จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
***Trigger Warning : การทำร้ายร่างกาย เลือด ความรุนแรง ***
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เวลาเดียวกัน ณ ป่าทึบทางทิศเหนือ เสียงโหวกเหวกผสมปนเปกับเสียงอาวุธปะทะกัน สร้างความสงสัยให้กับอาโอบะที่เพิ่งรับคำสั่งจากซาโตชิมาได้ไม่นาน ก่อนจะได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ในหน่วยว่าฝั่งของชายหนุ่มถูกล่วงรู้ตำแหน่งและกำลังปะทะกัน
“ทำไมเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปได้เนี่ย!?” เธอขมวดคิ้วเป็นปมพลันรีบติดต่อไปหาอีกฝ่ายทันใด
“ซาโตชิ ได้ยินไหม?”
“ฉันรู้ว่าเธอจะถามอะไร เอาเป็นว่ามันเป็นแบบที่เธอคิดนั่นแหละ!” นัยน์ตาสีน้ำเงินหรี่ลงไม่สบอารมณ์ทันทีที่เข้าใจความหมายนั้นโดยไม่ต้องถามต่อ ใบหน้าของนาโอริแทบจะผุดขึ้นมาในชั่วพริบตาเลยด้วยซ้ำ ให้ตายสิ
“งั้นทางนี้จะคอยยิงสนับสนุนให้”
“ฝากด้วยแล้วกัน”
สิ้นบทสนทนาอาโอบะจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่แต่ละคนกระจายตัวออกไปและคอยช่วยเหลือจากที่สูง ห่าฝนธนูพวยพุ่งทะลวงกลุ่มศัตรูที่ซ่อนอยู่รอบนอกเมือง ช่วยให้ฝั่งภาคพื้นพอจะดันเข้าไปด้านในได้ แต่ก็ยังไม่พอที่จะไปถึงตัวปราสาท ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อฝ่ายชินระก้าวเท้าเหยียบเข้าเขตเมือง ก็ถูกต้อนรับด้วยอาวุธอันตรายที่ไม่ได้มีแค่ดาบโจมตีใส่ไม่ยั้ง พวกเขาจึงถูกยื้อให้เสียทั้งคนและเวลาไปมากโขทีเดียว
เหตุการณ์นี้แทบจะเกิดพร้อมกันกับทางด้านนาโอริที่ร่วมมือกับจิซากิฝ่าดงศัตรูจนเริ่มมองเห็นปราสาทไม้ชัดตาขึ้น
ฉึก
เสียงครวญครางทรมานผสมกับร่างโชคร้ายที่ล้มจมกองเลือด ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของเด็กสาวซึ่งหน้าซีดเทาแม้อยู่ในที่มืด สติสัมปชัญญะเริ่มพร่ามัวราวกับคนไม่มีเรี่ยวแรง เพราะระหว่างทางที่วิ่งมานาโอรินั้นแทบจะถูกกลิ่นคาวของเลือดหลอกหลอนสมองจนเริ่มจะไม่ไหว หากแต่ชายหนุ่มตรงหน้าเอาแต่เร่งให้เจ้าตัวก้าวตามเขาให้ทัน เธอจึงต้องกลั้นใจถืออาวุธและกำจัดอุปสรรคที่มาขวางทางต่อไป
“เดี๋ยว” ร่างสูงชะงักฝีเท้าพลันยกมือห้ามทันควัน
“ม มีอะไรเหรอคะ?”
“เงียบก่อน” ไม่ทันได้ถามต่อสาวเจ้าก็ได้คำตอบจากเสียงไม่คุ้นหูหลายเสียงภายในบ้านไม้ผุพังที่พวกเขากำลังใช้เป็นกำบัง สองหนุ่มสาวพิงตัวกับผนังไม้ผุเพื่อสดับฟังความข้างใน
“เราใช้สิ่งนี้จัดการกับไอ้พวกชินระนั่นได้”
“แต่แบบนั้นมันจะโดนพวกเดียวกันด้วยนะ”
“ช่างมันสิ! แค่ตัวเองไม่ตายก็พอเว้ย”
“ฉันเห็นด้วย จะให้พวกมันเข้าถึงปราสาทไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นพวกเราได้โดนไอ้หัวชมพูนั่นฆ่าแน่” สิ้นประโยค ภายในบ้านไม้พลันเกิดเสียงกุกกักจากอะไรบางอย่าง
“ของที่พวกมันว่าคืออะไรกันคะ?”
