จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน

7 Samurai - ตอนที่18 นัดที่ไม่ได้นัด(3) โดย psrpowder @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

7 Samurai

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี

รายละเอียด

จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน

ผู้แต่ง

psrpowder

เรื่องย่อ

สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่ Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)



เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!

ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)

เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ

ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!) 

แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )

 
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา 


==============================================

***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***

แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง 

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

==============================================

ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้ 

ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว



มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย 
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ



 "ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"

"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"



มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย 
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย



"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"

"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"



มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา



"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"

"คุณ...คือใคร?"
 

มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน

 

"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"

"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
 

==============================================


เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;

ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ! 

ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)


よろしく、psrpowder 

สารบัญ

7 Samurai-ตอนที่1 การเริ่มต้นใหม่,7 Samurai-ตอนที่2 คู่หู,7 Samurai-ตอนที่3 เก่งกาจ,7 Samurai-ตอนที่4 ลังเล,7 Samurai-ตอนที่5 ทดสอบ,7 Samurai-ตอนที่6 สายสัมพันธ์ใหม่(1),7 Samurai-ตอนที่7 สายสัมพันธ์ใหม่(2),7 Samurai-ตอนที่8 สายสัมพันธ์ใหม่(3),7 Samurai-ตอนที่9 สายสัมพันธ์ใหม่(4),7 Samurai-ตอนที่10 ฝึกมือ,7 Samurai-ตอนที่11 เปิดเผย,7 Samurai-ตอนที่12 ถึงเทศกาลแล้ว!,7 Samurai-ตอนที่13 แข่งคู่ที่สอง,7 Samurai-ตอนที่14 ชิงชนะเลิศ,7 Samurai-ตอนที่15 เซอร์ไพรซ์ต้อนรับ!,7 Samurai-ตอนที่16 นัดที่ไม่ได้นัด(1),7 Samurai-ตอนที่17 นัดที่ไม่ได้นัด(2),7 Samurai-ตอนที่18 นัดที่ไม่ได้นัด(3),7 Samurai-ตอนที่19 ติวหนังสือให้ทีสิ,7 Samurai-ตอนที่20 คอร์สสอนเฉพาะกิจ,7 Samurai-ตอนที่21 ชั่วโมงประวัติศาสตร์,7 Samurai-ตอนที่22 วันสอบที่ผ่านไปด้วยดี,7 Samurai-ตอนที่23 ภารกิจพิเศษ(1),7 Samurai-ตอนที่24 ภารกิจพิเศษ(2),7 Samurai-ตอนที่25 ภารกิจพิเศษ(3),7 Samurai-ตอนที่26 ภารกิจพิเศษ(4),7 Samurai-ตอนที่27 ความล้มเหลวและหนทางแก้ไข,7 Samurai-ตอนที่28 ดุจกำลังใจ,7 Samurai-ตอนที่29 ข่าวร้ายกับแผนการตีกรอบ,7 Samurai-ตอนที่30 เริ่มแผน!,7 Samurai-ตอนที่31 ฝ่าฝืน,7 Samurai-ตอนที่32 ช่วยเหลือ,7 Samurai-ตอนที่33 จิตสังหาร,7 Samurai-ตอนที่34 แลกด้วยชีวิต,7 Samurai-ตอนที่35 คำโกหกเพื่อปลอบโยน,7 Samurai-ตอนที่36 เยี่ยมไข้,7 Samurai-ตอนที่37 เรื่องราวที่อยากเล่า,7 Samurai-ตอนที่38 ความตั้งใจอันแน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่39 ตามรอย,7 Samurai-ตอนที่40 เหตุร้ายที่เกิดไปพร้อมกัน,7 Samurai-ตอนที่41 แผลใจฝังลึก,7 Samurai-ตอนที่42 เรื่องด่วนและเรื่องร้าย,7 Samurai-ตอนที่43 ความคิดที่ไม่ได้บอก,7 Samurai-ตอนที่44 เชื่อใจ,7 Samurai-ตอนที่45 ข้ออ้างเพื่อตัวเอง,7 Samurai-ตอนที่46 แน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่47 ไม่อยากพลาดโอกาส,7 Samurai-ตอนที่48 จิตสำนึกต่อต้าน,7 Samurai-ตอนที่49 ไม่เข้ากัน,7 Samurai-ตอนที่50 ต้นตอของอาการ,7 Samurai-ตอนที่51 นึกสงสัย,7 Samurai-ตอนที่52 คัดเลือก,7 Samurai-ตอนที่53 กลับบ้าน,7 Samurai-ตอนที่54 โลกเสมือน,7 Samurai-ตอนที่55 ผู้ร่วมทาง,7 Samurai-ตอนที่56 ตามรังควาน,7 Samurai-ตอนที่57 ผู้ร่วมทางอีกคน

