จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
“นาโอริ...”
เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังกังวานเสนาะหู....
“ใครเรียกน่ะ?” นาโอริลืมตาตื่นขึ้นพลันหันหาต้นทางของเสียงทว่ากลับไร้ร่องรอยของคน หนำซ้ำบัดนี้เธอยังอยู่ในชุดเรียบสะอาดตา และยืนอยู่ในความมืดมิดเพียงคนเดียว
“นี่คือฝัน?...”
“นาโอริ...”
น้ำเสียงเดิมเอ่ยเรียกอีกครั้งจากด้านหลังพาให้สาวเจ้าหันตาม และเป็นต้องเบิกตาตกตะลึงเพราะเบื้องหน้าของเธอกลับไม่ใช่ความมืดอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งก่อสร้างเรียงรายที่กำลังถูกห้อมล้อมด้วยทะเลเพลิง บ้านเรือนถูกแผดเผา ซากศพนอนเกลื่อน ชวนสยดสยองจนไม่สามารถทนดูต่อได้
“ที่ไหนเนี่ย!?”
ฟูม!
ทันใดนั้นเปลวไฟร้อนพลันลุกลามโหมกระหน่ำและพุ่งเข้าหาร่างบาง มันรวดเร็วจนนาโอริทำได้แค่หลับตาปี๋รอแรงปะทะ ทว่าในชั่วพริบตาที่คลื่นร้อนสัมผัสใบหน้า ความรู้สึกที่ควรจะทรมานเพราะความร้อนกลับกลายเป็นสายลมอุ่นแทนเสียอย่างนั้น
นัยน์ตาสีซากุระลอบมองอย่างนึกสงสัย เธอคงไม่ได้ถูกเผาเกรียมไปแล้วหรอกนะ ก่อนจะเจอกับแผ่นหลังของใครบางคนผู้มีเรือนผมดั่งเช่นดวงตาของเธอ ที่ยืนขั้นกลางระหว่างเธอและเปลวเพลิงมรณะ มือหนาพลันชี้นิ้วไปเบื้องหน้าของตน ราวอยากให้เด็กสาวมองตามมันไป เธอสบเข้ากับปราสาทญี่ปุ่นโบราณหลังใหญ่ แม้จะเทียบไม่ติดกับปราสาทฮิบานะแต่ก็ใหญ่เอาการ
“ปราสาทนั่น...มีอะไรเหรอคะ?” ร่างบางถามไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ชายหนุ่มจึงหันกลับมามองที่เธอ ก่อนจะวาดยิ้มอ่อนโยนเช่นเคยให้ น่าเสียดายที่เงาจากเปลวไฟพยายามบดบังหน้าตาของเขาไม่ให้นาโอริเห็น
“มีคนรอเธออยู่”
“คะ?”
ตูม!
ยังไม่ทันได้ถามอะไรไปมากกว่านี้ แรงระเบิดกะทันหันก็พัดเศษซากบ้านให้ทลายลงมาใส่ทั้งนาโอริและชายหนุ่ม ทว่ากลับเหลือเพียงสาวเจ้าคนเดียวในความเงียบเป็นเป่าสาก เขาผู้นั้นได้หายไปแล้ว
ภาพเบื้องหน้ามืดสนิทขยับเนื้อตัวไม่ได้ดั่งใจ หายใจก็ติดขัด เด็กสาวพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากความอึดอัด ก่อนจะสัมผัสได้ถึงแสงสว่างที่แทรกผ่านมาจนต้องหรี่ตา เป็นแสงธรรมดาที่ไม่ได้มอบความรู้สึกใด ๆ ให้ แต่สำหรับเธอในตอนนี้มันเปรียบเสมือนหนทางออกก็ว่าได้
เมื่อคิดเช่นนั้น นาโอริพลันตัดสินใจเอื้อมมือไปหาแสงสว่างตรงหน้าและพยายามคว้ามัน วินาทีที่ปลายนิ้วแตะกับแสงสีขาวมันพลันเจิดจ้าเป็นทวีคูณ กลืนกินร่างบางเข้าไปและพาเธอหวนคืนสู่การตื่นอีกครั้ง...
