จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
***Trigger Warning : เลือด การลอบฆ่า***
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
“ไม่ต้องพาไปก็ได้...”
“เดี๋ยวฉันไปเอง!”
ปัก!
นาโอริพลันฉวยโอกาสที่ร่างสูงคลายแรงจับกระแทกศอกเข้ากลางลำตัว ทำให้หลุดจากพันธนาการอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดีดตัววิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด
“ยัยเด็กนี่…!” ชายหนุ่มเดาะลิ้นพร้อมไล่ตามไปติด ๆ
ไม่ว่าจะหลอกล่อด้วยทิศทาง สิ่งกีดขวางหรือแม้แต่กระโดดลัดเลาะข้ามรั้วบ้าน ชายผู้นั้นก็สามารถหานาโอริเจอได้อย่างกับมีพลังเหนือมนุษย์ จนสาวเจ้าเริ่มจะถูกความเหนื่อยชะลอให้ช้าลง ทว่าวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวานสายตาพลันเหลือบเห็นสเกตบอร์ดถูกวางพิงไว้ที่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง แม้จะรู้สึกไม่ถูกต้องไปบ้าง แต่หากไม่ทำอะไรสักอย่างเธอคงไม่มีทางหลุดพ้นจากสภาพวิ่งไล่จับนี้เป็นแน่ เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว...
“ไว้เอามาคืนนะ!” ไม่พูดพร่ำทำเพลงนาโอริก็คว้าสเกตบอร์ดและทะยานสู่น่านฟ้า ทำเอาคนไล่ตามแทบอ้าปากค้างเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายยังคิดหาทางหนีเขาได้อีก
“เฮ้ย เอาจริงเหรอเนี่ย!?” สุดท้ายร่างสูงจึงจำใจคว้าสเกตบอร์ดตัวเองออกมาใช้งานบ้าง
เหนือแสงสีจากเมืองยามค่ำคืน กลับมีแสงจากเครื่องสเกตบอร์ดของคนสองคนที่ไล่ตามฉวัดเฉวียน โฉบเฉี่ยวกันไปมาไม่ลดละ หากใครมาเห็นเข้าคงคิดว่ากำลังอยู่ในหนังสักเรื่องหนึ่งเป็นแน่
“นี่เธอ! ทำแบบนี้มันรบกวนคนอื่นเขานะ”
“คุณก็เลิกตามตอแยฉันสักทีสิ!”
“ขอโทษนะ แต่คงไม่ได้หรอก!”
ร่างสูงไม่วายใช้กระแสลมเพิ่มความเร็วให้แทบจะประชิดตัวนาโอริ วินาทีนั้นที่มือหนาตั้งใจจะเอื้อมจับร่างบาง นาโอริพลันกัดฟันฝืนความรู้สึกเสียววาบและทิ้งตัวจากแผ่นกระจกสู่ท้องฟ้าเคว้ง แต่ไม่ลืมจะคว้าสเกตบอร์ดกลับมาได้ทันท่วงที ตัวเธอที่ร่วงหล่นแหวกชั้นบรรยากาศจนใกล้จะสัมผัสกับหนึ่งในตึกสูง เธอรีบหมุนตัวกลับไปยืนบนบอร์ดอีกครั้งพร้อมเหินหลบหลีกการปะทะได้เฉียดฉิว
การบินไล่จับยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง บัดนี้เริ่มจะเข้าสู่บริเวณเมืองใหญ่ อุปสรรคเลยไม่ได้มีแค่ชายหนุ่มที่ไล่ตามอีกต่อไป นาโอริลอบมองเบื้องหลังและเห็นอีกฝ่ายยังตามไม่ห่าง เธอจำเป็นต้องเค้นสมองหาคำตอบของสถานที่ในบทสนทนาของอาโอบะโดยด่วน ไม่เช่นนั้นคงได้จบลงที่โดนจับหรือไม่ก็เสยกับสิ่งกีดขวางสักจุดหนึ่งเสียก่อน
“โธ่เอ๊ย คิดสินาโอริ!”
ทันใดนั้นสายลมรอบด้านกลับพัดเพเปลี่ยนทิศและคลอเคลียใบหน้าสวย...
