ดวงจิตที่ผนึกในดาบคือวิญญาณของนักดาบผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ดาบของเธอกลับต่างออกไป มันซ่อนความพิเศษบางอย่างที่นำพาโชคชะตาหวนคืนสู่เธออีกครั้ง...ขอบคุณที่ให้ฉันได้เคียงข้างเธอนะ คู่หู

7 Samurai - ตอนที่34 แลกด้วยชีวิต โดย psrpowder @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ซอฟท์ไซไฟ,พล็อตสร้างกระแส,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

7 Samurai

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ซอฟท์ไซไฟ,พล็อตสร้างกระแส,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี

รายละเอียด

7 Samurai โดย psrpowder  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดวงจิตที่ผนึกในดาบคือวิญญาณของนักดาบผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ดาบของเธอกลับต่างออกไป มันซ่อนความพิเศษบางอย่างที่นำพาโชคชะตาหวนคืนสู่เธออีกครั้ง...ขอบคุณที่ให้ฉันได้เคียงข้างเธอนะ คู่หู

ผู้แต่ง

psrpowder

เรื่องย่อ


นิยายเรื่องนี้จะอัพ ทุกวัน ศุกร์และเสาร์ เวลา 19.00 น. - 19.30 น. 


และอาทิตย์ เวลา 18.30 น.


จะพยายามลงให้ต่อเนื่องที่สุดเพื่อนักอ่านทุกท่านนะคะ :>


**เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่ Tiktok และ Bluesky จะอัพเดตเรื่อย ๆ ค่ะ**


ปุกาศ ๆ บัดนี้เรามี E-book แล้วนะจ๊ะ! 


ตอนนี้เล่ม 3 กำลังจัดโปรลด50% อยู่น้าา ตั้งแต่ 21 ม.ค. - 4 ก.พ. 68!!!!

ใครสนใจไปส่องกันได้เลยน้าา <3

*** ที่ : mebmarket ครับโผม! *** 



เนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกที่เขียนจริงจังของนักเขียนฝึกหัด (เพื่อต่อยอดความฝันอยากทำอาชีพนักเขียนค่ะ) ขอฝากนักอ่านใจดีทุกท่านติชม แนะนำให้ไรท์ฝึกหัดคนนี้ได้นำไปปรับใช้ในเรื่องต่อไปด้วยนะคะ จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็น้อมรับและปรับแก้ค่ะ

หรือถ้าไม่ชอบคอมเมนท์ก็กดใจให้กันได้นะคะ กำลังใจชั้นยอดของเราเลย


กราบขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ^^


================ เกริ่นแนวเรื่องกันซะหน่อย =================


เรื่อง 7Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ ฮ่า)


เป็นแนวแฟนตาซี ฟิลชีวิตประจำวันในประเทศญี่ปุ่นยุคอนาคตปี3000 แต่เพราะกฎการแบนอาวุธปืนเลยทำให้มีสไตล์การต่อสู้แบบโบราณผสมด้วย ฟิลใช้ดาบฟันกันชิ้งๆ ยิงธนูปิ้ว ๆ หรือแม้แต่วิชานินจาก็ยกมาหมดแผง(เท่าที่ไรท์คิดออกอ่ะนะ55)

ผสมความรักแบบวัยใสน่ารักของพระนางแบบมองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ! ปมดรามาความสัมพันธ์พวกเขามีประปรายให้ได้หมั่นไส้กัน ได้ลิ้มรสความหวานกันเต็มกระบุงแน่นอนค่ะ :)

แล้วก็แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจมาด้วยนะ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยดหลายรอบเลยค่ะ ;-;)


***คำเตือนเล็กน้อย…เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวและนักเขียนมีแพลนเขียนแบ่งเป็น2ซีซั่น 

ปัจจุบันซีซั่น1ใกล้จะจบแล้วค่ะ สามารถอ่านกันได้จุใจแน่นวลล***


.


.

ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ

เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา 


(สั้น ๆ คือ ฝากกดติดตามกันด้วยนะทุกคลล ฮืออ T T )



====== เรื่องย่อกันบ้างดีกว่า ======


***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***


แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง 


โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


==============================================


ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้ ทั้งสองต้องเริ่มชีวิตใหม่ในรั้วโรงเรียนไปด้วยกัน กระทั่งได้เจอเพื่อนร่วมห้องอย่าง โมโมเสะ ฮินาวะ เด็กหนุ่มรูปหล่อผู้มากความสามารถและเก่งกาจจนนาโอริอยากให้เขาช่วยสอนวิชาดาบให้ แต่เขากลับยื่นคำท้าต่อเธอให้เอาชนะเขาให้ได้ในงานประลองดาบ เด็กสาวจึงพยายามสุดความสามารถเพื่อชนะเขา  


เพราะการแข่งนั้นพวกนาโอริจึงถูกทาบทามให้เข้าร่วมสภานักเรียนหรือสภาเจ็ดซามูไรและได้ออกไปทำภารกิจเสี่ยงตายจนพบกับองค์ชายรัชทายาทอายุไล่เลี่ยกันที่ถูกกลุ่มทหารรับจ้างนิรนามหมายจะชิงตัวไป นาโอริเลยต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเขาให้ได้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง โดยไม่ทันรู้สึกตัวว่าวินาทีแรกที่สบตาเขาหัวใจก็ไม่อาจลบภาพรอยยิ้มสุดท้ายให้จางหายได้


ทางเลือกใหม่ที่เธอเลือกจึงลงเอยที่ตำแหน่ง 'องครักษ์' ของเด็กหนุ่มสูงศักดิ์ผู้นี้เพื่อให้ได้ปกป้องเขาได้ทุกวินาทีที่หายใจ….


===== สปอยหน้าตาพระนางสักเล็กน้อย =====


ชิสึจิ นาโอริ (น้อนนาโอะ) อายุ 16 ปี

เด็กสาวม.ปลายผู้ฝันอยากเป็นนักดาบเพราะเชื่อว่าความชอบนี้มาจากพ่อที่ไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อน เลยคิดว่าถ้าได้เดินทางเดียวกันก็จะได้เจอครอบครัวฝั่งพ่อของตัวเองก็เป็นได้ แต่ใครจะรู้…ว่าปัจจุบันเธอจะได้ความฝันใหม่อันยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมหน้าที่อันใหญ่ยิ่ง!!!