“อึก...อือ” นาโอริครางเบา ๆ หนังตาหนักถูกยกขึ้นจนปะทะกับแสงจากหลอดไฟขาว เสียงของใครบางคนกำลังพูดคุยกัน ช่างเป็นน้ำเสียงที่คุ้นเคยสำหรับเธอ พาให้ต้องเบนศีรษะไปยังต้นเสียง ดวงตากึ่งปิดกึ่งเปิดสะท้อนร่างของเพื่อนสาวในชุดนักเรียน เธอกำลังพูดคุยกับหญิงสาวอีกคน ผู้เป็นดั่งหัวใจของนาโอริ
“คุณ..แม่?”
เสียงพูดหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ทั้งสองเบิกตากว้างพร้อมกับน้ำตาที่คลอจนเป็นเลื่อม ยูริลุกพรวดจากเก้าอี้และสวมกอดลูกสาวอย่างเบามือที่สุด
“นาโอะของแม่ ฟื้นแล้ว...ฟื้นแล้ว” น้ำตาแห่งความยินดีไหลรินอาบแก้มนวล นาโอริเองก็เอื้อมมาโอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะสลายหายไป หัวใจรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ต้องเห็นมารดาร้องไห้เช่นนี้
“นาโอะจัง โล่งอกไปที”
“ซากิ...”
“น้าไปตามหมอมาก่อน ฝากหนูด้วยนะ” เด็กสาวผมสั้นพยักหน้าตอบรับ ยูริจึงรีบก้าวออกนอกห้องไปเหลือเพียงสองเพื่อนสนิทนั่งอยู่ด้วยกัน
นัยน์ตาสีเงินวาวสะท้อนใบหน้าอิดโรยของเพื่อนสาวและนึกเป็นห่วงขึ้นมา แต่ก็รอกระทั่งอีกฝ่ายเริ่มมีสติมากพอจะพูดคุยรู้เรื่องก่อนถึงจะถามไถ่เธอ...
“ยังเจ็บอยู่ไหม นาโอะจัง?”
“นิดหน่อย...แต่ตอนนี้มึนหัวมากกว่าน่ะ” นาโอริเอ่ยพลางสัมผัสศีรษะที่หนักอึ้งเพราะผ้าพันแผลหนาเตอะ ซากิเลยได้โอกาสเล่าให้ฟังว่านาโอรินั้นถูกอาโอบะพบตรงหน้าผาโล่งด้วยสภาพหมดสติ สาวเจ้าหลับไปถึงสองวันเต็มและในระหว่างที่เธอยังไม่ได้สติก็มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น ทั้งการตามจับกลุ่มคนร้ายที่ชินระกำลังวางแผน ทำให้รุ่นพี่ของพวกเธอยุ่งกันหัวหมุน รวมถึงอาการบาดเจ็บของฮินาวะอีก โชคดีที่ไม่ได้ร้ายแรงและเขาเองก็กำลังพักฟื้นอยู่
“หมอนั่นไม่เป็นอะไรสินะ...โล่งอกไปที”
“อื้อ โชคดีที่ทั้งสองคนปลอดภัยกลับมา อีกไม่นานก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วล่ะ” ซากิวาดยิ้ม พาให้เพื่อนสาวยิ้มตามไปด้วย แต่ไม่ทันไรมันก็หายไปครั้นนาโอรินึกถึงความโชคดีที่เธอกับฮินาวะรอดกลับมาอย่างปลอดภัย
แล้วเขาคนนั้นล่ะ ปลอดภัยหรือเปล่า?
“จริงสิ แล้วโซว์...หมายถึงองค์ชายล่ะ?” เด็กสาวเอ่ยเสียงแผ่ว เธอแทบจะหลุดพูดชื่อของเด็กหนุ่มออกไปจนต้องลอบถอนใจโล่งอก เพราะแม้จะเป็นแค่ความมั่นใจชั่ววูบก่อนจะสลบไป แต่อย่าเพิ่งให้ใครรู้คงดีที่สุด...