“ที่นั่น...มีคนรอเธออยู่”
เสียงนุ่มชวนให้คิดถึงย้อนกังวานในความคิดพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ นัยน์ตาสีซากุระเผลอไผลมองไปทางป่าลึกแสนห่างไกลจากเมืองใหญ่ ดุจมีอะไรโดนใจเด็กสาวให้มั่นใจว่านั่นคือทางที่ถูกต้องและตัดสินใจหักเลี้ยวเต็มพิกัด เพื่อมุ่งหน้าสู่จุดที่ใครคนนั้นกำลังเฝ้ารอเธออยู่
“ทางนั้นมัน!” ชายหนุ่มเบิกตากว้างพลางใจหล่นวูบ เขารีบเร่งความเร็วเท่าที่จะทำได้เพราะทางที่เด็กสาวกำลังมุ่งหน้าก็ไม่พ้นจุดหมายเดียวกับกลุ่มปฏิบัติการในวันนี้เลยยังไงล่ะ
จะปล่อยให้แผนที่อุตส่าห์วางมาพังทลายไม่ได้เด็ดขาด!
.
.
.
ลึกเข้าไปในป่าทึบ ณ ปราสาทไม้ญี่ปุ่นโบราณ พื้นที่รอบนอกนั้นเงียบสงัดไร้ซึ่งแสงไฟจนยากจะมองเห็นเศษซากของบ้านเรือนด้านล่าง ผิดกับส่วนที่ลึกลงไปใต้ดินของปราสาท แสงไฟสลัวให้ความสว่างเป็นระยะตามทางเดินทึบและไปสิ้นสุดตรงเบื้องหน้าบานประตูไม้ซึ่งถูกล็อกนับสิบชั้นเห็นจะได้
บัดนี้เด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมสีขาวบริสุทธิ์กำลังเดินสอดส่องทั่วห้องแคบที่ถูกปิดกั้นอย่างหนาแน่น แม้แต่ช่องให้สายลมเล็ดลอดก็แทบจะไม่มี การที่เขายังสามารถหายใจได้อยู่ก็ถือว่าโชคดีแล้ว
“ตรงนี้ก็ไม่ได้” มือเล็กสัมผัสกำแพงเย็นพร้อมออกแรงผลักทว่ากลับไม่มีทีท่าจะขยับ ดวงตาสีนิลหรี่ลงอย่างพินิจก่อนจะนั่งลงกับพื้นและคลำด้านใต้ของประตูหนา
“ประตูล็อกหนาแน่นมาก แถมไม่มีช่องที่จะให้งัดแงะออกไปได้เลย”
“จากระยะทางเดินกับเสียงฝีเท้าที่ก้องเป็นพิเศษแถมยังได้กลิ่นไม้เก่าด้วย ที่นี่อาจจะเป็นใต้ดินของปราสาทไม้สักที่หนึ่ง” โซอิจิโร่ถอนใจเบา ๆ และเป็นต้องหลุบตาครุ่นคิด
“ทางออกคงจะไม่ซับซ้อนมากเพราะพวกมันถึงกับต้องปิดตาเราเอาไว้ก่อนจะพาเข้ามา แต่แปลกชะมัด...ทำไมต้องลงทุนย้ายเรามาไว้ในนี้แทนที่จะขังไว้ในเรือบินนั่นล่ะ?”
