จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
แสงทองเรืองรองสาดส่องทั่วท้องฟ้าบ่งบอกถึงเช้าวันใหม่ เป็นวันสุดท้ายที่นาโอริจะอยู่โรงพยาบาลและสามารถกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้เสียที
“ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ” ร่างบางพนมมือพอเป็นพิธีหลังจากเพิ่งจัดการมื้อเช้าเสร็จไป ทันใดนั้นกระเป๋าผ้าใบหนึ่งจึงถูกยื่นมาในสายตา
“กินเสร็จแล้วก็รีบไปเปลี่ยนชุด เดี๋ยวรถจะติดเอา”
“ขอบคุณนะคะ อาโอบะซัง” หญิงสาวพยักหน้าตอบ นาโอริจึงรับกระเป๋าอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่ลืมที่จะแง้มประตูเอาไว้ตามที่อาโอบะบอก
หลังจากที่นาโอริจัดแจงแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย อาโอบะพลันช่วยทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้ทันที เพราะเธอได้รับมอบหมายให้ไปส่งนาโอริจนถึงบ้านแทนยูริผู้เป็นแม่ที่ติดภาระงาน แต่เด็กสาวก็ดูจะอึดอัดใจไม่น้อยยามพบหน้ากับอาโอบะ ยิ่งเพิ่งผ่านภารกิจที่เธอทำไม่สำเร็จไป สาวเจ้าเลยรู้สึกเหมือนทำอีกฝ่ายผิดหวังยังไงอย่างงั้น แต่อาโอบะนั้นแทบจะไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย เธอกลับโล่งใจด้วยซ้ำที่เห็นเด็กสาวกลับมาเดินปร๋ออีกครั้งหลังจากสภาพที่ดูไม่ได้นั่น
.
.
.
ครั้นเสร็จเรื่องที่โรงพยาบาล ร่างเพรียวพลันบึ่งรถออกเดินทางสู่บ้านครอบครัวชิสึจิในทันที โชคเข้าข้างที่การจราจรวันนี้โล่งสบายกว่าทุกที ใช้เวลาไม่นานก็คงจะถึงที่หมาย
ระหว่างอยู่บนรถที่แสนจะเงียบเชียบ นาโอริก็ไม่ลืมจะคว้าหูฟังไร้สายตัวโปรดของเธอออกมาใส่พร้อมเลื่อนหาเพลงที่ตนชื่นชอบ ปล่อยให้มันเล่นวนซ้ำไปมาพลางจ้องมองตึกรามบ้านช่องที่เคลื่อนผ่านอย่างเพลินตา เท่านี้ก็ครบเครื่องการผ่อนคลายระหว่างนั่งรถ!
Rrrrrr
มือถือคู่ใจของอาโอบะสั่นไหวอยู่บนเบาะที่นั่งข้างคนขับเรียกความสนใจจากเจ้าตัว เธอใช้ช่วงเวลาที่ไฟจราจรกำลังเป็นสีแดงคว้ามันและกดรับสาย
“ฮัลโหล เจ้าหน้าที่อาโอบะพูดสายค่ะ....ซาโตชิ?”
“กำหนดการทั้งหมดพร้อมแล้ว” ทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ปลายสายเอ่ย ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเป็นต้องเบิกกว้างพร้อมลอบมองตรงเบาะหลัง ก่อนจะเห็นนาโอริซึ่งดูจะหลับไปพร้อมกับเพลงที่บรรเลงในหูฟังและโล่งใจไปเปลาะหนึ่งว่าสาวเจ้าคงไม่ตื่นมาได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังจะคุยกันแน่นอน ซาโตชิจึงเริ่มเล่าแผนการที่วางเอาไว้โดยละเอียดให้หญิงสาวฟัง ว่าเขาตั้งใจจะใช้แผนการใดเพื่อลอบโจมตี
“สถานที่คือเมืองร้างที่อยู่ในป่าทางทิศเหนือ มีการยืนยันแล้วว่ามีกลุ่มคนที่คล้ายกันรวมตัวอยู่ที่นั่นแบบลับ ๆ”
“เวลาล่ะ?” อาโอบะเอ่ยถาม
“พวกเราสามารถลงมือตามแผนได้คืนนี้ ฉันสั่งการกับหน่วยเงาให้คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวอยู่ จนกว่าทุกหน่วยจะประจำตำแหน่ง”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะไปร่วมกับกลุ่มทางทิศเหนือเอง ส่วนทางทิศใต้ก็ฝากนายด้วยก็แล้วกันนะ”
“ตกลง...แค่นี้ล่ะ เจอกันที่จุดนัดพบ”
ปลายสายตัดการเชื่อมต่อไปทันทีที่เสียงเข้มเอ่ยจบ อาโอบะหรี่ตาครุ่นคิดถึงแผนการซึ่งกำลังจะเกิดในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าพลางถอนใจเหนื่อยหน่าย ปลายเท้าพลันเหยียบคันเร่งทำเวลาให้ถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุด เพราะงานใหญ่กำลังรอเธออยู่
“รีบไปให้ถึงดีกว่าจะได้มีเวลาเตรียมตัว”
.
