จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
***Trigger Warning : การทารุณ ทำร้ายร่างกายตัวเอง ความรุนแรง เลือด***
โปรดใช้วิารณญาณในการอ่าน
แสงไฟสลัวสาดรับรอยยิ้มเริงใจของเด็กสาวเรือนผมสีเปลือกไม้ มันแผ่กลิ่นอายอันตรายยากจะหยั่งถึงออกมาข่มขวัญร่างบางใต้ชุดคลุม ไม่เว้นแม้แต่องค์ชายหนุ่มที่เผลอหน้าซีดเผือดครั้นจ้องมองนาโอริ ความเย็นวูบวาบแทรกผ่านกายเพราะสัญชาตญาณรับรู้ว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเป็นอันขาด
“ก่อนหน้านี้...เธอเคยบอกว่าฉันกลัวที่จะตายใช่ไหม?” นาโอริเบนสายตาตายด้านหาศัตรูเบื้องหน้า
เคร้ง!
เพียงกะพริบตาดาบคาตานะสีน้ำเงินวาวพลันตวัดใส่อีกฝ่ายทันควัน แรงที่ถูกส่งผ่านคมเหล็กทำให้มือสองคู่สั่นระริกจากการต้านแรงไปมา บัดนี้ใบหน้าของนาโอริอยู่ใกล้กับเซระจนสามารถเห็นแววตาหวาดผวานั่นชัดเจน
“ตอนนี้มันกลับกันแล้วล่ะ”
“ห หุบปาก!” เซระร้องลั่นพร้อมฮึดแรงถีบภัยร้ายตรงหน้าให้ถอยห่างจากตน เธอเป็นต้องกัดฟันทนความเจ็บตรงท้องและวาดดาบไปที่ต้นคอนวล หวังจะปลิดชีพให้ได้โดยด่วนที่สุด ไม่เช่นนั้นเธอคงทนพิษบาดแผลไม่ไหวก่อนแน่
ความพยายามของเธอนั้นไม่ได้กระทบต่อนาโอริ สาวเจ้าเพียงแค่เงยหน้าขึ้นก็สามารถหลบได้ง่ายดาย ซ้ำยังแทงปลายดาบคมสวนกลับเฉือนผิวแก้มซีดของอีกฝ่ายเปิดทางให้เลือดอุ่นไหลเยิ้มจากแผล
“ฮ่า...ฮ่าๆๆ” นัยน์ตาสีซากุระจ้องมองของเหลวสดนั่นพลางกุมใบหน้าปกปิดรอยยิ้มที่ยากจะคุมให้สงบ จิตใจพร่ำร้องหาเลือดอุ่นให้ชโลมดาบในมือ
หากศัตรูตรงหน้าไม่สิ้นลมหายใจอารมณ์ปั่นป่วนในอกก็คงไม่ยอมหายไป...
เคร้ง!
คิดเช่นนั้นแล้วร่างบางก็พลันดีดตัวเข้าหาเหยื่ออีกครา มือเรียวฟาดดาบรุนแรงใส่ไม่ยั้งและบังคับให้คนอ่อนแอกว่าต้องตั้งรับอย่างยากลำบาก
“ไหนล่ะ...ปากที่บอกจะฆ่าฉันให้ตายน่ะ?” นาโอริเอ่ยเย้ยหยัน ทั้งที่ยังรัวดาบใส่อีกฝ่ายไม่ให้พักเหนื่อย
ครั้นจะปล่อยให้เด็กสาวข่มขวัญไปมากกว่านี้ไม่ได้ เซระพลันกัดฟันและแทงปลายแหลมตรงใส่หัวใจ แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดมันไม่พอจะพลิกกลับมาให้ได้เปรียบ เธอยังคงมีจุดบอดให้นาโอริปาดอาวุธเฉือนผ่านเนินอกเป็นทางยาวจนถึงไหล่ซ้าย หากหญิงสาวไม่รีบถอยห่างออกมาร่างกายคงแยกเป็นสองส่วนไปแล้ว
“อั๊ก!” บาดแผลรุนแรงดันสร้างโอกาสให้เด็กสาวเข้าประชิดตัวเธอ อาวุธกระหายเลือดเสียบทะลวงซ้ำจุดบอบช้ำเดิมตรงหน้าท้อง ครั้นยังทำเรื่องโหดร้ายอย่างการจับร่างอีกฝ่ายไม่ให้ดีดดิ้นหนีความทรมานและดันคมดาบเฉือนแผลให้แทบมิดด้าม ทำเอาเซระกรีดร้องออกมาทั้งน้ำตา แต่เสียงบาดหูนั่นกลับกลายเป็นเพลงแสนไพเราะให้จิตสำนึกในตัวนาโอริ หัวใจเต้นระรัวในอกราวกับว่ามันเริ่มแข็งแกร่งขึ้นและพร้อมจะกลืนกินความไร้เดียงสาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้หายไป
เธอกำลังจะตกเป็นของมันในไม่ช้า...