กุกกัก
ความคิดหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงกุกกักบริเวณประตูหนาทึบ ไม่ทันไรมันจึงถูกเปิดออกปล่อยให้แสงจากภายนอกวาบผ่านจนต้องหยีตา เผยให้เห็นร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีซากุระเดินตรงเข้ามา ครานี้เขาไม่ได้สวมฮู๊ดคลุมปกปิดใบหน้าและจงใจเปิดเผยมันต่อหน้าเด็กหนุ่มอย่างไม่นึกกลัว แววตากดดันทำเอาองค์ชายหนุ่มต้องถอยห่างพลันจ้องทุกการกระทำของอีกฝ่ายไม่วาง ก่อนจะต้องเลิกคิ้วสูงครั้นจู่ ๆ คนตรงหน้าก็นำกล่องซึ่งบรรจุอาหารมาวางทิ้งไว้และตั้งท่าจะเดินออกไปโดยไม่ปริปากสักคำ
“เลี้ยงดีเชียวนะ ไม่ใช่ว่าเราเป็นตัวประกันหรือไง?” โซอิจิโร่ลองเชิง พาให้ร่างกำยำต้องชะงักพลางเหลือบมอง
“ถ้าแกต้องมาหิวตายเสียก่อน แผนมันจะเสียเอาน่ะสิ ฉันไม่อยากเสียแรงไปกับเป้าหมายที่ไร้ประโยชน์หรอก”
“เหอะ ไม่รู้หรอกนะว่าแผนของแกคืออะไร แต่ต่อให้ทรมานเราถึงตายยังไงเราก็ไม่มีทางยอมทำตามแน่นอน”
“ฉันไม่ต้องการความเห็นของแก” ซาโซริตวัดสายตาคมกริบให้ทว่าอีกฝ่ายกลับยังสงบนิ่งไม่เปลี่ยน
“แล้วแกต้องการอะไรไม่ทราบ? อยากจะใช้เราต่อรองกับจักรพรรดิหรือไง?”
“คิดตื้น ๆ ถ้าจะต่อรองกับจักรพรรดิจริงจะจับแกมาทำไมเล่าองค์รัชทายาท...ไม่สิ โซอิจิโร่”
ห้องแคบพลันเย็นยะเยือกกดทับจังหวะหายใจของเด็กหนุ่ม นัยน์ตาสีนิลสั่นไหวไม่ต่างจากหัวใจของเขา ความลับที่บิดาของเขาไม่ต้องการให้คนนอกรับรู้ บัดนี้มันกำลังถูกใช้ประโยชน์อยู่ ชื่อของเขากำลังถูกเอ่ยโดยคนที่ไม่ควรจะล่วงรู้
“พูดไม่ออกเลยล่ะสิ องค์ชายรอง”
“อย่าใช้ปากโสโครกนั่นพูดถึงน้องชายของเรา!” เจ้าของเรือนผมสีขาวนวลเม้มริมฝีปากแน่นพยายามยื้อการแสดงจอมปลอมนี้ต่อไป แต่กลับทำให้อีกฝ่ายแสยะยิ้มสะใจออกมาเสียมากกว่า
“น้องชายงั้นเหรอ ไม่เอาน่า ที่นี่ไม่มีใครนอกจากพวกเราจะปิดบังให้เหนื่อยทำไม!”
“ถ้าแกคิดแตะต้องน้องของเรา เราไม่ปล่อยไว้แน่!”
“ไม่ต้องห่วงไปองค์ชาย เพราะเป้าหมายตอนนี้มันคือแกคนเดียวอยู่แล้วไงล่ะ!” ชายหนุ่มตะคอกกลับพลันดึงคอเสื้อคนตัวเล็กกว่าจนแทบจะลอยจากพื้น มือหนากำเรือนผมสีขาวเต็มมือจนโซอิจิโร่ต้องนิ่วหน้า ก่อนจะกระชากมันให้หลุดออกปรากฏเรือนผมนุ่มสีดำขลับรับกับดวงตาสีเดียวกัน
“หึ ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงขององค์รัชทายาทจอมปลอมเสียที” เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นพร้อมกับฝืนแรงไม่ให้รัดคอของตน
“แก...รู้ได้ยังไง?”
“พอปิดไม่ได้แล้วก็จะมาถามหาต้นตอสินะ ฉันจะบอกอะไรให้นะโซอิจิโร่...” ซาโซริหรี่ตาจ้องเขม็ง ริมฝีปากเหยียดยิ้มชวนขนลุก
“ความลับน่ะ มันไม่มีในโลกหรอก”
ตุบ!
