ดวงจิตที่ผนึกในดาบคือวิญญาณของนักดาบผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ดาบของเธอกลับต่างออกไป มันซ่อนความพิเศษบางอย่างที่นำพาโชคชะตาหวนคืนสู่เธออีกครั้ง...ขอบคุณที่ให้ฉันได้เคียงข้างเธอนะ คู่หู
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ซอฟท์ไซไฟ,พล็อตสร้างกระแส,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ดวงจิตที่ผนึกในดาบคือวิญญาณของนักดาบผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ดาบของเธอกลับต่างออกไป มันซ่อนความพิเศษบางอย่างที่นำพาโชคชะตาหวนคืนสู่เธออีกครั้ง...ขอบคุณที่ให้ฉันได้เคียงข้างเธอนะ คู่หู
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
นิยายเรื่องนี้จะอัพ ทุกวัน ศุกร์และเสาร์ เวลา 19.00 น. - 19.30 น.
และอาทิตย์ เวลา 18.30 น.
จะพยายามลงให้ต่อเนื่องที่สุดเพื่อนักอ่านทุกท่านนะคะ :>
**เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่ Tiktok และ Bluesky จะอัพเดตเรื่อย ๆ ค่ะ**
ปุกาศ ๆ บัดนี้เรามี E-book แล้วนะจ๊ะ!
ตอนนี้เล่ม 3 กำลังจัดโปรลด50% อยู่น้าา ตั้งแต่ 21 ม.ค. - 4 ก.พ. 68!!!!
ใครสนใจไปส่องกันได้เลยน้าา <3
*** ที่ : mebmarket ครับโผม! ***
เนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกที่เขียนจริงจังของนักเขียนฝึกหัด (เพื่อต่อยอดความฝันอยากทำอาชีพนักเขียนค่ะ) ขอฝากนักอ่านใจดีทุกท่านติชม แนะนำให้ไรท์ฝึกหัดคนนี้ได้นำไปปรับใช้ในเรื่องต่อไปด้วยนะคะ จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็น้อมรับและปรับแก้ค่ะ
หรือถ้าไม่ชอบคอมเมนท์ก็กดใจให้กันได้นะคะ กำลังใจชั้นยอดของเราเลย
กราบขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ^^
================ เกริ่นแนวเรื่องกันซะหน่อย =================
เรื่อง 7Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ ฮ่า)
เป็นแนวแฟนตาซี ฟิลชีวิตประจำวันในประเทศญี่ปุ่นยุคอนาคตปี3000 แต่เพราะกฎการแบนอาวุธปืนเลยทำให้มีสไตล์การต่อสู้แบบโบราณผสมด้วย ฟิลใช้ดาบฟันกันชิ้งๆ ยิงธนูปิ้ว ๆ หรือแม้แต่วิชานินจาก็ยกมาหมดแผง(เท่าที่ไรท์คิดออกอ่ะนะ55)
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารักของพระนางแบบมองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ! ปมดรามาความสัมพันธ์พวกเขามีประปรายให้ได้หมั่นไส้กัน ได้ลิ้มรสความหวานกันเต็มกระบุงแน่นอนค่ะ :)
แล้วก็แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจมาด้วยนะ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยดหลายรอบเลยค่ะ ;-;)
***คำเตือนเล็กน้อย…เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวและนักเขียนมีแพลนเขียนแบ่งเป็น2ซีซั่น
ปัจจุบันซีซั่น1ใกล้จะจบแล้วค่ะ สามารถอ่านกันได้จุใจแน่นวลล***
.
.
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
(สั้น ๆ คือ ฝากกดติดตามกันด้วยนะทุกคลล ฮืออ T T )
====== เรื่องย่อกันบ้างดีกว่า ======
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้ ทั้งสองต้องเริ่มชีวิตใหม่ในรั้วโรงเรียนไปด้วยกัน กระทั่งได้เจอเพื่อนร่วมห้องอย่าง โมโมเสะ ฮินาวะ เด็กหนุ่มรูปหล่อผู้มากความสามารถและเก่งกาจจนนาโอริอยากให้เขาช่วยสอนวิชาดาบให้ แต่เขากลับยื่นคำท้าต่อเธอให้เอาชนะเขาให้ได้ในงานประลองดาบ เด็กสาวจึงพยายามสุดความสามารถเพื่อชนะเขา
เพราะการแข่งนั้นพวกนาโอริจึงถูกทาบทามให้เข้าร่วมสภานักเรียนหรือสภาเจ็ดซามูไรและได้ออกไปทำภารกิจเสี่ยงตายจนพบกับองค์ชายรัชทายาทอายุไล่เลี่ยกันที่ถูกกลุ่มทหารรับจ้างนิรนามหมายจะชิงตัวไป นาโอริเลยต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเขาให้ได้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง โดยไม่ทันรู้สึกตัวว่าวินาทีแรกที่สบตาเขาหัวใจก็ไม่อาจลบภาพรอยยิ้มสุดท้ายให้จางหายได้
ทางเลือกใหม่ที่เธอเลือกจึงลงเอยที่ตำแหน่ง 'องครักษ์' ของเด็กหนุ่มสูงศักดิ์ผู้นี้เพื่อให้ได้ปกป้องเขาได้ทุกวินาทีที่หายใจ….