“คงไม่พ้นระเบิดหรอก เพราะบ้านสองสามหลังที่วิ่งผ่านมาก็มีเป็นกองพะเนินเลย”
“ระเบิด!?” นาโอริดันลืมตัวอุทานเสียงดังพลันต้องรีบรูดซิปปากตัวเองครั้นถูกนัยน์ตาสีหมอกตวัดมอง ก่อนเจ้าตัวจะหันกลับไปคิดหาทางต่อ
“ถ้าปล่อยให้พวกมันเอาไปใช้ละก็แย่แน่” จิซากิเอ่ยพร้อมสับเปลี่ยนกระสุนหน้าไม้ในมือให้เป็นลูกธนูเคลือบสีแดงฉาน
“ฟังนะ ฉันมีเรื่องให้ทำ” ชายหนุ่มจ้องไปทางนาโอริทันควัน ทำเอาอีกฝ่ายเผลอกลืนน้ำลายนึกหวั่นกลัวว่าจะโดนสั่งให้ทำเรื่องอะไรอีก
“อ อะไรเหรอคะ?”
“ใช้เจ้านี่ล่อความสนใจพวกมัน” เขาเอ่ยพร้อมยื่นลูกบอลทรงกลมพอดีมือให้สองลูก ครั้นรับมันมามือเรียวแทบจะทิ้งตัวจากความหนักอึ้งของมัน เธอตกผลึกทันทีว่าเจ้าลูกบอลนี่คงทำมาจากเหล็กแน่นอน
“ให้ปาเจ้านี่เข้าไปเหรอคะ? แต่บ้านนี้ไม่เห็นจะมีหน้าต่าง..”
“คิดว่าน้ำหนักขนาดนี้จะพังแผ่นไม้ผุ ๆ นี่ไม่ได้เลยหรือไง?” นาโอริพลันสะอึกเมื่อสังเกตกำแพงข้างตัวอย่างถี่ถ้วน มันสึกกร่อนจนสามารถใช้นิ้วเจาะเป็นรูได้ด้วยซ้ำ สาวเจ้าจึงยอมพยักหน้าตอบรับอีกฝ่ายอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ บัดนี้เธอเองก็ยอมรับว่าสติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แค่เรื่องแสนจะง่ายก็ยังนึกไม่ถึง
“เป็นไง...เป็นกัน!” ครั้นนาโอริรวบรวมความกล้าพร้อมตั้งท่าจะวิ่งไป เธอกลับถูกจิซากิรั้งแขนไว้เสียก่อน พาให้เธอสบกับนัยน์ตาสีหมอกซึ่งฉายความจริงจังออกมา
“ถ้าโยนแล้ว เธอรีบออกห่างจากที่นี่ให้มากที่สุด เข้าใจนะ?”
“ค่ะ”
รับคำสั่งเสร็จสรรพ นาโอริจึงย่องไปยังอีกฝั่งหนึ่งของตัวบ้านซึ่งใกล้กับต้นเสียงกุกกักมากที่สุด มือเรียวกำลูกเหล็กแน่นและออกแรงเหวี่ยงเต็มกำลัง
โครม! ปัก!
แรงปะทะหนักหน่วงทะลวงเนื้อไม้กร่อนเข้าไปในตัวบ้าน หนำซ้ำยังกระแทกศีรษะใครคนหนึ่งในนั้นจนร้องโอดโอยอีกด้วย และเมื่อภารกิจลุล่วง นาโอริพลันออกตัววิ่งตามคำสั่งของจิซากิอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่เคลื่อนตัวว่องไวไปที่ทางเข้าของบ้าน
“โอ๊ย อะไรวะ!?” ชายผู้โชคร้ายโวยวายลั่นช่วยกลบเสียงเอี๊ยดอ๊าดจากประตูไม้ได้ดี ธนูหน้าไม้ถูกจ่อผ่านช่องแคบพลันเหนี่ยวไกส่งลูกศรสีแดงฉานทะลุเข้ากลางหลังชายอีกคนจนล้มลง จิซากิรีบเก็บอาวุธพลันออกตัววิ่งไปทางเดียวกับนาโอริ ปล่อยหนึ่งในทหารไร้สังกัดให้ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“พวกชินระมันมาถึงตรงนี้แล้วเหรอวะ!”
“เวรแล้ว ต้องรีบเอาระเบิดไป..”
ตูม!