ตุบ
เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้เลือกจะดึงดาบออกจากร่างสะบักสะบอม ปล่อยเซระให้ล้มไปกองกับพื้น
“เหอะ สีหน้าไม่เลวเลยนี่” เสียงใสหลุดคำพูดที่ไม่เป็นตัวเองออกมา ดวงตามองต่ำใส่คนตรงหน้าพลางสังเกตลมหายใจที่เริ่มรวยริน ก่อนจะได้ยินคำพูดแสนแผ่วเบาตอบกลับมา
“แก...ไอ้ปีศาจฆ่าคน!”
“หึ อยากพูดก็พูดไป...”
ตึกตัก!
ครั้นแสงแห่งชีวิตจากคนบนพื้นใกล้ริบหรี่และจางลง นัยน์ตาสีซากุระเบิกกว้างเพราะถูกบางสิ่งที่แรงกล้ากว่าดึงดูดให้ชะงัก แววตากระหายเลือดตวัดมอง ณ เบื้องหน้าถัดจากร่างของเซระซึ่งเห็นโซอิจิโร่ที่อยู่ไกลออกไป เด็กหนุ่มเผลอสะอึกยามสัมผัสถึงภัยร้ายกะทันหัน
“ฮิบานะ...”
ร่างบางก้าวข้ามตัวหญิงสาวพร้อมเดินเข้าหาเป้าหมายใหม่ ดาบคาตานะในมือถูกกำแน่นก่อนจะเปลี่ยนเป็นวาดผ่าอากาศเมื่อปลายเท้าดีดพุ่งตัวโจมตี
“นาโอริ!? เธอเป็นอะไรไป!” เสียงนั้นราวส่งไปไม่ถึง นัยน์ตาสีนิลสะท้อนแววตาของนาโอริที่ไร้ซึ่งแสงหล่อเลี้ยงพลันตกผลึกว่าสาวเจ้ากำลังไม่เป็นตัวของตัวเอง
คมเหล็กฉวัดเฉวียนรวดเร็วต้อนให้โซอิจิโร่ต้องถอยหลบไปจนแทบจะติดกำแพงด้านหนึ่ง เขาตระหนักว่าอีกไม่นานตนก็จะเจอทางตันและต้องรีบทำอะไรสักอย่าง ทว่าตัวเขากลับไม่มีอาวุธที่จะโต้กลับหรือช่วยเหลืออีกฝ่ายได้เลย
ถ้าเช่นนั้นคงต้องยอมเสี่ยงสักหน่อย!
ฉึบ!
วินาทีหน้าสิ่วหน้าขวานที่ร่างเล็กถูกไล่จนชนกับกำแพง ปลายแหลมนั้นจ้วงแทงเข้าใส่อย่างรวดเร็ว ทว่าโซอิจิโร่กลับสามารถเอี้ยวตัวหลบได้ทันท่วงที ทำให้อาวุธอันตรายพลาดเป้าและเจาะเนื้อหินที่เบื้องหลังแทน เด็กหนุ่มจึงอาศัยจังหวะนั้นคว้าแขนทั้งสองข้างนั่นไว้ ทว่ามือข้างที่จับดาบกลับเหนี่ยวแน่นจนยากจะแกะออก
“ตั้งสติสินาโอริ! เรารู้ว่าเธอไม่ได้อยากทำแบบนี้!”
