จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน

7 Samurai - ตอนที่27 ความล้มเหลวและหนทางแก้ไข โดย psrpowder @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

7 Samurai

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี

รายละเอียด

จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน

ผู้แต่ง

psrpowder

เรื่องย่อ

สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่ Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)



เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!

ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)

เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ

ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!) 

แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )

 
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา 


==============================================

***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***

แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง 

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

==============================================

ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้ 

ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว



มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย 
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ



 "ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"

"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"



มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย 
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย



"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"

"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"



มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา



"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"

"คุณ...คือใคร?"
 

มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน

 

"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"

"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
 

==============================================


เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;

ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ! 

ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)


よろしく、psrpowder 

สารบัญ

7 Samurai-ตอนที่1 การเริ่มต้นใหม่,7 Samurai-ตอนที่2 คู่หู,7 Samurai-ตอนที่3 เก่งกาจ,7 Samurai-ตอนที่4 ลังเล,7 Samurai-ตอนที่5 ทดสอบ,7 Samurai-ตอนที่6 สายสัมพันธ์ใหม่(1),7 Samurai-ตอนที่7 สายสัมพันธ์ใหม่(2),7 Samurai-ตอนที่8 สายสัมพันธ์ใหม่(3),7 Samurai-ตอนที่9 สายสัมพันธ์ใหม่(4),7 Samurai-ตอนที่10 ฝึกมือ,7 Samurai-ตอนที่11 เปิดเผย,7 Samurai-ตอนที่12 ถึงเทศกาลแล้ว!,7 Samurai-ตอนที่13 แข่งคู่ที่สอง,7 Samurai-ตอนที่14 ชิงชนะเลิศ,7 Samurai-ตอนที่15 เซอร์ไพรซ์ต้อนรับ!,7 Samurai-ตอนที่16 นัดที่ไม่ได้นัด(1),7 Samurai-ตอนที่17 นัดที่ไม่ได้นัด(2),7 Samurai-ตอนที่18 นัดที่ไม่ได้นัด(3),7 Samurai-ตอนที่19 ติวหนังสือให้ทีสิ,7 Samurai-ตอนที่20 คอร์สสอนเฉพาะกิจ,7 Samurai-ตอนที่21 ชั่วโมงประวัติศาสตร์,7 Samurai-ตอนที่22 วันสอบที่ผ่านไปด้วยดี,7 Samurai-ตอนที่23 ภารกิจพิเศษ(1),7 Samurai-ตอนที่24 ภารกิจพิเศษ(2),7 Samurai-ตอนที่25 ภารกิจพิเศษ(3),7 Samurai-ตอนที่26 ภารกิจพิเศษ(4),7 Samurai-ตอนที่27 ความล้มเหลวและหนทางแก้ไข,7 Samurai-ตอนที่28 ดุจกำลังใจ,7 Samurai-ตอนที่29 ข่าวร้ายกับแผนการตีกรอบ,7 Samurai-ตอนที่30 เริ่มแผน!,7 Samurai-ตอนที่31 ฝ่าฝืน,7 Samurai-ตอนที่32 ช่วยเหลือ,7 Samurai-ตอนที่33 จิตสังหาร,7 Samurai-ตอนที่34 แลกด้วยชีวิต,7 Samurai-ตอนที่35 คำโกหกเพื่อปลอบโยน,7 Samurai-ตอนที่36 เยี่ยมไข้,7 Samurai-ตอนที่37 เรื่องราวที่อยากเล่า,7 Samurai-ตอนที่38 ความตั้งใจอันแน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่39 ตามรอย,7 Samurai-ตอนที่40 เหตุร้ายที่เกิดไปพร้อมกัน,7 Samurai-ตอนที่41 แผลใจฝังลึก,7 Samurai-ตอนที่42 เรื่องด่วนและเรื่องร้าย,7 Samurai-ตอนที่43 ความคิดที่ไม่ได้บอก,7 Samurai-ตอนที่44 เชื่อใจ,7 Samurai-ตอนที่45 ข้ออ้างเพื่อตัวเอง,7 Samurai-ตอนที่46 แน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่47 ไม่อยากพลาดโอกาส,7 Samurai-ตอนที่48 จิตสำนึกต่อต้าน,7 Samurai-ตอนที่49 ไม่เข้ากัน,7 Samurai-ตอนที่50 ต้นตอของอาการ,7 Samurai-ตอนที่51 นึกสงสัย,7 Samurai-ตอนที่52 คัดเลือก,7 Samurai-ตอนที่53 กลับบ้าน,7 Samurai-ตอนที่54 โลกเสมือน,7 Samurai-ตอนที่55 ผู้ร่วมทาง,7 Samurai-ตอนที่56 ตามรังควาน,7 Samurai-ตอนที่57 ผู้ร่วมทางอีกคน