วินาทีที่ชนวนจากลูกธนูสีแดงถูกจุด มันส่งแรงปะทุกระจายไปถึงกล่องระเบิดที่เก็บไว้พลันจุดพวกมันให้ระเบิดไปพร้อมกัน จนกลายเป็นความวินาศบริเวณใจกลางเมืองร้าง ลมร้อนพวยพุ่งปะทะร่างของทหารโชคร้ายในระยะใกล้ให้จมไปกับการปะทุนั่น ไม่ต่างจากหนุ่มสาวสองคนซึ่งโดนแรงระเบิดพัดจนกระเด็นออกมาแทบจะพร้อมกัน เป็นจิซากิที่คว้าตัวนาโอริพร้อมช่วยรับแรงกระแทกไว้จนทั้งสองกลิ้งหลุนไปกับพื้นเขลอะ
“โอ๊ย...” นาโอรินิ่วหน้าพลางรู้สึกปวดไปทั้งตัวและหัว
“หัวกระแทกหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ แค่มึน ๆ เพราะกลิ้งเมื่อกี้” ครั้นนัยน์ตาสีซากุระลืมขึ้นมอง นาโอริพลันหน้าซีดเพราะคนที่คร่อมร่างเธอกลับมีเลือดสดไหลอาบหัวอยู่เสียอย่างนั้น!
“คุณนั่นแหละเป็นอะไรหรือเปล่าคะ!?”
“ฉันสบายดี”
“แต่ว่าเลือดอาบหัวเลยนะ...” นาโอริชี้นิ้วสั่นระริกทำให้คนตรงหน้าตระหนักว่าตนนั้นบาดเจ็บ หากแต่สีหน้าใต้หน้ากากเหล็กก็ยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวและทำแค่เช็ดเลือดออก ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นครั้นรู้สึกถึงไอร้อนที่สัมผัสแผ่นหลังดึงความสนใจจากชายหนุ่มให้หันมองเบื้องหลัง
บัดนี้จุดที่เคยมีบ้านไม้หลายหลังเรียงรายกลับกลายเป็นทะเลเพลิงไปมากกว่าครึ่ง เด็กสาวเองก็ได้แต่เบิกตากว้างกับความโกลาหลนั่น พลางนึกโล่งใจหน่อยหนึ่งที่ตนสามารถรอดจากมันมาได้หวุดหวิด
“พวกเรารีบไปต่อเถอะ ไฟแรงแบบนี้อาจจะลามไปถึงปราสาทก็ได้”
“คุณไหวแน่เหรอคะ?” ดวงตาคมสบกับเด็กสาวพร้อมพยักหน้าเป็นคำตอบ ถึงนาโอริจะยังเห็นเลือดซิบจากปากแผลบนขมับอีกฝ่ายอยู่ก็ตาม แต่ถ้าเจ้าตัวว่าไม่เป็นไรเธอก็คงต้องเชื่อเขา
เมื่อเจ้าตัวยืนกรานหนักแน่นก็มีแต่ต้องเดินหน้าสู่จุดหมาย บัดนี้เข้าใกล้ตัวปราสาทไม้ไปทุกทีจนต้องเงยหน้ามองความสูงของยอดหลังคา ทว่าวินาทีที่นัยน์ตาสีซากุระจับจ้องปราสาทหลังใหญ่ ใจของเธอพลันบีบรัดแน่นจนต้องกุมหน้าอกสยบความแปล๊บข้างใน เม็ดเหงื่อผุดข้างขมับไม่ขาด เช่นเดียวกับบางอย่างที่ดลใจให้เธอหันมองประตูทางเข้าของปราสาท สัญชาตญาณร่ำร้องกับเธอว่าคู่หูอยู่ไม่ไกลจากนี้แล้ว
ทว่าเบื้องหน้าทางเข้ากลับเต็มไปด้วยทหารไร้สังกัด ซึ่งดูเหมือนพวกเขาจะไม่ยี่หระต่อเสียงระเบิดหรือความวุ่นวายรอบนอกเมืองและทำเพียงคุ้มกันจุดสำคัญเท่านั้น มันแน่นหนาเสียจนไม่มีช่องทางอื่นให้ลอบเข้าไปได้เลย
“พอจับตำแหน่งได้ไหม?” จิซากิเอ่ยพลางลอบมองศัตรูหลายคนข้างหน้า นาโอริจึงสูดหายใจลึกพลันเพ่งสมาธิให้นิ่ง พยายามจับสัมผัสคุ้นเคยของคู่หู
กลิ่นอายที่อ่อนโยนและน่าโหยหาของจูลิโอ้....