.
.
ไม่ถึงชั่วโมงรถหรูก็ขับมาจอดที่หน้าบ้านชิสึจิ อาโอบะหันไปปลุกเด็กสาวที่หลับอย่างสบายใจก่อนจะได้ยินเจ้าตัวสะลึมสะลือว่าอยากจะนอนต่อ
“รถฉันกลายเป็นที่นอนไปแล้วหรือไงเนี่ย” หญิงสาวเบ้ปากอย่างเหนื่อยใจ แม้จะไม่อยากทำแต่จะให้เด็กสาวใช้บริการนานไปกว่านี้ไม่ได้ เธอจึงลงจากรถและเดินไปเปิดประตูหลังทางฝั่งที่นาโอริอยู่ สายลมเย็นชื่นพัดเข้าปะทะกับใบหน้าสวย บังคับให้ดวงตาสีซากุระลืมขึ้นพลางถูกเจ้าของรถบ่นเรื่องที่ไม่ยอมตื่นจนทำให้ต้องนั่งรอแทบรากจะงอก เล่นเอานาโอริขอโทษขอโพยยกใหญ่ แต่อาโอบะพลันทำเพียงส่งเสียงฮึดฮัดใส่สาวเจ้าและรีบไล่เธอกลับเข้าบ้านไป
“เธอเข้าบ้านเถอะ ฉันต้องกลับแล้ว พอดีมีงานต่อน่ะ” อาโอบะเอ่ยพลางมองนาฬิกาข้อมือของตน
“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาส่ง” นาโอริก้มโค้งอย่างนอบน้อมให้
“ถ้างั้นฉันขอตัวก่อน”
“เดินทางปลอดภัยนะคะ” หญิงสาวพยักหน้ารับคำอวยพร ก่อนจะก้าวขึ้นรถหรูและขับออกไป เหลือเพียงเด็กสาวที่ยืนรอส่งอีกฝ่ายจนกระทั่งลับสายตา สาวเจ้าจึงพาตัวเองเข้าบ้านไป
ภายในบ้านเงียบสงบอย่างที่คิดเพราะแม่ของเธอยังไม่กลับจากที่ทำงาน นาโอริตัดสินใจนำสัมภาระไปเก็บบนห้องนอนของตัวเองก่อน ซึ่งห้องที่เธอไม่ได้กลับมานานนับเดือนก็ยังคงสะอาดเอี่ยม โดยเฉพาะเตียงนุ่มที่ถูกคลุมเอาไว้อย่างดี รู้ได้ทันทีว่ามารดาคอยปัดกวาดอยู่เสมอ เด็กสาววาดยิ้มพร้อมเดินตรงไปที่เตียงและล้มตัวลงนอนทันที
“อ้า เตียงนี้แหละเยี่ยมที่สุด!” ร่างบางบิดขี้เกียจสุดแรง เธอไม่ได้รู้สึกสบายตัวเช่นนี้มาสักพักแล้ว แม้ว่าเตียงที่หอพักจะนอนสบายไม่แพ้กัน แต่การได้กลับมาหาเตียงนุ่มของตัวเองน่ะเป็นอะไรที่สุขใจที่สุด!