“ขอสาบานว่าจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนาย…จนกว่าจะตายจากกันไปข้าง!”


ฮิบานะ โซอิจิโร่ (น้อนโซว์) อายุ 15 ปี

เด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่มีความลับมากมายซ่อนไว้หลังหน้ากากอันเยาว์วัยกับ…สีผม?? เพราะเรื่องราวในอดีตที่ทำร้ายเขามานับไม่ถ้วนจึงหล่อหลอมตัวตนของเขาให้เป็นคนจริงจัง สุขุมและเก่งในด้านการต่อสู้(ปกป้องชีวิตตัวเอง) แต่ยามได้อยู่ต่อหน้านาโอริ ทุกบุคลิกก็ดูจะละลายหายไปจนเหลือแค่เด็กขี้อ้อนคนหนึ่ง…กับจุดประสงค์บางอย่างในหัวใจ


“แกจะเป็นด้ายแดงแห่งโชคชะตาให้พวกเราอีกได้ไหม…เหมือนที่เธอพูดครั้งนั้น”


.

.

.


“ใครอยากเริ่มต้นความเบียวไปกับไรท์ กดอ่านตอนแรกกันเล้ย!!!”




よろしく、psrpowder


สารบัญ

7 Samurai-ตอนที่1 การเริ่มต้นใหม่,7 Samurai-ตอนที่2 คู่หู,7 Samurai-ตอนที่3 เก่งกาจ,7 Samurai-ตอนที่4 ลังเล,7 Samurai-ตอนที่5 ทดสอบ,7 Samurai-ตอนที่6 สายสัมพันธ์ใหม่(1),7 Samurai-ตอนที่7 สายสัมพันธ์ใหม่(2),7 Samurai-ตอนที่8 สายสัมพันธ์ใหม่(3),7 Samurai-ตอนที่9 สายสัมพันธ์ใหม่(4),7 Samurai-ตอนที่10 ฝึกมือ,7 Samurai-ตอนที่11 เปิดเผย,7 Samurai-ตอนที่12 ถึงเทศกาลแล้ว!,7 Samurai-ตอนที่13 แข่งคู่ที่สอง,7 Samurai-ตอนที่14 ชิงชนะเลิศ,7 Samurai-ตอนที่15 เซอร์ไพรซ์ต้อนรับ!,7 Samurai-ตอนที่16 นัดที่ไม่ได้นัด(1),7 Samurai-ตอนที่17 นัดที่ไม่ได้นัด(2),7 Samurai-ตอนที่18 นัดที่ไม่ได้นัด(3),7 Samurai-ตอนที่19 ติวหนังสือให้ทีสิ,7 Samurai-ตอนที่20 คอร์สสอนเฉพาะกิจ,7 Samurai-ตอนที่21 ชั่วโมงประวัติศาสตร์,7 Samurai-ตอนที่22 วันสอบที่ผ่านไปด้วยดี,7 Samurai-ตอนที่23 ภารกิจพิเศษ(1),7 Samurai-ตอนที่24 ภารกิจพิเศษ(2),7 Samurai-ตอนที่25 ภารกิจพิเศษ(3),7 Samurai-ตอนที่26 ภารกิจพิเศษ(4),7 Samurai-ตอนที่27 ความล้มเหลวและหนทางแก้ไข,7 Samurai-ตอนที่28 ดุจกำลังใจ,7 Samurai-ตอนที่29 ข่าวร้ายกับแผนการตีกรอบ,7 Samurai-ตอนที่30 เริ่มแผน!,7 Samurai-ตอนที่31 ฝ่าฝืน,7 Samurai-ตอนที่32 ช่วยเหลือ,7 Samurai-ตอนที่33 จิตสังหาร,7 Samurai-ตอนที่34 แลกด้วยชีวิต,7 Samurai-ตอนที่35 คำโกหกเพื่อปลอบโยน,7 Samurai-ตอนที่36 เยี่ยมไข้,7 Samurai-ตอนที่37 เรื่องราวที่อยากเล่า,7 Samurai-ตอนที่38 ความตั้งใจอันแน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่39 ตามรอย,7 Samurai-ตอนที่40 เหตุร้ายที่เกิดไปพร้อมกัน,7 Samurai-ตอนที่41 แผลใจฝังลึก,7 Samurai-ตอนที่42 เรื่องด่วนและเรื่องร้าย,7 Samurai-ตอนที่43 ความคิดที่ไม่ได้บอก,7 Samurai-ตอนที่44 เชื่อใจ,7 Samurai-ตอนที่45 ข้ออ้างเพื่อตัวเอง,7 Samurai-ตอนที่46 แน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่47 ไม่อยากพลาดโอกาส,7 Samurai-ตอนที่48 จิตสำนึกต่อต้าน,7 Samurai-ตอนที่49 ไม่เข้ากัน,7 Samurai-ตอนที่50 ต้นตอของอาการ,7 Samurai-ตอนที่51 นึกสงสัย,7 Samurai-ตอนที่52 คัดเลือก,7 Samurai-ตอนที่53 กลับบ้าน,7 Samurai-ตอนที่54 โลกเสมือน,7 Samurai-ตอนที่55 ผู้ร่วมทาง,7 Samurai-ตอนที่56 ตามรังควาน,7 Samurai-ตอนที่57 ผู้ร่วมทางอีกคน,7 Samurai-ตอนที่58 เหนือธารร้อนระอุ,7 Samurai-ตอนที่59 ปล่อยไว้ไม่ได้,7 Samurai-ตอนที่60 อย่าได้เหลียวแล,7 Samurai-ตอนที่61 ปรับความเข้าใจ,7 Samurai-ตอนที่62 บอกความจริง,7 Samurai-ตอนที่63 ความรู้สึกของแม่,7 Samurai-ตอนที่64 อารมณ์อ่อนไหว,7 Samurai-ตอนที่65 ก้าวแรกสู่ทางใหม่

