จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
“เธอมีพี่ชายด้วยเหรอ!?”
“ใช่จ้ะ เขาชื่อพี่อากิน่ะ”
นาโอริเบิกตาเป็นประกายอย่างกับเด็กที่ได้รู้เรื่องสุดยอดของเพื่อนตัวเองยังไงอย่างงั้น และนั่นทำให้ซากิอดแย้มยิ้มกับท่าทีน่ารักนั้นไม่ได้ ก่อนจะเริ่มเล่าให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าพี่ชายของเธอมีชื่อว่า โฮชิ อากิ ซึ่งอายุห่างกับเธอราวสามปี เขาเองก็มีเรือนผมและนัยน์ตาสีเงินวาวเช่นน้องสาว
ซากิกล่าวว่าเขาเป็นพี่ชายที่อ่อนโยนหาใครเทียบได้ หนำซ้ำยังคอยปกป้องเธอเมื่อถูกรังแกอีกต่างหาก ครั้งหนึ่งเด็กสาวผมสั้นเคยติดเขาแจเสียจนตัวเองยังนึกเขินอายพอโตขึ้น
“น่ารักจังเลย ฉันเริ่มอิจฉาทั้งเธอทั้งโมโมเสะแล้วสิ”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”
“ก็ฉันเป็นลูกคนเดียวอยู่กับแม่สองคน บางทีก็อยากมีพี่น้องกับเขาบ้างคงครึกครื้นน่าดู”
“อาจจะจริง...แต่เป็นลูกคนเดียวก็มีข้อดีนะ”
“มันเหงาอ่ะ” นาโอริเบ้ปากพลันกอดอกหลวม ๆ ก่อนจะหันมองใบหน้าน่ารักของเพื่อนสาวพลางจินตนาการภาพพี่ชายของอีกฝ่ายจากสิ่งที่เจ้าตัวเล่าและอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“พี่ของเธอหน้าเหมือนเธอหรือเปล่า?”
“เอ๊ะ ม ไม่มั่นใจเหมือนกัน” นาโอริถึงกับเลิกคิ้วสูง อีกฝ่ายซึ่งเห็นสีหน้าฉงนนั้นจึงยกยิ้มน้อย ๆ ทว่าคิ้วเรียวกลับย่นเข้าหากัน
“ฉันไม่ได้เจอเขามานานแล้วน่ะ”
“อืม...ถ้าเขาแก่กว่าสามปีแสดงว่าต้องอยู่มหาลัยฯ ไม่ก็ทำงานแล้วหรือว่าอยู่ต่างประเทศ?” เด็กสาวเอียงคอสงสัยแต่สิ่งที่สะท้อนในแววตากลมของเพื่อนกลับทำให้เธอต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอแทบจะทันที
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉัน เคย มีพี่ชายน่ะ” ซากิจ้องมองคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
“หรือว่า...” นัยน์ตาสีซากุระเบิกกว้าง ริมฝีปากเผยอขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“เขาเสียไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้วล่ะจ้ะ”
“ซากิ ฉันขอโทษ” นาโอริพลันดันตัวลุกจากหมอนนุ่มพลันเขยิบเข้าใกล้เพื่อนสาว มือเรียวกอบกุมมือของอีกฝ่ายไว้และบีบแน่นด้วยความรู้สึกผิดเต็มอก ทว่าคนถูกขอโทษก็ส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมวาดยิ้มให้อีกครั้ง
“เอาอีกแล้ว นาโอะจังนี่ชอบขอโทษไปก่อนตลอดเลย”
“ฉันไม่น่าอยากรู้เลย เธอไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องนี้...”
