จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน

7 Samurai - ตอนที่22 วันสอบที่ผ่านไปด้วยดี โดย psrpowder @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

7 Samurai

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี

รายละเอียด

จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน

ผู้แต่ง

psrpowder

เรื่องย่อ

สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่ Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)



เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!

ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)

เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ

ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!) 

แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )

 
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา 


==============================================

***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***

แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง 

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

==============================================

ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้ 

ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว



มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย 
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ



 "ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"

"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"



มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย 
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย



"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"

"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"



มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา



"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"

"คุณ...คือใคร?"
 

มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน

 

"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"

"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
 

==============================================


เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;

ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ! 

ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)


よろしく、psrpowder 

สารบัญ

7 Samurai-ตอนที่1 การเริ่มต้นใหม่,7 Samurai-ตอนที่2 คู่หู,7 Samurai-ตอนที่3 เก่งกาจ,7 Samurai-ตอนที่4 ลังเล,7 Samurai-ตอนที่5 ทดสอบ,7 Samurai-ตอนที่6 สายสัมพันธ์ใหม่(1),7 Samurai-ตอนที่7 สายสัมพันธ์ใหม่(2),7 Samurai-ตอนที่8 สายสัมพันธ์ใหม่(3),7 Samurai-ตอนที่9 สายสัมพันธ์ใหม่(4),7 Samurai-ตอนที่10 ฝึกมือ,7 Samurai-ตอนที่11 เปิดเผย,7 Samurai-ตอนที่12 ถึงเทศกาลแล้ว!,7 Samurai-ตอนที่13 แข่งคู่ที่สอง,7 Samurai-ตอนที่14 ชิงชนะเลิศ,7 Samurai-ตอนที่15 เซอร์ไพรซ์ต้อนรับ!,7 Samurai-ตอนที่16 นัดที่ไม่ได้นัด(1),7 Samurai-ตอนที่17 นัดที่ไม่ได้นัด(2),7 Samurai-ตอนที่18 นัดที่ไม่ได้นัด(3),7 Samurai-ตอนที่19 ติวหนังสือให้ทีสิ,7 Samurai-ตอนที่20 คอร์สสอนเฉพาะกิจ,7 Samurai-ตอนที่21 ชั่วโมงประวัติศาสตร์,7 Samurai-ตอนที่22 วันสอบที่ผ่านไปด้วยดี,7 Samurai-ตอนที่23 ภารกิจพิเศษ(1),7 Samurai-ตอนที่24 ภารกิจพิเศษ(2),7 Samurai-ตอนที่25 ภารกิจพิเศษ(3),7 Samurai-ตอนที่26 ภารกิจพิเศษ(4),7 Samurai-ตอนที่27 ความล้มเหลวและหนทางแก้ไข,7 Samurai-ตอนที่28 ดุจกำลังใจ,7 Samurai-ตอนที่29 ข่าวร้ายกับแผนการตีกรอบ,7 Samurai-ตอนที่30 เริ่มแผน!,7 Samurai-ตอนที่31 ฝ่าฝืน,7 Samurai-ตอนที่32 ช่วยเหลือ,7 Samurai-ตอนที่33 จิตสังหาร,7 Samurai-ตอนที่34 แลกด้วยชีวิต,7 Samurai-ตอนที่35 คำโกหกเพื่อปลอบโยน,7 Samurai-ตอนที่36 เยี่ยมไข้,7 Samurai-ตอนที่37 เรื่องราวที่อยากเล่า,7 Samurai-ตอนที่38 ความตั้งใจอันแน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่39 ตามรอย,7 Samurai-ตอนที่40 เหตุร้ายที่เกิดไปพร้อมกัน,7 Samurai-ตอนที่41 แผลใจฝังลึก,7 Samurai-ตอนที่42 เรื่องด่วนและเรื่องร้าย,7 Samurai-ตอนที่43 ความคิดที่ไม่ได้บอก,7 Samurai-ตอนที่44 เชื่อใจ,7 Samurai-ตอนที่45 ข้ออ้างเพื่อตัวเอง,7 Samurai-ตอนที่46 แน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่47 ไม่อยากพลาดโอกาส,7 Samurai-ตอนที่48 จิตสำนึกต่อต้าน,7 Samurai-ตอนที่49 ไม่เข้ากัน,7 Samurai-ตอนที่50 ต้นตอของอาการ,7 Samurai-ตอนที่51 นึกสงสัย,7 Samurai-ตอนที่52 คัดเลือก,7 Samurai-ตอนที่53 กลับบ้าน,7 Samurai-ตอนที่54 โลกเสมือน,7 Samurai-ตอนที่55 ผู้ร่วมทาง,7 Samurai-ตอนที่56 ตามรังควาน,7 Samurai-ตอนที่57 ผู้ร่วมทางอีกคน