เนื้อหา

ตอนที่27 ความล้มเหลวและหนทางแก้ไข

*** Trigger warning : เลือด ***


โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน



“จัดการแค่นี้ก็พอ เราไม่มีเวลามาก” 




วี๊ด!




เสียงสัญญาณแสบแก้วหูดังกึกก้องทั่วผืนฟ้าและผืนดิน บ่งบอกว่ากำลังเสริมที่พวกโชโตะขอไปกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ชายหนุ่มใต้ผ้าคลุมจึงรีบสั่งให้ถอยทัพโดยด่วน ก่อนที่พวกจุ้นจ้านจากชินระจะมาเจอเข้า ทว่าก่อนจะได้กลับขึ้นเรือบิน นัยน์ตาสีซากุระสังเกตเห็นดาบคาตานะสีน้ำเงินตกอยู่ใกล้กับนาโอริที่หมดสติ


“เอาดาบนั่นมาด้วย” 


“หา เอาไปทำไมอ่ะ?” เด็กสาวใต้ชุดคลุมเอียงคอสงสัย


“เอามาเถอะน่า....” เขาเอ่ยเสียงแข็งพลันก้าวเดินเข้าเรือบินไป ร่างเล็กเลยคว้าดาบสีน้ำเงินเข้มทันควันพลางร้องซี้ดซ้าด เพราะมือถูกเผาไหม้ก่อนจะกระโจนเข้าประตูเหล็กไป 


            


พรึบ


ทันทีที่ประตูเคลื่อนปิด เรือบินนั่นจึงกลมกลืนไปกับท้องฟ้าครามและล่องหนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้เพียงร่างหมดสติของเด็กสาวผู้โชคร้าย กับความล้มเหลวของเธอ.....






กำลังเสริมที่นำทีมโดยโชโตะ ซึ่งส่งตัวฮินาวะและซากิถึงโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย ได้ออกตามหาคนทั้งสามในป่าใหญ่ ทางด้านอาโอบะในที่สุดก็พบหน้าผากว้างที่เกิดเหตุพร้อมกับร่างไร้สติของเด็กสาวนอนอยู่ ครั้นพยายามเรียกยังไงก็ไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมา เลยตระหนักทันทีว่าอีกฝ่ายอาการไม่สู้ดีนัก โชคเข้าข้างที่พื้นที่กลับมามีสัญญาณอีกครั้ง หญิงสาวจึงสามารถติดต่อไปหากำลังเสริมที่วิ่งวุ่นกันอยู่ในป่าได้ ไม่นานเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง ก็มาปรากฏที่หน้าผาโล่งตามสัญญาณของอาโอบะ พลันช่วยนาโอริที่อาการสาหัสส่งโรงพยาบาลได้ทัน




แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาหน้าเสียกันหมด คือการที่ไม่พบร่องรอยขององค์รัชทายาทแม้แต่ฝุ่น และคิดได้อย่างเดียวว่าพวกเขาอาจกำลังจะคอขาดในไม่ช้า...


.


.


.




ท้องฟ้ากว้างถูกระบายด้วยสีแดงเลือดบ่งบอกเวลายามเย็น หมู่เมฆมืดครึ้มราวตอบรับข่าวร้ายที่เกิดขึ้น บัดนี้ ณ ปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในอาณาเขตฮิบานะ ชายเจ้าของเรือนผมสีซากุระกำลังอยู่ในห้องกว้างกับใครอีกคน ผู้มีใบหน้าคมสันและแววตาสีนิลดุดันน่าเกรงขาม


“มีเรื่องอะไรก็พูดมา ซาโตชิ” ชายในชุดยูกาตะไม่รอให้อีกฝ่ายเกริ่น และดึงเข้าประเด็นหลักทันที ทำเอาชายที่ชื่อซาโตชิวาดสีหน้าหวั่นใจเล็กน้อย