เนื้อหา

ตอนที่18 นัดที่ไม่ได้นัด(3)

ท้องฟ้าครามปกคลุมด้วยเมฆขาวนวล คอยชะลอแสงตะวันร้อนระอุให้กับมนุษย์สองขาเบื้องล่าง บัดนี้เป็นเวลาสมควรที่ท้องจะร้องกิ่วเรียกหาพลังงานหลังจากถูกผลาญไปในช่วงเช้า ละแวกร้านอาหารริมทางหรือคาเฟ่ขนมหวานจึงพลุกพล่านไปด้วยผู้คน เช่นเดียวกับนาโอริและเด็กหนุ่มนามว่า โซว์ ที่กำลังเดินตระเวนมองร้านนู่นทีนี่ที 

ครั้นสาวเจ้าถูกอีกฝ่ายมัดมือชกให้นำเจ้าตัวเที่ยวโดยรอบนี้ แต่โซว์กลับบอกว่าเขาไม่ได้อยากไปที่ไหนเป็นพิเศษ งานใหญ่เลยตกอยู่ที่นาโอริทำเอาเธอนึกเหนื่อยหน่ายในใจ ว่านอกจากต้องมาเดินเที่ยวกับคนที่เพิ่งรู้จักไม่ถึงชั่วโมง ยังต้องคิดแผนเที่ยวด้วยตัวเองอีก ทัวร์เฉพาะกิจนี่จะรอดไหมนะ?

.

.

.

“ถ้าอยากแวะหลาย ๆ ร้านผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ” 

โซว์เอ่ยพลางเท้าเอวมองนาโอริที่หันซ้ายขวาอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะตัวเลือกนั้นช่างมากมายเสียจนตัดสินใจไม่ถูก 

“นายพูดจริงเหรอ!?” นัยน์ตาสีซากุระทอประกายระยิบระยับราวกับเด็ก พลันทำเอาคนตัวเล็กกว่าเหงื่อตก

“ถอนคำพูดทันไหมเนี่ย...”

“ไม่ทันแล้ว งั้นไปมันทุกร้านเลยแล้วกัน!” ร่างบางไม่รีรอ เธอคว้าแขนของอีกฝ่ายและวิ่งไปยังร้านอาหารริมทางแห่งหนึ่งเร็วยิ่งกว่าแสง



แล้ว...ไอ้ความกังวลก่อนหน้านี้มันหายไปไหนหมดล่ะเนี่ย



ด้วยเหตุนี้ทัวร์แห่งการเดิน กินและเที่ยวจึงเริ่มต้นขึ้น



นาโอริพาเพื่อนร่วมทางของเธอไปลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นชื่อดังมากมายที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักไม่ว่าจะเป็น ทาโกยากิลูกพอดีคำอัดแน่นด้วยเนื้อปลาหมึกเหนียวนุ่ม โอโคโนมิยากิเครื่องแน่นที่กัดตรงไหนก็ต้องมีเสียงกรุบกรอบของผักกะหล่ำและความชุ่มฉ่ำของเนื้อหมูสุกกำลังดี ไหนจะมีราเมงร้อน ๆ ชามโตชวนน้ำลายสอ ปิดท้ายด้วยคาเระปังหรือขนมปังหวานสอดไส้แกงกะหรี่ให้รสหวานเค็มกำลังดี

“นายลองกินดูสิ” นาโอริยิ้มร่าพลางยื่นขนมปังชิ้นโตที่เพิ่งจะซื้อสำหรับสองคนมาให้เด็กหนุ่ม เขาเอื้อมมือรับมันไว้ทว่าดวงตาสีนิลสวยยังคงจับจ้องที่คนตรงหน้าไม่วาง

“แค่ได้กินเจ้าพวกนี้ก็มีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“แน่นอนสิ! พอได้กินของอร่อย ใครก็มีความสุขทั้งนั้นแหละ!” เธอเอ่ยพร้อมกัดขนมปังไปคำหนึ่ง

“แปลกดีจัง...” โซว์พึมพำเบาหวิว ก่อนจะเหลือบมองผู้คนที่สัญจรไปมารอบตัว ในมือพวกเขามีทั้งอาหารและขนมหลากหลายชนิดที่ซื้อตามร้าน ใบหน้าของพวกเขายามได้ทานของกินในมือนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ช่างดูมีความสุขเอามาก ๆ 

            

อาจจะมากเสียจนเขาเอื้อมไม่ถึงด้วยซ้ำ...