เนื้อหา

ตอนที่22 วันสอบที่ผ่านไปด้วยดี

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปไวราวหายใจเข้าออก เหล่านักเรียนต่างเตรียมความรู้มาเต็มกระบุงและพร้อมที่จะเทมันออกมาใช้ในกระดาษคำตอบ บัดนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาถูกข้อสอบเชือดแล้ว แต่นาโอริกับซากิยังไม่วายมายืนจับกลุ่มกันอยู่หน้าโต๊ะของเด็กหนุ่มเพียงหนึ่งเดียว โดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าโต๊ะของเขามันกลายเป็นจุดนัดพบไปตั้งแต่เมื่อไหร่

“ตื่นเต้นชะมัดเลย ขอให้ความรู้ยังไม่กระเจิงออกไปก่อนนะตัวฉัน!” นาโอริบนบานศาลกล่าวยกใหญ่พลันยกมือลูบ ศีรษะ หวังให้สิ่งที่อ่านมาไม่ปลิวไปเสียก่อน

“เหอะ ยิ่งขยี้หัวเดี๋ยวความรู้ก็ยิ่งกระเจิงหรอก” ฮินาวะเท้าคางมองภาพน่าขันตรงหน้า ทำเอาสาวเจ้าหันมองตาค้อนทันควัน

“แค่พูดเปรียบเฉย ๆ ย่ะ”

“อ้อเหรอ ฉันก็นึกว่ามันเป็นไปแล้วเสียอีก” เส้นเลือดปูดโปนข้างขมับของนาโอริพลันตั้งท่าจะเปิดศึกเถียง ถ้าไม่ใช่เพราะซากิเข้ามาห้ามทัพ

“ทั้งสองคนอย่าเพิ่งทะเลาะกันเลย เดี๋ยวความรู้ก็ได้หายไปจริง ๆ หรอก”

“ค่ะแม่...” นาโอริคอตกไม่ต่างจากเด็กหนุ่มที่เลือกจะเบือนหน้าหนีแทน ซากิที่เห็นท่าทางของทั้งสองจึงได้แต่ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนสาวที่ยังมุ่ยหน้าอยู่

“ว่าแต่นาโอะจังมั่นใจเรื่องสอบไหม?”

“ฉันเหรอ...เอาตามตรงก็คิดว่าได้อยู่นะ ไม่งั้นโซว์คงจะเสียใจแย่” ชื่อไม่คุ้นหูดึงความสนใจของฮินาวะให้หันกลับมาเลิกคิ้วสูง

“โซว์ที่ว่า คือใคร?”

“เป็นเด็กที่ช่วยฉันไว้เมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะ”

“ช่วย?” ครั้นเห็นเครื่องหมายคำถามแปะบนหน้าฮินาวะ นาโอริเลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน ทั้งนัดเจอกับเพื่อนจนได้เจอกับเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าที่ชื่อ โซว์ ให้ฟัง แต่กลับถูกอีกฝ่ายหรี่ตาจ้องเขม็งจนน่ากลัวแทนเสียงั้น

“เธอนี่มันไม่ระวังตัวเลยจริง ๆ”

“เอ้า ไหงถึงพูดเหมือนซากิได้ล่ะเนี่ย”

“ฉันก็บอกแล้ว...” ซากิเอ่ยเสริม คนถูกดุเลยได้แต่ทำหน้ามุ่ยกว่าเดิม

“อ เอาเป็นว่าเขาช่วยฉันก็แล้วกัน เพราะงั้นสอบครั้งนี้ต้องไหว!”

“นั่นสินะ สู้ ๆ กับสอบนะพวกเรา!” เจ้าของเรือนผมสีเงินวาวยกยิ้มให้เพื่อนทั้งสอง ราวกับส่งท้ายเพราะไม่นานร่างของอาจารย์ซาวาเบะก็โผล่เข้ามาในห้องเรียน เธอเข้ามาพร้อมกับซองเอกสารปึกหนาในมือ แววตาคมกริบจ้องมองเหล่านักเรียนซึ่งบัดนี้ได้นั่งประจำที่ของตนเรียบร้อย พลันพยักหน้าพอใจและตรงไปยังโต๊ะหน้าชั้นเรียน