“คือว่า..” ซากิเม้มปากแน่นซ้ำยังหลบตาอีกฝ่าย ทำเอานาโอริใจคอไม่ดีจนต้องถามย้ำเสียงสั่น
“ตอบฉันสิซากิ เขาปลอดภัยหรือเปล่า?” นัยน์ตาสีซากุระจดจ้องสีหน้าเศร้าสร้อยของเพื่อนพลันใจวูบหล่น
สายตาของเพื่อนทำให้ซากิต้องสูดหายใจเข้าลึก และจำใจเล่าความจริงที่โหดร้ายสำหรับนาโอริให้ฟัง บรรยากาศในห้องสี่เหลี่ยมพลันอึดอัดจนหายใจไม่ออก มันเงียบเสียจนแทบได้ยินเสียงหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะของคนป่วยบนเตียง ดวงตาสีซากุระนั่นสั่นไหวจนคุมไม่อยู่ เธอไม่อยากจะยอมรับเรื่องราวที่ได้ฟังเลยสักนิด
“ไม่จริง...เธอโกหกใช่ไหม อึก!” นาโอริพยายามดันตัวลุกจากเตียง ทว่าความเจ็บจากรอยช้ำได้กระชากเธอให้ต้องยอมกลับลงไปนอนพลันร้องโอดโอย
“อย่าเพิ่งขยับสิ นาโอะจัง!”
“เกิดอะไรขึ้นน่ะลูก?” ยูริเลิกคิ้วสูงเมื่อได้ยินเสียงของเด็กทั้งสองพอดีกับที่ตนเปิดประตูเข้ามา ซากิรีบส่ายหน้าห้ามปรามเพื่อนของเธอทันทีที่อีกฝ่ายกำลังจะอ้าปากโวยวายต่อ ไม่ทันไรพยาบาลสาวคนหนึ่งจึงเดินตามเข้ามาหาพร้อมกับขอตรวจร่างกายเด็กสาว นาโอริจึงต้องสงบสติอารมณ์และกลั้นใจรอให้ตรวจเสร็จเสียก่อน
“ร่างกายของน้องปรับเข้ากับยาได้ดีเลยฟื้นฟูเร็วมาก อีกสักหนึ่งวันก็สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ แต่ควรงดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงหรือการออกกำลังกายหนัก ๆ นะคะ”
“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวก้มโค้งให้นางพยาบาลก่อนเธอจะเดินลับจากประตูไป
ครั้นเหลือเพียงสามคน ยูริพลันเลิกคิ้วสูงและหันขวับมองพวกนาโอริ นัยน์ตาสีเปลือกไม้สะท้อนใบหน้าไร้ชีวิตชีวาของลูกสาวจนยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่
“ก่อนน้าจะเข้ามามีเรื่องอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?”
“ม ไม่มีอะไรค่ะ แค่เล่าเรื่องสองสามวันมานี้ให้นาโอะจังฟังน่ะค่ะ...” นาโอริไม่ได้แย้งกลับ เธอทำเพียงจ้องมองคนสองคนพูดคุยกัน ทว่าจู่ ๆ ดวงตาสีซากุระได้สังเกตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เอวของซากิพลันทำให้นึกถึงเสียงทุ้มของคู่หู
“จูลิโอ้?” สายตากวาดมองไปทั่วห้อง เช่นเดียวกับมือที่เอื้อมควานหารอบตัวแต่กลับไม่พบวี่แวว หัวใจหล่นวูบอีกคราเพราะภาพเหตุการณ์ก่อนที่ตอนจะอยู่ในสภาพเช่นนี้ดันฉายซ้ำในสมอง ภาพของคู่หูของเธอที่ปลดผนึกเป็นดาบคาตานะเล่มสวย กับใบหน้าของเขาคนนั้นที่ยอมจำนนเพื่อช่วยชีวิตเธอเอาไว้....