เนื้อหา

ตอนที่34 แลกด้วยชีวิต

***Trigger Warning : การทารุณ ทำร้ายร่างกายตัวเอง ความรุนแรง เลือด***
โปรดใช้วิารณญาณในการอ่าน



แสงไฟสลัวสาดรับรอยยิ้มเริงใจของเด็กสาวเรือนผมสีเปลือกไม้ มันแผ่กลิ่นอายอันตรายยากจะหยั่งถึงออกมาข่มขวัญร่างบางใต้ชุดคลุม ไม่เว้นแม้แต่องค์ชายหนุ่มที่เผลอหน้าซีดเผือดครั้นจ้องมองนาโอริ ความเย็นวูบวาบแทรกผ่านกายเพราะสัญชาตญาณรับรู้ว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเป็นอันขาด



“ก่อนหน้านี้...เธอเคยบอกว่าฉันกลัวที่จะตายใช่ไหม?” นาโอริเบนสายตาตายด้านหาศัตรูเบื้องหน้า



เคร้ง!

เพียงกะพริบตาดาบคาตานะสีน้ำเงินวาวพลันตวัดใส่อีกฝ่ายทันควัน แรงที่ถูกส่งผ่านคมเหล็กทำให้มือสองคู่สั่นระริกจากการต้านแรงไปมา บัดนี้ใบหน้าของนาโอริอยู่ใกล้กับเซระจนสามารถเห็นแววตาหวาดผวานั่นชัดเจน 

“ตอนนี้มันกลับกันแล้วล่ะ”

“ห หุบปาก!” เซระร้องลั่นพร้อมฮึดแรงถีบภัยร้ายตรงหน้าให้ถอยห่างจากตน เธอเป็นต้องกัดฟันทนความเจ็บตรงท้องและวาดดาบไปที่ต้นคอนวล หวังจะปลิดชีพให้ได้โดยด่วนที่สุด ไม่เช่นนั้นเธอคงทนพิษบาดแผลไม่ไหวก่อนแน่



ความพยายามของเธอนั้นไม่ได้กระทบต่อนาโอริ สาวเจ้าเพียงแค่เงยหน้าขึ้นก็สามารถหลบได้ง่ายดาย ซ้ำยังแทงปลายดาบคมสวนกลับเฉือนผิวแก้มซีดของอีกฝ่ายเปิดทางให้เลือดอุ่นไหลเยิ้มจากแผล

“ฮ่า...ฮ่าๆๆ” นัยน์ตาสีซากุระจ้องมองของเหลวสดนั่นพลางกุมใบหน้าปกปิดรอยยิ้มที่ยากจะคุมให้สงบ จิตใจพร่ำร้องหาเลือดอุ่นให้ชโลมดาบในมือ



หากศัตรูตรงหน้าไม่สิ้นลมหายใจอารมณ์ปั่นป่วนในอกก็คงไม่ยอมหายไป...





เคร้ง!

คิดเช่นนั้นแล้วร่างบางก็พลันดีดตัวเข้าหาเหยื่ออีกครา มือเรียวฟาดดาบรุนแรงใส่ไม่ยั้งและบังคับให้คนอ่อนแอกว่าต้องตั้งรับอย่างยากลำบาก 

“ไหนล่ะ...ปากที่บอกจะฆ่าฉันให้ตายน่ะ?” นาโอริเอ่ยเย้ยหยัน ทั้งที่ยังรัวดาบใส่อีกฝ่ายไม่ให้พักเหนื่อย



ครั้นจะปล่อยให้เด็กสาวข่มขวัญไปมากกว่านี้ไม่ได้ เซระพลันกัดฟันและแทงปลายแหลมตรงใส่หัวใจ แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดมันไม่พอจะพลิกกลับมาให้ได้เปรียบ เธอยังคงมีจุดบอดให้นาโอริปาดอาวุธเฉือนผ่านเนินอกเป็นทางยาวจนถึงไหล่ซ้าย หากหญิงสาวไม่รีบถอยห่างออกมาร่างกายคงแยกเป็นสองส่วนไปแล้ว

“อั๊ก!” บาดแผลรุนแรงดันสร้างโอกาสให้เด็กสาวเข้าประชิดตัวเธอ อาวุธกระหายเลือดเสียบทะลวงซ้ำจุดบอบช้ำเดิมตรงหน้าท้อง ครั้นยังทำเรื่องโหดร้ายอย่างการจับร่างอีกฝ่ายไม่ให้ดีดดิ้นหนีความทรมานและดันคมดาบเฉือนแผลให้แทบมิดด้าม ทำเอาเซระกรีดร้องออกมาทั้งน้ำตา แต่เสียงบาดหูนั่นกลับกลายเป็นเพลงแสนไพเราะให้จิตสำนึกในตัวนาโอริ หัวใจเต้นระรัวในอกราวกับว่ามันเริ่มแข็งแกร่งขึ้นและพร้อมจะกลืนกินความไร้เดียงสาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้หายไป



เธอกำลังจะตกเป็นของมันในไม่ช้า...



ตุบ

 เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้เลือกจะดึงดาบออกจากร่างสะบักสะบอม ปล่อยเซระให้ล้มไปกองกับพื้น

“เหอะ สีหน้าไม่เลวเลยนี่” เสียงใสหลุดคำพูดที่ไม่เป็นตัวเองออกมา ดวงตามองต่ำใส่คนตรงหน้าพลางสังเกตลมหายใจที่เริ่มรวยริน ก่อนจะได้ยินคำพูดแสนแผ่วเบาตอบกลับมา

“แก...ไอ้ปีศาจฆ่าคน!”

“หึ อยากพูดก็พูดไป...”



ตึกตัก!

ครั้นแสงแห่งชีวิตจากคนบนพื้นใกล้ริบหรี่และจางลง นัยน์ตาสีซากุระเบิกกว้างเพราะถูกบางสิ่งที่แรงกล้ากว่าดึงดูดให้ชะงัก แววตากระหายเลือดตวัดมอง ณ เบื้องหน้าถัดจากร่างของเซระซึ่งเห็นโซอิจิโร่ที่อยู่ไกลออกไป เด็กหนุ่มเผลอสะอึกยามสัมผัสถึงภัยร้ายกะทันหัน

“ฮิบานะ...”