“ข้างล่าง...ลึกลงไปใต้ดินค่ะ”
ครั้นได้ฟังคำของเด็กสาว จิซากิเป็นต้องลูบคางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเขาจะเสนอให้นาโอริเป็นคนเข้าไปด้านในและตามหาดาบของตนเอง ส่วนเจ้าตัวจะดึงความสนใจทหารรับจ้างเหล่านี้แล้วจึงตามไปสมทบทีหลัง ทว่าสาวเจ้ากลับแย้งทันควัน เพราะด้วยจำนวนคนเท่านี้ไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะต้านคนเดียวไหว หนำซ้ำข้างในปราสาทก็อาจจะมีคนเฝ้าระวังเช่นกัน
“ให้ฉันช่วยเถอะค่ะ แล้วค่อยไปพร้อมกัน”
“ไม่ จะเสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้ พวกมันน่าจะรู้ตัวและกำลังพาองค์รัชทายาทหนีไปแน่ ๆ”
“แล้วคุณจะสู้ไหวได้ยังไง พวกมันมีตั้งเป็นสิบยี่สิบคน”
“เธอนั่นแหละ ไม่มีอาวุธแต่ยังอยากจะเสี่ยงอีก” นาโอริกลืนคำแย้งลงคอเพราะสิ่งที่เขาพูดนั้นคือความจริง
“ทีนี้ก็รีบไปได้แล้ว ไปทวงคู่หูของเธอกลับมา” ร่างสูงกำชับเสียงแข็งและเร่งเธอให้เตรียมตัวเมื่อเขาเริ่มแผน วินาทีสุดท้ายก่อนที่ชายหนุ่มจะเหนี่ยวไกหน้าไม้ นัยน์ตาสีหมอกเลือกจะเบนมองคนข้างกายเพื่อกล่าวทิ้งท้ายกับเธอ
“อย่าตายเสียก่อนล่ะ”
ฉึก...ฉึก...ฉึก
ศรเหล็กถูกปล่อยจากหน้าไม้เจาะกะโหลกหนาของทหารใต้ชุดคลุมสามคนอย่างแม่นยำ เรียกให้ศัตรูแตกรังได้สำเร็จ ชายหนุ่มกวาดยิงลูกธนูคมทะลวงจุดสำคัญจนคนร้ายทรุดตัวจมกองเลือดไปตาม ๆ กัน จะเหลือก็แต่พวกที่ใช้อาวุธระยะใกล้และกำลังวิ่งเข้าใส่เขา
พรึบ!
จิซากิสบโอกาสปาระเบิดควันฟุ้งกลบพื้นที่โดยรอบพลันหันขวับไปหานาโอริและตะโกนดังลั่น
“รีบไป!”
ร่างบางเคลื่อนตัวออกจากกำบังฝ่าควันขุ่นและวิ่งเลาะตามทางเดินไม้ยาว เธอเร่งดันประตูหนักจนเกิดเป็นเสียงครืดคราดดังสนั่น ทว่ายังไม่สู้เสียงร้องโอดครวญของศึกนองเลือดหน้าปราสาท ครั้นประตูแง้มเป็นช่องพอให้ลอดผ่านได้ สาวเจ้าพลันรีบแทรกตัวเข้าด้านในโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูจนสนิท กำแพงหนากั้นเสียงอึกทึกภายนอกทำให้เด็กสาวถูกบรรยากาศเงียบสงัดปกคลุมราวตัดขาดกับโลกภายนอก
“เอาล่ะ ต้องไปไหนต่อล่ะเนี่ย” นาโอริพยายามเพ่งมองทั่วห้องมืด เธอไม่กล้าจะขยับเขยื้อนไปไหนเพราะไม่มีคู่หูคอยเพิ่มประสาทรับรู้ให้จึงระแวงวิสัยทัศน์รอบด้านไปหมด แต่จะเสียเวลาอยู่ตรงนี้นานก็ไม่ได้สาวเจ้าจึงตัดสินใจจะคลำไปตามทางเรื่อย ๆ และต้องไม่ลืมเก็บเสียงให้ยิ่งกว่าความเงียบสงัดที่เป็นอยู่