“โธ่เอ๊ย...”
“นาโอะจังเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ซากิ เธอเห็นจูลิโอ้บ้างไหม ตอนกลับจากป่านั่นได้มีคนพูดถึงหรือเปล่า?” นาโอริย่นคิ้วเป็นกังวลขณะจ้องสีหน้าครุ่นคิดของเพื่อนสาว
“จะว่าไป…ตอนที่มาโรงพยาบาลก็ไม่เห็นอาโอบะซังพูดถึงเลยนะ รุ่นพี่ก็ด้วย...”
การที่ข้างกายเธอไม่มีดาบอยู่ หนำซ้ำเพื่อนร่วมภารกิจของเธอก็ไม่ได้เอ่ยถึงมัน ยิ่งฟังนาโอริก็ยิ่งคิดไปได้ทางเดียว....
“ไอ้พวกนั้นมันเอาดาบของฉันไป” สาวเจ้าเผลอกำมือแน่นจนเกิดรอยแดง ใจเริ่มจะอยู่ไม่สุขเข้าไปใหญ่
“หมายถึงคนร้ายน่ะเหรอ? แต่ว่าทำไม...”
“จูลิโอ้เพิ่งจะปลดผนึก พวกมันต้องเอาไปขายหรือไม่ก็เอาไปเก็บแน่เลย อ้า ไม่นะ!” นาโอริแทบอยากจะขยี้หัวระบายความแค้นใจ ถ้าไม่ติดว่าถูกเพื่อนสาวรั้งมือสองข้างไว้เสียก่อน
“ม ไม่ต้องห่วงนะนาโอะจัง เดี๋ยวฉันจะบอกรุ่นพี่นากามูระให้ รุ่นพี่เขาจะต้องช่วยตามหาให้แน่นอน!”
“อื้อ..ฉันก็หวังแบบนั้น” นาโอริที่เห็นเช่นนั้นจึงอดยิ้มในความอ่อนโยนของคนตรงหน้าไม่ได้ เธอเองก็หวังให้พวกเขาตามหาทั้งองค์ชายหนุ่มและจูลิโอ้ให้เจอโดยเร็วเช่นกัน ถ้าเป็นโชโตะก็คงจะให้ความสำคัญกับดาบของรุ่นน้องอย่างเธอใช่ไหมนะ?
หญิงสาววัยกลางคนหรี่ตานุ่มนวลมองเด็กทั้งสอง ก่อนจะคิดเปลี่ยนบรรยากาศมาคุนี่
“ทั้งสองคนหิวหรือเปล่า? เดี๋ยวแม่จะไปหาอะไรมาให้ทาน”
“อ๊ะ! ไม่เป็นไรค่ะคุณน้า เดี๋ยวหนูลงไปซื้อเองค่ะ” ซากิที่ได้ยินพลันเสนอตัวทันใด
“เอางั้นก็ได้จ้ะ” ยูริยกยิ้ม ไม่นานซากิก็วิ่งออกจากห้องไปพร้อมกระเป๋าเงิน โดยไม่ลืมที่จะถามเพื่อนสาวว่าอยากทานอะไรหรือไม่ ครั้นได้คำตอบเธอก็หายวับไปทันที เหลือเพียงสองแม่ลูกอยู่ในห้องกว้าง
“หนูซากิเป็นเด็กดีจริง ๆ เลยนะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยทำลายความเงียบพลางเขยิบมานั่งบนเตียงผู้ป่วย
“ตอนหนูหลับ แม่คงจะเผาหนูยับเลยล่ะสิท่า”
“ใครเผาอะไรไม่มีหรอก แม่แค่คุยเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
“เชื่อก็ได้..” นาโอริมุ่ยหน้า
“ฮ่า ๆ...ว่าแต่เรายังมีเรื่องที่ต้องคุยกันก่อนหรือเปล่า นาโอริ?”