“เหมือนเวทมนตร์เลยนะ”

“ใช่! งั้นนายก็ต้องรีบกินเจ้าเวทมนตร์นี่เข้าไปแล้วล่ะ จะได้ยิ้มออกมากว้าง ๆ” นาโอริเอ่ยพลางใช้สองนิ้ววาดรอยยิ้มบนใบหน้าให้อีกฝ่ายดู

“ดูท่าจะได้ผลกับพี่นะ ก่อนหน้านี้ยังทำหน้าบึ้งตึงอยู่เลย”

“โธ่ เรื่องในอดีตก็ปล่อยมันไปเถอะน่า ตอนนี้ฉันอยากฟินกับอาหารพวกนี้มากกว่า”

“ดีจริงนะครับ...ถ้าเราทำได้แบบเธอก็ดีสิ” คำพูดสุดท้ายนั้นเบาเสียจนกลืนหายไปกับเสียงเจี๊ยวจ๊าวของผู้คนในละแวกนั้น

“เมื่อกี้นายพูดอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่านี่ครับ พี่หูฝาดแล้วล่ะ” โซว์เอ่ยไม่ยี่หระพลันกัดขนมปังเข้าปาก ปล่อยให้สาวเจ้าเลิกคิ้วสูงอยู่อย่างนั้น สุดท้ายนาโอริจึงหันกลับไปเพลิดเพลินกับอาหารเลิศรสในมือต่อ  



เสร็จสิ้นการหยุดพักพูดคุย ทัวร์เดินกินก็ตะลอนไปยังเป้าหมายอื่น ๆ ต่อ จบมื้อของคาวไปแล้วก็ต้องตามด้วยของหวานสิถึงจะถูก!

นาโอริรีบตรงดิ่งไปยังร้านแรกที่เข้ามาในสายตาอย่าง ร้านมิทาราชิดังโงะ หรือ ดังโงะเหนียวนุ่มเคลือบด้วยซอสถั่วเหลืองหวานฉ่ำ และยังตามด้วยขนมโมจิสีขาวสอดไส้ผลไม้นานาชนิด แน่นอนว่าคนรักสตรอร์เบอรี่อย่างเธอไม่พลาดที่จะสั่งไส้สตรอร์เบอรี่มาทานให้ชื่นใจ โดยไม่ลืมสั่งมาให้เด็กหนุ่มที่เริ่มจะสงสัยว่ากระเพาะเด็กสาวเป็นหลุมดำหรืออย่างไรกัน

ครั้นนึกในใจดวงตาสีนิลพลันเผลอลอบมองคนข้างกายไม่วาง จนกระทั่งร่างบางชะงักเท้าไม่บอกกล่าว และเห็นสายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่ป้ายประกาศของร้านคาเฟ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีข้อความว่า พิเศษ! ต้อนรับสิ้นปีกับพาเฟ่ต์ผลไม้รวม!  ถูกเขียนไว้ 

“ว้าว...” เด็กสาวอุทาน

“อย่าบอกนะ”

“ที่สุดท้ายแล้ว จริง ๆ นะ จะได้ถือโอกาสนั่งพักขาด้วยไง” นัยน์ตาสีซากุระส่องแววประกายให้อีกฝ่าย ทำเอาโซว์ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

“สุดท้ายแน่นะครับ”

“แน่นอน!” เธอรับปากพลันยกนิ้วโป้ง ว่าแล้วทั้งสองจึงพากันเข้าไปในคาเฟ่ตกแต่งด้วยของตุ๊กตาน่ารักและริบบิ้นหลากสีให้ความรู้สึกสดใส ครั้นได้ที่นั่งนาโอริพลันสั่งเมนูที่ต้องการทันควัน กระทั่งพนักงานเดินจากไปจึงเป็นช่วงเวลาที่ได้ชื่นชมการแต่งอันสร้างสรรค์ของร้าน และไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดต่อกัน ก่อนจะเป็นนาโอริที่ลอบมองเด็กหนุ่มซึ่งกำลังเหม่อมองของในร้าน

เธอมองไปยังนัยน์ตาสีนิลนั่น พลันนึกประหลาดใจกับตัวเองที่ไม่สัมผัสถึงความอึดอัดเหมือนตอนอยู่กับคนแปลกหน้าคนอื่นเลย เป็นเพราะเขาอายุใกล้เคียงกับเธอ หรือเพราะโซว์ไม่ได้แสดงท่าทีให้ชวนอึดอัดกันแน่?



