จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
“ให้ฉันเข้าร่วมภารกิจนี้ด้วยเถอะนะคะ!”
เสียงหวานตะโกนลั่นสร้างความตกตะลึงแก่ทุกคนในห้องสภานักเรียน ไม่ทันไรจึงได้ยินเสียงฮึดฮัดมาจากอาโอบะที่เท้าเอวกุมขมับอย่างช่วยไม่ได้
“เอาอีกแล้วเหรอ ทำไมชอบขัดคำสั่งกันจังนะ ให้ตายสิ”
“ฉันไม่ได้คิดจะขัดคำสั่งค่ะ แต่ทางชินระกำลังขาดคน ยิ่งมีคนช่วยเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอคะ?” ซากิเอ่ยแย้ง
“เห็นเพื่อนสนิทเธอเป็นตัวอย่างยังไม่เข็ดอีกหรือไง?” ครั้นได้ยินหญิงสาวพาดพิงถึงนาโอริ นัยน์ตาสีเงินเป็นต้องวูบไหวพลางหลุบต่ำ เธอเข้าใจดีว่าคนตรงหน้าต้องการจะสื่ออะไรทว่าเธอก็ยังอยากจะเข้าร่วมภารกิจครั้งนี้ให้ได้ เพราะมันอาจเป็นโอกาสอีกครั้งหนึ่งแก่ตัวเธอเอง...
“ถึงพูดแบบนี้จะไม่ดีกับนาโอะจัง...แต่ฉันมั่นใจว่าฉันสามารถดูแลตัวเองได้ค่ะ”
“แล้วยังไง? เธอจะพูดยังไงก็ได้แต่สุดท้ายถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคนที่รับผิดชอบก็คือฉันนะ แค่ต้องคุมนักเรียนสามคนก็มากพอแล้วอย่าหาภาระให้ฉันเพิ่มเลย”
“ฉันจะไม่เป็นภาระของคุณแน่นอนค่ะ”
“เธอนี่นะ....”
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับอาโอบะซัง” โชโตะรีบมาแทรกกลางระหว่างสองสาวพลันผายมือห้ามคนอายุมากกว่าไม่ให้ระเบิดอารมณ์ออกมา ก่อนจะเบนดวงตาสีมรกตไปมองที่ซากิพร้อมยกยิ้มน้อย ๆ ให้เธอ
“พอจะบอกเหตุผลให้พี่ฟังได้ไหมครับ?” นัยน์ตาสีเงินวาวสั่นระริกพลันสูดหายใจลึก เธอสบตากับโชโตะและอ้าปากเอ่ยความคิดของตน
“ฉันคิดว่านี่เป็นโอกาสดี....ที่จะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ตัวเองค่ะ ภารกิจครั้งที่แล้วฉันก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรมากต้องคอยให้รุ่นพี่ช่วยตลอด ครั้งนี้ฉันอยากพิสูจน์ตัวเองว่าฉันก็สามารถทำมันได้เหมือนกัน” ภาพใบหน้าของนาโอริผุดขึ้นในความคิด รอยยิ้มสดใสของเพื่อนสาวทั้งที่ยังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยแต่เธอกลับมีความสุขเมื่อสิ่งที่ต้องการนั้นสำเร็จด้วยน้ำมือตัวเอง
“ถึงเพื่อนของฉันจะบุ่มบ่ามออกไปเสี่ยงชีวิต แต่เป็นเพราะเธอกล้าพอที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองคิด ผิดกับฉันที่กลัวและได้แต่มองมันอยู่ห่าง ๆ”
สิ่งที่นาโอริทำมันจุดประกายเจิดจ้าให้กับเธอ...
“ฉันเลยอยากจะเก่งขึ้น เพื่อวันหนึ่งจะสามารถปกป้องคนที่ฉันรักได้เหมือนนาโอะจัง...ฉันอยากทำลายกำแพงของตัวเองเพราะงั้นได้โปรดยอมให้ฉันเข้าร่วมเถอะนะคะ!”