หญิงสาวหยิบปากกาดิจิทัลที่วางอยู่มาขีดเขียนบนจอกระจกที่ติดตั้งไว้กับโต๊ะ พลันปรากฏหน้าจอโฮโลแกรมลอยอยู่เบื้องหน้าเธอ ตัวอักษรค่อย ๆ ก่อตัวเป็นรายชื่อวิชาสอบกับเวลาในการสอบ และเมื่อกระดาษทุกแผ่นถูกวางบนโต๊ะพร้อมให้จรดปากกาลงไป หญิงสาวจึงส่งเสียงบอกสัญญาณให้เริ่มได้ พลันตามมาด้วยเสียงหัวปากกาที่ขีดเขียนไปบนเนื้อกระดาษฟังแล้วเพลินหู 

ดวงตาสีซากุระจับจ้องตัวอักษรทุกตัวบนกระดาษ และต้องลอบยิ้มออกมาเมื่อสิ่งที่โซว์พูดใส่หัวของเธอมันปรากฏในข้อสอบแทบจะทั้งนั้น ไม่รีรอสาวเจ้าจึงรีบเขียนคำตอบลงไปอย่างลื่นไหล เช่นเดียวกับหมึกปากกาที่หลั่งผ่านลูกกลิ้งเหล็ก

“ข้อนี้ต้องตอบ....แบบนี้” เด็กสาวพึมพำพลางขยับปากกาในมือ



จนแล้วจนรอดศึกแรกของเทศกาลสอบก็หมดไป ทว่ามันเพิ่งจะเป็นวันแรกเท่านั้น นาโอริยังต้องตั้งสติไว้มั่น ไม่ให้ความล้าของสมองมาทำให้ข้อสอบในวันข้างหน้านั้นยากขึ้น...

.

.

.

“วิชาของวันพรุ่งนี้ก็ยากเหมือนกัน...งั้นเรากลับไปทบทวนกันดีไหม?” ซากิเอ่ยขณะกำลังเดินเท้ากลับหอพร้อมนาโอริ

“เธอจะช่วยทวนให้ฉันเหรอ!”

“แน่นอนจ๊ะ เพราะครั้งที่แล้วฉันไม่ได้ช่วยนาโอะจังเลยนี่นา” นาโอริยิ้มร่าพร้อมโผกอดเพื่อนสาวจนแทบจะล้ม พลันหัวเราะกันคิกคักเอง แทบจะไม่สนใจเจ้าสองหนุ่มที่เดินตามหลังพวกเธอมาเลย

“อะแฮ่ม พวกเราก็อยู่ด้วยนะครับสาว ๆ” เสียงทุ้มขี้เล่นดังมาจากไคโตะที่กำลังแย้มยิ้มให้อยู่ด้านหลัง

“อะไรเล่า พวกนายสองคนไม่ได้จะไปทวนกันเองหรอกเหรอ?”

“โธ่ ทวนกันเองที่ไหน เจ้าหมอนี่เป็นพวกซุ่มอ่านแล้วก็ลอยแพผมอยู่คนเดียว” หนุ่มแว่นเบ้ปากพลางสะกิดแขนคนข้างตัวที่ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ 

“นายเองก็เป็นพวกซุ่มเหมือนกันนั่นแหละ”

“ใส่ร้ายกันอีกแล้ว...เอาเป็นว่าถ้าพวกเธอจะทวนสอบกันก็ให้พวกผมร่วมวงด้วยนะ”

“ได้สิ หลายคนหลายหัวจะได้ช่วยกัน” ซากิยกยิ้ม

และแล้วกลุ่มติวหนังสือของเหล่าสภาเจ็ดซามูไรปีหนึ่งจึงเริ่มต้นขึ้น ช่างเป็นโชคในโชคที่พวกเขาสามารถพาฮินาวะมาร่วมด้วยได้ เพราะไม่มีอะไรดีไปกว่าได้คนฉลาดมาสอนให้อีกแล้ว! การสอนของฮินาวะเรียกว่าไม่แพ้โซว์เลยทีเดียว ทว่าสำหรับนาโอริดูจะไม่ค่อยจะได้ผลสักเท่าไหร่ เพราะมักถูกเจ้าคู่อริแกล้งเสมอ จะได้เปิดสงครามก่อนติวจบสิไม่ว่า

.

.

.