ร่างบางก้าวข้ามตัวหญิงสาวพร้อมเดินเข้าหาเป้าหมายใหม่ ดาบคาตานะในมือถูกกำแน่นก่อนจะเปลี่ยนเป็นวาดผ่าอากาศเมื่อปลายเท้าดีดพุ่งตัวโจมตี

“นาโอริ!? เธอเป็นอะไรไป!” เสียงนั้นราวส่งไปไม่ถึง นัยน์ตาสีนิลสะท้อนแววตาของนาโอริที่ไร้ซึ่งแสงหล่อเลี้ยงพลันตกผลึกว่าสาวเจ้ากำลังไม่เป็นตัวของตัวเอง

คมเหล็กฉวัดเฉวียนรวดเร็วต้อนให้โซอิจิโร่ต้องถอยหลบไปจนแทบจะติดกำแพงด้านหนึ่ง เขาตระหนักว่าอีกไม่นานตนก็จะเจอทางตันและต้องรีบทำอะไรสักอย่าง ทว่าตัวเขากลับไม่มีอาวุธที่จะโต้กลับหรือช่วยเหลืออีกฝ่ายได้เลย



ถ้าเช่นนั้นคงต้องยอมเสี่ยงสักหน่อย!



ฉึบ!

วินาทีหน้าสิ่วหน้าขวานที่ร่างเล็กถูกไล่จนชนกับกำแพง ปลายแหลมนั้นจ้วงแทงเข้าใส่อย่างรวดเร็ว ทว่าโซอิจิโร่กลับสามารถเอี้ยวตัวหลบได้ทันท่วงที ทำให้อาวุธอันตรายพลาดเป้าและเจาะเนื้อหินที่เบื้องหลังแทน เด็กหนุ่มจึงอาศัยจังหวะนั้นคว้าแขนทั้งสองข้างนั่นไว้ ทว่ามือข้างที่จับดาบกลับเหนี่ยวแน่นจนยากจะแกะออก

“ตั้งสติสินาโอริ! เรารู้ว่าเธอไม่ได้อยากทำแบบนี้!”

“ไม่! ยังไงก็จะเอาชีวิตแกให้ได้!” นาโอริแผดเสียงพลันใช้แรงมหาศาลกระชากแขนจากพันธนาการ ไม่วายง้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขึ้นสูงตั้งท่าจะบั่นคอคนตรงหน้าให้สิ้น 



“นาโอริ”



จู่ ๆ เสียงหนึ่งคล้ายกับใครผู้นั้นในความฝันพลันดังก้องในหัว รั้งไม่ให้สาวเจ้าทำเรื่องที่อาจแก้ไขไม่ได้ลงไป หัวใจบีบรัดรุนแรงอีกคราทำเอามือที่กำด้ามดาบนั้นสั่นเทิ้มและแข็งทื่อราวถูกตรึงไว้ นัยน์ตาสีซากุระปิดแน่นรับความทรมานในอก เสียงนุ่มนวลยังคงกังวานไม่มีที่สิ้นสุดกำลังทำให้ร่างบางหนักอึ้ง



“อย่าทำแบบนี้เลยนะ...ตั้งสติสิ อย่าให้มันครอบงำ”



น้ำเสียงที่เคยมอบความสบายใจให้เด็กสาว บัดนี้กลับทรมานเธอจนอยากสลัดทิ้งราวกับบางอย่างในตัวกำลังต่อต้านมันอยู่ หยาดน้ำใสเอ่อล้นดวงตาคู่สวยเปรอะเปื้อนแก้มนวล ร่างบางทรุดตัวคุกเข่ากับพื้นทั้งที่ยังถูกโซอิจิโร่จับแขนเอาไว้

“นาโอริ!” เด็กหนุ่มร้องครั้นลงไปนั่งตามแรงดึงอีกฝ่าย ทว่าเสียงเรียกของเขานั้นส่งไม่ถึงจิตใจปั่นป่วน



เพราะในแววตาที่คลอหยาดน้ำใส ร่างขององค์ชายหนุ่มกลับถูกแทนที่ด้วยคนอื่น...



“นาโอริ มองฉันสิ” 



ดุจคำสั่งเด็ดขาด นาโอริพลันเงยมองไปเบื้องหน้าและสบกับนัยน์ตาสีเดียวกันทว่าเปี่ยมไปด้วยความอารี เขาคือชายหนุ่มคนเดียวกันกับในห้วงฝันของเธอ

“คุณ...” นาโอริเอื้อนเอ่ยเสียงเครือ 

ทันทีที่สบกับดวงตานั้นความร้อนพลันแผ่ซ่านทั่วร่างกาย ไม่มีทั้งความหนักอึ้งหรือทรมานราวกับคนตรงหน้าใช้สายตาของตนชำระล้างมลทินในตัวเธอจนหมดสิ้น และก็เป็นครั้งแรกที่ได้มองหน้าเขาชัดเจนเพียงนี้



“เธอต้องควบคุมมันให้ได้”



เขาเอ่ยพลางเอื้อมมือสัมผัสกับมือข้างที่ถือดาบของเด็กสาว ไออุ่นจากมือนั้นแทบจะเชื่อได้ว่าเป็นคนจริง ๆ มายืนตรงหน้า 



แต่หารู้ไม่ว่าวินาทีเดียวกับที่ชายปริศนากำลังจะสัมผัสมือของนาโอริ...



“เจ้าเด็ก....ฮิบานะ!” โซอิจิโร่สะดุ้งพลันหันมองต้นตอของน้ำเสียงทรมาน มันมาจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือเด็กสาว ก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายเค้นคำพูดอีกครั้ง

“ดึง...ดาบออกจากมือ...นาโอริเดี๋ยวนี้!” 

จังหวะนั้นเด็กหนุ่มไม่คิดจะตั้งคำถามให้เสียเวลาและเปลี่ยนมาคว้ามือเรียวทันควัน พาให้นาโอริรู้สึกถึงแรงจับตามด้วยแรงดึง



“ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่จำเอาไว้นะ...อย่าให้มัน...อย่าให้มุรามาสะควบคุมเธอได้”



ตึกตัก!