ร่างเล็กถูกโยนลงกับพื้นเย็น ทางหายใจเปิดโล่งอีกคราทำเอาต้องกอบโกยอากาศอยู่ครู่หนึ่ง พอดีกับเสียงประตูหนาปิดกระทบกัน ดึงความมืดเข้าปกคลุมห้องแคบ ทิ้งให้เด็กหนุ่มสูงศักดิ์พยุงตัวขึ้นมานั่งพิงกับกำแพงเย็นและกำมือแน่นจนเจ็บแปล๊บไปทั้งฝ่ามือ
“เกนอิจิ ฉันขอโทษ” นัยน์ตาสีนิลวูบไหวปล่อยหัวใจที่เหนื่อยล้าแบกรับความรู้สึกผิดต่อพี่ชายท่ามกลางความเงียบ
ตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะหนีแล้ว...
.
.
.
เวลาเดียวกัน ณ ป่ารกทึบรอบนอกเมืองร้าง เสียงฝีเท้าเหยียบย่ำเนื้อดินของกลุ่มคนในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มกำลังเข้าประจำตำแหน่งใกล้กับเนินเขาสูง อาศัยร่มเงาจากแมกไม้บดบังร่องรอย ในมือแต่ละคนถือคันธนูเหล็กเอาไว้และจ้องเขม็งไปยังบ้านเรือนที่ดำเป็นตอตะโกเบื้องล่าง พวกเขานิ่งสงบเพื่อรอคำสั่งจากเจ้าของเรือนผมสีซากุระที่เดินเข้ามาใกล้พลางคุกเข่าลงต่ำ ก่อนจะได้รับสัญญาณติดต่อจากอุปกรณ์สื่อสาร
“ประจำจุดที่มอบหมายแล้ว ฝั่งนั้นล่ะซาโตชิ?”
“ทางนี้เองก็พร้อมแล้ว หน่วยอื่น ๆ ก็พร้อมบุกจากรอบด้านได้ทุกเมื่อ”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะรอคำสั่งจากนาย”
“ว่าแต่อาโอบะ เธอเห็นจิซากิบ้างไหม?”
“เอนโดคนน้องน่ะเหรอ? ฉันให้ไปเฝ้ายัยเด็กที่ชื่อนาโอรินั่นน่ะ” ซาโตชิเลิกคิ้วสูงกับคำพูดนั้น
“ทำไมล่ะ?”
“แค่กลัวเด็กนั่นจะทำอะไรไม่เข้าท่า เลยส่งให้ไปดักอยู่หน้าบ้าน” อาโอบะส่งเสียงฮึดฮัด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอกังวลใจเรื่องเด็กสาวคนนั้นมากแค่ไหน
“มิน่าล่ะถึงไม่เห็นวี่แววเลย...แต่เอาเถอะถ้าไม่มีใครมารบกวนแผนการก็ดีแล้ว” ชายหนุ่มถอนใจเหนื่อยหน่าย เป็นต้องเปลี่ยนสีหน้าจริงจังครั้นเห็นกลุ่มคนในชุดคลุมสีเข้มเดินผ่านสายตา ย้ำเตือนว่าหมดเวลาคุยเล่นกันแล้ว
“เอาล่ะ เราจะเริ่มจากรอบนอกก่อน ทุกหน่วยเก็บเสียงให้เงียบที่สุดล่ะ”
“รับทราบ”
เสียงขานรับประสานกันผ่านอุปกรณ์สื่อสาร คันธนูถูกตั้งขึ้นพร้อมกับสายที่ง้างจนสุด นัยน์ตาข้างขวาทุกดวงปรากฏเป้าเล็งโฮโลแกรมช่วยขยายขอบเขตการมองเห็นและล็อกไปยังจุดตายของศัตรู สายลมพากันสงบราวเป็นใจให้กับเหล่านักธนู
ฟึบ
ชั่วอึดใจที่ศัตรูหันหลังให้ สายธนูแข็งแรงพลันถูกปล่อยและส่งลูกธนูเหล็กแหวกอากาศทะลวงเจาะกะโหลกหนา จนร่างผู้โชคร้ายล้มคะมำลงกับพื้นไม่ทันจะได้ส่งเสียงร้องโอดโอย แต่มันกลับกระตุ้นให้คนที่เห็นเหตุการณ์แตกตื่นทันควัน