“เพลียจัง...ขอพักให้เต็มที่จนกว่าแม่จะกลับมาแล้วกัน...” ไม่ทันจะพูดจบดวงตาคู่สวยก็เลื่อนปิดลงแทบจะทันทีที่ศีรษะสัมผัสหมอน ร่างกายคลายตัวจากความล้าและความเจ็บปวดทุกสิ่ง อารมณ์และปัญหาในใจก็ไม่สามารถฉุดรั้งสติของนาโอริในขณะนี้ได้ บัดนี้ความเงียบจึงเป็นเสมือนเพลงกล่อมให้เด็กสาว จนในที่สุดเธอก็ได้ดำดิ่งสู่ห้วงนิทราไป
.
.
.
แกร๊ก
ท้องฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยสีส้มอ่อนเช่นเดียวกับดวงตะวันที่ใกล้จะลับขอบฟ้าเข้าไปทุกที ยูริซึ่งเพิ่งเลิกจากงานล้วงหยิบกุญแจเหล็กออกมาและไขประตูเข้าไปในบ้าน ดวงตาสีเปลือกไม้สังเกตเห็นรองเท้าของลูกสาวถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ทำให้รู้ว่าบัดนี้นาโอริอยู่ในบ้านและเจ้าตัวคงจะอยู่ที่ชั้นสอง
“อืม...ทำมื้อเย็นเตรียมไว้รอเลยแล้วกัน”
ผู้เป็นแม่จึงตัดสินใจเตรียมมื้ออาหารสุดโปรดของลูกสาวไว้ให้ ไอร้อนจากหม้อเหล็กเสริมกลิ่นหอมของเครื่องเทศให้โชยจากห้องครัว ลอดผ่านช่องประตูจนไปเตะจมูกของเด็กสาวทำเอาตาตื่น
“อือ...” นาโอริสะลึมสะลือลุกจากเตียงพลางขยี้ตา จมูกได้รูปสูดดมกลิ่นหอมที่ลอยมาในอากาศ มันคือกลิ่นของอาหารจานโปรดของเธออย่างแกงกะหรี่นั่นเอง
โครก
ไม่ทันไรกระเพาะเจ้าปัญหาของนาโอริก็เริ่มครวญครางอย่างรู้ทัน ร่างบางจึงรีบกระโดดลงจากเตียงนุ่มและวิ่งลงจากชั้นสอง ตรงดิ่งไปยังห้องครัวเร็วปานแสง
“ยินดีต้อนรับกลับค่ะแม่!”
“พอดีเลย มาช่วยแม่จัดจานหน่อยสิ” ยูริวาดยิ้มให้ลูกสาวสุดที่รักพลางชี้ไปที่ชั้นเก็บจานชาม
“ได้ค่ะ!” นาโอริพลันตอบรับรวดเร็วและรีบยกภาชนะทั้งหลายไปจัดแจงโต๊ะอาหารให้พร้อมตามคำบอกของแม่
“มาแล้ว! แกงกะหรี่สูตรพิเศษฉบับแม่เอง!” มือเรียวยกหม้อเหล็กที่บรรจุแกงกะหรี่ข้นคลุกเคล้ากับเนื้อหมู มันฝรั่งต้มและแครอทมาวางบนโต๊ะ กลิ่นเครื่องเทศโชยไปทั่วห้องเล็กพลันยิ่งส่งกลิ่นที่ชัดเจนขึ้นไปอีกเมื่อมันถูกตักราดลงบนข้าวสวยร้อน ๆ ชวนให้น้ำลายสอ
“ทานแล้วนะคะ” สองเสียงประสานกันพลางพนมมือพอเป็นพิธี ก่อนจะเริ่มลงมือรับประทานอาหารเย็นแสนอร่อย นาโอริไม่รอช้าและตักอาหารเข้าปาก ความสุขยามได้ทานสิ่งที่ชอบช่างมีคุณค่าเสียเหลือเกิน
ใช้เวลาไม่ถึงนาทีเด็กสาวก็จัดการอาหารในจานเรียบ ซ้ำยังหยิบจานของตนไปตักแกงกะหรี่เพิ่มอีกต่างหาก
“กินเยอะเดี๋ยวปวดท้องนะลูก” ยูริอมยิ้มให้อีกฝ่าย
“แหม ตอนอยู่โรงพยาบาลได้ทานแต่อาหารจืด ๆ นี่คะ” เด็กสาวทำหน้ามุ่ย
“จ้า งั้นก็ทานให้เต็มที่เถอะ”
“จะทานให้ไม่เหลือเลยค่ะ เนอะจูลิ...” นาโอริชะงักพลันตระหนักว่าคู่หูไม่ได้อยู่ข้างกายเธอ ความขุ่นมัวที่เลือนไปชั่วขณะพลันกลับมาถ่วงหัวใจอีกครา ไม่พอแค่นั้นยังพ่วงความรู้สึกผิดตามมาด้วยเพราะระหว่างที่เธอสุขใจกับชีวิตที่แสนสุข ทั้งโซว์และจูลิโอ้ที่อยู่ในมือศัตรูจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้างนั้น เธอไม่อาจรู้ได้เลย
แล้วตอนนี้ใช่เวลาที่เธอจะมามีความสุขอย่างนั้นเหรอ?
