความฝันนั้นก็เป็นความจริงแล้วสำหรับนาโอริ ได้เรียนในที่ที่อยากเรียน ได้ฝึกทักษะที่นักดาบต้องมี ได้เจอคู่หูอย่างจูลิโอ้ แถมยังได้เข้าสภาเจ็ดซามูไรที่มีชื่อเสียงในวงการอาชีพนี้ด้วย
แต่พอถูกถามว่าตัวเธอเข้าชิบุนางิเพื่อเป็นทหารหรือเปล่า นาโอริก็เผลอคิดขึ้น.....
ว่าหลังจากทำความฝันตื้น ๆ ของตนเสร็จ แล้วเส้นทางต่อจากนี้ล่ะเธอจะทำอะไรต่อ?
“ฟังอยู่หรือเปล่านาโอริ?” ร่างบางสะดุ้งโหยงก่อนจะหันขวับไปหาเพื่อนซึ่งจ้องหน้าเธออยู่
“ขอโทษที เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?”
“เอ่อ ฉันอยากรู้น่ะว่าโรงเรียนพวกนักดาบเขาทำอะไรกันบ้าง?” ดวงตาสีซากุระเบิกกว้างพลันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เพื่อนสาวถาม แต่ก็ยอมเปิดปากเล่าสิ่งที่ตนเจอในรั้วโรงเรียนตั้งแต่เปิดภาคเรียน การอยู่หอพัก ชั่วโมงเรียนรวมไปถึงเทศกาลประลองดาบที่เพิ่งจะจบไปด้วย สีหน้าของผู้เป็นเพื่อนดูตกตะลึงพอสมควร ทำเอาสาวเจ้าตระหนักได้ว่าตนเองเผลอเล่ารายละเอียดที่เข้าใจยากให้สาว ๆ ฟังเสียแล้ว
“เอ่อ มันก็เป็นเทศกาลธรรมดานี่แหละ แต่แค่..”
“สุดยอดไปเลยนี่!” นาโอริชะงักเมื่อเพื่อนของเธอโพล่งขึ้น
“นี่เธอได้เป็นถึงรองแชมป์จากงานแข่งนั่นเลยเหรอ!? ทำไมไม่บอกล่ะพวกฉันจะได้ไปดู”
“พอดีฉัน...ไม่คิดว่าพวกเธอจะสนใจน่ะ แหะ ๆ” เด็กสาวเกาศีรษะแก้เก้อพลันโล่งใจที่อีกฝ่ายไม่ได้สงสัยอะไร เพราะใครจะบอกได้ล่ะว่า เธอแทบจะลืมนึกถึงเพื่อนเก่าไปแล้วน่ะ!
“แล้วเธอเอาเจ้าดาบไม้นั่นมาด้วยหรือเปล่า?”
“เอามาสิ อยู่ข้างหลังน่ะ” เด็กสาวเรือนผมสีเปลือกไม้กล่าวพร้อมกับตบถุงผ้าที่วางไว้ข้างตัว
“ไหน ขอฉันดูหน่อย!” มิโกะเอ่ยและกำลังจะเอื้อมมือไปคว้าถุงผ้า ทว่ากลับถูกนาโอริแย่งมันไปก่อนที่มือจะได้สัมผัส ดวงตาสีซากุระเบิกกว้าง เธอหวนคิดถึงข้อห้ามที่อาจารย์ซาวาเบะหรือแม้แต่ฮินาวะเองก็เคยพูดเอาไว้ ว่าหากไปสัมผัสกับดาบที่ไม่ใช่คู่พันธสัญญาของตนเองก็จะถูกมันแผดเผาจนปวดแสบปวดร้อน
“จับไม่ได้นะ มันอันตราย”
“โธ่ มันเป็นดาบไม้ไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” เด็กสาวจอมดื้อดึงกล่าวและพยายามแย่งมันไปจากเจ้าของ
“ก็บอกว่าไม่ได้ไง!” นาโอริตวาดเสียงดัง ก่อนจะใช้มือของตนปัดมืออีกฝ่ายทิ้งทันทีที่ปลายนิ้วนั้นจะสัมผัสกับด้ามดาบที่โผล่พ้นถุงออกมา
เสียงตวาดก้องไปทั่วร้านจนเริ่มเป็นจุดสนใจ ดวงตาสีซากุระวูบไหวพลันจ้องมองใบหน้าตกตะลึงของทั้งสอง ครั้นตระหนักว่าตัวเองเผลอทำอะไรลงไป เรื่องที่เกิดขึ้นอาจสร้างความไม่พอใจให้แก่เพื่อนได้ เพราะแววตาของพวกเธอกำลังฉายความกลัวเล็ก ๆ ออกมา
วินาทีนั้นนาโอริคิดได้เพียงแค่อยากออกไปจากที่นั่นให้เร็วที่สุด สองขาจึงพาร่างบางให้วิ่งออกไปจากร้านพร้อมกับสัมภาระ ปล่อยให้เพื่อนสาวสองคนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น เช่นเดียวกับอาโองิที่เพิ่งจะนำเครื่องดื่มและขนมที่ตั้งใจเตรียมให้เป็นพิเศษมาวางที่โต๊ะ
“น นาโอริ เธอจะไปไหน!?” เขาตะโกนลั่น ทว่าร่างของเจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้กลับค่อย ๆ ห่างออกไป
“พวกเธอไปพูดอะไรหรือเปล่าเนี่ย?”