เสียงของซากิดังก้องพร้อมกับนัยน์ตาสีเงินที่จ้องอาโอบะไม่ไหวติง ทำเอาหญิงสาวเธอได้แต่ขมวดคิ้วพลันเม้มริมฝีปากครุ่นคิด เพราะไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เชื่อในความสามารถของลูกสาวตระกูลโฮชิผู้โด่งดังทว่าจิตใจของเธอก็มีขีดจำกัด มันอาจเปราะบางยิ่งกว่าเดิมหากเกิดอะไรขึ้นกับเด็กเหล่านี้เหมือนกับคราวของนาโอริ
แม้ในสายตาเธอจะนับถือความบ้าบิ่นของนาโอริพอตัว แต่ยังไงเสียพวกเขาก็ยังเป็นแค่นักเรียนที่จับดาบเป็นไม่ใช่พวกเจ้าหน้าที่อย่างเธอซึ่งเลือกเส้นทางนี้ชัดเจนแล้ว ชีวิตของพวกเขายังมีค่าอยู่
“แต่ฉันไม่อยากเสี่ยง...”
“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ” ไม่ทันจะได้พูดจนจบ เสียงทุ้มของฮินาวะก็เอ่ยแทรกขึ้นเรียกสายตาทุกคู่ให้จ้องมองไปยังเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะจ้องไปทางอาโอบะไม่วางและตัดสินใจเอ่ยต่อ
“ในเมื่อเตรียมใจมาดีแล้ว โฮชิก็ต้องรับกับผลที่ตามมาให้ได้ครับ”
“เธอก็เอากับเขาด้วยเหรอ” หญิงสาวเบ้ปาก
“อะแฮ่ม ถ้าพูดให้ถูก....คนที่ไร้ประโยชน์จริง ๆ น่าจะเป็นผมที่ดันพลาดบาดเจ็บก่อนและต้องลำบากทั้งสองคนมากกว่า ถ้าเป็นผมก็คงอยากจะได้โอกาสแก้ตัวเหมือนกันครับ” นัยน์ตาสีแดงเลือดเป็นต้องเบนหนีพลางใช้มือเกาต้นคอกลบเกลื่อน ทว่ามันกลับสร้างรอยยิ้มให้สมาชิกคนอื่นโดยเฉพาะผู้เป็นพี่สาว ฮิเมะโกะจึงเลือกจะแย้มยิ้มและเดินไปกอดแขนของซากิแน่น
“อาโอบะซังไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ครั้งนี้ฉันกับโชว์ก็ไปกันครบ พวกเราจะดูแลน้อง ๆ เอง” เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มเบ้ปากกับกำลังเสริมที่เข้ามาช่วยอีกหนึ่งคน เธอเลยต้องหันหาโชโตะซึ่งนิ่งเงียบมาพักหนึ่งเพื่อรอคำตอบจากเขา แม้เธอจะเดาได้ในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม...
“ว่ายังไงพ่อประธานนักเรียน”
“อืม...รุ่นน้องที่น่ารักของผมพูดเสียขนาดนี้ ผมจะใจร้ายได้ยังไงล่ะครับ” แน่นอนว่าเด็กหนุ่มก็วาดยิ้มกลับมาให้พร้อมเดินไปยืนใกล้กับเหล่าน้อง ๆ
“เหอะ รู้อยู่แล้วว่าต้องพูดแบบนี้ นายนี่มันใจอ่อนเหลือเกินนะ”
“เพราะผมแพ้คนที่มีความตั้งใจสูงน่ะสิ อาโอบะซังก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ?”