===== สปอยหน้าตาพระนางสักเล็กน้อย =====
ชิสึจิ นาโอริ (น้อนนาโอะ) อายุ 16 ปี
เด็กสาวม.ปลายผู้ฝันอยากเป็นนักดาบเพราะเชื่อว่าความชอบนี้มาจากพ่อที่ไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อน เลยคิดว่าถ้าได้เดินทางเดียวกันก็จะได้เจอครอบครัวฝั่งพ่อของตัวเองก็เป็นได้ แต่ใครจะรู้…ว่าปัจจุบันเธอจะได้ความฝันใหม่อันยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมหน้าที่อันใหญ่ยิ่ง!!!
“ขอสาบานว่าจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนาย…จนกว่าจะตายจากกันไปข้าง!”
ฮิบานะ โซอิจิโร่ (น้อนโซว์) อายุ 15 ปี
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่มีความลับมากมายซ่อนไว้หลังหน้ากากอันเยาว์วัยกับ…สีผม?? เพราะเรื่องราวในอดีตที่ทำร้ายเขามานับไม่ถ้วนจึงหล่อหลอมตัวตนของเขาให้เป็นคนจริงจัง สุขุมและเก่งในด้านการต่อสู้(ปกป้องชีวิตตัวเอง) แต่ยามได้อยู่ต่อหน้านาโอริ ทุกบุคลิกก็ดูจะละลายหายไปจนเหลือแค่เด็กขี้อ้อนคนหนึ่ง…กับจุดประสงค์บางอย่างในหัวใจ
“แกจะเป็นด้ายแดงแห่งโชคชะตาให้พวกเราอีกได้ไหม…เหมือนที่เธอพูดครั้งนั้น”
.
.
.
“ใครอยากเริ่มต้นความเบียวไปกับไรท์ กดอ่านตอนแรกกันเล้ย!!!”
よろしく、psrpowder
***Trigger warning : เลือด ความรุนแรง การข่มขู่ การลอบทำร้าย***
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
รุ่งเช้ามาเยือนพร้อมกับละอองหิมะสีขาวนุ่ม ประธานนักเรียนหนุ่มได้นัดเจอกับพวกนาโอริตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์จะเผยโฉมบนท้องฟ้าเสีย บัดนี้ ณ เสาโทริอิใหญ่ซึ่งเป็นทางเข้าหลักของทั้งอาณาเขตฮิบานะและโรงเรียนชิบุนางิ โชโตะในชุดเครื่องแบบสภานักเรียนสีแดงเลือด ทับด้วยผ้าพันคอสีอ่อนกำลังเอนพิงกับเสาต้นยักษ์เพื่อรอสมาชิกที่เหลือ เพราะดูเหมือนเขาจะมาเร็วเกินไปหน่อย
“รุ่นพี่คะ!” เสียงหวานของนาโอริดึงเด็กหนุ่มให้หลุดจากภวังค์ ก่อนจะหันมองเหล่ารุ่นน้องทั้งสามในชุดเครื่องแบบดั่งเช่นทุกครั้ง แต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปอย่างน่าประหลาด
“ตรงเวลาดีมากครับ” รุ่นพี่หนุ่มเอ่ยพลางกวาดตามองที่ทั้งสามอีกครา ราวกับตรวจสอบบางอย่าง
“อุปกรณ์ที่พี่ให้ไป เตรียมมาพร้อมหรือยัง?”