“อึก...ค่ะแม่” เด็กสาวเผลอกลืนน้ำลายกับคำตอบนั้น ก่อนจะเบนหน้าไปทางหน้าต่างบานใหญ่ที่เผยให้เห็นท้องฟ้าครามและฝูงนกโบยบิน
“ขอโทษนะคะ...ที่ทำให้เป็นห่วง”
“ไม่ใช่แค่ห่วงแต่โกรธด้วย โกรธที่ลูกไม่ยอมบอกว่างานนี้มันอันตรายขนาดไหน”
“ใครจะไปคิดล่ะคะ ว่าจะมีคนลอบโจมตีเข้าจริง ๆ”
“ลูกกำลังดูถูกฮิบานะเกินไป ขึ้นชื่อว่าห้าบุปผาศัตรูก็มีแทบจะล้นเมืองเลยล่ะ” ยูริถอนใจออกมา
“แม่รู้จักห้าบุปผาด้วยเหรอคะ” หญิงสาวชะงักไปพักหนึ่งก่อนจะวาดยิ้มเล็ก ๆ ให้
“มันก็ไม่ใช่ความลับยิ่งใหญ่อะไรนี่ลูก ทำไมแม่จะไม่รู้”
“หนูเพิ่งจะรู้ไม่นานนี้เอง” นาโอริเบ้ปาก
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ถ้าแม่รู้ว่าลูกจะไปเกี่ยวข้องกับราชวงศ์แบบนั้นแม่คงไม่ยอมเด็ดขาดเลย” เห็นแววตาดุของมารดา นาโอริเป็นต้องมุ่ยหน้าพลันหลุบตาต่ำ ก่อนจะเงยมองอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนบนศีรษะ
“แต่ในเมื่อมันผ่านไปแล้ว แม่ก็ดีใจที่ลูกรอดกลับมา ลูกเก่งมากแล้ว นาโอริ”
“แต่ถึงอย่างนั้น...หนูก็ช่วยเขาไว้ไม่ได้ องค์ชายกลับต้องมาปกป้องหนูอีก” นัยน์ตาสีซากุระวูบไหวไม่ปิดบัง จนหญิงสาวชักสงสัยว่ามันอาจเป็นต้นเหตุที่ลูกสาวเธอทำหน้าเศร้าสร้อยเช่นนี้
“พอจะเล่าให้แม่ฟังได้ไหม?”
นาโอริลังเลใจอยู่พักหนึ่ง จนท้ายที่สุดเด็กสาวก็พยักหน้าตอบและเล่ารายละเอียดในมุมมองของเธอ ตั้งแต่ที่ถูกองค์ชายหนุ่มช่วยจากการโจมตีพร้อมหนีเข้าไปในป่าลึกกระทั่งต่อสู้กับหญิงสาวปริศนา เมื่อต้องหวนนึกถึงภาพสุดท้ายก่อนจะหมดสติอีกครั้ง มันทำให้หัวใจของเธอบีบรัดจนทรมานเกินจะทน
“โธ่ ลูกแม่ ลูกเพิ่งจะได้เรียนรู้ทักษะดาบไม่ถึงปีจะบอกว่าตัวเองไม่สามารถปกป้องใครได้น่ะ มันยังเร็วไปนะ”
“แต่เป็นเพราะหนูประมาทเอง...เขาเลยต้องวิ่งกลับมาช่วย”
“ลูกไม่ใช่องค์ชาย จะรู้ได้ยังไงว่าเขาตัดสินใจกลับมาเพราะอะไร?”
“แม่หมายความว่ายังไง..”