ว่าจบชายหนุ่มจึงกระชากดาบคาตานะสีน้ำเงินพร้อมกันกับโซอิจิโร่ที่นอกห้วงความคิด ครั้นอาวุธศักดิ์สิทธิ์หลุดพ้นจากมือร่างกายพลันกลับมาเบาหวิวคล้ายยกก้อนหินออกจากอก นาโอริสะดุ้งตัวหอบเฮือกหมดแรง ริมฝีปากพะงาบรับอากาศเท่าที่จะทำได้ ความปวดจากบาดแผลเริ่มกลับมาจนระบมทั่วตัวบ่งบอกว่าเธอหลุดพ้นจากอะไรบางอย่างแล้ว 

“นี่...ฉัน...” ภาพเบื้องหน้ากลับมาชัดเจนอีกครั้ง เธอเป็นต้องหันรีหันขวางมองรอบด้าน ก่อนจะเห็นคู่หูอยู่ในมือใครบางคน บัดนี้ร่างของชายผู้นั้นไม่อยู่อีกแล้วและเหลือเพียงแต่เธอกับ...

“โซว์...” นาโอริพึมพำชื่อนั้นเบาหวิว สายตาทั้งสองประสานกันทำให้สาวเจ้าสังเกตท่าทีเหนื่อยและรอยยิ้มโล่งใจจากเขา

“เธอกลับมาแล้ว...”

คำถามใดก็ไม่สำคัญอีกต่อไป เมื่อนาโอริตระหนักว่าเด็กหนุ่มปลอดภัยอยู่ตรงหน้าเธอ สาวเจ้าพลันโผกอดคนตัวเล็กกว่าอย่างลืมตัว ทำเอาโซอิจิโร่ผงะจนเกิดเลือดฝาดที่แก้ม ไม่วายเผลอปล่อยดาบในมือร่วงสู่พื้นฟาง

“เรา...หายใจไม่ออก”

“ข ขอโทษนะโซว์ ฉันเผลอไป!” ครั้นได้ยินชื่อที่อีกฝ่ายเรียกเขา เด็กหนุ่มจึงหลุบตาต่ำอย่างรู้สึกผิด 

“เธอรู้อยู่แล้วนี่เอง...”

“ไม่ใช่นะ ฉันเพิ่งจะมาเอะใจตอนที่พวกมันจะพาตัวนายไปนั่นแหละว่าองค์รัชทายาทก็คือโซว์…” นาโอริพลันส่ายหน้ารัว

“โซอิจิโร่” คิ้วเรียวเลิกสูงทันทีที่ได้ยินชื่อคุ้นเคย 



มันคือชื่อของหนึ่งในองค์ชายฝาแฝดจากเนื้อหาสอบที่เด็กหนุ่มเคยทบทวนให้ เธอพลันสงสัยว่าเหตุใดเขาถึงเอ่ยมันเอาตอนนี้…

“ชื่อนั้นมันทำไมเหรอ?”

“เราชื่อ โซอิจิโร่” 

“นายคือ…องค์ชายรอง?” นัยน์ตาสีซากุระเบิกขึ้นทันควันกับคำพูดนั้น ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารับ

“ใช่ ในเมื่อเธอจับได้เองแบบนี้ คงไม่มีประโยชน์ถ้าจะปิดต่อไปแล้วล่ะ อีกอย่างเราก็ไม่อยากโกหกเธอด้วย” โซอิจิโร่หัวเราะเบา ๆ พร้อมเงยหน้ามองนาโอริ ทำให้เธอสังเกตเห็นคราบเลือดเปรอะเปื้อนที่รอบดวงตาและใบหน้า วินาทีนั้นสาวเจ้าพลันถูกความห่วงใยปกคลุมและแทบจะโยนความสงสัยในตัวตนของเด็กหนุ่มทิ้งไปไกล

“นายถูกยิงนี่นา! โดนตรงไหนน่ะที่ตาเหรอ? แล้วทำไมมันถึง...” นาโอริกระวนกระวายขณะจับหน้าโซอิจิโร่หันไปมา แน่นอนว่าเขาก็ตกใจกับสภาพร่างกายตัวเองไม่ต่างกับสาวเจ้า ทว่าบัดนี้พวกเขายังไม่พ้นจุดอันตราย...

“ช่างมันก่อนเถอะ ขืนอยู่ที่นี่นานไม่ปลอดภัยแน่”

“นั่นสิ...ข้างนอกกำลังปะทะกันอยู่ ใช้โอกาสนี้ออกไปคงจะได้”

“ชินระเหรอ?” นาโอริพยักหน้าเป็นคำตอบ เมื่อเห็นเช่นนั้นเจ้าของเรือนผมสีดำขลับจึงได้แต่เลิกคิ้วสูง

“ถ้าชินระมาที่นี่ แล้วเธอมาได้ยังไง? พวกเขาไม่น่ายอมนี่นา”

“เอ่อ คือ...” คนโดนจับผิดหลบตาทันควันจนเด็กหนุ่มแทบไม่ต้องเค้นคำตอบออกมาด้วยซ้ำและแม้จะยังมีคำถามอีกมาก แต่คงต้องเก็บเอาไว้จนกว่าเรื่องวุ่นวายในค่ำคืนนี้จะจบลงเสียแล้ว 

“เรารีบไปกันเถอะ” นาโอริเอ่ยพลางพยุงโซอิจิโร่ให้ยืนขึ้น ทว่าวินาทีนั้นสายตาดันมองผ่านไปด้านหลังของเด็กหนุ่ม หัวใจพลันวูบหล่นครั้นสังเกตเห็นร่างของคนที่ควรจะหมดลมหายใจไปแล้วกำลังจ่ออาวุธต้องห้ามมาทางพวกเธอ

“โซว์! ข้างหลัง!”

            

ปัง!