“ไม่ต้องมาย้อนเลย” เจ้าหน้าที่สาวส่งเสียงฮึดฮัด ก่อนจะหันขวับไปทางซากิพลันกอดอกมอง
“แต่ฉันต้องเตือนไว้ก่อนว่าพวกเราจะถูกส่งไปตามหาเจ้าหน้าที่ที่หายตัวไปและตามรอยคนร้ายที่หลบหนีต่อ ซึ่งเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจถูกกวาดล้างไปแล้วโดยไอ้บ้าสักคนหรือมากกว่าที่ซ่อนอยู่ในป่านั่น เพราะงั้นภารกิจนี้อาจอันตรายยิ่งกว่าตอนคุ้มกันองค์รัชทายาทเสียอีก....ได้ยินแบบนี้เธอก็ยังยืนยันที่จะไปใช่ไหม?”
“แน่นอนค่ะ ฉันจะช่วยให้ได้มากที่สุด” ซากิตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลจนอีกฝ่ายได้แต่ถอนใจพลางหันหลังกลับไปที่ประตู
“เฮ้อ รับทราบ งั้นไว้เจอกันในอีกสองวันตามที่นัดไว้ก็แล้วกัน”
ปึง
ทันทีที่ว่าจบหญิงสาวจึงเดินออกจากห้องไปแทบจะทันทีปล่อยให้สมาชิกทั้งสี่ได้พูดคุยกันต่อ โชโตะและฮิเมะโกะเลยได้โอกาสในการปรึกษากันเกี่ยวกับภารกิจ
ขณะที่สองรุ่นพี่กำลังหารือกัน ซากิที่จ้องมองอยู่ไม่ไกลก็พลันสังเกตเห็นเด็กหนุ่มที่แยกตัวออกมานั่งตรงโซฟากลางห้อง เขาทอดสายตาไปสักแห่งหนึ่งและล่องลอยอยู่กับตัวเองกระทั่งหางตาเห็นเด็กสาวผมสั้นเดินเข้ามาใกล้ ไม่ทันไรสาวเจ้าก็ก้มโค้งให้เขาเสียอย่างนั้น เล่นเอาสะดุ้งโหยงจนลุกพรวดจากเก้าอี้เลยทีเดียว
“ท ทำอะไรน่ะ?”
“ฉันอยากจะขอบคุณที่ช่วยพูดกับอาโอบะซังให้...” ฮินาวะลอบเป่าปากโล่งออกมาเมื่อได้ยิน ความจริงเขาก็ไม่ได้คิดจะให้อีกฝ่ายมาขอบคุณอยู่แล้ว
“ไม่ต้องหรอกเพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันคิดเหมือนกัน ต่อให้เธอไม่พูดฉันก็จะพูดอยู่ดี”
“คิดเหมือนกัน? หมายถึงเรื่องนาโอะจังเหรอ?” เด็กหนุ่มชะงักพลันหลบสายตาที่จ้องเขาเขม็ง
“หมายถึงที่อยากทำประโยชน์มากกว่านี้ต่างหาก ทำไมต้องไปเกี่ยวกับยัยนั่นด้วย” นัยน์ตาสีเงินที่สะท้อนภาพพ่อหนุ่มปากไม่ตรงกับใจคนนี้มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ากำลังกลบเกลื่อน เธอจึงวาดยิ้มเล็ก ๆ ให้
“น่าเสียดายจัง ฉันคิดว่าจะมีคนเห็นเสน่ห์ของนาโอะจังเพิ่มเสียอีก”
“มีให้เห็นด้วยเหรอ?” ซากิได้แต่พองแก้ม ไม่รู้ทำไมแต่เธอกลับไม่ชอบใจที่มีคนมาว่าเพื่อนของเธอเอาเสียเลย แต่เด็กสาวที่รู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นจริง ๆ อาการหงุดหงิดใจจึงหายไป
“คุยกันสนุกเลยนะทั้งสองคน”
เสียงหวานดังมาจากฮิเมะโกะที่เพิ่งจะเสร็จธุระกับเพื่อนหนุ่ม สาวเจ้าเดินมานั่งข้าง ๆ ผู้เป็นน้องส่วนประธานนักเรียนหนุ่มนั้นก็กลับไปนั่งอยู่หน้ากองเอกสารบนโต๊ะประจำตำแหน่งเรียบร้อย
“เปล่าเสียหน่อย” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงห้วน
“จ้าเชื่อก็ได้...แต่พี่ไม่เชื่อหรอกนะว่าที่นายยอมไปด้วยแค่เพราะอยากทำประโยชน์อะไรนั่นน่ะ”
“พี่หมายความว่าไง?”