“พระองค์ทำเพื่อปกป้องลูกก็จริง แต่อาจไม่ใช่เพราะลูกกำลังจะแพ้ศัตรูก็ได้นะ” นาโอริยังไม่วายมองผู้เป็นแม่ด้วยสายตาฉงน แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยถามสิ่งใดต่อซากิก็กลับมาพร้อมกับถุงพลาสติกหลายใบจนน่าตกใจ เจ้าตัวหัวเราะแหะยอมรับว่าไม่รู้นาโอริต้องการอย่างอื่นเพิ่มหรือไม่ เธอเลยจัดการซื้ออาหารและขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้เพื่อนสาวทานแก้เบื่อ ถึงจะโดนยูริบ่นว่าต้องทานอาหารจากทางโรงพยาบาลเป็นหลักก็ตามที
รอยยิ้มเริ่มปรากฏบนใบหน้าสวยของนาโอริ ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและบรรเทาความกังวล หากแต่ตัวของเธอยังคงแวบภาพคู่หูและเขาผู้นั้นอยู่เสมอ แต่ก็อย่างที่ผู้เป็นแม่บอกว่าก่อนจะไปช่วยใคร สาวเจ้าต้องรักษาตัวให้หายดีเสียก่อน นาโอริจึงได้แต่ถอนใจพักความเครียดและคิดจะอดทนรอฟังข่าวดีจากชินระแทน...
ในเวลาเดียวกันทางด้านของชินระ ข้อมูลมากมายถูกรวมไว้ในกระดาษหลายแผ่นกลายเป็นเอกสารกองใหญ่ ยังมีข้อความและรายงานจากหน่วยเงาซึ่งถูกฉายบนจอโฮโลแกรมรอบโต๊ะนับไม่ถ้วน ซาโตชิที่อยู่ท่ามกลางความโกลาหลนี้กำลังไล่อ่านเอกสารรายงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาสีซากุระกลอกไล่ตามตัวอักษร มือหนากระชับปากกาในมือพร้อมเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษอีกแผ่น ขณะที่เขากำลังจดจ่อกับงานตรงหน้าประตูกระจกของห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับการมาของชายหนุ่มเรือนผมสีขาวหิมะ
“ซาโตชิซังครับ”
“ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง” เสียงทุ้มเอ่ยทั้งที่ดวงตายังไล่อ่านเอกสารต่อไป
“ผมเจอสถานที่น่าสงสัยและคิดว่าอาจจะเป็นที่ซ่อนตัวของคนร้ายครับ” มือหนาหยุดชะงักก่อนจะเลื่อนไปสัมผัสที่โต๊ะกระจกทางด้านขวา ปรากฏแผนที่ของประเทศฉายผ่านจอโฮโลแกรมพร้อมปัดมันไปให้เจ้าหน้าที่หนุ่ม อีกฝ่ายปฏิบัติอย่างรู้งาน นิ้วเรียวสัมผัสไปยังส่วนหนึ่งของแผนที่และขยายมันเข้าไปจนอยู่ในระยะที่พอใจจากนั้นจึงส่งกลับไปให้ซาโตชิ
“เมืองตรงนี้...เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเก่านี่ ตอนนี้มันน่าจะร้างเพราะอุบัติเหตุครั้งใหญ่ไปแล้ว”
“ใช่ครับ แต่บริเวณนั้นเต็มไปด้วยทหารรับจ้างไม่ทราบสังกัด จากการแต่งกายและวัสดุอาวุธที่ใช้ก็เป็นของเดียวกันกับพวกที่ลักพาตัวองค์รัชทายาทด้วยครับ” ดวงตาสีซากุระหรี่ลงอย่างครุ่นคิด เขาไม่รู้ว่าพวกมันซ่อนตัวอยู่ในปราสาทหรือรอบเมืองกันแน่ การบุกบุ่มบ่ามเข้าไปก็เท่ากับเอาชีวิตไปเททิ้ง ยิ่งไปกว่านั้นนี่อาจจะเป็นกับดักของพวกมันก็ได้...
แต่ยามนี้ ยังมีอะไรสำคัญกว่าชีวิตขององค์ชายหนุ่มอีกงั้นเหรอ?
“ถ้าพวกมันจะเล่นแบบนี้ สงสัยคงต้องตามเกมของมันเสียหน่อย...” ซาโตชิเอ่ย
“หมายความว่ายังไงครับ?”