“พ พวกเราเปล่านะ! ก็แค่จะขอดูดาบเท่านั้นเองแต่นาโอริก็ปฏิเสธเสียงแข็งเลย” ดั่งจิตใจที่ว้าวุ่น อาโองิจึงรีบวางถาดขนม ถอดผ้ากันเปื้อนและวิ่งตามเด็กสาวไปทันที
นาโอริที่วิ่งฝ่าหมู่คนออกมาไม่คิดชีวิตพลันหวนนึกถึงภาพใบหน้าตกตะลึงของเพื่อน นั่นยิ่งบีบให้เธอก้าวขาต่อไป หากเป็นไปได้เจ้าตัวคงอยากจะวิ่งกลับบ้านหรือกลับหอไปทั้งอย่างนี้เลยเสียด้วยซ้ำ ร่างบางวิ่งมาจนถึงบริเวณทางเข้าสวนสาธารณะ ซึ่งยังคงมีผู้คนเดินไปมา ในขณะที่เธอคิดว่าคงมาไกลพอและคิดจะหยุดวิ่ง....
ปัก!
“โอ๊ย!”
เธอกลับพุ่งเข้าใส่อะไรบางอย่างจนลงไปนั่งกับพื้น
นาโอริกุมศีรษะที่ปวดตุบ ก่อนจะมองว่าตนเองชนเข้ากับใคร ทว่ามันกลับรู้สึกเดจาวูเอามาก ๆ เพราะอีกฝ่ายดันเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง หนำซ้ำยังดูรุ่นราวคราวเดียวกับองค์ชายรัชทายาทผู้นั้นอีก แตกต่างกันที่เขามีเรือนผมสีดำขลับและสวมแว่นตาทรงสี่เหลี่ยมเท่านั้น
“ตายจริง ขอโทษนะ เจ็บตรงไหนไหม?” นาโอริรีบดันตัวลุกไปหาเขา
“ไม่เป็นไร พอดีผมเองก็ไม่ได้มอง...” หากตาไม่ฝาดสาวเจ้าเหมือนเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าเบิกตากว้างทันทีที่เงยหน้ามอง เธอก่อนจะจับมือของเด็กสาวและพยุงตัวให้ลุกขึ้น นาโอริมองคนตัวเล็กกว่าในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวทับด้วยเสื้อกั๊กหนัง มีฮู้ดสีดำเลื่อมเข้ากับกางเกงยีนสีดำและรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาด ที่ข้อมือมีนาฬิกาเรือนสวยและกำไลข้อมือหินสวยงาม ดู ๆ แล้วเขาก็มีฐานะพอตัวเลยล่ะ
“เอ่อ พี่ไม่เจ็บตรงไหนเหมือนกันใช่ไหม?” เสียงที่ฟังแล้วรื่นหูออกมาจากเด็กหนุ่มตรงหน้าทำเอานาโอริ
สะดุ้งเล็กน้อย พลันเหลือบมองไปทางที่ตนเพิ่งวิ่งมาจนอีกฝ่ายได้แต่เลิกคิ้วสงสัย
“ฉ ฉันแค่วิ่งมาเฉย ๆ น่ะ ไม่ได้หนีอะไรมาเลยนะ” นาโอริรีบร้อนแก้ต่างทันใด
“คือผมยังไม่ได้ถามว่า...”
“นาโอริ!” เสียงทุ้มดังขึ้นตามมาด้วยสัมผัสที่ข้อมือของนาโอริ ภาพที่เห็นคือร่างของอาโองิที่หอบหายใจตัวโยนขณะที่จับแขนของเธออยู่ เด็กสาวจึงรู้ทันทีว่าเพื่อนสมัยเด็กของเธอคงเห็นเหตุการณ์เมื่อตอนนั้นและวิ่งตามเธอมาเป็นแน่
“ยาชิโระ นายตามมาทำไม?”