เสียงเหนี่ยวไกดังสนั่นทั่วโถงกว้างหยุดทุกสิ่งให้นิ่งงัน ร่างของคนสองคนถูกสลับที่ในชั่วพริบตาทำเอาโซอิจิโร่ตามสถานการณ์ไม่ทันไปครู่หนึ่ง กระทั่งนัยน์ตาสีนิลสะท้อนภาพของเหลวสีเข้มซึมผ่านเนินอกข้างซ้ายของเด็กสาว 

“นาโอ..ริ”

“อ่อค..” ร่างบางกระอักเลือดคาวพลันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกลับด้าน แต่หารู้ไม่ว่าเป็นตัวเธอเองที่ทิ้งตัวลงสู่พื้นแข็ง

โซอิจิโร่พุ่งเข้ารับร่างตรงหน้าทันควันทำเอาทั้งสองทรุดตัวลงไปนั่ง ก่อนจะตระหนักถึงร่างสะบักสะบอมที่อยู่ไกลออกไป เป็นเซระที่ใช้แรงเฮือกสุดท้ายคว้ามันออกมาและตัดสินผลแพ้ชนะระหว่างเธอกับนาโอริ เด็กหนุ่มรีบใช้ตัวขวางวิถีกระสุนครั้นเห็นอีกฝ่ายกำลังจะเหนี่ยวไกอีกครั้ง



ฉึก

จู่ ๆ ก็มีปลายดาบคมเสียบทะลุต้นคอตัดลมหายใจร่างบนพื้นในทันที อาวุธเปื้อนเลือดถูกดึงออกและเก็บใส่ฝักที่ประทับตราดอกซากุระไว้ ปรากฏร่างเจ้าของเรือนผมสีขาวหิมะหอบหายใจถี่หลังจากวิ่งตามหาคนทั้งสองจนล้า ทว่าภาพเบื้องหน้ามันกลับหน่วงหัวใจของเขายิ่งกว่าสิ่งใด เมื่อรู้ว่าเขาไม่สามารถหยุดไกปืนนั่นได้ทันเวลา         

“นาโอริ...” โซอิจิโร่ร้องเรียกเสียงเครือเช่นเดียวกับน้ำตาที่คลอ เขาโอบกอดเด็กสาวเบามือไม่สนใจเลือดที่จะเปื้อนเนื้อตัวของตนสักน้อย เพราะแววตาที่เริ่มหม่นลงกำลังทำให้เขากลัว

“ไม่นะ ทำใจดี ๆ เอาไว้สิ”

“ฉัน...ง่วงจังแหะ แถมชาไปทั้งตัวเลย”

“เราจะรีบพาเธอออกไป จะหลับไม่ได้เด็ดขาดนะ!” เด็กหนุ่มบีบมือที่เย็นเฉียบของอีกฝ่ายแน่นหวังให้เจ้าตัวคงสติไว้ให้นานที่สุด ทว่าลมหายใจของเธอกลับรวยรินไปทุกที



“ฝ่าบาท” จิซากิพลันย่อตัวลงตรงหน้าผู้สูงศักดิ์ ก่อนจะถูกเขาคว้าไหล่ข้างหนึ่งของตน

“ช่วยอุ้มเธอไปที เราจะปล่อยให้เธอตายไม่ได้ ต้องรีบส่งโรงพยาบาล...”

“โซว์...” เสียงแผ่วดึงความสนใจจากเจ้าของชื่อให้ก้มมองคนในอ้อมแขนพลันรู้สึกถึงแรงบีบมือตอบจากอีกฝ่าย

“ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?” น้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อนัยน์ตาสีนิลสะท้อนรอยยิ้มชัดเจนกว่าสิ่งใด หัวใจพลันวูบหล่นทันทีที่สัมผัสที่มือจางหายและแสงแห่งชีวิตในดวงตาเลือนหายไปโดยสมบูรณ์

“แบบนี้อีกแล้ว” โซอิจิโร่กัดฟันแน่น เนื้อตัวสั่นเทิ้มจากการสะอื้นละทิ้งภาพลักษณ์ขึงขังทั้งปวง เหลือเพียงความโศกเศร้าราวกับเด็กน้อย

“เป็นเพราะเรา ทุกคนถึงต้อง...” 



“เป็นตามข้อมูลจริง ๆ สินะ ว่าเลือดแกมันพิเศษกว่าฮิบานะคนอื่น”



เสียงชวนกวนใจของหญิงสาวใต้ชุดคลุมดังก้องในความคิด พาให้โซอิจิโร่เบิกตากว้างพลันลอบมองฝ่ามือที่เปื้อนเลือดของตนเด็กหนุ่มขมวดคิ้วเป็นปมครั้นเกิดความคิดพิเรนทร์ที่อยากจะลอง เขากำมือแน่นราวตัดสินใจอะไรได้ก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าหน้าที่หน่วยเงาด้วยสายตาแน่วแน่

“ส่งมีดสั้นมาให้เรา”

“พ่ะย่ะค่ะ?”

“ส่งมาเถอะน่า” เขาไม่เปิดโอกาสให้จิซากิได้สงสัยไปมากกว่านี้ 

ครั้นถูกย้ำด้วยเสียงแข็งกร้าว ร่างสูงจึงยอมทำตามและมอบมีดสั้นให้แต่โดยดี ทว่าชั่ววูบหนึ่งเขากลับนึกเสียใจในการกระทำของตน เมื่อองค์ชายหนุ่มเริ่มใช้มีดนั่นเฉือนข้อมือตนเองและกรีดเป็นแผลยาว เปิดทางให้เลือดแดงสดทะลักจากรอยเหวอะ 

“ทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ!?”