“พร้อมค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง” ซากิเอื้อมมือไปสัมผัสที่เอว ซึ่งบัดนี้ไม่ได้มีเพียงอาวุธศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่เหน็บอยู่ แต่มีกระเป๋าขนาดเล็กอยู่ที่ด้านหลังด้วย
“แล้วพวกเราจะไปที่ลานจอดนั่นได้ยังไงเหรอคะ?” ดวงตาสีเงินวาวหรี่ลงอย่างสงสัย
“ที่จริง...อีกเดี๋ยวก็มีคนมารับแล้วล่ะ” โชโตะวาดยิ้ม ทำเอาทั้งสามเลิกคิ้วสูง ทว่าไม่ทันได้อ้าปากถาม คำตอบก็ปรากฏเองถึงที่
ฟู่ว
สายลมก็พัดกระหน่ำเหนือจุดที่ทั้งสี่ยืนอยู่ ครั้นเงยหน้าขึ้นหาท้องฟ้า รถหรูคันหนึ่งพลันร่อนลงมาด้วยเครื่องไอพ่นซึ่งแทนที่ล้อทั้งสี่ข้าง ก่อนจะคืนรูปทรงกลับเป็นล้อเช่นเดิมเมื่อยานพาหนะกำลังจะแตะถึงพื้น เรียกว่าเป็นนวัตกรรมที่คนยุคปีสามพันแทบจะชินชากับมันไปเสียแล้ว
“เปิดตัวอลังการเกินไปไหมเนี่ย?” นาโอริเบ้ปาก
ทันทีที่รถยนต์จอดสนิท ประตูใหญ่จึงถูกยกขึ้นเผยให้เห็นอาโอบะตรงที่นั่งคนขับ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มกวาดมองด้านนอกรถอย่างระแวดระวัง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับพวกเด็ก ๆ
“รีบขึ้นมาได้แล้ว เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้าจะซวยเอา”
“แบบนี้ยังต้องกลัวใครเห็นอีกเหรอ?” ฮินาวะแอบประชดให้สองสาวได้ยิน ทำเอาทั้งคู่ต้องกลั้นขำสุดชีวิตเพื่อไม่ให้หญิงสาวอารมณ์ร้อนได้ยิน
เมื่อรับผู้โดยสารขึ้นบนรถหรูแล้ว หญิงสาวจึงขับทะยานไปบนเส้นทางเหนือน่านฟ้าและเดินทางไปยังเป้าหมาย...
ปกติแล้วผู้คนทั่วไปก็จะใช้เส้นทางถนนบนผืนดินเพื่อเดินทาง สำหรับหน่วยงานราชการซึ่งอยู่ในความดูแลของราชวงศ์ฮิบานะ และมีใบอนุญาตให้ใช้เส้นทางทางอากาศจะสามารถใช้งานเส้นทางบนท้องฟ้าได้ แต่ก็เฉพาะเวลางานเท่านั้น จึงไม่บ่อยนักที่เด็กมัธยมปลายอย่างพวกนาโอริ จะได้มีโอกาสนั่งยานพาหนะลอยเหนือฟ้าเช่นนี้ ทำให้เด็กสาวออกอาการตื่นเต้นจนแทบเกาะหน้าต่างชมทิวทัศน์เบื้องล่างเลยทีเดียว
แม้อาโอบะจะมีท่าทีรำคาญเสียงกระซิบกระซาบของที่นั่งเบาะหลังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าปริปากบ่นเพราะดันถูกโชโตะซึ่งนั่งตำแหน่งข้างคนขับส่งสายตาดักคออีกฝ่าย พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนแต่แฝงความน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
“แล้วนี่...มีแค่พวกเราห้าคนเท่านั้นเหรอคะ ที่ทำภารกิจนี้?” นาโอริถามหลังจากที่ตื่นเต้นกับทิวทัศน์เหนือหมู่เมฆจนพอใจแล้ว
“ไม่ใช่หรอก เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่ของชินระมาสมทบ เพื่อคุ้มกันองค์รัชทายาทด้วยน่ะ” หญิงสาวตอบเสียงเรียบขณะจดจ่อกับการขับขี่
“แต่ที่ไม่มาพร้อมกันก็เพื่อป้องกันการเป็นเป้าสายตาคนยังไงล่ะ” รุ่นพี่หนุ่มเอ่ยเสริม เมื่อสังเกตว่ารุ่นน้องสาวยังไม่ลบความสงสัยออกจากใบหน้าสวย นาโอริพยักหน้าอย่างเข้าใจพลันเปลี่ยนไปสนใจสภาพแวดล้อมภายนอกรถอีกครั้ง
.
.
.