“ไม่! ยังไงก็จะเอาชีวิตแกให้ได้!” นาโอริแผดเสียงพลันใช้แรงมหาศาลกระชากแขนจากพันธนาการ ไม่วายง้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขึ้นสูงตั้งท่าจะบั่นคอคนตรงหน้าให้สิ้น
“นาโอริ”
จู่ ๆ เสียงหนึ่งคล้ายกับใครผู้นั้นในความฝันพลันดังก้องในหัว รั้งไม่ให้สาวเจ้าทำเรื่องที่อาจแก้ไขไม่ได้ลงไป หัวใจบีบรัดรุนแรงอีกคราทำเอามือที่กำด้ามดาบนั้นสั่นเทิ้มและแข็งทื่อราวถูกตรึงไว้ นัยน์ตาสีซากุระปิดแน่นรับความทรมานในอก เสียงนุ่มนวลยังคงกังวานไม่มีที่สิ้นสุดกำลังทำให้ร่างบางหนักอึ้ง
“อย่าทำแบบนี้เลยนะ...ตั้งสติสิ อย่าให้มันครอบงำ”
น้ำเสียงที่เคยมอบความสบายใจให้เด็กสาว บัดนี้กลับทรมานเธอจนอยากสลัดทิ้งราวกับบางอย่างในตัวกำลังต่อต้านมันอยู่ หยาดน้ำใสเอ่อล้นดวงตาคู่สวยเปรอะเปื้อนแก้มนวล ร่างบางทรุดตัวคุกเข่ากับพื้นทั้งที่ยังถูกโซอิจิโร่จับแขนเอาไว้
“นาโอริ!” เด็กหนุ่มร้องครั้นลงไปนั่งตามแรงดึงอีกฝ่าย ทว่าเสียงเรียกของเขานั้นส่งไม่ถึงจิตใจปั่นป่วน
เพราะในแววตาที่คลอหยาดน้ำใส ร่างขององค์ชายหนุ่มกลับถูกแทนที่ด้วยคนอื่น...
“นาโอริ มองฉันสิ”
ดุจคำสั่งเด็ดขาด นาโอริพลันเงยมองไปเบื้องหน้าและสบกับนัยน์ตาสีเดียวกันทว่าเปี่ยมไปด้วยความอารี เขาคือชายหนุ่มคนเดียวกันกับในห้วงฝันของเธอ
“คุณ...” นาโอริเอื้อนเอ่ยเสียงเครือ
ทันทีที่สบกับดวงตานั้นความร้อนพลันแผ่ซ่านทั่วร่างกาย ไม่มีทั้งความหนักอึ้งหรือทรมานราวกับคนตรงหน้าใช้สายตาของตนชำระล้างมลทินในตัวเธอจนหมดสิ้น และก็เป็นครั้งแรกที่ได้มองหน้าเขาชัดเจนเพียงนี้
“เธอต้องควบคุมมันให้ได้”
เขาเอ่ยพลางเอื้อมมือสัมผัสกับมือข้างที่ถือดาบของเด็กสาว ไออุ่นจากมือนั้นแทบจะเชื่อได้ว่าเป็นคนจริง ๆ มายืนตรงหน้า
แต่หารู้ไม่ว่าวินาทีเดียวกับที่ชายปริศนากำลังจะสัมผัสมือของนาโอริ...
“เจ้าเด็ก....ฮิบานะ!” โซอิจิโร่สะดุ้งพลันหันมองต้นตอของน้ำเสียงทรมาน มันมาจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือเด็กสาว ก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายเค้นคำพูดอีกครั้ง
“ดึง...ดาบออกจากมือ...นาโอริเดี๋ยวนี้!”
จังหวะนั้นเด็กหนุ่มไม่คิดจะตั้งคำถามให้เสียเวลาและเปลี่ยนมาคว้ามือเรียวทันควัน พาให้นาโอริรู้สึกถึงแรงจับตามด้วยแรงดึง
“ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่จำเอาไว้นะ...อย่าให้มัน...อย่าให้มุรามาสะควบคุมเธอได้”
ตึกตัก!
ว่าจบชายหนุ่มจึงกระชากดาบคาตานะสีน้ำเงินพร้อมกันกับโซอิจิโร่ที่นอกห้วงความคิด ครั้นอาวุธศักดิ์สิทธิ์หลุดพ้นจากมือร่างกายพลันกลับมาเบาหวิวคล้ายยกก้อนหินออกจากอก นาโอริสะดุ้งตัวหอบเฮือกหมดแรง ริมฝีปากพะงาบรับอากาศเท่าที่จะทำได้ ความปวดจากบาดแผลเริ่มกลับมาจนระบมทั่วตัวบ่งบอกว่าเธอหลุดพ้นจากอะไรบางอย่างแล้ว
“นี่...ฉัน...” ภาพเบื้องหน้ากลับมาชัดเจนอีกครั้ง เธอเป็นต้องหันรีหันขวางมองรอบด้าน ก่อนจะเห็นคู่หูอยู่ในมือใครบางคน บัดนี้ร่างของชายผู้นั้นไม่อยู่อีกแล้วและเหลือเพียงแต่เธอกับ...
“โซว์...” นาโอริพึมพำชื่อนั้นเบาหวิว สายตาทั้งสองประสานกันทำให้สาวเจ้าสังเกตท่าทีเหนื่อยและรอยยิ้มโล่งใจจากเขา
“เธอกลับมาแล้ว...”