ไม่สนใจคำถามที่ได้ยิน ใบมีดคมยังคงแทงลึกตัดเส้นเลือดจนขาดสะบั้น จากความทรมานกลายเป็นด้านชาผสมปนเปกับความระบมแต่โซอิจิโร่ก็ได้แต่กัดปากสงบมันไว้ กระทั่งแผลนั้นลึกมากพอจนเขามั่นใจว่าต้องใช้เวลาสักนาทีหนึ่งหลอดเลือดถึงจะสมานกันดี

ริมฝีปากได้รูปประกบเข้ากับแผลและดูดเลือดข้นมาเก็บไว้ในปาก ครั้นได้ปริมาณที่พอใจเจ้าตัวจึงเบนสายตาไปยังร่างไร้วิญญาณของเด็กสาว นัยน์ตาสีนิลวูบไหวพลางภาวนาให้การตัดสินใจนี้ได้ผล โซอิจิโร่โน้มตัวใกล้ใบหน้าซีดเผือดพร้อมดันริมฝีปากบางให้เผยอขึ้นก่อนจะประกบเข้าด้วยกันอย่างแผ่วเบา เลือดอุ่นถูกถ่ายโอนจากเขาสู่นาโอริและใช้ปลายนิ้วเชยคางสาวเจ้าให้กลืนมันลงไป

“ถ้าเลือดของเรามันพิเศษจริง ๆ ก็ช่วยแสดงผลออกมาทีเถอะ...ขอร้องล่ะ” โซอิจิโร่ลูบไล้เรือนผมสีสวยพร้อมแนบหน้าผากกับอีกฝ่าย จดจ่อรอให้ปาฏิหาริย์แสนริบหรี่นั้นเกิดขึ้น



เพราะตอนนี้ปาฏิหาริย์คือสิ่งเดียวที่เขาพึ่งพาได้แล้ว...



ทว่าผิดกับจิซากิที่ไม่สามารถเข้าใจการกระทำขององค์ชายหนุ่มผู้นี้ได้แม้แต่นิดเดียว แต่นัยน์ตาสีนิลนั้นไม่ได้ส่อแววลังเลหรือไร้ซึ่งการไตร่ตรอง กลับกันมันคือการเตรียมใจที่ยิ่งใหญ่มากเพื่อจะช่วยชีวิตคนตรงหน้า ชายหนุ่มจึงได้แต่เฝ้ามองและรออยู่เคียงข้างเขาเท่านั้น

.

.

.

เวลาผ่านไปไม่รู้กี่นาที ความหวังนั้นยิ่งเลือนรางทุกที แต่ถึงอย่างนั้นโซอิจิโร่ก็ยังคงมอบเลือดให้กับเด็กสาวอยู่เรื่อย ๆ โดยไม่เกรงกลัวความร้ายแรงที่จะตามมาแม้จะเริ่มมีอาการหน้ามืดแล้วก็ตาม แต่เขาต้องการจะเห็นแสงจากนัยน์ตาสีซากุระอีกครั้ง ตัดใจตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด 



แต่ความเป็นจริงที่ว่าศัตรูยังเพ่นพ่านรอบตัวก็เป็นเรื่องที่โกหกไม่ได้ จนเจ้าของเรือนผมสีขาวหิมะต้องเอ่ยปากเตือน

“ฝ่าบาท พวกเราควรไปได้แล้วก่อนที่จะมีใครตามมาอีกนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอเวลาอีกสักหน่อยไม่ได้เหรอ?...”

“เห็นทีจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ โปรดเข้าพระทัยด้วย”

“แต่..”

“ทรงอย่าทำลายความตั้งใจที่ต้องแลกด้วยชีวิตของเธอคนนี้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ” นัยน์ตาสีนิลหรี่ลงอย่างเจ็บใจ พยายามบังคับร่างกายของตนให้วางร่างในอ้อมแขนลงเสียที แต่มันกลับแข็งทื่อไม่เชื่อฟัง จิซากิที่เห็นเช่นนั้นจึงอาสาอุ้มร่างบางไปด้วยกันเพื่อให้เขาคนนี้สบายใจ สุดท้ายองค์ชายหนุ่มจึงจำใจยอมพยักหน้า ก่อนจะปล่อยให้เจ้าหน้าที่หนุ่มรับช่วงต่อจากตน



“เฮือก!” 

วินาทีที่จิซากิจะสัมผัสตัวนาโอริ ร่างตรงหน้าพลันสะดุ้งตื่นจากความตายมากอบโกยอากาศทำให้สองหนุ่มชะงัก ดวงตาสีซากุระถูกหล่อเลี้ยงด้วยแสงแห่งชีวิตอีกครา เธอเบนมองใบหน้าตกตะลึงแสนคุ้นเคยและวาดยิ้มให้เขา

“นาย...ร้องไห้ทำไม?” เด็กสาวเผลอไผลเอื้อมไปสัมผัสแก้มเปื้อนคราบน้ำตาของโซอิจิโร่ เขาจึงจับมันไว้แน่นพร้อมแย้มยิ้มตอบ

“เราไม่ได้ร้องไห้หรอก....เธออย่ากังวลไปเลย”

“จริงนะ?”

“อื้อ...เราไม่โกหกเธอหรอก”

“โล่งอก...ไปที” นาโอริเอ่ยแผ่วเบาก่อนจะปิดตาลงอีกครั้ง ครานี้เธอเพียงแค่หลับไปเท่านั้นและปล่อยให้คนที่โอบกอดเธออยู่กระชับอ้อมแขนเข้ากับตัวแน่น ดวงตาคมลอบมองจุดที่นาโอริถูกยิง บัดนี้รอยแผลกลับสมานเรียบทิ้งไว้เพียงคราบเลือดเช่นเดียวกับบาดแผลจากดาบคม ทุกอย่างมลายหายไปราวกับเป็นเรื่องโกหก



“เป็นไปได้ยังไง...” โซอิจิโร่ชะงักความโล่งใจครั้นตระหนักว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว และไม่วายตวัดสายตาคมกริบดุจใบมีดไปให้เจ้าหน้าที่หนุ่ม

“ถ้าคุณกล้าเอาเรื่องที่เกิดที่นี่ไปพูดลับหลังเรา...อย่าหวังว่าจะตายดี”

“กระหม่อมทราบดีพ่ะย่ะค่ะ ขอสาบานด้วยชีวิตว่าจะไม่แพร่งพรายสิ่งที่เห็นในวันนี้กับใคร” ชายหนุ่มเอ่ยพลางก้มโค้งนอบน้อม แววตาเหนือหน้ากากเหล็กช่างสงบนิ่งจนโซอิจิโร่อดแปลกใจไม่ได้ ทว่าเขากลับไม่รู้สึกถึงความหมายแฝงในคำสาบานเมื่อครู่เลยสักนิด จึงพอจะเดาได้ไม่ยาก...