ใช้เวลาร่วมหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงสถานที่นัดหมาย รถหรูลดระดับลงแทรกตัวผ่านปุยเมฆขาวจนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศที่สามารถหายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น เบื้องล่างคือลานคอนกรีตโล่งท่ามกลางป่าทึบเขียวขจีที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาราวกับมหาสมุทร ครั้นลงจอดตรงลานคอนกรีตอย่างนุ่มนวล นาโอริพลันสังเกตว่านอกจากรถของพวกเธอแล้ว ยังมีรถหรูและเครื่องบินลำเล็กใหญ่สองสามลำจอดทิ้งเอาไว้ รวมไปถึงนายทหารจำนวนหนึ่งประจำการอยู่ไกล ๆ
“นี่มันไกลจากเมืองพอสมควรเลยแฮะ” ซากิเอ่ยอย่างไม่เชื่อสายตา พลางหันมองรอบตัวซึ่งมีแต่ต้นไม้สูงดูน่ากลัวและไม่น่าย่างกรายเข้าไปเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นพวกเขาพลันสังเกตเห็นยานพาหนะอีกสองคันค่อย ๆ ลงจอด ณ ลานกว้างไม่ไกลจากกันมาก ตามมาด้วยเจ้าหน้าที่ชินระในชุดสูทเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มตัดกับเกราะแขนสีขาวสะอาดจำนวนหนึ่งลงมาจากรถ ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาอาโอบะ
“อรุณสวัสดิ์ครับ อาโอบะซัง” ชายวัยกลางคนทำความเคารพขึงขัง เช่นเดียวกับคนอื่นที่เดินตามมาทีหลัง อาโอบะจึงพยักหน้าตอบ และตระหนักถึงสายตาของเพื่อนร่วมงานที่ลอบมองด้านหลังของเธอ ดูเหมือนเจ้าหน้าที่หนุ่มจะสังเกตเห็นกลุ่มของนาโอริซึ่งอยู่ด้านหลังเข้าแล้ว
“เครื่องแบบนั่น...คงจะเป็นนักเรียนจากชิบุนางิที่ซาโตชิซังพูดถึงสินะครับ”
“ฝากตัวด้วยนะครับ” โชโตะรีบเอ่ยกลับไปพร้อมก้มโค้งอย่างสุภาพให้อีกฝ่าย พวกนาโอริเองก็ทำตามทันทีที่รุ่นพี่ของเธอส่งสายตาบอก คนอายุมากกว่าฮัมตอบรับ ก่อนจะถูกดึงความสนใจด้วยเสียงสัญญาณจากอุปกรณ์สื่อสารข้างหู
“รับทราบ” เมื่อชายหนุ่มละปลายนิ้วจากอุปกรณ์สื่อสาร เขาพลันหันกลับมามองที่อาโอบะอีกครั้ง
เพราะภารกิจของพวกเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว...
“ดูเหมือนจะเสด็จมาถึงแล้วนะครับ”
“อื้อ ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมและคอยคุ้มกันตามจุดที่ได้รับมอบหมายด้วย” ความเคร่งขรึมปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาวยามออกคำสั่ง
ไม่นานหลังจากที่ได้รับการติดต่อ ชั่วพริบตาหมู่เมฆขาวพลันบิดเบี้ยว ก่อนจะปรากฏยานพาหนะขนาดใหญ่ลอยเอื่อยอยู่กลางน่านฟ้า เครื่องบินสีขาวโพลนยืดเหยียดโครงล้อเหล็ก ชะลอความเร็วให้ตัวสัมผัสพื้นดินอย่างนุ่มนวลที่สุดและเคลื่อนตัวมาหยุดนิ่งเบื้องหน้ากลุ่มคนตัวเล็กจ้อย
ประตูเหล็กเคลื่อนเปิด เผยให้เห็นชายในเครื่องแบบทหารสีขาวเดินนำออกมา พลันตั้งท่ายืนขึงขังรอรับบุคคลสำคัญอยู่ที่ปลายบันได ก่อนจะตามมาด้วยร่างของเด็กหนุ่มสูงศักดิ์ ผู้มีเรือนผมสีขาวบริสุทธิ์เข้ากับดวงตาคมสีนิลมีเสน่ห์ที่สะท้อนกับแสงแดดยามรุ่งอรุณ ริมฝีปากบางได้รูปคล้ายสตรีและผิวขาวนวลภายใต้ชุดสูททางการสีดำ บ่งบอกถึงการดูแลเป็นอย่างดีนั้น ช่างน่าหลงใหลจนยากจะละสายตาได้