คำถามใดก็ไม่สำคัญอีกต่อไป เมื่อนาโอริตระหนักว่าเด็กหนุ่มปลอดภัยอยู่ตรงหน้าเธอ สาวเจ้าพลันโผกอดคนตัวเล็กกว่าอย่างลืมตัว ทำเอาโซอิจิโร่ผงะจนเกิดเลือดฝาดที่แก้ม ไม่วายเผลอปล่อยดาบในมือร่วงสู่พื้นฟาง
“เรา...หายใจไม่ออก”
“ข ขอโทษนะโซว์ ฉันเผลอไป!” ครั้นได้ยินชื่อที่อีกฝ่ายเรียกเขา เด็กหนุ่มจึงหลุบตาต่ำอย่างรู้สึกผิด
“เธอรู้อยู่แล้วนี่เอง...”
“ไม่ใช่นะ ฉันเพิ่งจะมาเอะใจตอนที่พวกมันจะพาตัวนายไปนั่นแหละว่าองค์รัชทายาทก็คือโซว์…” นาโอริพลันส่ายหน้ารัว
“โซอิจิโร่” คิ้วเรียวเลิกสูงทันทีที่ได้ยินชื่อคุ้นเคย
มันคือชื่อของหนึ่งในองค์ชายฝาแฝดจากเนื้อหาสอบที่เด็กหนุ่มเคยทบทวนให้ เธอพลันสงสัยว่าเหตุใดเขาถึงเอ่ยมันเอาตอนนี้…
“ชื่อนั้นมันทำไมเหรอ?”
“เราชื่อ โซอิจิโร่”
“นายคือ…องค์ชายรอง?” นัยน์ตาสีซากุระเบิกขึ้นทันควันกับคำพูดนั้น ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารับ
“ใช่ ในเมื่อเธอจับได้เองแบบนี้ คงไม่มีประโยชน์ถ้าจะปิดต่อไปแล้วล่ะ อีกอย่างเราก็ไม่อยากโกหกเธอด้วย” โซอิจิโร่หัวเราะเบา ๆ พร้อมเงยหน้ามองนาโอริ ทำให้เธอสังเกตเห็นคราบเลือดเปรอะเปื้อนที่รอบดวงตาและใบหน้า วินาทีนั้นสาวเจ้าพลันถูกความห่วงใยปกคลุมและแทบจะโยนความสงสัยในตัวตนของเด็กหนุ่มทิ้งไปไกล
“นายถูกยิงนี่นา! โดนตรงไหนน่ะที่ตาเหรอ? แล้วทำไมมันถึง...” นาโอริกระวนกระวายขณะจับหน้าโซอิจิโร่หันไปมา แน่นอนว่าเขาก็ตกใจกับสภาพร่างกายตัวเองไม่ต่างกับสาวเจ้า ทว่าบัดนี้พวกเขายังไม่พ้นจุดอันตราย...
“ช่างมันก่อนเถอะ ขืนอยู่ที่นี่นานไม่ปลอดภัยแน่”
“นั่นสิ...ข้างนอกกำลังปะทะกันอยู่ ใช้โอกาสนี้ออกไปคงจะได้”
“ชินระเหรอ?” นาโอริพยักหน้าเป็นคำตอบ เมื่อเห็นเช่นนั้นเจ้าของเรือนผมสีดำขลับจึงได้แต่เลิกคิ้วสูง
“ถ้าชินระมาที่นี่ แล้วเธอมาได้ยังไง? พวกเขาไม่น่ายอมนี่นา”
“เอ่อ คือ...” คนโดนจับผิดหลบตาทันควันจนเด็กหนุ่มแทบไม่ต้องเค้นคำตอบออกมาด้วยซ้ำและแม้จะยังมีคำถามอีกมาก แต่คงต้องเก็บเอาไว้จนกว่าเรื่องวุ่นวายในค่ำคืนนี้จะจบลงเสียแล้ว
“เรารีบไปกันเถอะ” นาโอริเอ่ยพลางพยุงโซอิจิโร่ให้ยืนขึ้น ทว่าวินาทีนั้นสายตาดันมองผ่านไปด้านหลังของเด็กหนุ่ม หัวใจพลันวูบหล่นครั้นสังเกตเห็นร่างของคนที่ควรจะหมดลมหายใจไปแล้วกำลังจ่ออาวุธต้องห้ามมาทางพวกเธอ
“โซว์! ข้างหลัง!”
ปัง!