“คุณเป็นคนในความดูแลของซาโตชิหรือเปล่า?”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ดี...งั้นเรื่องตัวตนของเราก็ไปถามซาโตชิเอาแล้วกัน เขาจะมีคำตอบให้คุณคลายสงสัยได้” ว่าจบเด็กหนุ่มจึงดันตัวลุกขึ้นทั้งที่อุ้มนาโอริอยู่ จิซากิพลันร้อนรนจะช่วยเหลือทว่าเจ้าตัวกลับปฏิเสธทันควัน เพราะต้องการให้ชายหนุ่มคอยคุ้มกันพวกเขาทั้งสองออกจากที่นี่มากกว่า

“เอ่อ ขอเสียมารยาทหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”

“หมายถึงอะไร...อุ๊บ” ร่างเล็กถูกคนตรงหน้ายกผ้าคลุมสีน้ำเงินมาคลุมตัวจนแทบจะปิดดวงตา ไม่พอยังถูกจับใส่หน้ากากเหล็กซึ่งจิซากิพกสำรองไว้บดบังใบหน้าด้วย

“กันไม่ให้เจ้าหน้าที่คนอื่นเห็นน่ะพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอบคุณ”



ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ทั้งสองพลันออกจากโถงกว้างขึ้นไปตามบันไดและลัดเลาะช่องทางซับซ้อน จนในที่สุดก็สามารถออกมาด้านนอกปราสาทไม้สำเร็จ ซ้ำยังได้เห็นผลงานการต่อสู้ของเจ้าหน้าที่หนุ่มนอนเรียงรายเกลื่อน ทว่ายังคงไร้วี่แววของเจ้าหน้าที่ชินระคนอื่นประกอบกับเสียงโวยวายไม่สิ้นสุดตรงหน้าเมือง ทำให้รู้ว่าเรื่องราวในปราสาทนั้นเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง 

.

.

.

จิซากิตัดสินใจอ้อมไปยังหลังเมืองซึ่งไม่พบร่องรอยของทหารรับจ้างคนใด ส่วนหนึ่งคงต้องขอบคุณฝีมือใครคนหนึ่งที่เข้าไปป่วนเรือบินใต้ดินจนระเบิดทะลุพื้นดินออกมาภายนอก เลยทั้งตัดกำลังคนไปได้ส่วนหนึ่งแถมยังรู้ตำแหน่งซ่อนยานพาหนะของพวกมันด้วย 





พวกเขาวิ่งเข้าบริเวณป่าทึบที่ล้อมด้วยภูเขาสูงบดบังแสงจันทรา จิซากิพลันเปิดการเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารข้างหูอีกครั้งหลังจากตัดขาดไป เมื่อตระหนักว่าห่างจากเขตศัตรูออกมาพอสมควร

“ซาโตชิซัง ได้ยินหรือเปล่าครับ?”

“จิซากินายอยู่ที่ไหน? อดทนรออีกหน่อยนะตอนนี้เรากำลังฝ่าเข้าไปใกล้แล้ว”

“ไม่จำเป็นแล้วล่ะครับ คุณสั่งให้ทุกคนถอยกลับได้ทันทีเลย”

“หมายความว่ายังไง เกิดอะไรขึ้นกับองค์รัชทายาทงั้นเหรอ!?” ซาโตชิโพล่งขึ้นจนเสียงทะลุมาถึงหูเด็กหนุ่ม

“ท่านปลอดภัยดี ผมกับเด็กคนนั้นเข้าไปช่วยไว้สำเร็จแล้วครับ”

“ว่าไงนะ!? ตอนนี้พวกนายอยู่ตรงไหน บอกพิกัดให้ที”

“อยู่ในป่าด้านหลังของเมืองครับ”

“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปรับ” ปลายสายตั้งท่าจะตัดการเชื่อมต่อ จิซากิจึงรีบเอ่ยแทรกทันควัน

“เดี๋ยวก่อนครับ!”

“มีอะไร?”

“คือว่า...องค์ชายทรงไม่พร้อมให้ใครมาเห็นสภาพตอนนี้น่ะครับ โดยเฉพาะสีผม” ซาโตชิเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะฮัมตอบรับคำของอีกฝ่าย            

“รับทราบ เดี๋ยวฉันจะไปรับพวกนายเอง”

“รบกวนด้วยครับ”

จิซากิถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก่อนจะลอบมององค์ชายหนุ่มซึ่งจดจ่ออยู่กับคนในอ้อมแขนของตน เธอจมสู่ห้วงนิทราราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสาที่ทำเพียงเอนกายหลับรับไออุ่นจากคนอุ้ม ไม่รับรู้ความโหดร้ายของโลกภายนอก ช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วทั้งสบายใจและเหนื่อยใจในเวลาเดียวกันสำหรับจิซากิ ทว่าเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้

“เธอเป็นยังไงบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”

“แผลน่ะหายไปหมดแล้วแต่คงจะล้ามาก”

“ฝ่าบาทเองก็เหมือนกันนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกลัวท่านจะเป็นโลหิตจางเอา”

“เรารู้ตัวเองดี ตอนนี้มีแต่ห่วงนาโอริเท่านั้นแหละ”

“เธอปลอดภัยแล้ว...โชคดีจริง ๆ นะพ่ะย่ะค่ะที่ได้ฝ่าบาททรงช่วยไว้” โซอิจิโร่พลันส่ายหน้าให้กับคำของอีกฝ่าย

“ไม่หรอก มันเป็นการเดิมพันบ้าบิ่นของเราต่างหาก ถ้าเกิดไม่ได้ผลขึ้นมา...”

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าทรงกังวลเลยพ่ะย่ะค่ะ” เด็กหนุ่มฮัมตอบพลางจ้องมองใบหน้าหลับปุ๋ยเงียบ ๆ เขาแนบแก้มนิ่มบนเรือนผมสีเปลือกไม้และถอนใจออกมา

“เพราะเธอบอกว่าจะออกจากที่นี่ไปด้วยกัน...”



“เราเลยต้องรักษาคำพูดนั้นไว้ให้ได้ไงล่ะ”



to be continue….

======================================

มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ

ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3



つづく、psrpowder