ครั้นร่างเล็กเหยียบพื้นดิน เหล่าทหารและเจ้าหน้าที่ชินระต่างก้มโค้งอย่างนอบน้อมให้ เช่นเดียวกับโชโตะและเหล่ารุ่นน้อง ยกเว้นแค่นาโอริที่แอบเหลือบมององค์ชายหนุ่มอย่างช่วยไม่ได้ เพราะใบหน้าของเขาดันชวนตงิดใจอย่างน่าประหลาด
“รถพระที่นั่งจอดอยู่ทางนั้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ทหารหนุ่มผายมือไปทางรถหรูซึ่งอยู่ไม่ไกล ร่างเล็กพยักหน้าตอบพลันตวัดสายตามองผู้คนมากหน้าหลายตาเบื้องหน้า แต่แล้วเขากลับต้องสะดุ้งทันทีที่สบเข้ากับนัยน์ตาสีซากุระแสนคุ้นเคยและชวนให้คิดถึง ดวงตาคมเบิกขึ้นพลันเผยอปากราวไม่เชื่อสายตา ทำเอานาโอริที่เห็นสีหน้าแปลกไปของอีกฝ่ายได้แต่เลิกคิ้ว เหงื่อตกกังวลว่าเขาจะจับสังเกตสายตาของเธอได้หรือเปล่า
“อะแฮ่ม ต้องให้เราบอกกี่ครั้งว่าไม่ต้องให้คนตามมากันเยอะขนาดนี้?” เด็กหนุ่มรีบหาจังหวะเปลี่ยนสีหน้าตนเอง ก่อนจะหันไปจดจ้องนายทหารใกล้ตัวด้วยสายตาคาดคั้น
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ส่งทหารมาคุ้มกันพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
“เฮ้อ ทั้งที่สั่งให้คนมาอารักขาเรา แต่กลับต้องไปยืมมือเด็กนักเรียนจากชิบุนางิมาช่วยงั้นเหรอ?” นัยน์ตาสีนิลเบนไปยังกลุ่มนักเรียนชิบุนางิ แววตานั้นวูบไหวเป็นกังวลทว่ากลับยากจะสังเกตได้ พาให้ทุกสายตาหันหาเด็กทั้งสี่ ก่อนจะเป็นอาโอบะที่ออกหน้ารับแทน
“หัวหน้าของหม่อมฉัน เป็นคนเสนอให้พวกเขาได้มาเรียนรู้งานจากการติดตามในครั้งนี้เพคะ พวกเขาเองก็มีความสามารถมาก ขอพระองค์ทรงอย่าได้กังวลไป”
“สงสัยเราคงต้องหารือเรื่องนี้กับซาโตชิเสียแล้ว ว่าให้จัดขอบเขตงานของสภาเจ็ดซามูไรให้แคบลงหน่อย...เพราะการปกป้องใครสักคน โดยที่ต้องแลกกับชีวิตมันไม่ควรเป็นหน้าที่ของเด็กหรอก” เขาทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะก้าวเดินนำไปตามด้วยนายทหารหลายคนซึ่งตามไปติด ๆ วินาทีที่ร่างเล็กผ่านหน้าไป นาโอริพลันสังเกตเห็นแววตาชิงชัง ทว่ากลับเยือกเย็นออกมาจากนายทหารที่ติดตามองค์ชายหนุ่ม แต่ไม่ทันจะได้มองให้ชัดเขาก็ดันจากไปไกลเสียแล้ว
“อะไรน่ะ นั่นเขาเป็นห่วงพวกเราเหรอ?” ฮินาวะกระซิบกระซาบให้เด็กสาวทั้งสองได้ยิน ก่อนจะเป็นซากิที่เอ่ยตอบเบา ๆ
“ไม่รู้สิ...แต่เหมือนพระองค์จะทรงไม่พอพระทัยอยู่นะ”
“อย่าเพิ่งคุยกันตอนนี้เลย รีบขึ้นรถเถอะครับ” เสียงนุ่มจากโชโตะเรียกสติรุ่นน้องทั้งสามให้เดินไปยังรถ ขณะที่อาโอบะกำลังพูดคุยกับนายทหารคนหนึ่งอยู่ ไม่นานเธอจึงเดินตามมา
เมื่อองค์ชายหนุ่มประจำตำแหน่งที่นั่งด้านหลังเป็นที่เรียบร้อย ขบวนรถหรูจึงเคลื่อนที่ออกตัวและวิ่งลัดเลาะเข้าเส้นทางซับซ้อนของป่า แทนที่จะเป็นเส้นทางอากาศ
“ทำไมคราวนี้ถึงใช้ทางปกติล่ะคะ?” ซากิถาม
“ฉันเองก็ไม่ค่อยพอใจหรอก เพราะตอนแรกก็ตกลงกันว่าจะใช้เส้นทางอากาศ แต่อยู่ ๆ ก็มาเปลี่ยนกลางคันเสียอย่างนั้น” อาโอบะขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์พลางขับรถไปตามเส้นทางรกทึบ
“แต่ใช้เส้นทางแบบนี้ ดูจะอันตรายกว่าบนฟ้าอีกนะ” ฮินาวะเอ่ยพลางจ้องมองสภาพแวดล้อมรกทึบภายนอกกระจก
“อย่าว่าแต่พวกเธอเลย ฉันเองก็คิดไม่ต่างกันหรอก ไม่รู้คนพวกนั้นคิดอะไรอยู่” หญิงสาวเอ่ย ก่อนที่เธอจะรู้สึกว่ามีใครบางคนที่เงียบจนผิดปกติ