“ก็...อาจจะเพราะเห็นใครบางคนนำหน้าไปก่อนเลยยอมไม่ได้หรือเปล่านะ?” นัยน์ตาสีแดงเลือดจ้องมองดวงตาสีเดียวกันพลันยกยิ้มกริ่มกวนประสาทเจ้าน้องชาย อีกฝ่ายก็ได้แต่ฮึดฮัดเป็นคำตอบทำเอาเด็กสาวหลุดขำออกมา
“ว่าแต่นี่ก็เย็นแล้ว ซากิจังจะกลับหอเลยไหม?”
“วันนี้ฉันตั้งใจจะไปอยู่เป็นเพื่อนนาโอะจังเหมือนเดิมค่ะ ตั้งใจจะบอกเธอเรื่องภารกิจด้วย”
“จะไปหายัยนั่นเหรอ?” ฮินาวะแทรกขึ้นดึงความสนใจจากสองสาวและไม่วายโดนฮิเมะโกะแซวไปอีกที
“ฮินะจังอยากไปเยี่ยมเพื่อนเหรอจ๊ะ?”
“แค่ถาม ไม่ได้บอกจะไปเสียหน่อย”
“โมโมเสะคุงจะไปด้วยกันก็ได้นะ นาโอะจังต้องดีใจมากแน่ ๆ” ซากิเอ่ยเสริม ทว่าเด็กหนุ่มกลับนิ่งเงียบไม่ให้คำตอบใด ๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องกลับไปพักผ่อนกายาที่หอกันแล้วฮินาวะก็ไม่มีท่าทีบ่งบอกว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนสาวด้วยกันกับเธอสักนิด ซ้ำยังทำหน้าตาคล้ายอยากจะกลับไปหอพักอยู่เต็มทนด้วย
.
.
.
“ฝากทักทายนาโอริจังด้วยนะครับ”
“ได้เลยค่ะ!” ซากิพยักหน้าแข็งขันพร้อมบอกลาและแยกกับสมาชิกคนอื่นตรงสวนดอกฮิกันบานะแดงฉานก่อนจะเดินเท้าเพื่อไปยังโรงพยาบาล
ขณะก้าวผ่านทางเดินแสนจะสงบเงียบ ในหัวพลันคิดว่านาโอริจะทำสีหน้าเช่นไรเมื่อได้ยินเรื่องเกี่ยวกับภารกิจนี้ แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวเท้าข้ามถนนใหญ่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งตะโกนเรียกชื่อของเธอมาแต่ไกล
“เดี๋ยวก่อน โฮชิ!”