“ฉันอยากเล่าเอง นาโอะจังไม่ผิดหรอกนะ อีกอย่างมันผ่านมานานมากแล้ว ได้พูดถึงพี่เขาก็คลายความคิดถึงได้บ้างเหมือนกัน”
“เธอจะเล่าต่อจริง ๆ เหรอ?” ซากิพยักหน้าเป็นคำตอบและไม่รีรอที่จะเล่าให้เพื่อนสาวฟังว่าอากินั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่ที่พวกเธอน่าจะอายุราวหกปีเห็นจะได้ ในทีแรกนาโอริคิดว่าเขาจากไปเพราะโรคร้ายแต่กลับกลายเป็นเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ครั้งใหญ่ ณ ตอนนั้นต่างหากที่พรากพี่ชายของซากิไป
“เขาโดนรถชนงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก แต่ฉันจำได้ราง ๆ ว่าเป็นรถหล่นลงมาจากฟ้าน่ะ” ดวงตาสีเงินวาวหรี่ลงพลางเรียบเรียงเหตุการณ์สะเทือนใจนั่น นาโอริไม่อาจเข้าใจได้ทั้งที่มันเป็นเหมือนมีดคมแทงจิตใจของอีกฝ่ายแต่ทำไมถึงต้องพยายามเค้นมันออกมาเพื่อเล่าให้เธอฟังด้วย สาวเจ้าจดจ้องใบหน้าครุ่นคิดของซากิไม่วางตาจนกระทั่งเจ้าตัวขมวดคิ้วเรียวให้เห็นอีกครา
“พอมานึกอีกที....ไม่แน่เรื่องครั้งนั้นอาจเป็นต้นเหตุให้โมโมเสะคุงกลายเป็นแบบนี้ก็ได้...”
“เอ๊ะ หมอนั่นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยเหรอ?” นาโอริโพล่งออกไปโดยไม่รู้ตัวจนต้องรีบปิดปากแน่นเมื่อตระหนักว่าดันยุ่งเรื่องชาวบ้านมากเกินไปเสียแล้ว
“ใช่จ้ะ แต่ก่อนพวกเราสนิทกันมาก ตัวเขาเองก็ร่าเริงกว่าตอนนี้เยอะคงเป็นเพราะเขายังไม่ปล่อยวางจากเรื่องของพี่อากิก็เลย....อุ๊บ”
“พอแล้ว ๆ อย่าพูดออกมาด้วยสีหน้าทรมานแบบนั้นสิ ฉันรับไม่ไหวหรอก!”
“แต่ฉันยังเล่าไม่จบ...”
“ถ้านึกถึงมันแล้วรู้สึกไม่ดีก็อย่าฝืนเลยนะซากิ ฉันไม่อยากเห็นเธอเศร้านะ!”
“โธ่ มันผ่านมาตั้งสิบปี ฉันทำใจได้แล้วล่ะนาโอะจัง ไม่งั้นจะกล้าเล่าให้ฟังได้ยังไง?” ซากิวาดยิ้มอ่อนโยนให้ทว่าอีกฝ่ายกลับขมวดคิ้วแทบเป็นปมพลันคว้าไหล่บางของเพื่อนสาวและเขย่าเบา ๆ
“ก ก็เธอยังทำหน้าเหมือนเศร้าเวลาเล่าเรื่องของพี่ชายอยู่เลยนี่นา!”
“อืม...มันคงเป็นความคิดถึงน่ะ แต่ฉันไม่ได้เสียใจหรือดิ่งตอนที่พูดถึงพี่อากิเลยนะ กลับดีใจเสียด้วยซ้ำที่ได้ฝากความทรงจำเกี่ยวกับพี่ให้คงอยู่ไปนาน ๆ” เจ้าของเรือนผมสีเงินวาวเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงมือนาโอริมากุมไว้พร้อมสบกับนัยน์ตาสีซากุระ
“แต่นาโอะจังรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงอยากเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง?”
“ไม่รู้...” เด็กสาวส่ายหน้า
“เพราะนาโอะจังเป็นเพื่อน...ที่ฉันอยากรักษาเอาไว้มากที่สุดไงล่ะ” นาโอริเลิกคิ้วสูงพลันจ้องใบหน้าเรียบสงบของเพื่อนไม่วางและปล่อยให้ซากิเล่าความในใจต่อไป
“อย่างที่บอกว่าเมื่อก่อนฉันน่ะติดพี่อากิแจ พวกเราไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด นั่นเป็นเพราะเขาคือที่พึ่งเดียวของฉันเวลาต้องเผชิญกับสังคมภายนอก พี่มักจะปกป้องให้กำลังใจและอยู่ข้างฉันเสมอ เขาเป็นทั้งต้นแบบ ทั้งแสงสว่างในชีวิตเลยล่ะ”
ความในใจที่เธอคงไม่กล้าเล่า หากตรงหน้าไม่ใช่นาโอริ....