“เราจะบุกเข้าไปและตีกรอบพวกมันยังไงล่ะ”
“แบบนั้นจะไม่เสี่ยงเกินไปเหรอครับ?”
“ภูมิประเทศรอบเมืองนั้นมีทั้งป่าและเนินเขาสูง ถ้าด้วยความสามารถของหน่วยเงาก็คงลอบสอยเจ้าพวกบนฟ้าได้ไม่ยาก ส่วนอุปสรรคในป่านั้นก็ให้เป็นหน้าที่หน่วยของฉัน แยกกันไปเป็นสี่ด้านและล้อมพวกมัน”ซาโตชิวาดวงกลมล้อมรอบจุดที่เป็นเมืองร้าง ก่อนจะเลื่อนจอโฮโลแกรมที่ปรากฏข้อมูลยาวเหยียดมาเบื้องหน้า
“ผลตรวจของควันเสียที่พาหนะนั่นปล่อย ก็สรุปได้ว่าพวกมันใช้เรือบินเป็นพาหนะ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องหาที่เพื่อลงจอดและเติมเชื้อเพลิง และจากที่นายรายงาน เรื่องสภาพของปราสาทก็มีความเป็นไปได้ว่าเรือบินจะถูกทำให้ล่องหนและจอดไว้ที่ใดที่หนึ่งใกล้กับปราสาท...หรือดีไม่ดีปราสาทนั่นอาจจะเป็นฐานของพวกมันก็ได้”
“แต่ถ้าเรายิงจากระยะไกล จะถูกพวกมันมองเห็นและอาจถูกรู้ตำแหน่งด้วยนะครับ”
“ก็ปล่อยให้มันรู้ไปสิ เพราะใครว่าเราจะยิงจากฝั่งเดียวเท่านั้นล่ะ...เราจะลอบยิงจากเนินเขาทางทิศใต้ ส่วนคนที่ประจำอยู่ทิศอื่นจะเป็นคนบอกตำแหน่งให้ ขณะเดียวกันก็เป็นกำลังเสริมให้กลุ่มที่อยู่ในป่าด้วย”
“ส่วนหน้าที่หลักของกลุ่มที่อยู่ภาคพื้นดิน ก็คือทะลวงเข้าไปจนถึงเขตเมืองให้ได้และตีกรอบพวกมันเสีย” ปลายนิ้วจรดลากเป็นเส้นตรงจากบริเวณป่าทึบตรงเข้าสู่เมือง
สิ่งที่ซาโตชิพูดยิ่งเริ่มเหนือกรอบความคิดของชายหนุ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียจนเขาเริ่มจะตามมันไม่ทัน....
หลังจากนั้นซาโตชิก็ได้อธิบายต่ออีกพักใหญ่ รวมถึงกำหนดอาวุธที่จะต้องใช้ในภารกิจครั้งนี้อย่างละเอียด ทำให้เจ้าหน้าที่หนุ่มเริ่มจะเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างในแผนการนี้ขึ้นมา แม้จะดูไม่ซับซ้อนแต่คงจะปั่นประสาทพวกมันได้ไม่น้อยเลยล่ะ
“ถ้างั้นก็รบกวนจัดการทางฝั่งของหน่วยเงาด้วยนะ”
“ครับ” เจ้าของเรือนผมสีขาวหิมะพยักหน้าตอบพร้อมเดินออกจากห้องทำงานไป
ห้องกระจกได้กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง ซาโตชิเอื้อมหยิบเอกสารแผ่นต่อไปขึ้นมาอ่านอีกคราพลันถอนหายใจเบา ๆ ตัวเขาเองก็คิดว่าแผนนี้ออกจะบ้าบิ่นไปเสียหน่อย แต่หากไม่ทำเช่นนี้ก็คงไม่มีวันที่จะเอาชนะฝ่ายนั้นได้
เพราะเขาสาบานเอาไว้แล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...
ก็จะพาโซอิจิโร่กลับมาให้จงได้
to be continue….
======================================
มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ
ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3
つづく、psrpowder