“เธอนั่นแหละวิ่งหนีมาทำไม?” เขาเอ่ยทั้ง ๆ ที่ยังหอบหายใจอยู่
“เพื่อนคนอื่นเขาไม่ได้โกรธเธอเลยนะ เธอไม่จำเป็นต้องวิ่งออกมาแบบนี้”
“ต แต่ว่าฉันดันไปขึ้นเสียงใส่พวกเธอ...”
“สองคนนั้นเองก็ผิดที่ไปแตะต้องของของเธอทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะงั้นกลับไปนั่งเคลียร์กันดี ๆ เถอะนะ พวกอายะเป็นห่วงเธอจะแย่”
“ฉัน...” เด็กสาวไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไร เพราะในใจของเธอลึก ๆ ก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะกลับไปนั่งสนทนาต่อ ราวกับตอกย้ำว่าตัวเธอเองไม่ได้อยากจะมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เมื่อคิดเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกผิดจนไม่สามารถเอ่ยมันออกไปได้
“นาโอริ...”
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ” เด็กหนุ่มสวมแว่นเอ่ยแทรกบรรยากาศน่าอึดอัดนี้พลางเดินเข้าไปหาทั้งสอง ก่อนจะจับมือของอาโองิแยกจากแขนนาโอริ และยิ่งทำให้สาวเจ้าต้องอ้าปากค้างยิ่งกว่า เมื่อจู่ ๆ เขากลับเอื้อมมากอบกุมมือของเธอไว้หลวม ๆ แทนเสียอย่างนั้น
“พอดีพวกเรานัดว่าจะไปเที่ยวกันต่อน่ะครับ พี่เขาคงจะกลับไปกับคุณไม่ได้หรอกนะ” ท่ามกลางสายตาฉงนของคนทั้งสอง เด็กหนุ่มเรือนผมสีดำขลับไม่รีรอคำตอบพร้อมจูงมือนาโอริให้เดินออกไปทั้งอย่างนั้น
ดวงตาสีซากุระลอบมองคนตัวเล็กกว่าจากด้านหลัง พลันพยายามสงบจิตสงบใจจากไออุ่นที่แผ่จากมือนุ่มนั้น เพราะตอนนี้หัวใจมันกำลังเต้นระรัวจนใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด ทว่าความรู้สึกนั้นกลับคงอยู่ได้เพียงชั่ววูบ เมื่อนาโอริถูกพามาถึงใจกลางสวนสาธารณะและอีกฝ่ายเลือกที่จะปล่อยมือสาวเจ้าออก ไม่นานเขาจึงหันกลับมามองเธอ
“เท่านี้ก็น่าจะไม่ตามแล้วล่ะ” เด็กหนุ่มกล่าวพลางชะเง้อมองด้านหลังนาโอริ แต่หารู้ไม่ว่าเขาดันทำเจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้กลายเป็นใบ้ไปชั่วขณะเสียแล้ว
“นี่พี่...พี่!”
“คะ!” นาโอริขานรับเสียงหลงก่อนจะตระหนักว่ากำลังถูกมองอยู่
“ไหวหรือเปล่า? สีหน้าดูไม่ดีนะ”
“จ จริงเหรอ?” เด็กสาวใช้มือสองข้างคลำแก้มนวลไปมาจนดูน่ารัก เธอได้แต่เลิ่กลั่กกลัวว่าจะเผลอแสดงสีหน้าน่าอายออกไปหรือเปล่า
“อือ มันแดง ๆ”
“เอ๊ย พอเลย หยุด!” ราวกับคนถูกจับไต๋ได้ นาโอริรีบห้ามไม่ให้เขาเอ่ยคำต่อไป แต่ดวงตากลมเป็นต้องเบิกกว้าง เพราะแทนที่เขาจะเลิกพูดเด็กหนุ่มกลับหลุดหัวเราะออกมาเสียอย่างนั้น
“ขอโทษที แต่มันอดไม่ได้...อุ๊บ”
“หัวเราะเยาะคนอื่นมันเสียมารยาทนะ!” นาโอริเบ้ปากทั้งที่ยังจ้องคนตรงหน้ากลั้นขำอย่างสุดกำลัง
“โอเค ๆ ผมไม่ขำแล้วก็ได้...” ร่างเล็กกระแอมเพื่อปรับสีหน้า ครานี้เขาจึงเริ่มถามคนที่เพิ่งจะช่วยมาหมาด ๆ ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
“ผมถามได้ไหมว่าพี่วิ่งหนีผู้ชายคนนั้นมาทำไม?” นัยน์ตาสีซากุระพลันสั่นไหวเล็กน้อย ทว่าสัญชาตญาณของเธอกลับบอกเป็นนัยว่าเด็กหนุ่มคนนี้สามารถเชื่อใจได้ แถมการได้ระบายออกไปอาจจะช่วยผ่อนคลายได้เหมือนกัน....