“โมโมเสะคุง?” เด็กสาวเลิกคิ้วสูงพลันหันมองร่างสูงที่หอบตัวโยนอยู่ข้างหลัง ไม่นานเขาจึงกลับสู่สภาพที่พูดคุยได้ปกติและบอกว่าจะยอมไปเยี่ยมนาโอริด้วยกัน แต่เป็นเพราะถูกพี่สาวคะยั้นคะยอไม่ใช่เพราะตัวเขาเอง
“ได้สิ งั้นพวกเราไปกันเถอะ...” เธอตอบตกลงก่อนจะเดินเท้าไปพร้อมกัน
ระหว่างทางนั้นช่างเงียบจนชวนอึดอัดเพราะความประหม่า เมื่อไม่มีคนอื่นที่รู้จักอยู่ข้างกายจึงไม่มีใครกล้าเปิดบทสนทนาก่อนและเป็นเช่นนั้นไปจนรู้ตัวอีกทีพวกเขาก็กำลังยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยเสียแล้ว
กึก
ซากิที่ตั้งใจจะผลักประตูออกทว่ามันกลับถูกเปิดจากด้านในเสียก่อน ทำให้เธอเกือบจะชนกับใครคนหนึ่งซึ่งตั้งท่าจะเดินออกมา
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันเห็นว่ามีคนอยู่ข้างใน” ดวงตาสองคู่สบเข้ากับนัยน์ตาสีซากุระใต้กรอบแว่นจนต้องชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะดวงตาคู่นั้นช่างคล้ายกับนาโอริจนยากจะปฏิเสธได้ ทว่าเรือนผมของเขากลับมีสีเดียวกับนัยน์ตาคมและไม่ใช่สีของเปลือกไม้อย่างเด็กสาว
เขาเป็นใครกันแน่?
“ไม่เป็นไร ฉันกำลังจะกลับพอดีน่ะ ขอตัวก่อน” ชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงเรียบพลันเดินจากไปทันใด ทั้งสองรีบเข้าไปในห้องและเห็นนาโอริกำลังนั่งสบายใจอยู่บนเตียง เจ้าคนป่วยก็ยิ้มร่าทันทีที่เธอเห็นคนคุ้นเคยเดินเข้ามา
“ว้าว วันนี้คู่อริฉันมาด้วยล่ะจูลิโอ้”
“เธอไม่ดีใจหรือไง?”
“ไม่รู้สินะ ถ้าจะมาจิกกัดกันก็คงไม่ดีใจหรอก” ไม่ทันจะได้วางสัมภาระ นาโอริก็เปิดฉากแซวเด็กหนุ่มไปหนึ่งทีจนเจ้าตัวได้แต่ย่นคิ้วก่อนจะเดินเข้าไปใกล้นาโอริและทำท่าจะหยิกแก้มของเธอ เด็กสาวที่มือไวรีบคว้ามืออีกฝ่ายไว้พลันต้านแรงสุดกำลังจนกลายเป็นภาพน่าขันในไม่กี่วินาทีต่อมา
“นายจะทำอะไรไม่ทราบ ฉันเป็นคนป่วยนะยะ!?”
“เหอะ ปากเก่งขนาดนี้คงหายดีแล้วล่ะมั้ง”
“ซากิ ช่วยด้วย!”
“ตายจริง พอเลยทั้งสองคน มันเสียงดังนะ” เจ้าของเรือนผมสีเงินวาวที่เพิ่งจะจัดการสัมภาระเสร็จจำต้องวิ่งมาเพื่อห้ามปรามตามเคย ก่อนจะถอนใจเหนื่อยหน่ายเมื่อถูกเพื่อนสาวใช้เป็นโล่กำบังจากคู่อริ และแล้วทั้งนาโอริกับฮินาวะก็โดนซากิดุไปตามระเบียบแม้สาวเจ้าจะไม่ได้สำนึกอะไรแต่เธอก็ยอมเลิกหยอกล้อเพื่อนหนุ่มพลันหันมาคุยกับซากิแทน
“พวกเธอจะได้ไปทำภารกิจใหม่งั้นเหรอ!?” นัยน์ตาสีซากุระพลันทอประกายวิ้งวับเมื่อได้ยินเรื่องภารกิจจากเด็กสาว
“อื้อ ต้องไปช่วยตามรอยเจ้าหน้าที่ชินระที่หายตัวไปกับตามจับทหารรับจ้างที่หลบหนีน่ะ”
“อิจฉาจังเลย ฉันก็อยากไปบ้าง”
“โธ่ หยุดพักให้เต็มที่สักหน่อยเถอะนาโอะจัง”
“ล้อเล่นน่า ถึงจะอยากไปก็เถอะ...นอนอยู่ในนี้คนเดียวมันน่าเบื่อจะตาย” ครั้นเห็นสาวเจ้าบ่นว่าต้องอยู่ในห้องผู้ป่วยนี้คนเดียว ใบหน้าคมสันของคนที่เพิ่งจะสวนกับพวกเธอไปก็ผุดขึ้นมาในความคิดของซากิ
“จะว่าไปคนที่เพิ่งออกจากห้องไปเมื่อกี้ใครเหรอ?” นาโอริเลิกคิ้วสูงก่อนจะร้องอ๋อเมื่อนึกย้อนเหตุการณ์เมื่อครู่
“เขาชื่อซาโตชิ เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของชินระหรืออะไรนี่แหละ แถมยังเป็นหัวหน้าที่รุ่นพี่โชว์พูดถึงบ่อย ๆ ด้วย”
“อ้าว ไม่ใช่ญาติหรอกเหรอ?”