“กระหม่อม...จะมารายงานข่าวร้ายพ่ะย่ะค่ะ” 


เขาเล่าเรื่องเหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้ให้คนสูงศักดิ์ฟังทั้งหมด ดวงตาสีซากุระสั่นไหวอย่างรู้สึกผิด แม้แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายยังไม่กล้ามองเลยด้วยซ้ำ ทว่ากลับมีเสียงเรียบตอบกลับมา ราวกับว่าไม่ได้ร้อนรนกับข่าวที่ได้ฟังสักนิด


“แปลว่าตอนนี้ลูกของเราถูกคนร้ายจับตัวไว้สินะ”


“เป็นความสะเพร่าของกระหม่อมเอง ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ” ซาโตชิก้มศีรษะจรดพื้นไม้ มือหนากำแน่นด้วยความคับแค้นใจ หากเด็กหนุ่มผู้นั้นเป็นอะไรไป เขาก็ไม่อาจให้อภัยตัวเองได้


“เงยหน้าขึ้น ซาโตชิ”


“แต่ว่า..”


“กล้าขัดคำสั่งเราเหรอ?”


“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่าบาทถึงไม่ทรงร้อนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย?”


“ทำไมเราต้องร้อนใจล่ะ ตราบใดที่ยังมีสายเลือดของราชวงศ์ ยังไงมันก็อาจจะเกิดขึ้นในสักวันอยู่แล้ว” ซาโตชิได้แต่เลิกคิ้วสูง ไม่เข้าใจสักนิดว่าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ ทำไมถึงไม่เดือดร้อนกับอันตรายของลูกบ้างเลย


“ไม่ทรงเป็นห่วงท่านโซอิจิโร่บ้างเลยเหรอพ่ะย่ะค่ะ!?”


“เด็กคนนั้นทำตัวเองต่างหาก ทั้งที่เราอุตส่าห์สั่งให้ทหารตามอารักขาตั้งมากมาย แต่มักจะขัดคำสั่งเราตลอด” ซาโตชิเม้มริมฝีปากแน่นพลันหลุบตาต่ำ ก่อนจะถูกดึงความสนใจด้วยเสียงคนตรงหน้า


“นายไม่ต้องกังวลไปหรอก เราเชื่อว่าพวกมันจะไม่ทำอะไรโซอิจิโร่แน่ ๆ ...หรือต่อให้ทำ ฮิบานะอย่างพวกเราก็ไม่มีทางตายด้วยการทรมานอยู่แล้ว”


“ท่านกล้าวางใจได้ยังไง พวกมันอาจมีจุดประสงค์อื่นก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!” เจ้าของเรือนผมสีซากุระเผลอโพล่งเสียงดังใส่คนสูงศักดิ์ ทว่าอีกฝ่ายกลับยังใจเย็นไม่เปลี่ยน


“ไม่ว่าพวกมันจะมีจุดประสงค์อะไร...มันก็จะไม่ได้อะไรจากเขาทั้งนั้น”


“แม้แต่การใช้ต่อรองน่ะเหรอพ่ะย่ะค่ะ” สิ้นคำพูดนั้น นัยน์ตาสีนิลพลันสบกับอีกฝ่ายราวจะยืนยันคำตอบ


“ใช่ แม้แต่การต่อรอง”


“กระหม่อมขอถามคำถามสุดท้ายพ่ะย่ะค่ะ”


“ว่ามา” ซาโตชิสูดหายใจเข้าลึกและอ้าปากเอ่ยไป


“ถ้าเกิดความลับ...เรื่องที่ท่านโซอิจิโร่ไม่ใช่องค์รัชทายาทตัวจริงรั่วไหลออกไปล่ะพ่ะย่ะค่ะ” บรรยากาศโดยรอบพลันหนักอึ้งและอึดอัดจวนขาดใจ ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มเย็นวาบสะกดให้จำยอม


“ปากไหนมันชอบแพร่งพราย ก็ตอบรับมันด้วยคมดาบให้หมด...อย่าให้พวกมันมาเสนอหน้าให้เราเห็นอีก”


“พ่ะย่ะค่ะ...”




และแล้วคำสั่งของผู้เป็นจักรพรรดิก็ลั่นหนักแน่น ให้โอกาสเหล่าเจ้าหน้าที่ชินระแก้ไขความผิดพลาดของตน และไปนำตัวโซอิจิโร่กลับมาให้ได้....