“แต่หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ตัวฉันที่ยืนอยู่หน้าหลุมศพของพี่รู้สึกเหมือนไม่เคยมีชีวิต ไม่เคยมีความสุขมาก่อน มันว่างเปล่ามาก ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อกับแม่ฉันคงกลับมาปกติไม่ได้เหมือนทุกวันนี้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันในตอนนี้ก็ไม่ใช่เด็กคนเดิมกับเมื่อสิบปีก่อนอีกแล้ว เป็นแค่เปลือกนอกที่สร้างมาปกป้องตัวเองต่างหาก” นัยน์ตาสีเงินพลันหมองลงจนตกใจ
นาโอริที่เห็นเกิดหวาดกลัวว่าคนตรงหน้าจะเปลี่ยนไปหากได้เผยความรู้สึกออกมาจนหมด ทว่าสาวเจ้ากลับไม่กล้าจะขัดอีกฝ่ายและเลือกที่จะมองดูเพื่อนสาวของเธอในตอนนี้อย่างเงียบ ๆ
“กลายเป็น ซากิ เด็กเรียบร้อยอ่อนน้อมและหัวอ่อน ไม่พูดไม่จา มีความเป็นกุลสตรีตามใจผู้ใหญ่ทุกอย่าง ฉันไม่เคยชอบมันเลยแต่เพราะไม่มีพี่ให้เป็นแบบอย่างอีกแล้วฉันจึงไม่สนอีกต่อไปว่าตัวเองต้องการอะไร ขอแค่ไม่ทำให้คนอื่นผิดหวังก็พอ” ซากิหลุบตาต่ำทั้งที่ยังขยับปากเล่าต่อ...
“ตั้งแต่เข้าเรียนประถม ฉันพยายามเข้าหาเด็กคนอื่นด้วยนิสัยที่เป็นอยู่หลายครั้ง พวกเขาก็ดีตอบในช่วงแรก ๆ ฉันเลยเผลอคิดไปว่าจะได้คนที่รู้ใจและเปิดรับตัวฉันจริง ๆ ได้ในสักวัน แต่พอนานเข้าก็ได้รู้ว่าในสายตาคนพวกนั้นฉันก็แค่คนหัวอ่อน คล้อยตามง่ายจะหลอกหรือแกล้งยังไงก็ได้”
ภาพในความทรงจำพลันย้อนคืนเมื่อครั้งหนึ่งเด็กสาวไม่สามารถทนถูกเอาเปรียบได้อีกต่อไป เธอเผลอใช้แรงที่มีมากเกินไปของตนทำร้ายหนึ่งในคนที่เคยเรียกว่าเพื่อนจนบาดเจ็บ หลังจากนั้นสายตาทิ่มแทงมากมายจึงพากันพุ่งมายังเธอ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีพี่ชายคอยปกป้องต้องทนรับความเจ็บปวดนั้นด้วยตัวคนเดียวและไม่กล้าแสดงความเป็นตัวเองให้ใครเห็นอีก เธอไม่เคยอยากเชื่อใจใครบนโลกใบนี้อีกแล้ว
จนกระทั่ง...