แต่นาโอริไม่ได้รู้สึกไปเอง....ที่เหมือนว่าเธอจะคุ้นชินกับโซว์จนไม่ต้องเสแสร้งต่อหน้าเขา ราวผูกพันกับเขา...



จนหัวใจเผลอเจ็บแปล๊บ ยามสังเกตแววตาไร้ความตื่นเต้นที่ฉายออกมา 

“โซว์ นายสนุกหรือเปล่า?” เจ้าของชื่อหันขวับมองใบหน้าน่ารักก่อนจะตอบกลับ

“สนุกสิ ทำไมพี่ถึงถามแบบนั้นล่ะ?”

“ก็ฉันเห็นนายทำหน้าบึ้งตึงตลอดเลยนี่นา นาน ๆ ทีถึงจะยิ้มบ้างอย่างกับพวกผู้ใหญ่วัยทำงานอะไรแบบนั้น”

“หน้าผมมันบ่งบอกขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“แหงสิ ขนาดคนอย่างฉันยังดูออกเลย...หรือว่านายเครียดกับชีวิตในโรงเรียน? หรือเป็นพวกจริงจังกับชีวิต? เอ๊ะ หรือจะเป็น...”

“เดี๋ยว ๆ ไม่ตรงสักอย่างเลยนะนั่น” โซว์โบกมือหย็อย ๆ เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นเด็กสาวจึงยิ่งสงสัยเข้าไปอีก เธอได้แต่เลิกคิ้วเอียงคอให้เขา เด็กหนุ่มพลันแสดงท่าทีลังเลใจออกมาเห็นได้ชัด ราวกับกำลังตัดสินใจว่าควรเอ่ยสิ่งใดออกไปดี และไม่นานเจ้าตัวจึงทอดถอนใจพลันอ้าปากเอ่ย

“ผมก็แค่...เหนื่อยน่ะ”

“ฉันถามได้ไหมว่าเรื่องอะไร?” นาโอริเอ่ยก่อนจะเป็นอีกฝ่ายที่พยักหน้าเบา ๆ ตอบ

“มันอธิบายยากน่ะ เอาเป็นว่าผมต้องช่วยงานของ…ครอบครัวจนไม่ค่อยจะได้พักเท่าไหร่” เด็กหนุ่มนวดหัวตาเบา ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงใสอุทานขึ้น

“เดี๋ยวนะ ถ้านายต้องช่วยงานที่บ้าน แล้วทำไมถึงออกมาเดินเที่ยวข้างนอกล่ะ?”

“ก็แอบหนีออกมาน่ะสิ” โซว์ตอบอย่างไม่ยี่หระในขณะที่นาโอริถึงกับอ้าปากค้าง

“หา!? แบบนี้ก็แย่แล้วสิ หายออกมานานขนาดนี้ พ่อแม่นายเขาไม่ตามหากันให้วุ่นเหรอ?”

“ไม่ตามหรอก คนแบบนั้นน่ะ....” 

ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่งเสียงในร้านพลันอื้ออึง เช่นเดียวกับคำพูดที่ติดในลำคอยามมองสีหน้านิ่งเรียบของเด็กหนุ่มตรงหน้า ถึงน้ำเสียงจะสงบดังเดิม ทว่าแววตาสีนิลกลับกำลังสะท้อนความรู้สึกซึ่งแม้แต่นาโอริก็ไม่มีทางจะเข้าใจได้ ราวกับมันเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยได้สัมผัส 

“เอ่อ..” ดวงตาสีซากุระสั่นไหวริมฝีผากเผยอขึ้น พยายามนึกสิ่งที่จะพูดต่อเพื่อขจัดความอึดอัดตรงหน้านี้



“ของหวานมาเสิร์ฟแล้วค่ะ ขอโทษที่ให้รอนะคะ” เสียงจากพนักงานสาวช่วยพังบรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกลงไปได้มาก เธอวางถ้วยขนมหวานทรงสูงที่ประดับด้วยผลไม้ชิ้นเล็กหลากสีและก้มโค้งให้ลูกค้าของเธอ ครั้นร่างของพนักงานค่อย ๆ ไกลออกไป จึงเปิดโอกาสให้นาโอริเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“โซว์ คือว่า...ขอโทษนะ”

“พี่ขอโทษผมทำไม?”