ซาโตชิก้มโค้งให้ชายตรงหน้าพร้อมสลักคำสั่งนั้นไว้ในใจ เขาสาบานกับตัวเองว่าจะต้องพาเด็กหนุ่มกลับมาอย่างปลอดภัย




ครั้นได้รับภารกิจใหญ่กลับมา ชายหนุ่มพลันตรงดิ่งกลับไปยังบริษัทชินระ และเริ่มสั่งการให้สืบร่องรอยจากพื้นที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด เพราะจะวันหรือสองวันต่างก็มีผลต่อชีวิตของโซอิจิโร่ทั้งสิ้น






เวลาต่อมาราว ๆ สองชั่วโมง ณ ตึกสูงตระหง่าน ชายหนุ่มผู้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาการ กำลังกุมขมับครุ่นคิดบางสิ่งอยู่ในห้องทำงานของเขา ซาโตชิจ้องมองเอกสารกองโตตรงหน้าอย่างจดจ่อ โดยไม่ทันรู้ตัวว่ามีใครอีกสองคนอยู่กับเขาด้วย


“....ชิ”


“ซาโตชิซัง!” เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงตามเสียงทุ้มที่เรียก เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงพบกับคู่ชายหญิงสองคนในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มประจำบริษัทชินระ  เรือนผมสีขาวดั่งหิมะและดวงตาสีหมอกที่ทั้งสองเป็นเจ้าของแสดงถึงความสัมพันธ์ได้อย่างดี


“ขอโทษที พวกเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?” 


“เพิ่งมาได้ไม่นานเองครับ” ชายหนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน อีกฝ่ายที่ได้ยินเช่นนั้นจึงถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง


“เรื่องที่ฉันขอร้องน่ะ...ทำได้หรือเปล่า?” 


“ไม่ต้องห่วงครับ พวกเราจะสืบหาร่องรอยทั้งหมดที่มี จนกว่าจะพบที่ซ่อนของพวกมันครับ”


“สมกับที่เป็นหน่วยเงา...ทำงานเร็วดีมาก”




หากพูดถึง หน่วยเงา นั่นคือชื่อของหน่วยสอดแนมพิเศษของชินระ เป็นหน่วยงานที่จะคอยปฏิบัติหน้าที่อยู่เบื้องหลังในเรื่องของการสืบค้น การสอดแนม และจู่โจมจากที่ที่มองไม่เห็น หรือเรียกว่าเป็นแหล่งรวมของนินจาก็ไม่ผิดนัก หากเปรียบบริษัทชินระเป็นกองทัพ เหล่านักดาบคงเทียบได้กับแนวหน้า ส่วนพวกเขาก็คือแนวหลังและหน่วยลอบสังหารชั้นยอด




“ฉันอยากได้ข้อมูลโดยด่วนที่สุด...อย่างน้อยก็ภายในวันพรุ่งนี้ เพราะเราจะปล่อยให้องค์รัชทายาทอยู่กับพวกมันนานไปกว่านี้ไม่ได้”  


“สารและควันที่ออกมาจากเครื่องปล่อยคลื่นความถี่ที่ทำให้วัตถุล่องหนได้...มันจะไม่หายไปในสองถึงสามวัน คงตามหาได้ไม่ยากค่ะ” ครานี้เป็นเสียงหวานของหญิงสาวผมยาว ได้ยินเช่นนั้นเขาก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง ทว่าซาโตชิก็ไม่วายเผลอถอนใจออกมา ทำเอาลูกน้องทั้งสองเลิกคิ้วสูง


“มีเรื่องอื่นที่คิดไม่ตกหรือเปล่าครับ?” ชายเรือนผมสีขาวหิมะเอ่ยถาม ทำเอาอีกฝ่ายผงะเล็กน้อย เขายอมรับว่าเป็นกังวลในเรื่องเอามาก ๆ จนแทบไม่มีสมาธิจะทำงานอื่นด้วยซ้ำ หากเขาสามารถตามสืบด้วยตนเองได้ก็คงทำมันไปแล้ว


“ฉันสงสัยบางอย่างน่ะ”


“อะไรเหรอคะ?”


“เรื่องการเสด็จครั้งนี้ เป็นไปได้ไหมว่ามีทหารของฮิบานะเป็นหนอนบ่อนไส้?” 