“จะใช่ได้ยังไง ฉันเพิ่งจะเคยเจอเขาครั้งแรกด้วยซ้ำ ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ?” ซากิอ้ำอึ้งอยู่นานและกลายเป็นฮินาวะที่เอ่ยแทนเธอ
“ดวงตาของเขาคล้ายกับเธอมาก ตอนเห็นแวบแรกยังคิดว่าเป็นพ่อเธอด้วยซ้ำ” นาโอริส่ายหน้าทันควันและบอกอีกฝ่ายเกี่ยวกับบิดาที่ทิ้งเธอกับแม่ไปและไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า หนำซ้ำเด็กสาวยังยืนยันว่าชายหนุ่มไม่ได้มีท่าทีแปลกประหลาดหรือตะลึงตอนพบกับเธอเลย เขาเพียงแค่มาถามไถ่อาการป่วยของเธอกับมาเยี่ยมก็เท่านั้น
“แต่ดูจากเอกลักษณ์ของเขาแล้ว คงจะเป็นคนตระกูลซากุราซากุแน่ ๆ”
“หือ นายรู้ได้ไงน่ะ?” นาโอริย่นคิ้วฉงน
“เธอไม่เห็นสีผมกับตาของเขาเหรอ สีเหมือนดอกซากุระขนาดนั้นน่ะมีแค่ตระกูลเดียว อีกอย่างตระกูลนี้ก็เป็นคนก่อตั้งชินระเลยไม่แปลกที่ผู้บังคับบัญชาจะเป็นลูกหลานตัวเอง”
“รู้สึกเหมือนเคยให้โซว์ทวนสอบให้อยู่แหะ...แต่จะว่าไปตอนซาโตชิซังแนะนำตัวก็บอกว่านามสกุลซากุราซากุนี่เนอะ...”