“ฉันไม่น่ายุ่งเรื่องของนายเลย คราวนี้นายทำหน้าเศร้ากว่าเดิมเสียอีก” เด็กสาวมุ่ยหน้าห่อเหี่ยวพลางถอนใจ ก่อนจะรู้สึกเจ็บตรงหน้าผากเหมือนถูกอะไรบางอย่างดีดใส่ และไม่พ้นเป็นมือของโซว์ที่ยังค้างท่าดีดนิ้วอยู่ตรงหน้าของนาโอริ

“ปัญหาของผม ผมจัดการเองได้น่า พี่อย่าเอามันไปใส่หัวเลย”

“นายไม่โกรธ?” เขาส่ายหน้าทันควัน

“ไม่ได้โกรธครับ แต่ถ้าพี่ไม่ยอมกินเจ้านี่จนมันละลายเละเทะผมจะโกรธจริง ๆ นะ” นาโอริรีบเปลี่ยนอารมณ์ทันควันครั้นมองขนมหวานตรงหน้าพร้อมลากแก้วทรงสูงเข้ามาหาตัว ทว่าเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับสาว ๆ ทุกคนเมื่อเจอขนมหวานสวยงามเช่นนี้ มีหรือจะไม่ยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพ

“ยังจะถ่ายอีกเหรอพี่?”

“สวยแบบนี้ไม่ให้ถ่ายได้ยังไง” ว่าแล้วมือเรียวจึงตั้งกล้องจากโทรศัพท์ขึ้นมาและจัดองค์ประกอบรูปภาพ เมื่อขนมอยู่ในเฟรมเด็กสาวตั้งใจจะกดถ่าย แต่แล้วเธอกลับเกิดความคิดซุกซนเลยเลื่อนเฟรมกล้องให้จับภาพใบหน้าของอีกฝ่ายคู่กับขนมหวานก่อนจะกดปุ่มถ่าย และไม่วายยื่นมือถือคู่ใจให้เด็กหนุ่มดูพลางหัวเราะร่า

“ดูสิถ่ายติดใคร”

“เดี๋ยว ถ่ายตอนไหนเนี่ย?” โซว์ถึงกับต้องดีดตัวจากพนักเก้าอี้มาจ้องจอมือถือนั้น พลันอาศัยความมือไวคว้ามันมาจากมือของนาโอริ ขนาดที่ว่าเจ้าของมือถือยังมองไม่ทันและรีบกดลบมันออกไป

“โธ่ ลบทำไมล่ะ”

“ถ่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ต้องลบ”

“เหอะ ตามใจทีนี้เอามือถือฉันคืนมาได้แล้ว” เด็กหนุ่มยอมส่งมันคืนให้แต่โดยดี ก่อนจะยกมือถือของตัวเองขึ้นมาและตั้งท่าถ่ายรูปนาโอริ

“พี่ยิ้มสวย ๆ นะ” แม้จะไม่ทันตั้งตัวแต่สาวเจ้าก็รีบวาดรอยยิ้มบนใบหน้าได้จังหวะกดถ่ายรูปของอีกฝ่าย ไม่เช่นนั้นคงได้มีรูปน่าอายออกมาเป็นแน่ โซว์ยื่นโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายดูก่อนจะยกยิ้มน้อย ๆ 

“กล้องผมถ่ายสวยกว่าเยอะ ไว้จะส่งให้นะ”

“ให้ตายสิ จู่ ๆ ก็บอกให้ยิ้ม”

“ไม่งั้นจะยอมให้ถ่ายเหรอ?” นาโอริมุ่ยหน้าพลันคว้าถ้วยขนมหวานมารับประทานก่อนที่มันจะละลายไปมากกว่านี้ วินาทีที่ไอศกรีมซึมซาบเข้าปาก ช่างเป็นเวลาที่มีความสุขจนห้ามไม่อยู่ เธอได้แต่คิดว่าอยากให้เจ้าสิ่งในถ้วยนี้คงอยู่ตลอดไปก็คงจะดี 

“กินของแบบนี้เข้าไปได้ยังไง ทั้งที่เพิ่งจะกินปริมาณขนาดนั้นไปแท้ ๆ”

“ทำได้ก็แล้วกัน” นาโอริเชิดหน้าใส่ก่อนจะตักขนมเข้าปากอีกคำหนึ่งและยิ้มอย่างมีความสุข จนไม่ทันได้สังเกตว่าคนตรงข้ามเธอเองก็เผลอยกยิ้มออกมาเช่นกัน หนำซ้ำยังนุ่มนวลกว่าปุยเมฆเสียอีก

.