ไม่นานนาโอริจึงตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คนตรงหน้าฟังอย่างใจเย็น เช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่รับฟังโดยไม่ปริปากใด ๆ เมื่อเล่าจบมันเลยทำให้นาโอริพลันหวนนึกถึงคำถามหนึ่งของเพื่อนสาว ว่าเธอเข้าเรียน ณ ที่แห่งนี้เพราะต้องการเป็นทหารหรือเปล่า แม้แต่เจ้าตัวเองก็มืดแปดด้านและเริ่มไม่เข้าใจแล้วว่าตัวเองอยากจะเข้าเรียนที่นี่ไปเพราะอะไร
“ไม่ใช่เพราะว่าพี่ชอบมันหรอกเหรอ?”
“ฉันก็ชอบมันนะ...แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ต้องไปเป็นทหารหรือนักดาบมืออาชีพน่ะ ฉันแค่อยากจับดาบ มีดาบของตัวเองเท่านั้นเอง”
“แล้วทำไมจะต้องไปให้ถึงขั้นนั้นด้วยล่ะ?”
“ก็...ไม่งั้นจะเรียนไปทำไม?” สิ้นประโยคคนรับฟังพลันถอนใจเบา ๆ ทำเอานาโอริเป็นกังวลว่าตนกล่าวอะไรผิดไปหรือเปล่า
“ของแบบนั้นแค่มีความชอบก็พอแล้ว เรื่องหลังจากเรียนจบอะไรนั่นปล่อยให้อนาคตจัดการเถอะ”
“นายคิดแบบนั้นเหรอ...” ดวงตากลมหลุบต่ำพลันทำหน้ามุ่ย หัวใจเกิดความชุ่มชื้นขึ้นบ้างทว่ายังคงเต้นระรัว ก่อนจะรู้สึกถึงแรงจับที่ข้อมือ ครั้นเป็นเด็กหนุ่มที่จับมันไว้และพยายามจะดึงให้เดินไปด้วยกัน
“ป ไปไหนเหรอ? มาไกลขนาดนี้เพื่อนฉันคงจะไม่เห็นแล้วล่ะ” เขาชะงักลงพร้อมกับใบหน้าชวนมองที่หันกลับมา
“พูดอะไรน่ะ เรายังมีนัดที่ต้องไปกันอีกนี่?”
“หา? ไม่ใช่ว่าแค่โกหกเฉย ๆ เหรอ?” นาโอริเลิกคิ้วสูงพลันอ้าปากค้าง
“ตอนแรกก็ใช่ แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว พี่ต้องเป็นคนนำเที่ยวตอบแทนผมยังไงล่ะ” ว่าแล้วเขาจึงดึงตัวเด็กสาวให้เดินไปด้วยกัน ยิ่งเพิ่มความสับสนให้นาโอริเป็นเท่าตัว ทว่าสาวเจ้าเองก็แอบเห็นด้วยกับคำพูดของเขา เพราะที่เธอหลุดพ้นจากบรรยากาศอึดอัดนั้นได้ก็เป็นเพราะคนตรงหน้า หนำซ้ำแต่งตัวมาพร้อมเที่ยวแบบนี้จะให้กลับบ้านเลยคงน่าเสียดายจริง ๆ นั่นแหละ!
นาโอริพลันก้าวยาวให้ตีคู่กับอีกฝ่ายจะได้ไม่ถูกดึง แต่ดูเหมือนเจ้าหนุ่มแว่นคนนี้จะไม่ยอมปล่อยข้อมือเธอง่าย ๆ
“ว ว่าแต่ถ้าจะไปเที่ยว อย่างน้อยก็ช่วยบอกชื่อกันก่อนสิ” นาโอริเอ่ย พาให้ร่างเล็กหยุดเดินพลางหันขวับมาทางเธอ
“ฉันชื่อ นาโอริ แล้วนายล่ะ?” เด็กสาวแนะนำตัวก่อน พลันมองอีกฝ่ายที่ทำท่าครุ่นคิดอยู่นานสองนานจนคนเอ่ยถามได้แต่เอียงคอสงสัย แต่แล้วเขาก็หันหน้ามาสบนัยน์ตาสีซากุระด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนดุจส่ายลมยามบ่ายที่พัดเพ ช่างดูงดงามและน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน
“เรียกผมว่า...โซว์ ก็แล้วกันนะ”
to be continue….
つづく、psrpowder