เสียงเหนี่ยวไกดังสนั่นทั่วโถงกว้างหยุดทุกสิ่งให้นิ่งงัน ร่างของคนสองคนถูกสลับที่ในชั่วพริบตาทำเอาโซอิจิโร่ตามสถานการณ์ไม่ทันไปครู่หนึ่ง กระทั่งนัยน์ตาสีนิลสะท้อนภาพของเหลวสีเข้มซึมผ่านเนินอกข้างซ้ายของเด็กสาว
“นาโอ..ริ”
“อ่อค..” ร่างบางกระอักเลือดคาวพลันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกลับด้าน แต่หารู้ไม่ว่าเป็นตัวเธอเองที่ทิ้งตัวลงสู่พื้นแข็ง
โซอิจิโร่พุ่งเข้ารับร่างตรงหน้าทันควันทำเอาทั้งสองทรุดตัวลงไปนั่ง ก่อนจะตระหนักถึงร่างสะบักสะบอมที่อยู่ไกลออกไป เป็นเซระที่ใช้แรงเฮือกสุดท้ายคว้ามันออกมาและตัดสินผลแพ้ชนะระหว่างเธอกับนาโอริ เด็กหนุ่มรีบใช้ตัวขวางวิถีกระสุนครั้นเห็นอีกฝ่ายกำลังจะเหนี่ยวไกอีกครั้ง
ฉึก
จู่ ๆ ก็มีปลายดาบคมเสียบทะลุต้นคอตัดลมหายใจร่างบนพื้นในทันที อาวุธเปื้อนเลือดถูกดึงออกและเก็บใส่ฝักที่ประทับตราดอกซากุระไว้ ปรากฏร่างเจ้าของเรือนผมสีขาวหิมะหอบหายใจถี่หลังจากวิ่งตามหาคนทั้งสองจนล้า ทว่าภาพเบื้องหน้ามันกลับหน่วงหัวใจของเขายิ่งกว่าสิ่งใด เมื่อรู้ว่าเขาไม่สามารถหยุดไกปืนนั่นได้ทันเวลา
“นาโอริ...” โซอิจิโร่ร้องเรียกเสียงเครือเช่นเดียวกับน้ำตาที่คลอ เขาโอบกอดเด็กสาวเบามือไม่สนใจเลือดที่จะเปื้อนเนื้อตัวของตนสักน้อย เพราะแววตาที่เริ่มหม่นลงกำลังทำให้เขากลัว
“ไม่นะ ทำใจดี ๆ เอาไว้สิ”
“ฉัน...ง่วงจังแหะ แถมชาไปทั้งตัวเลย”
“เราจะรีบพาเธอออกไป จะหลับไม่ได้เด็ดขาดนะ!” เด็กหนุ่มบีบมือที่เย็นเฉียบของอีกฝ่ายแน่นหวังให้เจ้าตัวคงสติไว้ให้นานที่สุด ทว่าลมหายใจของเธอกลับรวยรินไปทุกที
“ฝ่าบาท” จิซากิพลันย่อตัวลงตรงหน้าผู้สูงศักดิ์ ก่อนจะถูกเขาคว้าไหล่ข้างหนึ่งของตน
“ช่วยอุ้มเธอไปที เราจะปล่อยให้เธอตายไม่ได้ ต้องรีบส่งโรงพยาบาล...”
“โซว์...” เสียงแผ่วดึงความสนใจจากเจ้าของชื่อให้ก้มมองคนในอ้อมแขนพลันรู้สึกถึงแรงบีบมือตอบจากอีกฝ่าย
“ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?” น้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อนัยน์ตาสีนิลสะท้อนรอยยิ้มชัดเจนกว่าสิ่งใด หัวใจพลันวูบหล่นทันทีที่สัมผัสที่มือจางหายและแสงแห่งชีวิตในดวงตาเลือนหายไปโดยสมบูรณ์
“แบบนี้อีกแล้ว” โซอิจิโร่กัดฟันแน่น เนื้อตัวสั่นเทิ้มจากการสะอื้นละทิ้งภาพลักษณ์ขึงขังทั้งปวง เหลือเพียงความโศกเศร้าราวกับเด็กน้อย
“เป็นเพราะเรา ทุกคนถึงต้อง...”
“เป็นตามข้อมูลจริง ๆ สินะ ว่าเลือดแกมันพิเศษกว่าฮิบานะคนอื่น”
เสียงชวนกวนใจของหญิงสาวใต้ชุดคลุมดังก้องในความคิด พาให้โซอิจิโร่เบิกตากว้างพลันลอบมองฝ่ามือที่เปื้อนเลือดของตนเด็กหนุ่มขมวดคิ้วเป็นปมครั้นเกิดความคิดพิเรนทร์ที่อยากจะลอง เขากำมือแน่นราวตัดสินใจอะไรได้ก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าหน้าที่หน่วยเงาด้วยสายตาแน่วแน่
“ส่งมีดสั้นมาให้เรา”
“พ่ะย่ะค่ะ?”