“นาโอริ...” ยูริเอ่ยเรียกลูกสาวที่ฉายความเศร้าสร้อยผ่านใบหน้าพร้อมลูบปลอบโยน
“ไม่ต้องห่วงนะลูก พวกเขาจะต้องหาทางช่วยองค์ชายและนำดาบของลูกกลับมาได้แน่”
“ค่ะ...” นาโอริถอนใจเบา ๆ ก่อนจะตักแกงกะหรี่เข้าปากอีกคำ ทว่าความอยากอาหารมันกลับหายไปเสียแล้ว
หลังจากมื้ออาหารจบไป นาโอริก็ได้อาสาช่วยแม่ของเธอในการเก็บกวาดโต๊ะอย่างที่ทุกที สองแม่ลูกพูดคุยกันสนุกสนานอย่างที่เป็นมาตลอด คงเพราะห่างหายกันไปกว่าสองเดือนจึงรู้สึกว่าช่วงเวลาธรรมดาเช่นนี้ ช่างพิเศษเสียเหลือเกิน
“ไปพักผ่อนได้แล้วลูก เดี๋ยวที่เหลือแม่จัดการต่อเอง”
“อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วแท้ ๆ ” เด็กสาวเบ้ปากพลันถูกอีกฝ่ายขยี้หัวมันเขี้ยวและไล่ให้ขึ้นห้องไปพักผ่อนเสียที
นาโอริยอมทำตามคำบอกของผู้เป็นแม่ โดยไม่ลืมที่จะหอมแก้มฝันดีให้เธอก่อนไป ครั้นขึ้นมาถึงห้องนาโอริก็ล้างเนื้อล้างตัวเสร็จสรรพพร้อมล้มตัวลงบนเตียงนุ่ม ยามนี้เหลือเพียงตัวเธอเพียงคนเดียวในห้องนอนกว้าง นัยน์ตาสีซากุระเบนมองข้างกายซึ่งควรจะมีดาบไม้เล่มโปรดวางอยู่เคียงข้าง ปกติเธอกับจูลิโอ้มักจะพูดคุยกันก่อนนอนทุกครั้งจนเริ่มจะติดเป็นนิสัย เพราะแบบนั้นนาโอริจึงไม่ชินกับความเงียบสงัดรอบตัวในเวลานี้เอาเสียเลย
“พอนายไม่อยู่...ทำไมถึงเงียบแบบนี้นะ” แววตาหม่นหมองปรากฏชัดเจน สาวเจ้าได้แต่เหม่อมองพื้นที่ว่างเปล่าข้างกายพลางครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย
จนกระทั่งมีอะไรบางอย่างสะท้อนเข้ามาในความคิด...
“เวลาล่ะ?”
“พวกเราสามารถลงมือตามแผนได้คืนนี้....”
ภาพเหตุการณ์บนรถหรูของอาโอบะผุดขึ้นมาในความคิด ช่างเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้ที่เพลงในหูฟังของเธอบังเอิญจบลงและถูกแทนที่ด้วยบทสนทนาระหว่างหญิงสาวกับใครอีกคน แม้ว่าสาวเจ้าตั้งใจที่จะงีบหลับจริง ๆ ก็ตาม แต่หูของเธอก็ดันไปได้ยินสิ่งที่สำคัญเข้า
และบทสนทนาที่ทั้งสำคัญซึ่งจำเป็นต้องปิดไว้เป็นความลับ ก็คงไม่พ้นเรื่องขององค์รัชทายาท....เรื่องของโซว์
“เมืองร้างในป่าทางทิศเหนืองั้นเหรอ....เหมือนจะเคยได้ยินเลยแหะ?” นาโอริเม้มปากครุ่นคิด ก่อนจะมีเสียงหนึ่งผุดเข้ามาในหัวและกังวานซ้ำไปซ้ำมา
“ปราสาทนั่น...มีอะไรเหรอคะ?”