“จริงสิ เขียนไปหาโซว์หน่อยดีกว่า” บัดนี้สองสาวได้กลับมาถึงหอพักและกำลังนั่งเล่นไปเรื่อยเปื่อย นาโอริหยิบมือถือคู่ใจออกมาพลางเลื่อนไปหาชื่อของเด็กหนุ่ม ก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งไป



นาโอริ

‘โซว์ นายอยู่ไหม’

เวลาผ่านไปพักใหญ่แต่ก็ไม่มีเสียงข้อความตอบกลับ พลอยทำให้เด็กสาวตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะทำธุระจนยุ่งอย่างที่เขาเคยบอกเอาไว้ก็เป็นได้ เธอจึงเลือกพิมพ์ข้อความทิ้งเอาไว้และรอให้เจ้าตัวมาอ่านแทน

‘ฉันจะมาบอกว่าสิ่งที่นายสอนฉันมันแทบจะออกสอบหมดเลยล่ะ XD’

‘นายนี่เก่งชะมัดเลย เน้นได้ตรงทุกจุด!’

‘ขอบคุณอีกครั้งนะ อาจารย์ <3’

‘ถ้าสะดวกแล้วมาตอบนะ’



ครั้นส่งข้อความเรียบร้อย นาโอริพลันสูดหายใจลึกพร้อมชูกำปั้นขึ้นกลางอากาศ

“ชิสึจิ นาโอริ สู้เขา! จะสอบพรุ่งนี้หรือวันไหนก็มาเลย!” 

.

.

.

เวลาเดียวกันกับที่นาโอริเพิ่งจะเข้านอน ทว่ามันกลับเป็นเวลาช่วงเย็นสำหรับเจ้าของเรือนผมสีดำขลับ ที่บัดนี้กำลังพักผ่อนกายาอยู่ในโรงแรมหรูสำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และเพราะเพิ่งจะเสร็จจากการพบปะกับคนที่นั่น ทันทีที่กลับห้องร่างเล็กจึงทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวใหญ่และปล่อยให้เบาะนุ่มดูดกลืนตัวเขาไป

“ดีนะที่เริ่มชินแล้ว ไม่งั้นได้เจทแลคตายแน่” เขาเอ่ยเสียงเนือย นัยน์ตาสีนิลจ้องมองวิวยามเย็นผ่านกระจกใส ช่างชวนให้ผ่อนคลายยิ่ง โซอิจิโร่เหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตน ก่อนจะคำนวณเวลาระหว่างที่นี่และประเทศบ้านเกิด ครั้นตกผลึกว่าอีกฝั่งคงจะดึกแล้ว เด็กหนุ่มจึงหยิบมือถือมาเลื่อนหาชื่อของคนที่เขากำลังนึกถึง

“ส่งข้อความมาตั้งแต่เย็นแล้วเหรอเนี่ย” เขาเอ่ยพลางเปิดเข้าไปอ่าน พลันได้เห็นคำขอบคุณที่นาโอริส่งมาให้ 

“เก่ง...งั้นเหรอ” ริมฝีปากได้รูปวาดยิ้มออกมา ปลายนิ้วตั้งท่าจะกดพิมพ์แต่กลับต้องหยุดเอาไว้เสียก่อน

“ป่านนี้น่าจะนอนไปแล้วล่ะมั้ง...เอาเถอะ เขียนทิ้งไว้ก่อนก็แล้วกัน”

            

โซว์

‘คนที่เก่งคือพี่ต่างหากที่จำได้ ผมแค่ทบทวนตามหนังสือก็เท่านั้น’

‘แต่ถ้าเป็นประโยชน์กับพี่ได้ผมก็ดีใจครับ’

โซอิจิโร่ยังคงแย้มยิ้มไม่หาย เขากลับรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าแทบหายเป็นปลิดทิ้งเพียงแค่มองข้อความนั้น อาจเป็นเพราะได้สนทนากับใครสักคนด้วยเรื่องที่ไม่ใช่งานและไม่ใช่ตัวตนของคนอื่น ไม่แน่เขาอาจจะชอบแบบนี้มากกว่า...ชอบที่ไม่ต้องแสร้งเป็นใครทั้งนั้น 

ตริ๊ง!

ครั้นตั้งใจจะวางมือถือลง ไม่ทันที่มันจะถึงพื้นโต๊ะก็ดันมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นทำเอาเจ้าตัวต้องรีบดึงกลับมาดูแทบไม่ทัน

นาโอริ
        ‘นายนี่ถ่อมตัวเก่งจริง ๆนะ’

                        โซว์
                        ‘พี่ยังไม่นอนเหรอ?’