“วันหนึ่งฉันก็เดินชนกับเด็กผู้หญิงคนนึงที่ทางแยก...” นาโอริเบิกตากว้างเมื่อเรื่องราวของพวกเธอกำลังถูกเล่าจากปากของซากิ
“ฉันแค่อยากเริ่มต้นใหม่เผื่อจะมีช่วงเวลาดี ๆ ในโรงเรียนที่ไม่มีใครรู้จักฉันบ้างก็เลยตีสนิทกับเด็กคนนั้น ทีแรกก็คิดว่าเธอเป็นคนที่เข้าหาง่ายเกินไปจนวันหนึ่งอาจจะทิ้งความสัมพันธ์ของเราและไปหาเพื่อนใหม่ก็เป็นได้ แต่พอนานไปฉันก็ได้เห็นความจริงใจของเธอ ความอ่อนแอและเข้มแข็งของเธอ”
“ฉันเหมือนเห็นภาพของพี่ชายซ้อนทับกับเธอคนนั้นและได้รับกำลังใจจากคำพูดของเธอ จนฉันรู้สึกว่าพี่อากิกำลังยืนอยู่เคียงข้างฉันอีกครั้งเลยล่ะ เพราะเธอทั้งร่าเริง อบอุ่น กล้าหาญ แถมยังเป็นหนึ่งในคนที่ยิ้มรับให้กับปมด้อยที่ฉันเคยคิดว่าเป็นเรื่องน่าอายอีก” เด็กสาวผมสั้นหัวเราะในลำคอพลางกระชับมือเรียวของเพื่อนสาว
“แต่รู้ไหม...เธอคนนั้นมักจะฝืนตัวเองและทำอะไรเกินตัวอยู่ตลอด จนฉันเกิดความคิดใหม่ที่ไม่เคยมีมาตลอดสิบหกปีที่ผ่านมา”
“มันคืออะไรเหรอ?...” นาโอริเผลอไผลเอ่ยแทรกด้วยความสงสัยที่เก็บไม่อยู่
“ความคิดที่ว่าบางทีตัวฉันที่มีนิสัยแบบที่เป็นอยู่....ก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียว เพราะจะได้ใช้มันดูแลเพื่อนรักของฉันคนนี้ได้ตลอดไปไงล่ะ”
ดุจเชือกเส้นบางขาดสะบั้น น้ำตาพลันเอ่อล้นดวงตาสีซากุระจนไหลอาบแก้มนวล นาโอริโผเข้ากอดเพื่อนสาวแน่นแทบหายใจลำบาก ทว่าซากิเองก็กอดตอบเธออย่างเบามือและไม่พ้นต้องลูบหลังปลอบประโลมอีกฝ่ายก่อนจะได้ยินเสียงเครือจากนาโอริซึ่งสะอื้นตัวโยน
“ที่ผ่านมาฉันเองไม่เคยมีเพื่อนที่สนิทจริง ๆ เหมือนกัน ถึงจะสนิทยังไงแต่ก็รู้สึกถึงความห่างและระแวงอยู่ดี....ฉันกลัวการเข้าหาผู้คนมาก เวลาจะพูดคุยแต่ละครั้งต้องใช้ความพยายามตั้งเท่าไหร่ เพราะงั้นตอนที่ได้รู้จักเธอมากขึ้นมันทำให้ฉันดีใจและวางใจกว่าครั้งไหนเลยล่ะ...เธอเป็นเพื่อนที่ฉันไม่อยากเสียไปเลย ซากิ”
“ฉันก็เหมือนกัน ทีนี้นาโอะจังเข้าใจหรือยังว่าฉันเล่าเรื่องของพี่ให้ฟังทำไม?”
“เพราะทำให้นึกถึงเขาเหรอ?”
“มันก็ใช่ แต่ที่ต้องการจะบอกคือครั้งหนึ่งฉันเคยเสียพี่ชายที่รักมากไปแล้วและฉันก็ไม่อยากจะเสียเพื่อนคนแรกที่ฉันรักไปเป็นครั้งที่สอง รู้ไหมตอนที่รุ่นพี่บอกว่านาโอะจังเข้าโรงพยาบาลอีกรอบฉันแทบทำอะไรไม่ถูกเลย ทั้งฉันกับคนอื่นต่างก็ห่วงเธอจนอยากหมุนเวลาให้เลิกเรียนเร็ว ๆ ด้วยซ้ำ”
“ฉ ฉันขอโทษ...”
“ไม่เป็นอะไรหรอกที่จะเสี่ยงชีวิตช่วยคนอื่น เพราะคำว่านักดาบมันต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนั้นอยู่แล้ว” ซากิกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นพลันวาดยิ้มอ่อนโยนแม้อีกฝ่ายจะไม่เห็นก็ตาม
“นาโอะจังน่ะกล้าหาญมากจนฉันอิจฉา...แต่อย่าหายไปไหนโดยที่ไม่บอกกันอีก อย่าปิดบังและแบกรับมันไว้คนเดียวเลยนะ”
“ฉันไม่อยากให้พวกเธอต้องมาเสี่ยงกับความเห็นแก่ตัวของฉันนี่นา”
“พวกเราเองก็ไม่อยากเห็นนาโอะจังไปเสี่ยงชีวิตคนเดียวเหมือนกันนะ เธอเข้าใจหรือเปล่า?” ได้ยินคำจากเพื่อนสาว นาโอริจึงพยักหน้าตอบพยายามกลั้นเสียงสะอื้นและน้ำตาไม่ให้เลอะเสื้อของซากิไปมากกว่านี้
“อย่าให้ฉันต้องเสียใครไปอีกเลยนะ นาโอะจัง”
“ค่ะแม่...”