“มีคนรอเธออยู่”
ภาพในความฝันของเด็กสาวฉายในความคิด ชายปริศนาที่กำลังชี้นิ้วไปยังปราสาท ถึงจะเพิ่งมานึกได้ป่านนี้แต่ปราสาทญี่ปุ่นโบราณนั่นก็คุ้นตาเธอเอามาก ๆ ราวกับเคยเห็นผ่านตามาก่อน หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกันกับเมืองร้างที่ว่านั้น?
“มีคนรอเราอยู่....หรือจะเป็นโซว์?” นาโอริย่นคิ้วฉงน ร่างบางพลันดีดตัวขึ้นมานั่งพลางส่ายหัวระรัว
“บ้าบอใหญ่แล้ว จะเอาฝันมาคิดเป็นตุเป็นตะไม่ได้นะนาโอริ”
“ต่อให้พวกเขาจะเจอโซว์แล้วจริง ๆ แต่เราจะไปทำอะไรได้ล่ะ...ดาบก็ยังไม่ได้คืนเลย” นัยน์ตาสีซากุระลอบมองตู้ไม้ในห้องซึ่งปกติจะต้องมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์วางเอาไว้ ก่อนที่หัวใจจะวูบวาบเพราะความคิดแง่ลบที่เข้ามาในหัว
“แล้วถ้าพวกเขาไม่คิดจะเอาจูลิโอ้กลับมาด้วยล่ะ!”
ความรู้สึกว้าวุ่นพลันก่อตัวเป็นทวีคูณ แน่นอนว่าชินระจะต้องให้ความสำคัญกับชีวิตขององค์รัชทายาทอย่างโซว์ มากกว่าอาวุธของเด็กที่ไหนก็ไม่รู้แน่นอน ต่อให้ได้ฟังคำยืนยันจากซากิว่าเธอช่วยบอกรุ่นพี่หนุ่มเรื่องจูลิโอ้แล้วก็ตามแต่พอถึงเวลาคับขันเข้าจริง โชโตะจะเอาเวลาไหนไปตามหาดาบให้เธอกัน?
แล้วถ้าหากเธอไม่ได้คู่หูคืน ไม่ได้เจอกับจูลิโอ้ของเธออีกตลอดไปล่ะ...
“แบบนั้นไม่เอาหรอก!”
.
.
.
เวลาผ่านไปจนท้องฟ้ามืดหมู่ดาวพร่างพราย สายลมเย็นเฉียบพัดผ่านบ้านเรือน ช่างเหมาะสำหรับการเติมแรงกายหลังจากวันที่แสนวุ่นวาย ทว่าในเวลาเช่นนี้กลับมีใครบางคนที่ไม่ต้องการจะพักผ่อน เพราะจิตใจมันร้อนรนไปหมดและกำลังจะเริ่มความคิดพิเรนทร์อีกครั้ง
กึกๆ
บานกระจก ณ ชั้นสองถูกเลื่อนขึ้นตามมาด้วยร่างของนาโอริในชุดเสื้อยืดสีขาวสะอาดและกางเกงวอร์มสีดำสนิท เด็กสาวก้าวออกจากหน้าต่างไปบนหลังคา ตะขอเหล็กขนาดเท่าฝ่ามือถูกหยิบออกมาพลันใช้มันเกี่ยวเข้ากับห่วงเหล็กที่ทำไว้ ผ้าสีขาวนวลถูกนำมาผูกกับตะขอจนกลายเป็นเชือกเฉพาะกิจให้หย่อนตัวลงไปได้ นาโอริไม่รีรอพลันกระชับผ้าในมือก่อนจะกระโดดลงจากหลังคาสูงและรูดตัวลงมาตามสิ่งที่จับไว้
ตุบ
ครั้นลงถึงพื้นอย่างปลอดภัยก็ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะไม่ได้ทำอะไรน่าหวาดเสียวแบบนี้มานานหนำซ้ำร่างกายก็ยังไม่ค่อยจะพร้อมอีก แค่กระโดดลงมาเมื่อครู่เล่นเอาระบมไปหมดทั้งตัว
ใช้งานเสร็จก็ห้ามเหลือหลักฐาน เด็กสาวพลันกระตุกตะขอเหล็กให้มันหลุดออกจากห่วงที่ติดไว้ ก่อนจะนำผ้าสีขาวไปซ่อนไว้ที่กระถางต้นไม้ใกล้ ๆ ส่วนตะขอเหล็กก็ถูกเก็บใส่กระเป๋าคาดเอวของตนเอง
“เท่านี้ก็เรียบร้อย...”