“นี่เธอน่ะ เป็นอะไรไปไม่พูดไม่จาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว?” อาโอบะเหลือบมองนาโอริที่นั่งเงียบอยู่ที่เบาะหลัง พาให้สาวเจ้าสะดุ้งเมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายกำลังเรียก
“แค่รู้สึกว่า....มันมีอะไรแปลก ๆ น่ะค่ะ”
“หมายถึงอะไร?” หญิงสาวเลิกคิ้วสูง
“สังเกตสีหน้าแปลกของพวกทหารเข้าเหรอ?” โชโตะเอ่ยถาม
“รุ่นพี่ก็เห็นเหมือนกันใช่ไหมคะ!? ฉันคิดว่ามันเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังจ้องจะกินเหยื่อ อะไรทำนองนั้นเลย”
“ถึงจะพูดเกินจริงไปหน่อย แต่ทหารบางคนก็ไม่ค่อยชอบองค์ชายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มันก็ต้องมีบ้างแหละ” รุ่นพี่หนุ่มเอ่ยพลางยกยิ้มอย่างเอ็นดูกับจินตนาการอันล้ำเลิศของเด็กสาว ทว่านาโอริกลับไม่รู้สึกสบายใจขึ้นเลย ดวงตาสีซากุระสั่นไหวพลางนึกถึงสิ่งที่เห็น แววตานั้นมันกลับทำให้เธอรู้สึกกลัวและอดเป็นห่วงองค์ชายหนุ่มไม่ได้
ในขณะเดียวกัน ภายในตัวรถหรูที่เด็กหนุ่มโดยสารอยู่ ไร้ซึ่งเสียงพูดคุยใด ๆ จนน่าอึดอัด แต่กลับมีใครคนหนึ่งที่ใจไม่อยู่กับตัวพลางลอบมองกระจกใสเบื้องหลัง ซึ่งเผยให้เห็นรถของอาโอบะที่กำลังขับตามมา คิ้วเรียวขมวดแทบเป็นปมพร้อมกับยกมือถือคู่ใจขึ้นมาเลื่อนหาชื่อใครคนหนึ่ง
“ที่เงียบหายไปเลยเป็นเพราะแบบนี้เองสินะ” โซอิจิโร่พึมพำเบา ๆ ไม่ทันไรก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ถ้าเกิดจำกันได้ขึ้นมาจะทำยังไงล่ะทีนี้”
“ทรงมีเรื่องกลุ้มพระทัยอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?” หนึ่งในทหารเอ่ยถามครั้นได้ยินเสียงถอนใจ
“ม ไม่มีอะไร เราแค่คิดเรื่องงานน่ะ” โซอิจิโร่เอ่ยพลางกอดอกหลวม ๆ และพยายามไม่หันไปมองเบื้องหลัง
โดยไม่ทันรู้....ถึงอันตรายที่เฝ้ารออยู่ในมุมมืด
กึก
ณ ซอกหลืบทึบไร้ซึ่งแสงลอดผ่านระหว่างต้นไม้ กระบอกโลหะกำลังเคลื่อนทิศตามการเคลื่อนไหวของหนึ่งในรถยนต์ที่อยู่กลางขบวน ใครคนหนึ่งสัมผัสไกปืนรออย่างใจเย็นให้ศูนย์เล็งประสานกับยางล้อรถ กระทั่งมันประกบกันนิ้วจึงเหนี่ยวไกส่งกระสุนระเบิดขนาดเท่ากำปั้นให้พุ่งแหวกอากาศชนเข้ากับล้อยาง
ตูม!
แรงระเบิดฉีกกระชากรถของทหารฮิบานะกระจุยเป็นเศษซาก กระเด็นปะทะรถคันใกล้เคียงจนเสียการควบคุมไปด้วย ก่อนจะมีเสียงระเบิดตูมตามจากอีกฟากหนึ่งของป่า กระสุนเหล็กพุ่งทำลายรถของเจ้าหน้าที่ชินระ แรงกระแทกพัดให้กลิ้งตลบชนกับต้นไม้จนล้มระเนระนาด ไฟรุนแรงพวยพุ่งจากซากเหล็กลามสู่ต้นไม้รอบด้านอย่างรวดเร็ว
“จอดรถเดี๋ยวนี้!” องค์ชายหนุ่มหันขวับมองเหตุการณ์ชุลมุนเบื้องหลัง พลันตะโกนสั่งเสียงแข็ง
“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ มันอันตราย”
“ก็บอกให้..”
แกร็ก
สัมผัสเย็นวาบที่ท้ายทอยพร้อมกับเสียงปลดไกปืนดังเป็นสัญญาณ นัยน์ตาสีนิลหรี่ลงพลันเหลือบมองเบื้องหลังของตน บัดนี้ทหารหนุ่มที่ควรจะให้ความอารักขาแก่เขา กำลังจ่ออาวุธต้องห้ามสีเงินวาวมาทางเขาเสียแทน
“อยู่เฉย ๆ จะปลอดภัยกว่านะพ่ะย่ะค่ะ....ฝ่าบาท”
“แกไม่ใช่แม้แต่คนของเราด้วยซ้ำ ทำไมเราต้องฟังด้วย?”