         ‘ก็นอนอยู่...แต่นอนไม่หลับน่ะ’



                         ‘ถ้าพรุ่งนี้ไม่ตื่นจะทำยังไงล่ะพี่’



          ‘โธ่ นายพูดเหมือนเพื่อนฉันเลยนะ :<’



                         ‘ก็มันดึกแล้วนี่’



         ‘แล้วทำไมนายถึงไม่นอนล่ะ?’



ร่างเล็กสะดุ้งโหยงเมื่อโดนโยนคำถามเดียวกันกลับมา เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะรีบพิมพ์ตอบอีกฝ่ายไป

                โซว์
                        ‘ผมเพิ่งจะช่วยงานที่บ้านเสร็จน่ะ พอจะนอนก็เห็นพี่เขียนมา’

นาโอริ
        ‘โห เหนื่อยแย่เลยสินะ’


                        ‘ก็นิดหน่อยครับ’


        ‘งั้นให้นายไปนอนดีกว่า ฉันก็จะไปเหมือนกัน ถ้าไม่ตื่นเข้าจริง ๆ ล่ะแย่แน่!’


                         ‘ตกลงครับ ขอให้พี่ทำสอบได้นะ ฝันดีครับ’


        ‘ขอบใจนะ ฝันดี!’



เมื่อมั่นใจแล้วว่าจะไม่มีเสียงแจ้งเตือนอะไรดังขึ้นมาอีก โซอิจิโร่จึงวางมือถือลงก่อนจะถอนใจโล่งอก ใครจะไปคิดล่ะว่าสาวเจ้าจะยังไม่นอนทั้งที่เวลาป่านนี้แล้ว ขนาดเขายังแทบจะคุมเปลือกตาไม่อยู่ 

“เฮ้อ งีบหน่อยดีกว่า” ว่าแล้วร่างเล็กพลันเอนกายบนโซฟานุ่ม ซึมซับความเย็นจากอากาศเย็นฉ่ำและผล็อยหลับไป

.

.

.

เช้าวันใหม่ ณ เวลาของแดนอาทิตย์อุทัย วันสอบก้าวเข้าสู่วันที่สองให้นาโอริและนักเรียนชิบุนางิผจญกับการสอบแสนยากเข็ญ จนล่วงเลยไปเป็นวันที่สาม สี่และห้า ท้ายที่สุดพวกเขาทุกคนก็ผ่านช่วงเวลาชวนให้สมองล้านั้นมาได้ แน่นอนว่านาโอริยังคงแย้มยิ้มได้แม้วันสุดท้ายของการสอบ เพราะทุกอย่างนั้นราบรื่นไปด้วยดี และเธอก็ยังไม่ลืมจะเขียนรายงานไปให้อาจารย์เฉพาะกิจของตนฟังเสมอ

ส่วนทางโซว์เองหากมีเวลาก็มักจะพิมพ์ตอบกลับเป็นระยะ ทว่าเขาอาจจะโหมตัวเองมากเกินไปหน่อย จนบางครั้งก็วูบหลับไปขณะกำลังพิมพ์กับนาโอริ ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน หากสาวเจ้ารู้ว่าคนที่เธอสนทนาด้วยเป็นใคร เธอคงคิดว่ามันโชคดีเอามาก ๆ ที่ได้เห็นมุมเช่นนี้ของเขา 

“สงสัยจะวูบหลับไปอีกแล้วล่ะมั้งเนี่ย”

“ใครเหรอ?” ซากิเลิกคิ้วขณะกำลังยกกองเสื้อผ้าของตนเข้าห้องนอนสีนวล

“หมายถึงโซว์น่ะ ช่วงนี้เหมือนจะช่วยงานหนักจนเผลอหลับไปบ่อย ๆ”

“อายุน้อยกว่าเราแท้ ๆ แต่ลำบากน่าดูเลยนะ”

“นั่นสิ น่าเสียดายที่เขาไม่ยอมบอกว่าทำงานอะไรอยู่ ไม่งั้นอาจจะพอช่วยเขาได้ก็ได้” เด็กสาวผมสีเปลือกไม้มุ่ยหน้าพลางปัดหน้าจอมือถือเล่น

“เขาคงเกรงใจนั่นแหละ”

“งั้นเหรอ...ก็ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย” ซากิได้แต่หัวเราะเอ็นดูความไร้เดียงสาของเพื่อนตน เธอพลันนึกไปว่าเด็กหนุ่มอาจจะไม่สบายใจที่จะเอ่ยมันเพราะยังไม่รู้จักกันดีก็เป็นได้ ทว่าปล่อยไว้เช่นนี้คงจะดีเสียกว่าให้นาโอริมานั่งคิดมาก