บัดนี้นาโอริสามารถออกจากตัวบ้านได้แล้ว เหลือเพียงแค่ข้ามรั้วเหล็กที่กั้นระหว่างตัวบ้านและถนนใหญ่เท่านั้น ดวงตาสีซากุระเหลือบมองไปยังหน้าต่างบานหนึ่งซึ่งอยู่บริเวณห้องของผู้เป็นแม่ ความรู้สึกผิดพลันก่อตัวในใจแต่ให้ทำยังไงได้ ในเมื่อใจเธอคงไม่ยอมสงบเช่นกันหากไม่ได้เหยียบไปที่นั่น
จะโซว์หรือจูลิโอ้ เธอก็อยากเห็นพวกเขาปลอดภัยด้วยตาตัวเอง...
“ขอโทษนะคะแม่” ว่าจบนาโอริพลันตัดสินใจกระโดดข้ามรั้วเหล็กออกมา ไม่ลืมจะหันมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครจึงออกวิ่งไปตามถนนใหญ่ เสียงฝีเท้าดังท่ามกลางความเงียบพลางนึกถึงบทสนทนาที่แอบได้ยินในรถของอาโอบะ ทั้งสถานที่นัดพบและเวลาที่หลุดมาจากปากของหญิงสาวเวลาทวนคำ เธอจดจำมันได้ทั้งหมด ที่ต้องทำมีเพียงแค่ไปให้ถึงสถานที่นั้นให้ได้ จะแผนการอะไรเธอก็ไม่สน
ทว่าวิ่งไปได้สักพักนาโอริเป็นต้องชะงักเท้าพลางหอบตัวโยน ทั้งที่ปกติเธอไม่ได้เป็นคนที่เหนื่อยง่ายขนาดนี้ แต่ความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่างกายกำลังถ่วงตัวเธอให้ช้าลง ครั้นไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ ร่างบางพลันปรับลมหายใจและตั้งท่าจะออกวิ่งต่อ
พรึบ!
แขนสองข้างถูกแรงที่มากกว่ารวบไว้จากด้านหลัง ทำเอาเซถอยไปชนกับเจ้าของมือที่จับไว้แน่นและไม่วายโดนใครคนนั้นปิดปากจนหายใจยังจะยาก นาโอริพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ ทว่าแรงของเธอกลับสู้ไม่ได้เลยสักนิด
“คนเจ็บควรต้องพักผ่อนสิ ทำแบบนี้คงไม่มีทางหายหรอกนะ” เสียงทุ้มไม่คุ้นหูของชายหนุ่มเอ่ยอย่างใจเย็น พาให้ต้องลอบมองเบื้องหลัง ใบหน้าอีกฝ่ายถูกปกปิดด้วยฮู๊ดของเสื้อแจ็คเก็ตกับหน้ากากเหล็ก เห็นเพียงเรือนผมสีขาวหิมะที่ปรกใบหน้ากับดวงตาคมผ่านแสงจากริมทาง
“คุณเป็นใครคะ?”