เด็กสาวผมสั้นหัวเราะในลำคอกับอารมณ์ขันผิดเวลาของอีกฝ่าย ทว่ามันกลับช่วยผ่อนคลายความเครียดซึ่งอวลรอบห้องให้มลายหายไปได้แทบจะทันที ไม่แน่นี่อาจเป็นอีกหนึ่งความสามารถของเพื่อนคนนี้ที่เธอชื่นชอบก็เป็นได้
.
.
.
สองสาวใช้เวลาสนทนากันให้หายคิดถึงจนดึกดื่น บัดนี้ถึงเวลาต้องแยกย้ายกันเข้านอนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่ ซากิตั้งใจจะนอนที่โซฟารับรองในห้องซึ่งมีขนาดใหญ่พอจะนอนได้สบาย แต่นาโอริกลับคะยั้นคะยอให้เธอขึ้นมานอนบนเตียงผู้ป่วยด้วยกันแทนพร้อมมองด้วยสายตาอ้อนวอน เจ้าตัวงอแงว่าขนาดของเตียงมันไม่เหมาะกับการนอนคนเดียวเอาเสียเลย เพราะมันกว้างจนกลิ้งตัวได้หนึ่งตลบราวกับเตียงนอนที่บ้าน ไม่สิ อาจจะใหญ่กว่านั้นเสียอีก!
“สมกับเป็นเตียงที่ใช้รับรองคนของราชวงศ์”
“ราชวงศ์?”
“นาโอะจังไม่รู้เหรอ? เห็นรุ่นพี่นากามูระบอกว่าองค์รัชทายาททรงจัดเตรียมห้องนี้ไว้ให้เธอเลยนะ” จู่ ๆ นาโอริก็พลันใจฟูเป็นลูกโป่ง ก่อนจะย้อนนึกถึงการดูแลของเหล่าแพทย์พยาบาลซึ่งค่อนข้างดีผิดกับโรงพยาบาลทั่วไปที่เคยเจอ เธอคิดเพียงว่าทางชินระคงช่วยจัดการเรื่องห้องให้จึงออกมาดูดีขนาดนี้ แต่ใครจะไปคิดว่าองค์ชายผู้นั้นจะลงมือจัดการด้วยตัวเอง นึกแล้วสาวเจ้าก็อดวาดยิ้มไม่ได้และอยากจะขอบคุณโซอิจิโร่ขึ้นมา เธอเริ่มอยากจะเห็นหน้าเขาอีกครั้งแล้วสิ
“เมื่อไหร่จะได้เจอเขาอีกนะ ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง”
“หมายถึงองค์รัชทายาทเหรอ?”
“อื้อ ตอนที่ช่วยเขาก็เห็นว่ามีเลือดตามตัวนะแต่ก็ไม่มีแผลอะไร หรือฉันดูไม่ชัดก็ไม่รู้”
“อย่างน้อยองค์รัชทายาทก็ทรงปลอดภัยแล้ว นาโอะจังเองก็ต้องรีบฟื้นตัวไว ๆ นะ” นาโอริทำท่าตะเบ๊ะตอบรับพร้อมล้มตัวลงนอนตามด้วยซากิที่ยอมฟังคำขอของเพื่อนสาวและเอนตัวลงนอนเช่นกัน
“ฝันดีนะ ซากิ”
“เช่นกันจ้ะ”
“จูลิโอ้ด้วย!” นาโอริไม่ลืมที่จะหันขวับไปหาคู่หูที่วางอยู่ใกล้ตัวและได้รับเสียงฮัมจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์
ดวงตากลมหลับพริ้มคล้อยไปกับอากาศฉ่ำชื่นจากเครื่องปรับอากาศในห้อง ปล่อยให้ดวงดาวพร่างฟ้านอกหน้าต่างใสเป็นตัวแทนความสัมพันธ์ของสองเพื่อนรักที่ผูกกันแน่นเป็นเท่าตัวให้คงอยู่ชั่วนิรันดร์
.
.
.