“ถ้าใช่จริง ๆ มันก็อาจจะหนีไปพร้อมกับกลุ่มคนร้ายแล้ว” 


“เป็นไปได้ เพราะจากรายงานของเรย์กะ ทั้งทหารที่ติดตามองค์รัชทายาท กับเจ้าหน้าที่ชินระคนอื่นก็ไม่มีใครรอดสักคน ให้ตายสิ ฝ่าบาทนะฝ่าบาท เลือกคนมาให้ลูกชายยังไงของเขาเนี่ย....” ซาโตชิตกสู่ห้วงลึกของความคิด หนุ่มสาวที่ยืนมองท่าทางนั้นพลันตัดสินใจว่าไม่ควรรบกวนเวลางานของเขาต่อ 


“พวกเราขอตัวก่อนนะครับ ได้ข้อมูลเมื่อไหร่จะแจ้งให้คุณทราบโดยเร็วที่สุดครับ” ชายหนุ่มก้มโค้งให้ 


ทันทีที่อีกฝ่ายพยักหน้า ร่างทั้งสองก็หายวับไปอย่างกับเล่นมายากล บัดนี้จึงเหลือเพียงซาโตชิที่เอนตัวพิงเก้าอี้อย่างเหนื่อยหน่าย พลันถอดแว่นตาทรงเหลี่ยมและนวดหัวตาเบา ๆ 


“ขอให้ปลอดภัยนะพ่ะย่ะค่ะ ท่านโซอิจิโร่”


.


.


.


แสงอรุณใกล้จะบอกลา ณ ท้องฟ้าเหนือทะเลหมอก ยานพาหนะลำใหญ่กำลังเคลื่อนที่เชื่องช้า ราวกับสิ่งมีชีวิตที่ว่ายเอื่อยอยู่ในมหาสมุทรคราม ภายในห้องโดยสารกว้าง ชายหนุ่มผู้มีเรือนผมและสีตาดุจดอกซากุระกำลังจับจ้องร่างของหญิงสาว ที่ปรากฏรอยฟกช้ำตามเนื้อตัวและใบหน้า ดวงตาคมกริบเฝ้ามองเธอไม่ละสายตา จนในที่สุดเขาก็ยอมเปิดปากพูดออกมา


“อาการดีขึ้นไหม เซระ?” น้ำเสียงทุ้มแสดงความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด พาให้เจ้าของชื่อ เซระ วาดยิ้มตอบกลับ


“ฉันไม่เป็นไร โชคดีที่ได้ยานั่น ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” 


“นายเองก็ต้องพักบ้าง ซาโซริ มัวแต่นั่งเฝ้าอยู่แบบนี้มาหนึ่งวันเต็ม ๆ แล้วนะ”


“อือ...” เขาตอบรับสั้น ๆ ทว่ากลับไม่ยอมขยับไปไหน ได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น


“ตอบรับแล้วก็รีบไปสิ เจ้าน้องบ้า” เจ้าของเรือนผมสีซากุระคนน้องไม่แสดงสีหน้าอะไร แต่ก็ยอมเดินไปจากห้องของหญิงสาวอย่างเชื่อฟัง




ร่างสูงย่างก้าวไปตามทางเดินสลัวของเรือบินซึ่งมีประตูเรียงราย กระทั่งมาถึงหน้าห้องของตน มือหนาเอื้อมจับลูกบิดและกำลังจะออกแรงเปิดมัน ก่อนที่เขาจะปล่อยมือพลันเปลี่ยนเส้นทางไปห้องที่อยู่ห่างจากแสงไฟ ชายหนุ่มเปิดทางให้ตัวเองเข้าไปยังห้องแคบ ด้านในดูจะเป็นคลังแสงที่เก็บอาวุธอันตรายหลากชนิดไว้ แม้แต่กระบอกปืนก็ยังมี...


ครั้นประตูถูกปิดลง เหลือเพียงแสงไฟจากหลอดไฟเก่าที่ใกล้ขาดให้ความสว่าง นัยน์ตาสีซากุระหม่นจ้องเขม็งไปยังหนึ่งในอาวุธที่วางไว้ตรงกลางห้อง มันคือดาบคาตานะไร้ฝักสีน้ำเงินที่ชิงมาจากเจ้าของของมันก่อนหน้านี้ และราวกับถูกดึงดูด ซาโซริจึงเลือกจะยื่นมือไปสัมผัส




ฉึบ!


กระแสพลันพัดโหมรอบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ เชือดเฉือนอุ้งมือของอีกฝ่าย เลือดสีแดงสดไหลเยิ้มจากบาดแผลเหวอะไม่หยุด หากแต่ชายหนุ่มกลับไม่มีทีท่าเจ็บปวดแม้แต่น้อย เขาทำเพียงจ้องมองมือซึ่งอาบด้วยเลือด ก่อนจะเบนสายตาอาฆาตไปยังตัวการเมื่อได้ยินเสียงเรียบเอ่ย


“แกไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องฉัน”


“หึ ซ่อนพลังแบบนี้ไว้ด้วยสินะ...ถือว่าไม่เลว แต่แอบผิดหวังนิดหน่อยที่ทำได้แค่นี้”


“ฉันทำมากกว่านี้แน่ ถ้าแกยังกล้ายุ่งกับฉันอีก” 


“ก็เอาสิ”




ฟูม!


ประโยคเชื้อเชิญนั้นได้ผล ไม่ทันไรจึงเกิดกระแสลมโหมปะทะในห้องแคบ สายลมคมกริบเฉือนผิวหยาบของซาโซริสร้างรอยแผลทั่วร่างกาย จนเนื้อตัวเปรอะเปื้อนด้วยเลือดคาว ทว่าเจ้าตัวกลับยืนนิ่งไม่สะทกสะท้าน หนำซ้ำยังแสยะยิ้มบิดเบี้ยวพลางสัมผัสใบหน้าเปื้อนไปด้วยเลือด ราวต้องการแน่ใจว่าตนไม่ได้ฝันไป


“นี่สิ จิตสังหารแบบนี้แหละ....ฮ่า! ในที่สุดก็เจอตัวเสียที มุรามาสะ”


“โดนไปขนาดนั้นแล้วยังยิ้มออกอีกเหรอ เสียสติไปแล้วหรือไง?”


“จะพูดกวนประสาทอะไรก็เชิญเถอะ ยังไงพลังของแกก็จะเป็นประโยชน์กับพวกฉันในไม่ช้า...” เขาถลึงตาใส่อาวุธศักดิ์สิทธิ์


“คิดจะทำอะไร”


“แกเป็นดาบ...ดาบก็ต้องมีไว้ฆ่าคนสิ!”


“คมดาบของฉันมีไว้ปลิดชีวิตสวะอย่างพวกแกเท่านั้นแหละ!” คำพูดด่าทอนั้นยิ่งทำให้ชายหนุ่มฉีกยิ้มสะใจ ชักนึกขันในคำพูดจอมปลอมนั่นเสียจริง


“ไม่ต้องพูดสวยหรูไปหรอก เพราะเดิมทีแกก็เกิดมาเพื่อเข่นฆ่าทุกชีวิตอยู่แล้ว...ตัวตนของแกน่ะ ขอแค่ได้ลิ้มรสเลือดสักหน่อย เดี๋ยวมันก็แผลงฤทธิ์ออกมาเอง!”


“หมายความว่ายังไง!?” ซาโซริยังคงวาดยิ้มบิดเบี้ยวพลันจ้องมองดาบเล่มสวย


“เคยทำอะไรไว้ ก็ลองระลึกเอาเองก็แล้วกัน เจ้าฆาตกร” ว่าจบร่างสูงจึงผลักประตูออกไป และปล่อยให้ดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่เพียงลำพัง




“นาโอริ...ป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง” จูลิโอ้พลันนึกเป็นห่วงเด็กสาวขึ้นมา ยิ่งในสถานการณ์ที่ไม่รู้อะไรเป็นอะไรเช่นนี้ เขาก็ยิ่งเป็นกังวล....