“รีบพักผ่อนดีกว่านะนาโอะจัง วันนี้ใช้สมองมาเยอะแล้ว”

“เอ๋ แต่ฉันยังไม่อยากนอนเลย” 

“ไปนอนเดี๋ยวนี้เลย นาโอริ” เสียงที่เอ่ยกลับเป็นจูลิโอ้เสียอย่างนั้น ทำเอาเด็กสาวต้องเบ้ปากใส่อาวุธศักดิ์สิทธิ์

“นายเป็นแค่นาฬิกาปลุกให้ฉันก็พอแล้ว ไม่ต้องเพิ่มเซอร์วิสให้หรอก”

“ฉันแค่สงสารเพื่อนเธอที่ต้องมาคอยดูแลเธอนั่นแหละ”

“หน็อยแน่ เดี๋ยวแม่จับหักเป็นสองท่อนเลยนี่”

“หักได้ก็ลองดู” เสียงทุ้มกล่าวลองเชิง

“พอเลย ๆ ทั้งสองคน แล้วแบบนี้จะได้นอนไหม?” ซากิกอดอกขมวดคิ้ว พลางดันตัวเพื่อนสาวให้รีบเข้าห้องนอน ซ้ำยังกำชับว่าห้ามแอบนอนดึกอีกต่างหาก ครั้นสัมผัสกับอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ นาโอริพลันเปิดปากหาวทันใดและยอมเอนตัวลงเตียงในท้ายที่สุด

“ฝันดีนะ จูลิโอ้”

“ฝันดี รีบนอนเถอะ” เด็กสาวฮัมตอบรับและผล็อยหลับไปในกองผ้าห่มนุ่ม





ภาพเบื้องหน้ามืดสนิท ผิวขาวเนียนถูกไล้ด้วยสัมผัสเบาบางปลุกให้ดวงตาสีซากุระเปิดขึ้น พลันถูกต้อนรับด้วยแสงจ้ากับภาพของต้นซากุระสูงมหึมาต้นเดิมที่ยังคงบานสะพรั่ง ส่งกลีบดอกไม้สีอ่อนปลิวไสวทั่วพื้นที่ เบื้องหน้ามีชายคนเดิมในชุดยูกาตะสีน้ำเงินเข้มและเรือนผมที่กลืนไปกับกลีบดอกซากุระยืนอยู่ ครานี้ระยะระหว่างเธอและเขานั้นใกล้เข้ามาจนมองเห็นใบหน้าได้ราง ๆ ทว่ากลับโชคไม่ดีที่กลีบดอกไม้พวกนั้นพยายามบดบังตัวเขาจากสายตา

“คุณเป็นใครกันแน่?” เสียงของนาโอริกังวานก้องจนแม้แต่เธอเองก็ประหลาดใจ ชายผู้นั้นวาดยิ้มให้ราวกับขบขันในคำถามของเธอ ก่อนจะใช้นิ้วชี้เรียวแตะริมฝีปากตนเอง

“ใจเย็นสิ มันยังไม่ถึงเวลาน่ะ” นัยน์ตาสีซากุระเบิกกว้างเมื่อได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนนั้นชัดเจนกว่าครั้งไหน

“ทำไมต้องรอด้วยล่ะ คุณแค่บอกชื่อฉันมาก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”

“ขอโทษด้วยนะ แต่ฉันมีเวลาไม่มากนัก” ชายหนุ่มเว้นจังหวะหายใจพลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบนิ่ง 

“เรื่องร้ายกำลังจะเกิดขึ้น นาโอริ”

“คะ หมายถึงอะไร?”

“จำไว้นะ ถ้าอันตรายมาที่ตรงนี้” มือหนาเลื่อนแตะที่อกข้างซ้ายของตนเบา ๆ ชั่วพริบตาแสงวูบวาบรอบตัวพลันแปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม ต้นซากุระที่ควรจะมีสีชมพูสบายตาได้ถูกของเหลวสีน้ำเงินชโลมท่วมทุกกลีบดอก เช่นเดียวกับร่างบางที่สัมผัสถึงความเหนอะหนะบนใบหน้า นาโอริเอื้อมแตะแก้มนิ่มพลันตกตะลึงเมื่อของเหลวนั้นเปรอะเปื้อนมือของเธอ 

ความวิตกเกิดขึ้นในจิตใจส่งผ่านมายังร่างกายที่สั่นเทิ้ม เด็กสาวรีบเงยมองอีกฝ่ายซึ่งยังคงชี้ที่หัวใจตนเองอยู่ วินาทีนั้นเธอได้รู้ว่าไม่สามารถเปล่งเสียงได้ตามใจชอบอีกต่อไป 

“จำเอาไว้นะ.....”