“อะไรวะ!...อั๊ก!” ยังไม่ทันจะได้สะพรึงกับศพตรงหน้า ชายผู้โชคร้ายอีกคนก็ถูกคมดาบตัดผ่านลำคอขาดสะบั้นแทบไม่รู้ตัว วินาทีหนึ่งผ่านไปเลือดข้นถึงจะพวยพุ่งจากปากแผล
“ช่วยอยู่เงียบ ๆ ทีนะ” โชโตะเอ่ยเบาหวิวพลางสะบัดคราบเลือดออกจากคมดาบและพุ่งเข้าใส่ยังเป้าหมายต่อไป
การฆ่าฟันเกิดขึ้นในความเงียบ ไม่เปิดโอกาสให้ได้เปิดปากร้องหรือแจ้งข่าวแก่พวกพ้องได้ทัน เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครรับรู้ความโกลาหลด้านนอกเมือง เหล่าทหารรับจ้างที่ประมาทความวังเวงในค่ำคืนถูกจัดการหมดสิ้นจนฝ่ายชินระสามารถเข้าใกล้ขอบเขตของเมืองได้สำเร็จ
“ยิงสะกดพวกมันไว้ เราจะเปิดทางให้หน่วยด้านล่างเข้าไปข้างใน”
“ครับ!” เหล่านักธนูง้างสายธนูจนตรึงและเริ่มเล็งเป้าหมายอีกครา ความเงียบโดยรอบช่วยให้อีกฝ่ายไม่แตกตื่นและเป็นเป้านิ่งของพวกเขาโดยสมบูรณ์
“ยิงได้”
ฟึบ!
“เฮ้ย นั่นมัน!?” หนึ่งในนักธนูอุทานดังลั่นครั้นรู้สึกเหมือนมีอะไรแวบผ่านสายตาของเขาไป เขาเป็นต้องเสียวสันหลังวาบเพราะตระหนักว่าสิ่งที่เพิ่งจะตัดหน้าไปหมาด ๆ คือร่างบางของเด็กสาวผู้หนึ่งบนสเกตบอร์ดเหินฟ้าที่ตั้งท่าจะมุ่งตรงไปยังเมืองและตัวเขาก็ดันลั่นธนูใส่เธอเข้าแล้ว
“ระวัง!” สิ้นเสียงตะโกนนาโอริพลันถูกชายที่ไล่ตามเธอมาตลอดทาง ใช้แรงผลักเธอให้พ้นจากวิถีธนูได้ทันท่วงที เด็กสาวถูกแรงกระแทกทำให้พลัดตกลงมาแทบจะใจกลางเมือง โชคดีที่ร่างสูงโผเข้ามารับไว้ได้ทันก่อนจะลงสู่พื้นอย่างปลอดภัยไปพร้อมกัน
ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันกลับไปทำลายความเงียบที่รักษามานานเสียได้
“เสียงอะไรวะ” ชายใต้ผ้าคลุมคนหนึ่งหันขวับมองต้นเสียงแต่กลับไม่พบอะไรจนเกือบจะวางใจ หากแต่แสงจันทร์นั้นเล่นตลกส่องกระทบคันธนูเหล็กแวววาวทะลุแมกไม้ ดึงความสนใจเด่นชัด
“ธนู...เฮ้ย พวกเราโดนเจอแล้ว!” เสียงตะโกนเตือนไปก้องไปทั่วเมืองซึ่งเคยเงียบสงัด บัดนี้มันกลับเต็มไปด้วยเสียงฮือฮาและเสียงฝีเท้าวิ่งแตกตื่น ฝั่งชินระเองก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะแผนการที่กำลังไปได้สวยดันถูกพังเสียดื้อ ๆ ตอนนี้เหตุการณ์เริ่มจะโกลาหลเป็นทวีคูณแล้ว
“เมื่อกี้นี้มันจิซากิงั้นเหรอ แล้วเด็กคนนั้นทำไมถึง...”