“ส่งมาเถอะน่า” เขาไม่เปิดโอกาสให้จิซากิได้สงสัยไปมากกว่านี้
ครั้นถูกย้ำด้วยเสียงแข็งกร้าว ร่างสูงจึงยอมทำตามและมอบมีดสั้นให้แต่โดยดี ทว่าชั่ววูบหนึ่งเขากลับนึกเสียใจในการกระทำของตน เมื่อองค์ชายหนุ่มเริ่มใช้มีดนั่นเฉือนข้อมือตนเองและกรีดเป็นแผลยาว เปิดทางให้เลือดแดงสดทะลักจากรอยเหวอะ
“ทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ!?”
ไม่สนใจคำถามที่ได้ยิน ใบมีดคมยังคงแทงลึกตัดเส้นเลือดจนขาดสะบั้น จากความทรมานกลายเป็นด้านชาผสมปนเปกับความระบมแต่โซอิจิโร่ก็ได้แต่กัดปากสงบมันไว้ กระทั่งแผลนั้นลึกมากพอจนเขามั่นใจว่าต้องใช้เวลาสักนาทีหนึ่งหลอดเลือดถึงจะสมานกันดี
ริมฝีปากได้รูปประกบเข้ากับแผลและดูดเลือดข้นมาเก็บไว้ในปาก ครั้นได้ปริมาณที่พอใจเจ้าตัวจึงเบนสายตาไปยังร่างไร้วิญญาณของเด็กสาว นัยน์ตาสีนิลวูบไหวพลางภาวนาให้การตัดสินใจนี้ได้ผล โซอิจิโร่โน้มตัวใกล้ใบหน้าซีดเผือดพร้อมดันริมฝีปากบางให้เผยอขึ้นก่อนจะประกบเข้าด้วยกันอย่างแผ่วเบา เลือดอุ่นถูกถ่ายโอนจากเขาสู่นาโอริและใช้ปลายนิ้วเชยคางสาวเจ้าให้กลืนมันลงไป
“ถ้าเลือดของเรามันพิเศษจริง ๆ ก็ช่วยแสดงผลออกมาทีเถอะ...ขอร้องล่ะ” โซอิจิโร่ลูบไล้เรือนผมสีสวยพร้อมแนบหน้าผากกับอีกฝ่าย จดจ่อรอให้ปาฏิหาริย์แสนริบหรี่นั้นเกิดขึ้น
เพราะตอนนี้ปาฏิหาริย์คือสิ่งเดียวที่เขาพึ่งพาได้แล้ว...
ทว่าผิดกับจิซากิที่ไม่สามารถเข้าใจการกระทำขององค์ชายหนุ่มผู้นี้ได้แม้แต่นิดเดียว แต่นัยน์ตาสีนิลนั้นไม่ได้ส่อแววลังเลหรือไร้ซึ่งการไตร่ตรอง กลับกันมันคือการเตรียมใจที่ยิ่งใหญ่มากเพื่อจะช่วยชีวิตคนตรงหน้า ชายหนุ่มจึงได้แต่เฝ้ามองและรออยู่เคียงข้างเขาเท่านั้น
.
.
.
เวลาผ่านไปไม่รู้กี่นาที ความหวังนั้นยิ่งเลือนรางทุกที แต่ถึงอย่างนั้นโซอิจิโร่ก็ยังคงมอบเลือดให้กับเด็กสาวอยู่เรื่อย ๆ โดยไม่เกรงกลัวความร้ายแรงที่จะตามมาแม้จะเริ่มมีอาการหน้ามืดแล้วก็ตาม แต่เขาต้องการจะเห็นแสงจากนัยน์ตาสีซากุระอีกครั้ง ตัดใจตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
แต่ความเป็นจริงที่ว่าศัตรูยังเพ่นพ่านรอบตัวก็เป็นเรื่องที่โกหกไม่ได้ จนเจ้าของเรือนผมสีขาวหิมะต้องเอ่ยปากเตือน
“ฝ่าบาท พวกเราควรไปได้แล้วก่อนที่จะมีใครตามมาอีกนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอเวลาอีกสักหน่อยไม่ได้เหรอ?...”
“เห็นทีจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ โปรดเข้าพระทัยด้วย”
“แต่..”