คนเจ็บป่วยจำเป็นต้องพักผ่อนกายา ทว่าไม่ใช่กับมนุษย์ทำงานที่ยังแข็งแรงครบสามสิบสอง บัดนี้ ณ ตึกสูงตระหง่านใจกลางเมืองซึ่งประดับตราดอกซากุระสีเงินไว้เด่นชัด ชายผู้มีเรือนผมและดวงตาสีซากุระกำลังจดจ้องจอโฮโลแกรมกลางอากาศซึ่งถูกส่งมาจากหนึ่งในเจ้าหน้าที่หน่วยเงาคนสนิท
มันแสดงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการตามจับทหารรับจ้างที่หลบหนีจากเหตุการณ์ลักพาตัวซึ่งดูเหมือนจะยังตามจับมาได้ไม่หมด และสิ่งที่ทำให้ซาโตชิขมวดคิ้วเข้าไปอีกคือรายงานเรื่องเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ขาดการติดต่อไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ หนำซ้ำยังไม่พบวี่แววของพวกเขาเลย
“มีการรวมตัวกันในป่างั้นเหรอ?” ซาโตชิพึมพำกับตัวเองพลันหลุบตาต่ำครุ่นคิดไม่หยุด ก่อนจะเอื้อมมือไปข้างหน้าและเลื่อนจอนั้นออก ภาพของแผนที่เมืองร้างที่เคยใช้เมื่อครั้งก่อนปรากฏขึ้นแทนที่ เขาขยายมันตรงจุดที่เป็นป่าทึบห่างจากตัวเมือง
“จากรายงานของจิซากิ ยังมีร่องรอยการใช้เส้นทางนี้หลบหนีอยู่และพวกมันน่าจะถูกต้อนไปแถว ๆ นี้....เป็นไปได้ว่าคนของเราจะถูกกำจัดไปแล้ว แต่ทางที่ดีควรส่งคนไปตรวจสอบเพิ่ม....” ดวงตาคมกริบใต้กรอบแว่นลอบมองมือถือข้างกายพลันหยิบมันขึ้นมาและปัดหน้าจอหาชื่อที่ต้องการ
“คงต้องรบกวนเรย์กะอีกแล้วสินะ”
ข้อความถูกส่งไปในตอนกลางคืนและอาโอบะก็รับเรื่องในตอนเช้าของวันถัดมา ภารกิจนี้จะเริ่มขึ้นในอีกสองวันแต่ก่อนหน้านั้นเธอจำเป็นต้องทาบทามสมาชิกเจ็ดซามูไรให้ร่วมงานนี้ด้วยเสียก่อน เพราะเจ้าหน้าที่คนอื่นต่างหัวหมุนกับงานที่เพิ่มกะทันหันจึงจำใจต้องมอบความเสี่ยงให้เหล่าเด็ก ๆ อีกตามเคย หญิงสาวตั้งใจจะพาแค่โชโตะและฮิเมะโกะไปกับเธอเพื่อป้องกันเหตุการณ์อย่างครั้งก่อน เพราะภารกิจด่วนในครั้งนี้มันการันตีความอันตรายไปตั้งแต่แรกแล้วยังไงล่ะ
“ฉันมีข้อเสนอค่ะ” ฮิเมะโกะเอ่ยพลางชูมือให้เห็น
“อะไรล่ะ?” อาโอบะถาม ทว่ากลับต้องขมวดคิ้วเป็นปมเพราะเด็กสาวดันเสนอให้น้องชายของเธอไปเป็นกำลังเสริมด้วย ทำเอาหญิงสาวเริ่มจะเหนื่อยใจกับความเสี่ยงที่เจ้าเด็กพวกนี้โยนมาใส่หน้าเธอแต่ละครั้ง แต่ใช่ว่าอาโอบะนั้นจะไม่รู้จักชื่อเสียงและความสามารถของ โมโมเสะ ฮินาวะ เธอจึงพอถูไถยอมให้ได้บ้าง ไม่แน่มันอาจจะเป็นความคิดที่ดีทีเดียว
“ว่าแต่เธอถามน้องชายตัวเองหรือยัง?” ร่างเพรียวเอ่ยขณะนั่งพิงโซฟานิ่มในห้องสภานักเรียน
“ยังเลยค่ะ แต่เจ้าตัวน่าจะไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“หา? ยังไม่ได้ถามแล้วมั่นใจอะไรขนาดนั้น ฉันไม่อยากเจอบรรยากาศมาคุจากน้องชายเธอหรอกนะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ โชว์กำลังไปตามเขามา ไว้ค่อยอธิบายก็ได้” อาโอบะเบ้ปากพลันกอดอกมองใบหน้ายิ้มแย้มของอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจนัก งานนี้จะไม่เป็นไรแน่เหรอ?