นาโอริเดินคลำกำแพงไปจนกระทั่งถึงโถงทางเดินทอดยาว แม้มองไม่ชัดแต่ก็รู้ได้ว่าเส้นทางนั้นซับซ้อนเกินบรรยาย ทั้งยังบ่งบอกด้วยว่าปราสาทแห่งนี้กว้างใหญ่เพียงใด
“แย่ล่ะสิ ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนแล้ว” คิ้วเรียวขมวดเป็นปมพลางก้าวเท้าไปอย่างไร้จุดหมาย
“นาโอริ”
เสียงนุ่มดังกังวานในความคิด นัยน์ตาสีซากุระเบิกกว้างพลันหันมอง ณ สุดทางเดินยาวเหยียด สายตาจรดตรงพื้นไม้เรียบและเลือกจะก้มลงสัมผัสมัน
ครืด
วินาทีที่สัมผัส เบื้องหน้าดันเกิดเสียงอื้ออึงพร้อมกับแรงสั่นย่อม ๆ ตามด้วยรอยแยกจากแผ่นไม้กลายเป็นช่องทาง เผยให้เห็นบันไดที่นำไปสู่จุดที่ลึกกว่าเดิม หัวใจพลันเต้นระรัวราวกับเร่งให้ร่างกายรีบก้าวไปข้างใน นาโอริตัดสินใจจะสู้กับความมืดอีกคราและคลำทางลงตามบันไดชัน ท่ามกลางความเงียบฉี่และบรรยากาศอับชื้นชวนให้เย็นวาบ
“เจอประตูอีกแล้ว” เบื้องหน้าคือประตูใหญ่ถูกล็อกแน่นหนา แต่สาวเจ้ากลับไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของคู่หูจากอีกฟากหนึ่งของประตู กลับกันมันดันชี้ไปยังด้านหลังกำแพงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของประตูแทนเสียอย่างนั้น นาโอริพลันหลับตาเพ่งสมาธิให้แน่ใจ เพราะเริ่มกังวลว่าตัวเองจะเจอกับทางตันแล้วหรือเปล่า
“จูลิโอ้อยู่หลังกำแพงนี้ไปอีก....” เด็กสาวพึมพำขณะเผลอไผลเอื้อมมือผลักกำแพง ในทีแรกมันไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เลยยิ่งต้องออกแรงเพิ่มราวกำลังดันก้อนหินสักก้อน
พรึบ
ครั้นออกแรงมากไป นาโอริพลันเกือบล้มหน้าคะมำเพราะแผ่นไม้ที่ถูกเปิดออกคล้ายเส้นทางลับของนินจา ส่งร่างบางให้พุ่งเข้าไปด้านใน
“เดี๋ยวนะ มันไม่ใช่ตัวปราสาทแล้วนี่?” นัยน์ตาสีซากุระเบิกกว้างอย่างตกตะลึงเมื่อเจอกับทางเดินที่ยังคงทอดยาวเข้าไปลึกกว่าเก่า ซ้ำพื้นที่รอบตัวก็ต่างจากก่อนหน้านี้จากหน้ามือเป็นหลังมือ บัดนี้ทางเดินตรงหน้าไม่ได้สร้างจากวัสดุเก่าอย่างไม้แต่เป็นปูนกับเหล็กที่ทนทานกว่า ราวกับหลุดจากโลกโบราณสู่ความทันสมัยก็ไม่ผิด และที่เด่นชัดจนเตะจมูกเด็กสาวที่สุดก็คือ...
“กลิ่นยาฉุนชะมัด อย่างกับอยู่ในโรงพยาบาล”
กลิ่นอบอวลที่ชวนฝาดคอทำเอาสาวเจ้าต้องปิดจมูก นาโอริไม่ลืมที่จะปิดประตูกลับที่เดิมก่อนจะก้าวเท้าไปตามทางซึ่งมีแสงไฟสลัว ทันใดนั้นเธอเป็นต้องหยุดชะงักครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าจากตรงทางแยกข้างหน้า
ณ ที่นี้ เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว....