ซาโซริพาร่างอาบเลือดของตนมายังห้องได้ในที่สุด ครั้นประตูปิดสนิทเขาพลันโซเซไปชนกับกำแพงทันใด แม้จะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดจากบาดแผล แต่รอยตัดของสายลมนั่นก็เฉือนเอาเส้นเอ็นหลายเส้นจนขาดสะบั้น จึงไม่สามารถควบคุมการทรงตัวได้อย่างใจนึก


“เฮ้อ....น่าหงุดหงิดชะมัด ไอ้ร่างกายเฮงซวย” ชายหนุ่มสบถพลางบีบท่อนแขนของตนเองเบา ๆ 


ผ่านไปพักหนึ่งรอยแผลมากมายบนร่างกายกลับสมานตัวเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นผิวขาวเนียนดังเดิมราวกับไม่เคยมีการต่อสู้เกิดขึ้น เจ้าตัวกวาดตาตรวจสอบร่างกายของตนที่กลับมาเดินปร๋ออีกครั้ง ช่างมหัศจรรย์เสียจริง  


ร่างสูงปลดผ้าคลุมสีเข้มออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเข้ากันกับเรือนผมและดวงตาสีซากุระสวย อย่างกับหลุดออกมาจากรูปภาพไม่มีผิด มือหนาขยี้เส้นผมนุ่มจนยุ่งเหยิงพร้อมทิ้งตัวลงกับเตียง เขาจับจ้องแสงไฟจ้าบนเพดานกว้าง ปล่อยให้ความคิดโลดแล่นไปบนพื้นที่โล่ง ก่อนจะรู้สึกถึงแรงถ่วงของเปลือกตา เพราะวันนี้มันเหนื่อยมากสำหรับเขา


“อีกไม่นาน...พวกมันจะต้อง...ชดใช้” ภาพตรงหน้ามืดลงเชื่องช้า และกล่อมชายหนุ่มให้ตกสู่นิทราในที่สุด...






เวลาเดียวกัน ณ ตึกสูงตระหง่านของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ห้องกระจกใสที่สามารถมองเห็นทั้งจากข้างนอกและข้างใน มีร่างของเด็กสาวคนหนึ่งนอนนิ่งอยู่ บนศีรษะถูกพันด้วยผ้าพันแผล แขนข้างซ้ายมีสายระโยงระยางของถุงน้ำเกลือและถุงเลือดเชื่อมอยู่ เช่นเดียวกับเสียงของเครื่องวัดชีพจรที่ดังก้องทั่วห้องแคบ     


ตี๊ด... ตี๊ด...


ใครบางคนกำลังจับจ้องร่างของผู้ป่วยคนนี้อยู่ตรงข้ามแผ่นกระจกใส ดวงตาสีชมพูซากุระทอดมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เพราะเขากำลังรอคนที่นัดไว้ให้มาถึง 


            


ไม่นานนักเสียงเท้าของผู้มาใหม่ก็ย่างเข้ามาใกล้ชายหนุ่มมากขึ้น ก่อนจะมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เขา เป็นเวลาหลายนาทีที่ความเงียบเข้าปกคลุม กว่าจะมีใครเปิดปากพูดออกมา


“ไม่คิดเลยนะ ว่านายจะมาด้วยตัวเอง” เสียงนุ่มของอาโอบะช่วยทำลายความเงียบ


“พอเห็นจากรายงานว่ามีคนบาดเจ็บหนัก เลยอยากมาดูอาการด้วยตัวเองน่ะ...ถึงจะหนักกว่าที่คิด แต่โชคดีที่ไม่ถึงชีวิต ถ้าได้ยาพิเศษของฮิบานะ สักวันสองวันก็น่าจะหายดีแล้วล่ะ”


“แสดงว่าจักรพรรดิทรงอนุญาตให้ใช้สินะ อย่างนั้นก็ดีไป”


“อื้อ แล้วเธอได้บอกทางครอบครัวพวกเด็ก ๆ หรือยัง?” 


“ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ แจ้งไปแล้วล่ะ แต่ของเด็กคนนี้ดูเหมือนที่บ้านจะไม่มีใครอยู่ เพราะติดต่อไปสองครั้งแล้วก็ยังไม่ได้เลย”  อาโอบะถอนใจเหนื่อยหน่าย พลางยกมือมาเท้าเอวอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะเอ่ยต่อไป


“เดี๋ยวหลังจากนี้ฉันก็ว่าจะไปหาด้วยตัวเอง จะปล่อยให้ผู้ปกครองรู้ช้าขนาดนี้ไม่ได้”  


“ฝากด้วยแล้วกันนะ” ซาโตชิเอ่ยพลันตั้งท่าเดินจากไป ทว่ากลับถูกเสียงของเพื่อนร่วมงานรั้งเอาไว้อีกครา


“นี่! แล้วเรื่องขององค์รัชทายาทล่ะ ว่ายังไง?”