.

.

หลังจากเด็กสาวเพลิดเพลินกับของหวานแสนอร่อยจนเรียบร้อย ก็เป็นเวลาอันสมควรที่ทั้งสองคนต้องแยกย้ายกัน เนื่องจากท้องฟ้าด้านนอกคาเฟ่เริ่มจะชโลมสีส้มอมแดง โชคดีที่ค่าอาหารและของหวานส่วนใหญ่ในครานี้นาโอริหารกับเด็กหนุ่ม สาวเจ้าจึงไม่เสียทรัพย์ส่วนตัวไปมากและมีเหลือกลับบ้านด้วย แม้โซว์จะเสนอออกให้มากกว่าแต่ในเมื่อมาด้วยกัน ก็ต้องหารกันสิ!

.

.

.

บัดนี้พวกเขาเดินกลับมาบริเวณสวนสาธารณะซึ่งไม่ค่อยมีผู้คนเท่ากับเมื่อตอนเช้า เด็กสาวบอกลาเพื่อนร่วมทางของเธอและตั้งท่าจะหันหลังเดินไป ทว่ากลับถูกโซว์คว้าแขนเรียวเอาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวก่อนพี่”

“มีอะไรเหรอ?” ใบหน้าได้รูปของเด็กหนุ่มปรากฏเลือดฝาดจาง ๆ และทำท่าเขินอายออกมา

“ผ ผมขอเบอร์ติดต่อไว้ได้หรือเปล่า?”

“โอ้ ได้สิ!” นาโอริยิ้มร่าแทบจะทันที เล่นเอาอีกฝ่ายผงะเล็กน้อยก่อนจะทำการแลกเบอร์ติดต่อกัน รวมถึงช่องทางสื่อสารอื่น ๆ ด้วย 

“ไว้ถึงบ้านจะส่งรูปไปให้นะ” โซว์เอ่ย

“อื้อ! ขอบคุณสำหรับวันนี้นะโซว์” 

“ผมต่างหาก...ที่ต้องขอบคุณ” เด็กหนุ่มยกยิ้มแสนอ่อนโยนให้นาโอริ จนแม้แต่สาวเจ้ายังเผลอจับจ้องอยู่นานสองนาน



ครั้นเดินแยกกันออกมาจากสวนสาธารณะ ต่างคนต่างเก็บความทรงจำล้ำค่าไว้ในใจและกลับไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่จะใกล้เข้ามาเมื่อวันหยุดสิ้นสุดลง ร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีดำขลับก้าวเท้าไปตามเส้นทางหนึ่งของเมือง ซึ่งเริ่มไม่เห็นร่องรอยของผู้คนสัญจรไปมา กระทั่งเขาหยุดเท้าลงที่ซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ไม่นานจึงมีเสียงเครื่องยนต์ดังมาจากเหนือน่านฟ้า

บรืน!

เรือนผมสีดำขลับพลิ้วไสวตามแรงลมเช่นเดียวกับชุดของเขา เมื่อรถลีมูซีนสีเข้มคันหนึ่งค่อย ๆ ร่อนลงมาจากด้านบนและจอดเทียบอย่างนุ่มนวลเบื้องหน้าเด็กหนุ่มก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านใน ทันทีที่ประตูปิดสนิท น้ำเสียงทุ้มจากที่นั่งคนขับพลันเรียกความสนใจจากร่างเล็กไป

“จะเสด็จไปไหนต่อหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ?” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม

“ไม่ล่ะ เราจะกลับเลย” สรรพนามแทนตนและน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจนดูน่าเกรงขามตอบกลับทันใด

ครั้นได้ยินคำสั่ง รถยนต์คันหรูพลันลอยตัวขึ้นเหนือตรอกซอย ก่อนจะทะยานไปสู่ถนนบนฟากฟ้า และค่อย ๆ เลือนหายกลืนไปกับหมู่เมฆราวล่องหน 

เด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์พิงตัวกับเบาะนุ่มพลันทอดสายตาไปนอกหน้าต่างและปล่อยให้เวลาผ่านไป...

.

.

.