“ว่าฉันจะไปช่วยเธอ”

            

“เฮือก!” 

ร่างบางดีดลุกขึ้นจากเตียงนุ่มพลันหอบหายใจตัวโยน เหงื่อกาฬไหลท่วมลงใบหน้าสวย นาโอริสะดุ้งตัวจากภวังค์ก่อนจะหันไปคว้ามือถือเพื่อดูเวลาซึ่งขณะนี้เพิ่งจะตีห้า สาวเจ้าถอนใจเฮือกใหญ่และหันไปตอบจูลิโอ้ที่เรียกเธอซ้ำหลายครั้ง ตั้งแต่สาวเจ้าเด้งตัวตื่นจากฝัน

“เธอเป็นอะไรน่ะจู่ ๆ ก็กระเด้งมานั่งหอบ”

“เหมือนฉันจะ...ฝันแปลก ๆ ?”

“เรื่องอะไร?”

“เรื่อง...”  ดวงตาสีซากุระเบิกกว้างพลางเกาศีรษะฉงน ราวกับรูปวาดที่ถูกป้ายด้วยสีดำบัดนี้นาโอริไม่อาจหวนนึกถึงฉากในความฝันได้ ทว่าคำพูดสุดท้ายยังคงตรึงอยู่ในสมอง...

“จำไม่ได้ว่าเกี่ยวกับอะไร แต่มีคนบอกว่าเขาจะมาช่วยฉันน่ะ”

“ช่วยจากเรื่องอะไร เธอจะมีอันตรายงั้นเหรอ?”

“ไม่รู้สิ...”

“ยังไงต่อ?” นาโอริได้แต่ส่ายหน้าให้กับคำถามคาดคั้นของคู่หู

“บอกแล้วไงว่าจำไม่ได้ ทำไมถึงอยากรู้ขึ้นมาล่ะ?”

“เธอเล่นร้องเสียงหลงเสียขนาดนั้น ฉันก็อยากรู้ว่าฝันเรื่องอะไรกันแน่” นัยน์ตาสีซากุระวูบไหวเมื่อพยายามระลึกภาพในฝัน แต่ไม่ว่ายังไงก็เปล่าประโยชน์ 

ครั้นไม่รู้สึกอยากนอนต่อ สาวเจ้าจึงเลือกที่จะไปอาบน้ำให้สร่างจากอาการงัวเงียและออกไปค้นวัตถุดิบในตู้เย็นมาทำเมนูอาหารเช้าระหว่างรอให้เพื่อนสาวตื่น ถึงวันนี้จะไม่ใช่เวรทำอาหารเช้าของเธอแต่ไหน ๆ ก็ตื่นมาแล้ว หนำซ้ำยังไม่มีอะไรให้ทำอีกด้วย

ทำเอาซากิที่ตื่นทีหลังตกใจยกใหญ่ เพราะปกตินาโอริไม่ใช่คนตื่นเช้าถ้าไม่มีเรื่องทำให้นอนไม่หลับ แถมเธอก็อุตส่าห์ตั้งใจจะรังสรรค์เมนูอร่อย ๆ ให้เพื่อนสาวทานในเช้านี้ด้วย แต่กลับโดนแซงหน้าไปเสียงั้น 

“ว่าแต่ปิดเทอมฤดูหนาวนี้ นาโอะจังจะกลับบ้านหรือเปล่า?”

“ก็น่าจะกลับนะ ถึงมันจะหยุดแปปเดียวก็เถอะ”

“อื้อ ฉันก็ว่าจะกลับเหมือนกัน”

“เธอต้องกลับไปดูแม่ใช่ไหม?” ซากิพยักหน้าเบา ๆ เป็นคำตอบ

“แต่ไหน ๆ ก็ได้ปิดเทอมทั้งที เราคงมีเวลาไปเที่ยวกันตามที่สัญญาไว้ใช่ไหม?” นาโอริเอ่ยพลางตักอาหารเข้าปาก

“ฉันว่าอาจจะได้อยู่นะ แต่คงต้องถามพวกรุ่นพี่โชก่อน”

“รุ่นพี่เกี่ยวอะไรด้วยล่ะ?”