นาโอริพลันแนบตัวกับกำแพงพร้อมอาศัยเงามืดเพื่อหลบ เธอลอบมองทางเดินซับซ้อนข้างหน้าครั้นประตูหลายบานเรียงรายจนเดาไม่ถูก ที่น่ากลัวคือร่างของเหล่าคนใต้ชุดคลุมที่เดินผ่านกันไปมาราวตรวจตรา ยิ่งพาให้กดดันเป็นทวีคูณ
“คนเฝ้าเยอะพอ ๆ กับข้างนอกเลย...แปลว่าจูลิโอ้ต้องอยู่แถวนี้แหละ ดีไม่ดีโซว์ก็ด้วย”
“แต่ตอนนี้ต้องหาจูลิโอ้ให้เจอก่อน” ว่าจบนาโอริพลันชะเง้อมองลาดเลาและทางก็สะดวกในชั่ววินาที เธอรีบวิ่งออกไปกลางทางเดินแคบพร้อมตั้งใจจะสุ่มเลือกสักห้องหนึ่งเพื่อหลบภัย แต่แล้วจู่ ๆ หน้าอกก็ถูกบีบรัดหนักขึ้นบังคับให้หยุดก้าว นาโอริมั่นใจกว่าเดิมว่าคู่หูจะต้องอยู่ในห้องใดห้องหนึ่งเป็นแน่ ทว่า...
ตึก...ตึก...
โอกาสแสนสั้นได้หมดลง เมื่อเสียงฝีเท้าหนักดังมาจากฝั่งตรงข้ามตามด้วยเงาตะคุ่ม ไม่มีเวลาให้เด็กสาวได้คิดเจ้าตัวพลันตั้งท่าจะผลักประตูบานหนึ่งเข้าไปในห้อง แต่มันกลับล็อกไม่ยอมเปิดให้เข้าไปซ่อนตัว
“โธ่เอ๊ย เปิดสิ!” หัวใจวูบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เพราะเสียงเท้านั้นกำลังคืบคลานเข้ามา พาให้สติกระเจิงจนยากจะพินิจพิเคราะห์ว่าประตูบานไหนอีกที่จะเปิดได้
เธอกำลังจะโดนจับได้!
“ทางนี้”
นาโอริแทบจะลืมหายใจครั้นได้ยินเสียงเดิมกำลังเรียกเธอ สายลมที่ไม่ควรจะลอดผ่านช่องทางแคบพลันพัดโชยผ่านใบหน้าจนผิดปกติ เรียกให้ต้องหันมองบานประตูที่ถัดไปอีกสามบาน แววตากลมเบิกขึ้นและตระหนักว่าตนไม่มีเวลาจะลังเลแล้วจึงรีบพุ่งไปเปิดมันทันควัน ครานี้มันไม่ได้ล็อกไว้นาโอริเลยรอดไปอย่างหวุดหวิด ก่อนจะเงี่ยหูฟังกับกำแพงและได้ยินเสียงพึมพำอย่างนึกสงสัยทะลุเข้ามา สาวเจ้าเป็นต้องยกมือปิดปากแน่นเพราะกลัวเสียงหอบหายใจของตนไปดึงความสนใจคนขี้สงสัยเหล่านั้น
“เฮ้ย มีอะไรวะ?”
“เหมือนได้ยินเสียงกุกกักมาจากทางนั้น แต่มันมืดเลยมองไม่เห็น”
“เหอะ แกคงจะหลอนไปเองนั่นแหละ อยู่ในที่อุดอู้นี่นานไปล่ะมั้ง”
“คงงั้น”
นาโอริกลั้นใจรอจนกระทั่งไม่มีเสียงและการเคลื่อนไหวแล้วจึงค่อยเปิดปากมาถอนใจโล่งอก
“เฮ้อ เกือบไป”
“นาโอริ?” เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงพลันหันขวับ รอยยิ้มกว้างแทบจะถึงหูปรากฏก่อนจะเข้าไปคว้าดาบคาตานะสีน้ำเงินสวยมากอดแน่น แทบไม่สนว่าคมดาบน่ากลัวนั่นจะบาดหน้าหรือเปล่า
“เดี๋ยวก็โดนบาดหรอก”
“ฉันเป็นห่วงนายมากเลยนะจูลิโอ้! เป็นยังไงบ้าง พวกมันทำอะไรนายหรือเปล่า?”