“ฉันได้รับหน้าที่ให้จับตาดูเธอ ไม่ใช่บอกว่าตัวเองเป็นใคร” ร่างสูงตอบเสียงเรียบ นาโอริตระหนักทันทีว่าชายผู้นี้กำลังเอาจริง หากเธอขยับตัวแม้แต่นิดเดียวต่อให้เป็นเด็กผู้หญิงเขาก็คงลงไม้ลงมือเป็นแน่ ครั้นลอบมองคนด้านหลังอีกครั้งดวงตาสีซากุระพลันสังเกตเห็นตราสัญลักษณ์บนเสื้อของเขา ดอกซากุระสีเงินนั่นบ่งบอกชัดเจนว่าเขาผู้นี้มาจากชินระ
“อาโอบะซังส่งคุณมาเหรอคะ?” ความเงียบเป็นดั่งคำตอบสำหรับเด็กสาว
“ไม่ใช่ว่าคุณต้องไปร่วมแผนกับคนอื่น ๆ เหรอ ทำแบบนี้จะเสียเวลานะ”
“ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง จับเธอยัดกลับเข้าบ้านเสร็จค่อยตามไปก็ยังทัน”
“ชิ...” นาโอริเดาะลิ้น
“ถ้าไม่อยากให้ฉันเสียเวลาก็รีบกลับเข้าบ้านไปเถอะ”
“ถ้าอย่างนั้น คุณสัญญาได้ไหมล่ะว่าจะเอาดาบของฉันกลับมาด้วยน่ะ!?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงกับคำพูดนั้นพลางจ้องร่างบางที่ยังพยายามดิ้นอยู่
“ทำไมฉันต้องทำตามที่เธอขอด้วยไม่ทราบ ตอนนี้ชีวิตขององค์รัชทายาทสำคัญที่สุด เธอเองก็น่าจะรู้ดีว่าพวกเจ้าหน้าที่ไม่มีเวลามาสนใจอย่างอื่นหรอก”
“ก็เพราะรู้แบบนั้นฉันถึงจะไปด้วยตัวเองยังไงล่ะคะ! สำหรับพวกคุณองค์รัชทายาทสำคัญที่สุด สำหรับฉันคู่หูก็สำคัญที่สุดนะ!” เด็กสาวสวนกลับเสียงแข็ง ไม่สนใจว่าเสียงของเธอจะดังไปถึงหูของผู้เป็นแม่ที่หลับอยู่หรือไม่ เพราะเธอแค่ต้องการพูดในสิ่งที่อยากพูดเท่านั้น
“สภาพแบบนี้ไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา รนหาที่ตายน่ะสิไม่ว่า”
“ฉันไม่สน ยังไงฉันก็จะไป!”
“องค์รัชทายาททรงอุตส่าห์เอาตัวเข้าต่อรองเพื่อให้เธอปลอดภัย แล้วเธอก็ยังจะทำให้การกระทำนั้นเสียเปล่าอีกเหรอ?” นาโอริสะอึกพลันเลิกออกแรงขัดขืน หัวใจของเธอบีบรัดราวถูกกำแน่นไว้ในมือ
“เรื่องนั้น...”
“เธอไม่เห็นแก่พระองค์หรือยังไง”
“ใครว่าฉันไม่เห็นแก่เขา ฉันเป็นห่วงเขายิ่งกว่าที่คุณคิดเสียอีก ถ้าโดดไปช่วยเขาตอนนี้ได้ก็คงทำไปแล้ว!” เด็กสาวขึ้นเสียงใส่คนตรงหน้าพลันสบตากับอีกฝ่ายไม่วาง ร่างสูงที่เห็นได้แต่ถอนใจเหนื่อยหน่ายกับความดื้อด้านไม่เข้าเรื่องพร้อมกระชับแรงที่จับให้แน่นกว่าเดิม
“ยังไงฉันก็จะไม่ให้เธอไปเด็ดขาด”
“โอ๊ย ก็ได้ ฉันยอมแล้ว คุณไม่ต้องพาฉันไปก็ได้แต่อย่าบีบแรงขนาดนั้นได้ไหม มันเจ็บนะ!” นาโอริหลุบตามุ่ยหน้าไม่สบอารมณ์ ทันใดนั้นจึงรู้สึกถึงแรงจับที่คลายลงมาก จนสาวเจ้าต้องวาดยิ้มออกมา...
เพราะมีคนติดกับเข้าให้แล้ว!
“ไม่ต้องพาไปก็ได้...”
“เดี๋ยวฉันไปเอง!”
to be continue….
======================================
มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ
ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3
つづく、psrpowder