“ลืมไปแล้วเหรอ ถึงงานสภานักเรียนจะไม่มีเพราะปิดเทอม แต่ยังมีภารกิจนอกสถานที่ที่พวกเราต้องไปช่วยพวกรุ่นพี่เขาอีกนะ” เด็กสาวผมสีเปลือกไม้สะอึกกับคำพูดนั้น พลันทำหน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์ เจ้าตัวลืมไปเสียสนิทว่าต่อให้เป็นช่วงปิดเทอมไม่ว่าจะฤดูไหน ทางบริษัทชินระก็จะคอยส่งมอบภารกิจผ่านรุ่นพี่ทั้งสองก่อนจะคัดมาให้รุ่นน้องอย่างพวกเธออีกที

“งั้นก็เท่ากับปิดเทอมที่ไม่ได้ปิดน่ะสิ เฮ้อ...”

“เอาน่า อย่างน้อยเราก็ยังได้ค่าตอบแทนนะ ถือว่าไม่ได้แย่ไปเสียทุกอย่าง” เป็นจริงดั่งซากิว่า ตั้งแต่ที่พวกนาโอริได้เข้าเป็นสมาชิกเจ็ดซามูไร ก็มักจะมีงานที่ต้องออกไปนอกสถานที่บ่อย ๆ ถึงส่วนใหญ่จะแค่ติดตามโชโตะหรือฮิเมะโกะที่ไปทำหน้าที่ และคอยช่วยเหลือพวกเขาก็ตาม แต่ก็ยังได้ค่าตอบแทนมาใช้สอยเสมอ



สองสาวพูดคุยกันเสียเพลิน จนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องเก็บสัมภาระ และเตรียมแยกย้ายกันกลับบ้านไปสำราญกับปิดเทอมฤดูหนาว ก่อนจะต้องมาทำงานเสริมในฐานะเจ็ดซามูไร...

.

.

.

บัดนี้ผืนฟ้ากว้างแต่งแต้มด้วยสีส้มอมแดงบ่งบอกถึงยามเย็น ณ ประเทศอังกฤษ เครื่องบินลำโตถูกจอดรอรับผู้โดยสารคนสำคัญ ที่เพิ่งเสร็จกิจจากการมาดูงานตามคำสั่งของจักรพรรดิผู้เป็นพ่อ ร่างเล็กในชุดสูททางการสีเข้มทับด้วยเสื้อโค้ตอีกชั้นหนึ่ง ตัดกับเรือนผมสีขาวนวลพลิ้วไสวตามแรงลม ดวงตาสีนิลเหม่อมองหมู่เมฆเบื้องบนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถูกเสียงจากนายทหารคนหนึ่งดึงความสนใจไป

“เชิญเสด็จเถอะพ่ะย่ะค่ะ” สิ้นสุดคำพูด ทหารหนุ่มพลันก้มโค้งนอบน้อมและรอให้เด็กหนุ่มเดินผ่านตนเองก่อน ถึงจะหันหลังขวับเดินตามเขาไป

ครั้นองค์ชายหนุ่มก้าวขึ้นเครื่องบินลำใหญ่ประตูเหล็กจึงเลื่อนปิดจนสนิท ใบพัดขนาดใหญ่กว่าตัวคนเริ่มทำงานพัดฝุ่นจากผืนดินที่ตลบฟุ้ง ล้อใหญ่ยักษ์เคลื่อนที่ไปเบื้องหน้าส่งตัวเองทะยานสู่น่านฟ้าและมุ่งหน้ากลับสู่บ้านเกิด





ณ ห้องโดยสารชั้นล่างซึ่งจัดไว้สำหรับทหารองครักษ์ที่ติดตามเด็กหนุ่ม ใครผู้หนึ่งนั่งอยู่ท้ายสุดของแถวที่นั่งพลันยกนิ้วสัมผัสกับเครื่องสื่อสารที่หู ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอันเบาหวิวหากแต่ชัดเจนสำหรับปลายสาย

“กำลังเดินทางกลับแล้วครับ”

“งั้นเหรอ...เข้าใจแล้ว” เสียงทุ้มไม่คุ้นหูดังลอดเครื่องสื่อสารให้คู่สนทนาได้ยิน ตามมาด้วยเสียงหัวเราะในลำคอราวกับพึงใจในคำตอบ

“ทางนี้ก็พร้อมแล้วเหมือนกัน” น้ำเสียงบิดเบี้ยว เช่นเดียวกับรอยยิ้มที่มองไม่เห็นจากปลายสาย

            

“รอการต้อนรับสุดยิ่งใหญ่จากฉันได้เลย โซอิจิโร่”



to be continue…



つづく、psrpowder