“ทรงอย่าทำลายความตั้งใจที่ต้องแลกด้วยชีวิตของเธอคนนี้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ” นัยน์ตาสีนิลหรี่ลงอย่างเจ็บใจ พยายามบังคับร่างกายของตนให้วางร่างในอ้อมแขนลงเสียที แต่มันกลับแข็งทื่อไม่เชื่อฟัง จิซากิที่เห็นเช่นนั้นจึงอาสาอุ้มร่างบางไปด้วยกันเพื่อให้เขาคนนี้สบายใจ สุดท้ายองค์ชายหนุ่มจึงจำใจยอมพยักหน้า ก่อนจะปล่อยให้เจ้าหน้าที่หนุ่มรับช่วงต่อจากตน
“เฮือก!”
วินาทีที่จิซากิจะสัมผัสตัวนาโอริ ร่างตรงหน้าพลันสะดุ้งตื่นจากความตายมากอบโกยอากาศทำให้สองหนุ่มชะงัก ดวงตาสีซากุระถูกหล่อเลี้ยงด้วยแสงแห่งชีวิตอีกครา เธอเบนมองใบหน้าตกตะลึงแสนคุ้นเคยและวาดยิ้มให้เขา
“นาย...ร้องไห้ทำไม?” เด็กสาวเผลอไผลเอื้อมไปสัมผัสแก้มเปื้อนคราบน้ำตาของโซอิจิโร่ เขาจึงจับมันไว้แน่นพร้อมแย้มยิ้มตอบ
“เราไม่ได้ร้องไห้หรอก....เธออย่ากังวลไปเลย”
“จริงนะ?”
“อื้อ...เราไม่โกหกเธอหรอก”
“โล่งอก...ไปที” นาโอริเอ่ยแผ่วเบาก่อนจะปิดตาลงอีกครั้ง ครานี้เธอเพียงแค่หลับไปเท่านั้นและปล่อยให้คนที่โอบกอดเธออยู่กระชับอ้อมแขนเข้ากับตัวแน่น ดวงตาคมลอบมองจุดที่นาโอริถูกยิง บัดนี้รอยแผลกลับสมานเรียบทิ้งไว้เพียงคราบเลือดเช่นเดียวกับบาดแผลจากดาบคม ทุกอย่างมลายหายไปราวกับเป็นเรื่องโกหก
“เป็นไปได้ยังไง...” โซอิจิโร่ชะงักความโล่งใจครั้นตระหนักว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว และไม่วายตวัดสายตาคมกริบดุจใบมีดไปให้เจ้าหน้าที่หนุ่ม
“ถ้าคุณกล้าเอาเรื่องที่เกิดที่นี่ไปพูดลับหลังเรา...อย่าหวังว่าจะตายดี”
“กระหม่อมทราบดีพ่ะย่ะค่ะ ขอสาบานด้วยชีวิตว่าจะไม่แพร่งพรายสิ่งที่เห็นในวันนี้กับใคร” ชายหนุ่มเอ่ยพลางก้มโค้งนอบน้อม แววตาเหนือหน้ากากเหล็กช่างสงบนิ่งจนโซอิจิโร่อดแปลกใจไม่ได้ ทว่าเขากลับไม่รู้สึกถึงความหมายแฝงในคำสาบานเมื่อครู่เลยสักนิด จึงพอจะเดาได้ไม่ยาก...
“คุณเป็นคนในความดูแลของซาโตชิหรือเปล่า?”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ดี...งั้นเรื่องตัวตนของเราก็ไปถามซาโตชิเอาแล้วกัน เขาจะมีคำตอบให้คุณคลายสงสัยได้” ว่าจบเด็กหนุ่มจึงดันตัวลุกขึ้นทั้งที่อุ้มนาโอริอยู่ จิซากิพลันร้อนรนจะช่วยเหลือทว่าเจ้าตัวกลับปฏิเสธทันควัน เพราะต้องการให้ชายหนุ่มคอยคุ้มกันพวกเขาทั้งสองออกจากที่นี่มากกว่า
“เอ่อ ขอเสียมารยาทหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“หมายถึงอะไร...อุ๊บ” ร่างเล็กถูกคนตรงหน้ายกผ้าคลุมสีน้ำเงินมาคลุมตัวจนแทบจะปิดดวงตา ไม่พอยังถูกจับใส่หน้ากากเหล็กซึ่งจิซากิพกสำรองไว้บดบังใบหน้าด้วย
“กันไม่ให้เจ้าหน้าที่คนอื่นเห็นน่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอบคุณ”
ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ทั้งสองพลันออกจากโถงกว้างขึ้นไปตามบันไดและลัดเลาะช่องทางซับซ้อน จนในที่สุดก็สามารถออกมาด้านนอกปราสาทไม้สำเร็จ ซ้ำยังได้เห็นผลงานการต่อสู้ของเจ้าหน้าที่หนุ่มนอนเรียงรายเกลื่อน ทว่ายังคงไร้วี่แววของเจ้าหน้าที่ชินระคนอื่นประกอบกับเสียงโวยวายไม่สิ้นสุดตรงหน้าเมือง ทำให้รู้ว่าเรื่องราวในปราสาทนั้นเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
.