รู้ตัวอีกทีรถหรูล่องหนก็เดินทางมาถึงบริเวณที่ตั้งของปราสาทญี่ปุ่นโบราณหลายหลัง ก่อนจะร่อนเข้าไปใกล้หนึ่งในปราสาทสูงและเทียบจอดเทียบกับหน้าต่างของชั้นบนสุด ร่างเล็กเปิดประตูออกและกระโดดเข้าไปโดยไม่ให้เกิดเสียงดัง เขาปัดเนื้อตัวเล็กน้อยพลันยกมือถือคู่ใจขึ้นมา หน้าจอสว่างวาบในที่มืดสลัวปรากฏรูปถ่ายที่เจ้าตัวถ่ายนาโอริเอาไว้ เด็กหนุ่มเลื่อนเปิดหน้าส่งข้อความที่เป็นชื่อของอีกฝ่ายพลันส่งรูปไปให้ตามที่บอกเอาไว้ ไม่นานจึงมีข้อความตอบกลับมา

‘รูปสวยกว่ากล้องฉันจริงด้วยแหะ!’

                      ‘ผมบอกแล้วพี่ไม่เชื่อเอง’

‘เชื่อแล้ว ๆ ยังไงก็ขอบใจมากนะโซว์ จะเอาไปแต่งให้สนุกเลย <3’

                       ‘ครับ ๆ ขอให้สนุก’

ใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มออกมาพลางส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายและตั้งท่าจะเดินไปเปิดไฟในห้อง ทว่าเขากลับได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากมุมอับของห้อง

“หายากนะเนี่ยที่นายจะยิ้มแบบนี้”



ชิ้ง!

มือเล็กของเด็กหนุ่มดึงมีดสั้นที่แอบซ่อนไว้จากช่องกระเป๋าที่ขากางเกงและจ่อมันไปยังต้นเสียง ดวงตาสีนิลจับจ้องพื้นที่ตรงนั้นไม่วางตา ก่อนจะต้องชักมีดกลับเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร

“เดี๋ยว ๆ ถึงขั้นต้องหันอาวุธใส่พี่ชายเลยเหรอ?”

“เกนอิจิโร่? นายมาทำอะไรในห้องคนอื่นเนี่ย” เจ้าของเรือนผมสีดำเอ่ยพลางรีบเดินไปเปิดสวิตช์ไฟ เผยให้เห็นผู้ที่เรียกตนว่าเป็นพี่ชายในชุดยูกาตะสีดำทับด้วยเสื้อคลุมฮาโอริสีขาวสะอาดตา กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เตี้ยใกล้กับประตู เขามีเรือนผมสีขาวนวลและดวงตาสีนิล แม้มีความละม้ายคล้ายกันทว่าใบหน้าและดวงตานั้นกลับฉายแววอ่อนโยนกว่าผู้เป็นน้องมาก

“ฉันมารอนายไง”

“นายเดินมางั้นเหรอ ถ้าเกิดเป็นลมล้มพับอยู่ในห้องจะทำยังไง?”

“ระยะทางใกล้แค่นี้ไม่ทำให้ฉันเป็นลมหรอกน่า” เสียงอ่อนโยนเอ่ยปนหัวเราะพลางลุกจากเก้าอี้ และเดินมาหาน้องชายของเขา

“ว่าแต่นายเถอะแอบหนีออกไปอีกแล้วนะ แถมกลับเสียเย็นขนาดนี้ไม่กลัวเสด็จพ่อจับได้เหรอ?”

“ต่อให้จับได้แล้วกริ้ว ฉันก็ไม่สนหรอก คนเราก็ต้องพักบ้าง” แฝดผู้น้องกล่าวพลันเบือนหน้าหนี

“นั่นสินะ ได้เห็นนายกลับมาด้วยหน้าตายิ้มแย้มหายากแบบนั้น พี่คนนี้ก็ดีใจ”

“ม ไม่ต้องมาทำเป็นดีใจเลย”

“เอ๋...ใครกันนะที่ทำนายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ได้ ชักอยากเจอแล้วสิ” เกนอิจิโร่วาดยิ้มให้น้อง ทำเอาอีกฝ่ายหน้าขึ้นสีจนเผลอลนลาน

“อย่าเชียวนะ ถ้าเจอจริง ๆ ล่ะก็เรื่องใหญ่แน่”

“พูดเล่นน่า สภาพฉันแบบนี้จะออกไปไหนได้ แค่นี้ก็สร้างความลำบากให้นายพอแล้ว” คนผู้น้องเปลี่ยนไปขมวดคิ้วทันใด เมื่อได้ยินคำพูดตัดพ้อนั้น

“นายไม่เคยทำให้ฉันลำบากเกนอิจิ เราคุยเรื่องนี้กันมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่”