“สบายใจเถอะ อีกไม่นานก็ได้เริ่มแผนแล้ว ฉันไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าแน่นอน” ว่าจบ ร่างสูงก็ค่อย ๆ หายลับไปจากสายตาของอาโอบะ เธอทำอะไรไม่ได้ นอกจากถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับท่าทีหัวหน้าของเธอ และตัดสินใจจะเฝ้าอาการของนาโอริต่ออีกสักพัก เผื่อว่าปาฏิหาริย์จะมีกับเขาบ้างที่สาวเจ้าจะฟื้นขึ้นมา...




แต่ขนาดเด็กตัวเล็กยังรู้ด้วยซ้ำ ว่าเป็นไปไม่ได้....ยังไม่ใช่ตอนนี้






ครั้นเฝ้าอาการจนพอใจ อาโอบะตัดสินใจจะไปหาผู้ปกครองของเด็กสาวด้วยตนเองตามที่ได้กล่าวไว้ นิ้วเรียวกดปุ่มสตาร์ทรถหรูพร้อมเหยียบคันเร่งออกตัวไปตามถนนกว้าง โชคค่อนข้างดีที่รถราไม่ค่อยจะมีให้เห็น เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเย็นแล้ว เธอจึงไปถึงบ้านเป้าหมายได้ภายในไม่ถึงชั่วโมง




รถหรูหยุดสนิทตรงหน้าประตูรั้วที่ห้อมล้อมบ้านหลังเล็ก ๆ น่ารักกำลังดี อาโอบะที่ก้าวออกมาจากรถและเห็นสภาพบ้าน ทำให้รู้สึกว่ามันเงียบเกินกว่าจะมีใครอยู่




ดิ๊งด่อง


“ไม่มีใครอยู่จริง ๆ เหรอเนี่ย? ให้ตายสิ” หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง เพราะดูท่าจะมาเสียเที่ยว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากจะเลื่อนไปอีกแล้ว พ่อแม่ของเด็กสาวควรจะได้รับรู้เสียที ไม่เช่นนั้นพวกเขานั่นแหละที่จะเจ็บปวดมากที่สุด




ครั้นเธอตั้งท่าจะกลับไปรอในรถ....




“เอ่อ คุณมาหาฉันหรือเปล่าคะ?” เสียงหวานของใครคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของอาโอบะ เธอพลันหันกลับไปมอง จึงเห็นเจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้เช่นเดียวกับนาโอริยืนอยู่ และสังเกตเห็นถุงผ้ารุงรังในมือ เธอตกผลึกว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะกลับมาจากซื้อของ


“ฉัน อาโอบะ เรย์กะ เป็นเจ้าหน้าที่จากชินระค่ะ” ยูริพลันเบิกตากับชื่อที่คุ้นหู ก่อนจะซ่อนมันจากอีกฝ่าย


“ชิสึจิ ยูริ ค่ะ”


“ชิสึจิซัง...ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ”


“คะ?” ดวงตาสีเปลือกไม้หรี่ลงอย่างสงสัย


“คือว่าลูกสาวของคุณ...”


อาโอบะเล่าอาการของเด็กสาวให้ผู้เป็นแม่ฟังทั้งหมด วินาทีนั้นราวกับขวานคมที่สับกลางหัวใจของคนเป็นแม่ จนเกิดรอยร้าวขึ้นมา ตั้งแต่คำแรกที่เกี่ยวกับนางฟ้าของเธอ




พรึบ


ร่างบางของหญิงสาวทรุดลงกับพื้นแข็ง หยาดน้ำอุ่นเอ่อนองเบ้าตาและหลั่งไหลยิ่งกว่าสายธาร อาโอบะเป็นต้องพุ่งไปช่วยประคองร่างที่สั่นเทิ้มของเธอและได้ยินเสียงสะอื้นจากยูริ มันคมกริบราวใบมีดที่ทิ่มแทงจิตใจของเจ้าหน้าที่สาว เพราะเหตุนี้เธอถึงเลือกที่จะไม่มาบอกด้วยตัวเอง แต่ติดต่อไปแทน...




เพราะเธอกลัว...กลัวว่าจิตใจของตนเองจะรับไม่ไหว




และดูเหมือนมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ 




to be continue…


======================================


มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ


ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3




つづく、psrpowder