“ถ้าไม่ฟัง หัวของท่านก็จะเป็นรูน่ะสิ” มือหนากดปืนให้แนบกับศีรษะมากขึ้น โซอิจิโร่จึงเลือกสูดหายใจเข้าลึกพร้อมกับยกมือขึ้นเชื่องช้าเป็นสัญญาณ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันดังมาจากที่นั่งด้านหน้า แรงกดจากปากกระบอกปืนพลันคลายลงทว่ากลับสัมผัสได้ว่าอยู่ไม่ห่างนัก และนั่นอาจเป็นโอกาสเดียวของเขาก็เป็นได้....
เด็กหนุ่มลอบมองอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย นัยน์ตาสีนิลสะท้อนภาพของปืนสีเงินแจ่มชัด...ก่อนจะตัดสินใจเคลื่อนไหว
พรึบ!
“เฮ้ย!”
เพื่อแย่งปืนในมือนั่น!
ปัง!
กระสุนเหล็กพุ่งเฉียดเรือนผมสีขาวหวุดหวิดเพราะเจ้าตัวเบี่ยงหลบ โซอิจิโร่พุ่งกระชากข้อมืออีกฝ่ายพลันหันปากกระบอกปืนไปใส่ที่นั่งคนขับ พลันบังคับให้เหนี่ยวไกใส่เพื่อนตนเอง
ปัง!
กระสุนทะลวงกะโหลกหนาส่งของเหลวสีแดงกระเซ็นเปรอะเปื้อนกระจกใส รถยนต์ที่ไร้ซึ่งคนขับเริ่มเสียการควบคุมและเหวี่ยงไปมา จนยากที่จะแย่งปืนมาจากมือศัตรูได้ เด็กหนุ่มที่หัวไวรีบชักดาบจากร่างไร้วิญญาณ พลันแทงทะลุลำคอดับลมหายใจในชั่วพริบตา ครั้นไม่เหลืออุปสรรคอื่นแล้ว ปัญหาใหญ่จึงเหลือเพียงรถคันนี้เท่านั้น โซอิจิโร่พลันคว้าพวงมาลัยคุมทิศทางอย่างทุลักทุเล และให้มันพุ่งปะทะกับต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ
เวลาเดียวกันในรถหรูของอาโอบะ นัยน์ตาสีน้ำเงินเบิกกว้าง ครั้นเห็นภาพความโกลาหลของรถเพื่อนร่วมงานที่กระจุยกระจายอยู่ข้างทาง ซ้ำยังเริ่มถูกไฟคลอกจนไม่เหลือชิ้นดี
“นั่นมัน!” หญิงสาวเหยียบคันเร่งไล่ตามหลังรถองค์ชายหนุ่มจนทัน ก่อนจะเหยียบเบรกมิดเพื่อยั้งไม่ให้เข้าไปชนรถข้างหน้า จนถลาไปหยุดอยู่ตรงข้างๆต้นไม้ต้นหนึ่ง
“องค์ชาย!” ครั้นจอดสนิท นาโอริที่ได้สติหลังจากถูกเหวี่ยงชนกับตัวรถ รีบรุดเปิดประตูด้านที่ใกล้มือทันควัน และวิ่งตรงไปยังซากรถที่เริ่มมีเปลวไฟลุกลามตรงกระโปรงหน้า แม้จะมีเสียงห้ามปรามจากคนในรถแต่ก็หาได้ฟังไม่ เพราะร่างกายของเธอมันออกตัววิ่งไปเองเสียแล้ว
ครั้นถึงตัวรถเด็กสาวที่กำลังจะเอื้อมมือไปดึงประตู กลับต้องถอยหนีเมื่อมีแรงถีบจากภายในรถ รุนแรงมากถึงขนาดที่ประตูเหล็กกระเด็นหลุดจากตัวรถไปไกล ตามมาด้วยร่างเล็กขององค์ชายหนุ่มที่พยุงตนเองออกมาจากซากรถ นาโอริพลันรีบพุ่งตัวเข้าไปพยุงเขาได้ทันท่วงที ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อย
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ!?”
“เราไม่เป็นอะไร...” เขาตอบเพียงเท่านั้น ก่อนจะขว้างดาบที่ใช้ฆ่าศัตรูนั่นทิ้งพลางจ้องมองฝ่ามือที่ปรากฏรอยไหม้จากการสัมผัสดาบที่ไม่ใช่ของตนเอง ดวงตาสีซากุระสั่นไหวทันทีที่สังเกตเห็นเลือดแดงสดเปรอะเปื้อนบนใบหน้าอีกฝ่าย ด้วยความเผลอไผลมือเรียวจึงเอื้อมไปสัมผัสแก้มนวลของเขา
“เลือด?...ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ” คนถูกสัมผัสผงะไปเล็กน้อยและปัดมือของเด็กสาวออก
“นี่ไม่ใช่เลือดของเราหรอก”
“จริงเหรอ....โล่งอกไปที”
อาโอบะที่เห็นว่านาโอริถึงตัวองค์ชายเป็นที่เรียบร้อยจึงวางใจไปเปลาะหนึ่ง ก่อนจะวิ่งไปยังรถคันที่ใกล้สุดซึ่งไม่มีวี่แววว่าจะมีใครออกมาจากรถ หรือหนีออกมาก่อนแล้ว หญิงสาวเดาะลิ้นไม่สบอารมณ์ครั้นเห็นร่างไร้วิญญาณที่ถูกเผาทั้งเป็นของคนในรถ อาโอบะเอื้อมมือจับกระบังดาบของตนพลางกวาดตามองตามป่าทึบ เธอสูดหายใจลึกและสัมผัสกลิ่นอายรอบด้าน จนตระหนักได้ว่าพวกเขากำลังถูกล้อมเอาไว้....