“ซาโตชิซังเอายังไงดีครับ พวกมันรู้ตัวแล้ว” หนึ่งในเจ้าหน้าที่เรียกดึงสติชายหนุ่มให้ตระหนักถึงความวุ่นวาย
“โธ่เอ๊ย...หน่วยภาคพื้นทะลวงเข้าในเมืองไปเลยไม่ต้องสนแผนแล้ว ส่วนหน่วยยิงไกลคอยยิงสนับสนุนด้วย!” ทันทีที่ได้รับคำสั่งเสียงฝีเท้าย่ำดินจึงดังไปทั่วตามมาด้วยเสียงกระทบกันของอาวุธเหล็ก ดวงตาสีซากุระหรี่มองภาพตรงหน้าพลันเดาะลิ้นไม่สบอารมณ์ ก่อนจะแนบปลายนิ้วกับเครื่องสื่อสารเพื่อติดต่อหาใครบางคน
“ครับ ซาโตชิซัง?”
“โชว์ นายได้บอกเรื่องนี้กับรุ่นน้องนายหรือเปล่า!?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วสูงแม้จะกำลังโต้ดาบกับศัตรูอยู่
“หมายความว่ายังไงครับ?”
“รุ่นน้องของนายที่ชื่อนาโอริ เธออยู่ในเมืองนั่น แผนเราแตกก็เพราะเธอโผล่มานี่แหละ!”
“ว่าไงนะ!?” โชโตะเบิกตาตกตะลึง ความเป็นห่วงก่อเกิดในหัวใจปะปนกับความโกรธเคือง เขาไม่ยอมปล่อยให้ศัตรูรั้งเขาไปมากกว่านี้ พลันรีบสะบั้นคอขาดเป็นสองท่อนและเร่งฝีเท้านำกลุ่มชินระเข้าใกล้เมืองทันที
ขณะเดียวกันทางด้านนาโอริและชายหนุ่มที่ชื่อ จิซากิ ได้ตกลงมาสู่พื้นท่ามกลางความวุ่นวาย เกิดแรงกระแทกเล็ก ๆ ทว่ากลับส่งผลต่อร่างกายอ่อนแอของเด็กสาวตรึงให้เธอขยับไม่ได้ โชคยังเข้าข้างเธอเมื่อจิซากิหัวไวรีบพาร่างบางหลบเข้าไปในบ้านผุพังหลังหนึ่ง ก่อนจะลอบฟังเสียงฝีเท้าที่ใกล้พวกเขาที่สุดในเสียงรบกวนมากมาย
“จิซากิได้ยินหรือเปล่า!?” เสียงเรียกจากซาโตชิดังผ่านอุปกรณ์สื่อสารข้างหู เขาจึงแนบปลายนิ้วกับมัน
“ได้ยินครับ”
“เกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้นปลอดภัยไหม?”
“เธอไม่เป็นไรครับแค่กระแทกเล็กน้อย ตอนนี้กำลังซ่อนจากพวกมันอยู่...ขอโทษด้วยครับที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวาย”
“เฮ้อ มันทำอะไรไม่ได้แล้ว นายรีบพาเธอออกไปจากที่นี่เถอะ อยู่ในนั้นไม่ปลอดภัย”
“ผมคิดว่าเธอคงจะไม่ยอมกลับง่าย ๆ น่ะสิครับ”
“นี่เป็นคำสั่ง รีบพาเด็กคนนั้นออกไปเดี๋ยวนี้” นัยน์ตาสีหมอกสบตากับนาโอริที่จ้องเขาอยู่ก่อนและตั้งใจจะเอ่ยอะไรบางอย่าง
“ฉัน...” คำพูดพลันกลืนหายไปเมื่อถูกชายตรงหน้าชี้นิ้วเป็นสัญญาณให้เงียบ
“ถ้าจะให้ออกไปในสถานการณ์แบบนี้คงจะเสี่ยงไม่ต่างกัน ตอนนี้พวกผมเป็นกลุ่มเดียวที่เข้ามาในเมืองได้ มีแต่ต้องบุกเข้าไปอย่างเดียวแล้วครับ”
“นายพูดบ้าอะไร ฉันบอกให้..”
“ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมรับผิดชอบเองครับซาโตชิซัง” ไม่พูดพร่ำทำเพลงชายหนุ่มพลันตัดสายจากหัวหน้าของเขาพร้อมหันมาสบตากับคนข้างตัว มือหนาล้วงหยิบมีดคุไนและยื่นมันให้กับนาโอริ
“รับนี่ไว้ เธอจำเป็นต้องมีอาวุธ”
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะยอมช่วย...”
“ฉันไม่ได้ทำเพื่อเธอ แต่นี่จะเป็นบทลงโทษที่เธอต้องได้เจอเมื่อมายุ่งกับงานของชินระ” ดวงตาคมกริบทิ่มแทงจิตใจเด็กสาวราวเข็มนับพัน เจ้าตัวรับมีดเหล็กมาไว้ในมือก่อนจะกำมันแน่นราวหากำลังใจ
“เธอพอจะรู้ไหมว่าดาบตัวเองอยู่ที่ไหน?”
“ฉันจะรู้ได้ยังไง?”
“ไม่ใช่ว่าพวกนักดาบจะมีจิตที่สื่อถึงกับดาบเพราะผลจากพันธสัญญาเหรอ?” เด็กสาวเบิกตากว้าง เธอเผลอไผลกุมหน้าอกตนเองแน่น ทันใดนั้นความรู้สึกบางอย่างก็ดลใจให้นาโอริเลือกจะชี้นิ้วหากำแพงไม้ผุเบื้องหน้า
“ฉันสัมผัส....ได้จากทางนั้นค่ะ”
ครั้นได้รับคำตอบ จิซากิจึงตัดสินใจว่าควรจะออกไปด้านนอกเสียที ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางรู้ว่าทางไหนเป็นทางไหนหากยังซ่อนตัวอยู่ในบ้าน ทว่าทันทีที่ก้าวเท้าออกมาพวกเขากลับต้องชะงักฝีเท้าอีกครั้ง เพราะมีชายในชุดคลุมสองคนกำลังยืนถกเถียงกันอยู่ไม่ไกล หนำซ้ำพวกเขายังขวางทางไปต่อของทั้งสองอยู่ด้วย มีทางเดียวที่จะไม่ทำให้ไก่ตื่น...
คือกำจัดทิ้งเสีย...
“บทลงโทษแรกของเธอ”
“คะ?” นาโอริหันขวับจ้องอีกฝ่าย
“ใช้คุไนนั่นจัดการคนด้านซ้ายเสีย ส่วนฉันจะจัดการทางขวา” นัยน์ตาสีซากุระเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำสั่งกะทันหัน
“ฉันไม่เคยฆ่าคนนะ จะทำได้ยังไง!”
“ไม่ใช่ จะได้ยังไง แต่ต้องทำให้ได้ต่างหาก” ชายหนุ่มเว้นช่วงหายใจ ก่อนจะตวัดสายตามองร่างบางจนสาวเจ้าเผลอกลืนน้ำลาย
“จะบอกว่าเธอมาที่นี่ทั้งที่ไม่เตรียมใจฆ่าใครมาก่อนงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่ได้คิดที่จะ...”
“ไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า เรื่องมันก็แค่นั้นแหละ” คำขู่ที่ไม่เกินจริงพาให้นาโอริต้องกำอาวุธในมือแน่นกว่าเดิม
หัวใจนึกเห็นด้วยกับคำของชายหนุ่ม เพราะบัดนี้เธอไม่ได้กำลังยืนอยู่ในเมืองร้างธรรมดา แต่เป็นสนามรบย่อม ๆ ที่ต้องพลั้งมือดับลมหายใจของใครสักคนบ้างหากต้องการเดินหน้าต่อไป ถ้าเธอไม่กล้าทำ...
จะโซว์หรือจูลิโอ้ เธอก็จะไม่สามารถช่วยไว้ได้
นาโอริสูดหายใจเข้าลึกและยอมพยักหน้าตกลงเป็นสัญญาณ จิซากิที่เห็นเช่นนั้นจึงปีนป่ายขึ้นบนหลังคาผุพังไปพร้อมฝากให้ด้านล่างเป็นหน้าที่ของเด็กสาว เธออาศัยเสียงวุ่นวายจากอาวุธและเงามืดคืบคลานเข้าใกล้ศัตรู นัยน์ตาสีซากุระสะท้อนภาพส่วนที่คิดว่าเป็นจุดตายภายใต้ฮู๊ดคลุม เธอกระชับอาวุธในมือแน่น ครั้นกลั้นใจพร้อมแล้ววินาทีแห่งความจริงจึงเกิดขึ้น
ฉึก!