“ไม่มีใครทำอะไรดาบหรอกน่า ฉันสิควรจะห่วงเธอ ทำไมมาอยู่ในถิ่นศัตรูแบบนี้”
“ไว้ค่อยว่ากันนะ เราต้องรีบไปช่วยโซว์ก่อน...นายรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน?” นาโอริเอ่ยขณะดูลาดเลาผ่านช่องประตู
“ไม่รู้ แต่ไม่อยู่ในเรือบินนี้แน่นอน เหมือนพวกมันจะพาเขาออกไปด้านนอก”
“นายแน่ใจเหรอ? แต่ข้างนอกมีคนเฝ้าเยอะจนน่าสงสัยมากเลยนะ”
“ฉันมั่นใจ เพราะสัมผัสถึงร่องรอยของเขาไม่ได้เลย”
ได้ยินเช่นนั้นนาโอริจึงตัดสินใจจะเชื่อคู่หูอย่างไม่มีข้อสงสัยและคิดจะไปตามหาโซอิจิโร่ในตัวปราสาทแทน แต่ก่อนอื่นต้องออกไปจากรังศัตรูให้ได้เสียก่อน
ร่างบางบรรจงแทรกตัวออกมาจากห้องพลางหันซ้ายหันขวาอีกครั้ง เมื่อไม่พบใครเลยเป็นโอกาสให้สาวเจ้าวิ่งเลาะทางเดินซับซ้อนกลับไปทางเดิมที่มา โชคดีของเธอที่จดจำทางคร่าว ๆ ไว้ ขากลับเลยสามารถไปได้รวดเร็วกว่าขามา ไม่นานเธอก็เริ่มเห็นแสงไฟสลัวที่ส่องต้นทางอยู่ แต่ก่อนจะได้วิ่งตรงไปถึงทางแยกใกล้กับโถงทางออก...
แอ๊ด
ร่างกายนั้นเย็นวาบเช่นเดียวกับชั่ววินาทีที่ลืมหายใจ บานประตูตรงหน้าดันเปิดออกตามด้วยร่างสูงในชุดคลุมผู้มีเรือนผมและนัยน์ตาสีซากุระคล้ายกับเธอ นาโอริเบิกตากว้างพลันเบรกตัวโก่งพร้อมกับที่เขาคนนั้นได้สบตากับเธอ
ปึง!
ชั่ววินาทีที่นาโอริตั้งท่าจะถอยหนี มือหนากลับพุ่งเข้าคว้าคอเธออย่างรวดเร็วและกดให้กระแทกกับผนัง แรงมหาศาลที่บีบต้นคอเหมือนหวังจะให้แหลกสลายจนสาวเจ้าต้องดีดดิ้นต้านมันสุดกำลัง ทว่าความเจ็บกะทันหันที่แผ่ซ่านไปทั้งแผ่นหลังกับอากาศที่เริ่มจะเหลือน้อยดันถ่วงสติสัมปชัญญะให้พร่าเลือน
“นาโอริ! แทงฉันไปที่แขนมันเร็ว!” ครั้นได้ยินเสียงกู่ร้อง มือเรียวพลันฮึดแรงขึ้นมาและทะลวงคมดาบทะลุแขนกำยำนั่นอย่างจัง ร่างสูงนั้นไม่ได้แสดงสีหน้าเจ็บปวดแต่กลับเบนมองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ปักอยู่ในแขนเขาด้วยสายตาสังเวช
“หึ นี่น่ะเหรอผู้ใช้คนใหม่ที่แกห่วงนักห่วงหนา”
“หุบปาก!”
ฉวับ!
วินาทีนั้นสายลมรอบตัวพลันโหมกระหน่ำรวมตัวกันที่คมดาบ มันพวยพุ่งเฉือนผ่านท่อนแขนซ้ายเร็วปานแสงจนอีกฝ่ายยังตั้งตัวไม่ทัน พริบตาเดียวแขนกำยำที่ไร้บาดแผลกลับเหวอะไปด้วยรอยบาก ผิวหนังล่อนหลุดเผยเห็นกล้ามเนื้อสีแดงสดที่ฉีกขาดชวนสยดสยองกับเลือดข้นทะลักเปรอะเปื้อนไปทั่ว มือหนาที่สูญเสียการควบคุมถูกบังคับให้ปล่อยร่างบางลงไปกองกับพื้นพร้อมกอบโกยอากาศ
นาโอริรีบใช้โอกาสนี้ตะเกียกตะกายให้ลุกหนีจากอันตราย แต่ไม่วายเห็นอีกฝ่ายตวัดสายตามายังตน พร้อมใช้มืออีกข้างควักอาวุธต้องห้ามออกมาและเหนี่ยวไกทันที
ปัง!