.
.
จิซากิตัดสินใจอ้อมไปยังหลังเมืองซึ่งไม่พบร่องรอยของทหารรับจ้างคนใด ส่วนหนึ่งคงต้องขอบคุณฝีมือใครคนหนึ่งที่เข้าไปป่วนเรือบินใต้ดินจนระเบิดทะลุพื้นดินออกมาภายนอก เลยทั้งตัดกำลังคนไปได้ส่วนหนึ่งแถมยังรู้ตำแหน่งซ่อนยานพาหนะของพวกมันด้วย
พวกเขาวิ่งเข้าบริเวณป่าทึบที่ล้อมด้วยภูเขาสูงบดบังแสงจันทรา จิซากิพลันเปิดการเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารข้างหูอีกครั้งหลังจากตัดขาดไป เมื่อตระหนักว่าห่างจากเขตศัตรูออกมาพอสมควร
“ซาโตชิซัง ได้ยินหรือเปล่าครับ?”
“จิซากินายอยู่ที่ไหน? อดทนรออีกหน่อยนะตอนนี้เรากำลังฝ่าเข้าไปใกล้แล้ว”
“ไม่จำเป็นแล้วล่ะครับ คุณสั่งให้ทุกคนถอยกลับได้ทันทีเลย”
“หมายความว่ายังไง เกิดอะไรขึ้นกับองค์รัชทายาทงั้นเหรอ!?” ซาโตชิโพล่งขึ้นจนเสียงทะลุมาถึงหูเด็กหนุ่ม
“ท่านปลอดภัยดี ผมกับเด็กคนนั้นเข้าไปช่วยไว้สำเร็จแล้วครับ”
“ว่าไงนะ!? ตอนนี้พวกนายอยู่ตรงไหน บอกพิกัดให้ที”
“อยู่ในป่าด้านหลังของเมืองครับ”
“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปรับ” ปลายสายตั้งท่าจะตัดการเชื่อมต่อ จิซากิจึงรีบเอ่ยแทรกทันควัน
“เดี๋ยวก่อนครับ!”
“มีอะไร?”
“คือว่า...องค์ชายทรงไม่พร้อมให้ใครมาเห็นสภาพตอนนี้น่ะครับ โดยเฉพาะสีผม” ซาโตชิเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะฮัมตอบรับคำของอีกฝ่าย
“รับทราบ เดี๋ยวฉันจะไปรับพวกนายเอง”
“รบกวนด้วยครับ”
จิซากิถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก่อนจะลอบมององค์ชายหนุ่มซึ่งจดจ่ออยู่กับคนในอ้อมแขนของตน เธอจมสู่ห้วงนิทราราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสาที่ทำเพียงเอนกายหลับรับไออุ่นจากคนอุ้ม ไม่รับรู้ความโหดร้ายของโลกภายนอก ช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วทั้งสบายใจและเหนื่อยใจในเวลาเดียวกันสำหรับจิซากิ ทว่าเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“เธอเป็นยังไงบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”
“แผลน่ะหายไปหมดแล้วแต่คงจะล้ามาก”
“ฝ่าบาทเองก็เหมือนกันนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกลัวท่านจะเป็นโลหิตจางเอา”
“เรารู้ตัวเองดี ตอนนี้มีแต่ห่วงนาโอริเท่านั้นแหละ”
“เธอปลอดภัยแล้ว...โชคดีจริง ๆ นะพ่ะย่ะค่ะที่ได้ฝ่าบาททรงช่วยไว้” โซอิจิโร่พลันส่ายหน้าให้กับคำของอีกฝ่าย
“ไม่หรอก มันเป็นการเดิมพันบ้าบิ่นของเราต่างหาก ถ้าเกิดไม่ได้ผลขึ้นมา...”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าทรงกังวลเลยพ่ะย่ะค่ะ” เด็กหนุ่มฮัมตอบพลางจ้องมองใบหน้าหลับปุ๋ยเงียบ ๆ เขาแนบแก้มนิ่มบนเรือนผมสีเปลือกไม้และถอนใจออกมา
“เพราะเธอบอกว่าจะออกจากที่นี่ไปด้วยกัน...”
“เราเลยต้องรักษาคำพูดนั้นไว้ให้ได้ไงล่ะ”
to be continue….
======================================
มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ
ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3
つづく、psrpowder