“รีบพาองค์รัชทายาทขึ้นรถเร็วเข้า ที่นี่ไม่ปลอดภัย”
ตูม!
ไม่ทันขาดคำรถหรูของอาโอบะกลับถูกทำให้ระเบิดพลันกลายเป็นกองเพลิง โชคดีที่ไม่มีใครอยู่บนรถ ทว่าคลื่นกระแทกรุนแรงที่ปะทะกับร่างกายจนปลิวไปคนละทิศละทางดันตัดขาดระหว่างนาโอริกับพวกอาโอบะ ไฟที่เคยลามต้นไม้ทวีคูณความรุนแรงขึ้น ชั่วพริบตาเด็กสาวก็อยู่ตัวคนเดียวและถูกห้อมล้อมด้วยเปลวเพลิงร้อนระอุ ควันหนาลอยคลุ้งบดบังทุกสิ่ง มองไม่เห็นแม้แต่คนที่อยู่ใกล้ ๆ
“องค์ชายคะ!” แม้จะเรียกสุดเสียงแต่ก็ไร้เสียงตอบรับจากทางไหนเลย นาโอริพลันคิดว่าเขาอาจถูกแรงระเบิดพัดไปไม่ไกลจากเธอมาก จึงเลือกจะก้าวเดินฝ่าหมอกควันไปจุดที่คาดว่าเด็กหนุ่มน่าจะอยู่ แต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกคลื่นความร้อนไล่ให้ถอยหนี นาโอริปรากฏสีหน้าซีดเผือดและกังวล มีเพียงควันไฟเท่านั้นที่กั้นอยู่ ทว่าเด็กสาวไม่สามารถทนเขม่าควันได้นานพอจะฝ่าไปหาองค์ชายหนุ่ม ทั้งที่หน้าที่ของเธอคือปกป้องเขาแท้ ๆ
ตูม!
เสียงระเบิดดังสนั่นสั่นไหวไปทั้งพื้นที่ และมันมาจากอีกฟากหนึ่งของกำแพงควันไฟซึ่งเป็นทางที่รถของอาโอบะเคยจอด ใจของนาโอริหล่นวูบเพราะนึกเป็นห่วงซากิกับคนอื่น พลันอยากจะวิ่งเข้าไปในความวุ่นวายนั่นใจจะขาด ทว่าตราบใดที่ยังหาองค์ชายหนุ่มไม่เจอ ความกังวลใจก็ไม่มีทางลดลง หนำซ้ำผลจากแรงระเบิดเมื่อครู่เปลวเพลิงจึงลุกลามรวดเร็วปานแสง รู้ตัวอีกทีทางด้านหน้าก็ถูกปิดตาย ตอนนี้เธอไม่มีที่ให้ไปแล้ว...
“โธ่เอ๊ย...ทำยังไงดี” นาโอริเม้มปากแน่นจนเจ็บแปร๊บ เวลานี้เธอคิดอยากหาเส้นทางที่จะลัดไปอีกด้าน ดวงตาสีซากุระกวาดมองไปรอบตัว พยายามจับเบาะแสจากในม่านควัน
โดยหารู้ไม่ว่าเปลวเพลิงกำลังซ่อนอันตรายที่หวังจะสะบั้นคอเธอให้ขาด...
“ระวัง!”
ฉวับ!
เสียงอากาศถูกฉีกออกด้วยคมดาบคมกริบ นาโอริหลบมันได้อย่างหวุดหวิด แต่นั่นเป็นเพราะมีแรงของใครบางคนดึงตัวเธอให้ออกจากวิถีของดาบ ครั้นหลบมาได้สาวเจ้ากลับถูกแรงดึงให้วิ่งตามเข้าไปในป่าทึบ ที่ยังไม่ถูกทะเลเพลิงกลืนกิน
เช่นเดียวกับใครคนหนึ่งที่จงใจปลิดชีวิตเธอ ก็ไม่ได้อยู่ตรงที่เดิมอีกต่อไปแล้ว....
to be continue…
===============================
ใครอ่านถึงตอนนี้ ฝากเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะ ติชมได้น้าา <3
つづく、psrpowder