“แต่ว่านะ...โซอิจิโร่ รู้ตัวไหมว่าสีหน้านายแย่กว่าฉันที่ป่วยเสียอีก” รอยยิ้มเศร้าสร้อยปรากฏบนใบหน้าของผู้เป็นพี่ ดวงตาสีนิลที่เหมือนกันกำลังสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด

“นายไม่ต้องห่วงหรอกฉันแก้ปัญหาเองได้ นายแค่รักษาตัวเองให้แข็งแรงขึ้นก็พอแล้ว”

“เฮ้อ ดื้อชะมัด”  แฝดผู้พี่ส่ายหน้าเหนื่อยใจ

“ฉันเป็นของฉันแบบนี้แหละ...ว่าแต่ทำไมนายถึงต้องถ่อมาถึงที่นี่ด้วยตัวเองล่ะ?” เมื่อได้ยินคำถามนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเกนอิจิโร่ก็พลันหายไป ดวงตากลมแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา

“ทรงมีรับสั่งให้นายไปเข้าเฝ้า เห็นตรัสว่าจะสั่งงานอะไรสักอย่างนี่แหละ”

“ถ้าเรื่องนั้นแค่ส่งทหารสักคนมาบอกก็น่าจะพอแล้ว จะไปถึงปราสาทหลักให้เมื่อยทำไมกัน?” 

“ฉันว่าเสด็จพ่อคงมีเรื่องอยากจะตรัสกับนายแบบตัวต่อตัวมากกว่า” แฝดผู้พี่เว้นจังหวะหายใจก่อนเอ่ยต่อไป

“ที่จริงเขาส่งทหารให้มาบอกนาย แต่ฉันเจอเข้าพอดีก็เลยเลือกจะมาบอกเองน่ะ”

“หาเรื่องทำให้ทหารคนนั้นหัวขาดน่ะสิไม่ว่า ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา...”

“ฉันจะได้ใช้โอกาสนี้มาเจอนายด้วยไง” 

“แล้วแต่นายเลย...” เด็กหนุ่มเรือนผมสีดำขลับเอ่ยพลางเดินไปหยิบชุดยูกาตะสีขาวซึ่งพับไว้อย่างเรียบร้อยบนโต๊ะทำงานมา ก่อนจะจัดแจงเปลี่ยนชุดลำลองออกและกลับสู่ภาพลักษณ์แบบเดิม โดยไม่ลืมจะคว้าวิกผมสีขาวบริสุทธิ์มาสวมทับเรือนผมดำขลับ บัดนี้จึงเหมือนมีเกนอิจิโร่อยู่สองคนเลยก็ว่าได้

“นายไม่พักก่อนเหรอ เพิ่งจะกลับมาเอง?”

“ไม่ล่ะ แค่ไปเข้าเฝ้าเย็นขนาดนี้ก็คงจะหูชาพอแล้ว ไม่ต้องถามถึงพรุ่งนี้เลย”

“งั้นฉันเดินไปพร้อมนายเลยก็แล้วกัน”

“ต้องกลับไปพักผ่อนล่ะ” ดวงตาสีนิลของผู้เป็นน้องหรี่ลงอย่างคาดคั้น ทำเอาอีกฝ่ายหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ แต่เป็นเพราะหัวเราะมากเกินไปจึงไอคอกแค่กอยู่พักหนึ่ง



หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วสองแฝดจึงโดยสารลิฟต์เหล็กลงไปที่ชั้นใต้ดินของปราสาท ซึ่งด้านใต้นั้นถูกทำมาอย่างแข็งแรง มีทางเดินเชื่อมระหว่างปราสาทแต่ละหลัง เพื่อลดปัญหายามที่เหล่าองค์ชายองค์หญิงไม่ต้องการเป็นเป้าสายตาใครจนเกินไป

โซอิจิโร่ตัดสินใจขึ้นไปส่งพี่ชายถึงห้องทำงาน อย่างน้อยตนจะได้สบายใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรไปกลางทาง เสร็จแล้วจึงกลับลงมาที่ใต้ดินอีกครั้งและเดินเท้าไปตามทางแสนเงียบงัน ครั้นใกล้จะถึงที่หมายเด็กหนุ่มก็พลันทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้

“เฮ้อ คราวนี้จะเป็นงานอะไรอีกนะ” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมก้าวเท้าเข้าลิฟต์กว้าง และรอให้มันพาไปถึงจุดหมาย



“หวังว่า....”



“คงไม่ใช่งานยากอะไร”



to be continue…



つづく、psrpowder