จิซากิกระโดดเข้ากะซวกชายคนหนึ่งจากด้านบน พร้อมกับที่นาโอริรวบรวมความกล้าทั้งหมด กระโจนเข้ารัดคอชายอีกคนหนึ่งและแทงคุไนเข้าที่ต้นคอจนเกิดเสียงร้องทรมาน เลือดอุ่นสาดกระเซ็นเลอะใบหน้าเผลอตอกย้ำความหวาดกลัวในใจชั่วขณะ นาโอริพลันผ่อนแรงโดยไม่รู้ตัวและเปิดช่องให้ศัตรูออกแรงสะบัดร่างเล็กจนส่ายไปส่ายมา
“ปล่อยนะโว้ย ไอ้เวร!” มือสากตั้งใจจะชักอาวุธออกมาโต้ตอบ แต่ก็เป็นได้แค่ความคิด...
ฉัวะ
การดิ้นรนหยุดชะงัก ร่างไร้วิญญาณทรุดตัวลงกับพื้นพาให้เด็กสาวล้มไปด้วย เผยให้เห็นธนูหน้าไม้เหล็กในมือของจิซากิประกอบกับลูกธนูที่ปักกลางเบ้าหน้าดูไม่ได้ของร่างนั่น
“น นี่ฉัน...” นัยน์ตาสีซากุระสั่นระรัวกว่าครั้งไหน เธอก้มมองมือเปรอะเปื้อนมลทินครั้งแรกของตน สัมผัสเหนอะหนะกับกลิ่นคาวยิ่งรุนแรงเป็นทวีคูณ ราวจิตสำนึกรับไม่ไหวจนเริ่มต่อต้านอาการคลื่นไส้จึงก่อเกิด นาโอริรีบเบือนหน้าหนีจากภาพสยดสยองตรงหน้าพยายามกลั้นไม่ให้สำรอกออกมา เธอไม่ชอบความรู้สึกนี้เอาเสียเลย
“ถือว่าทำได้ไม่เลว สำหรับครั้งแรก” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบพลางดึงลูกหน้าไม้ที่ปักกะโหลกอยู่ออกมา ไม่ได้สนใจสภาพตื่นตระหนกของนาโอริสักนิด
“คุณนี่...ด้านชาชะมัด”
“ขอบคุณที่ชม แต่พวกเราควรรีบไปได้แล้ว ชี้บอกอีกทีสิว่าดาบเธออยู่ทางไหน?” เขาเอ่ยพลางรอให้นาโอริฝืนอาการพะอืดพะอมเพื่อชี้ไปเบื้องหน้าของเธอ ครั้นหันมองตามก็พบกับปราสาทไม้โบราณเด่นหราอยู่บนเนินสูงเขาจึงตกผลึกได้ไม่ยาก ดีไม่ดีองค์ชายหนุ่มอาจจะอยู่ที่นั่นด้วยก็เป็นได้
“ดีล่ะ ปราสาทอยู่อีกไม่ไกล ใช้วิธีเดิมไปจนกว่าจะถึงแล้วกัน”
“ถ ถ้าฉันทำพลาดอีกล่ะ” เด็กสาวเหลือบมองร่างสูง
“เธอแค่ตั้งสติเอาไว้จนกว่างานนี้จะจบก็พอ” จิซากิก้มเก็บคุไนสีเงินจากร่างชุ่มเลือดและยื่นมันให้นาโอริอีกครั้ง เธอรับมันมาทั้งที่มือยังสั่นเทิ้ม ก่อนจะสบตากับคนตรงหน้าซึ่งมองอยู่ก่อนแล้ว
“ไม่ต้องห่วงหรอก...”
“ถ้าเธอทำพลาด ฉันจะเก็บกวาดให้เอง”
to be continue….
======================================
มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ
ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3
つづく、psrpowder