กระสุนเหล็กทะลวงผ่านเส้นผมยาวของนาโอริเพราะเธอหลบได้ทันท่วงที เธอวิ่งผ่านหัวโค้งพลันเห็นทางออกอยู่อีกไม่ไกล ทว่าทางที่อยู่ดันเป็นทางตรงทางเดียว จึงเปิดช่องให้ร่างสูงเล็งปืนพร้อมเดินตามเด็กสาวอย่างไม่รีบร้อน ก่อนที่ไกปืนจะถูกลั่นอีกครั้งและมีเป้าหมายคือกลางแผ่นหลังเล็กนั่น
“ระวัง!” จูลิโอ้ร้องลั่น จู่ ๆ กระแสลมกลับพัดวนรอบตัวนาโอริปัดป้องกระสุนแทนคู่หู ลมกรรโชกไม่วายโหมใส่ร่างสูง เขาพลันจำเป็นต้องยกมือมาป้องเอาไว้อย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะตระหนักถึงเรี่ยวแรงที่ลดฮวบครั้นอีกฝ่ายจงใจเฉือนผ่านข้อต่อที่ยึดร่างกายไว้ หวังจะหยุดการเคลื่อนไหวของเขา บัดนี้มือที่ถือปืนกลับไม่สามารถลั่นไกได้ แม้แต่ขาก็ขยับไปไหนไม่ได้เลยสร้างโอกาสหนีให้แก่นาโอริ
ร่างบางใช้ตัวกระแทกประตูให้เปิดและตั้งท่าจะวิ่งออกไป ทว่าสายตาดันเหลือบเห็นถังเหล็กขนาดใหญ่บวกกับกลิ่นหืนของน้ำมันที่เตะจมูก มันคงเป็นถังเชื้อเพลิงของเรือบินลำนี้ไม่ผิดแน่
“จูลิโอ้ ถ่วงเวลาให้อีกหน่อยนะ!”
ความคิดพิเรนทร์ก่อเกิดพาให้นาโอริใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์เจาะทะลุถังเหล็กเป็นรูเบ้อเริ่ม น้ำมันกลิ่นฉุนพลันทะลักนองพื้น พอดีกับที่เด็กสาวควักเอาลูกระเบิดจิ๋วที่รุ่นพี่ของเธอให้พกไว้ยามจำเป็นออกมา เธอกระโจนออกนอกประตูก่อนจะเขวี้ยงมันลงทะเลน้ำมัน
และวินาทีที่ชนวนที่ถูกจุดปะทะกับของเหลวนำไฟ...
ตูม!
แรงระเบิดสั่นสะเทือนทั้งแผ่นดิน ทำลายล้างทุกซอกมุมของเรือบินยักษ์ เจ้าของเรือนผมสีซากุระเบิกตากว้างพลันถูกไอร้อนจากแรงระเบิดกลืนกินเข้าไป มันรุนแรงทั้งด้านในและด้านนอกทำเอานาโอริที่หนีมาได้ก็ถูกคลื่นร้อนพัดจะกลิ้งหลายตลบ
“อูย...” ร่างบางพยุงตัวขึ้นและหันมองความวินาศเบื้องหลัง ทางเข้าหลังกำแพงนั้นถูกปิดตายจนกลับเข้าไปอีกไม่ได้แล้ว นาโอริจึงเหลือเพียงประตูไม้บานยักษ์ตรงหน้ากับบันไดเดิมที่พาขึ้นไปด้านบนเท่านั้น
แต่เธอจะไม่ออกจากปราสาทนี้เด็ดขาด จนกว่าจะเจอตัวเด็กหนุ่ม....
แอ๊ด
เธอออกแรงผลักประตูบานสุดท้ายให้เป็นออกและถูกต้อนรับด้วยห้องโถงกว้างจนใจหาย
ปัง!
นาโอริพลันซ่อนตัวหลังบานประตูครั้นได้ยินเสียงปืนก้องเต็มสองหูและไม่วายได้ยินเสียงของคนมาจากด้านใน สาวเจ้าแทบหน้าถอดสีเมื่อเห็นคนที่ต้องการจะตามหา เขาล้มลงนั่งกับพื้นฟางและถูกหญิงสาวผู้มีเรือนผมเช่นเดียวกับร่างสูงเมื่อครู่จ่อปืนใส่ เธอกำลังจะเหนี่ยวไกในอีกไม่กี่อึดใจ
“ไม่นะ...” น้ำเสียงเครือนั้นส่งไปไม่ถึง ทว่าหัวใจกับกู่ร้องชื่อของเขาสุดกำลัง
“โซว์!”
to be continue….
======================================
มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ
ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3
つづく、psrpowder