แกร๊ก
“ขอโทษที่ให้รอครับ”
ประตูกระจกถูกเปิดออกเผยให้เห็นโชโตะที่มาพร้อมกับเด็กหนุ่มซึ่งเป็นประเด็นอยู่เมื่อครู่ เมื่อเห็นเช่นนั้นเจ้าหน้าที่สาวจึงดันตัวลุกขึ้นให้พร้อมคุยเรื่องสำคัญทว่านัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มดันสะท้อนภาพใครอีกคนเบื้องหลังโมโมเสะคนน้อง จนเธอต้องเลิกคิ้วสูงอย่างช่วยไม่ได้
“โอ๊ะ ซากิจังเธอมาด้วยเหรอ?” ฮิเมะโกะเอ่ยพลางแย้มยิ้มให้
“ฉันขอรุ่นพี่นากามูระตามมาด้วยน่ะค่ะ...คงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
“เอาเถอะ นี่ไม่ใช่ภารกิจลับอะไรจะอยู่ฟังด้วยก็ได้” อาโอบะเอ่ยห้วน ๆ ก่อนจะเริ่มอธิบายภารกิจในครั้งนี้ให้คนทั้งสี่ได้ฟังและบอกจุดประสงค์ที่มาหาสมาชิกเจ็ดซามูไรในวันนี้ด้วย
รุ่นพี่ทั้งสองรับทราบในภารกิจและยอมให้ความร่วมมือ แต่ยังเหลือคำตอบจากเจ้าของเรือนผมสีบ๊วยแดงอีกคนการนัดหมายนี้ถึงจะสำเร็จ
“พี่สาวของนายเสนอให้นายเข้าร่วมภารกิจนี้ด้วย ฉันไม่มีปัญหาอะไรแต่คงต้องถามความเห็นให้แน่ชัดก่อน” ฮินาวะที่ได้ยินเช่นนั้นจึงลอบมองผู้เป็นพี่พร้อมหรี่ตาคาดโทษแต่อีกฝ่ายกลับยิ้มกว้างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ก่อนจะเงียบไปพักหนึ่งและถอนหายใจออกมาราวช่วยไม่ได้
“มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมก็ต้องยอมไม่ใช่เหรอ?”
“เท่ากับว่านายตกลงนะ งั้นก็ดีฉันจะได้รายงานให้ซาโตชิรู้” หญิงสาวเอ่ยพลันหยิบมือถือขึ้นมา นิ้วเรียวจรดบนหน้าจอและเริ่มพิมพ์ข้อความส่งให้หัวหน้าของตน
เมื่อจัดการธุระด่วนเสร็จสรรพ เธอจึงนัดแนะสถานที่นัดพบซึ่งเป็นสถานที่เดิมกับภารกิจครั้งก่อนและกำชับทุกสิ่งทุกอย่างไม่ต่างจากรอบที่แล้ว ทว่ามันกลับทวีความจริงจังเข้าไปอีกราวกับให้เตรียมใจชะตาขาดหากกล้าฝืนคำสั่งของเธออีกเป็นครั้งที่สอง
“รับทราบครับ/ค่ะ”
ทันทีที่ทุกคนรับทราบแล้ว อาโอบะที่ไม่อยากเสียเวลาอันมีค่าไปก็ตั้งท่าจะเดินออกจากห้องสภานักเรียน หากแต่ถูกเสียงหวานของซากิเรียกตัวไว้เสียก่อน
“อาโอบะซังคะ!” ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบมองเบื้องหลังและเห็นท่าทางอ้ำอึ้งของเด็กสาวผมสั้น
“คือว่า...”
“ให้ฉันได้ร่วมภารกิจนี้ด้วยนะคะ!”
to be continue….
======================================
มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ
ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3
つづく、psrpowder