“ความจำสั้นเหลือเกินนะ”
“ชื่อยาวขนาดนั้นใครจะจำได้ตั้งแต่แรกกันเล่า!?” เด็กสาวคิ้วกระตุกพลันจ้องเขม่นใส่ฮินาวะจนแทบจะเกิดประกายไฟแล่บผ่าน คนกลางอย่างซากิก็ไม่วายต้องห้ามศึกเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ
“เอาเถอะจ้ะ ความจริงพวกเราแค่สงสัยว่าเขาเป็นญาติกับนาโอะจังหรือเปล่าเท่านั่นแหละ แต่ถ้าเป็นหัวหน้าของรุ่นพี่นากามูระก็แล้วไป” นาโอริที่ได้ยินเช่นนั้นจึงคว้ามือถือคู่ใจขึ้นมาใช้แทนกระจกและจ้องมองดวงตาอย่างตั้งใจ
“มันเหมือนขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ก็...เหมือนอยู่นะ”
“ฮึ่ม ชักน่าสนใจแล้วสิ...ไว้ครั้งหน้าต้องลองสังเกตซาโตชิซังให้บ่อยกว่านี้ ไม่แน่ความหวังที่จะได้เจอพ่อของฉันอาจจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมก็ได้นะ!” เด็กสาววาดยิ้มตื่นเต้นก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มจากฮินาวะ
“เพ้อเจ้อ ซากุราซากุน่ะมีกรรมพันธุ์ที่เด่นมาก ต่อให้แต่งงานกับคนนอกตระกูลก็จะคงเม็ดสีของสีชมพูซากุระไว้อยู่ดี แต่ยัยนี่มีแค่ตาเท่านั้นที่เหมือน แถมสีชมพูน่ะมีถมเถไปแยกความต่างก็ยาก”
“โธ่ ดับฝันกันเหลือเกินนะนาย”
“ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องผิดหวังไง นี่ฉันอุตส่าห์ช่วยเลยนะ”
“เหอะ ช่วยพังล่ะสิไม่ว่า”
สงครามจิกกัดยังคงดำเนินต่อไปแม้หัวข้อจะเปลี่ยนไปไม่ซ้ำ แต่ทั้งสองก็ยังยกมันขึ้นมาเถียงกันจนซากิได้แต่หัวเราะคิกคักพลันนั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่รู้จักเบื่อ
ก่อนที่มันจะวกกลับเข้าเรื่องภารกิจใหม่ของเพื่อนทั้งสอง นาโอริได้รู้จากซากิว่าเธอพูดอะไรกับอาโอบะในห้องสภานักเรียนซึ่งเจ้าของเรือนผมสีเงินวาวก็ไม่คิดจะปิดบังว่าเธอได้แรงใจมาจากอีกฝ่าย สาวเจ้าก็แทบจะปล่อยโฮด้วยความซาบซึ้งพลันกอดเพื่อนสาวแน่น ทำเอาฮินาวะแทบจะโดนบรรยากาศน่ารักของพวกเธอกลบจนมิด เขาที่ไม่รู้จะมองไปทางใดจึงได้แต่เหม่อมองไปรอบห้องสีครีมและเหลือบเห็นนาฬิกาเรือนสวยบนผนังบ่งบอกเวลาใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว
“เวลาป่านนี้แล้วเหรอ สงสัยคงต้องกลับก่อนแล้วล่ะ”
“หือ? ทำไมไม่นอนที่นี่เสียเลยล่ะ” คำพูดนั้นทำให้อีกสองคนแทบจะจ้องนาโอริเป็นตาเดียว พวกเขาเริ่มไม่แน่ใจว่าสาวเจ้ารู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่ตนพูดมันหมายถึงอะไร
“จะบ้าเหรอ คิดยังไงฉันก็ดูแย่ทุกประตูเลยไม่ใช่หรือไง”
“อะไรของนาย...”
“ช่างเถอะ ฉันไปล่ะ” ฮินาวะไม่เสียเวลาฟังคนใสซื่อตรงหน้า เขาโบกมือลาทั้งสองพลันเดินออกจากห้องผู้ป่วยทันที ไม่นานซากิก็ไม่พ้นต้องหันมาส่งสายตาคาดโทษใส่เพื่อนสาวถึงเจ้าตัวจะยังไม่เข้าใจความผิดของตนเองก็ตามที
เมื่อไม่มีเรื่องจะคุยต่อซากิจึงขอตัวไปล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าและเหลือแค่เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้เท่านั้น ดวงตาสีซากุระเหม่อมองนอกหน้าต่างใสปล่อยเวลาให้ไหลไปเรื่อย ๆ ในหัวเธอไม่พ้นคิดเรื่องนั่นนี่ผสมปนเปกันไปหมด ยิ่งมีเรื่องของซาโตชิใส่เข้ามาเพิ่มอีกก็ยิ่งไม่รู้แล้วว่าควรจะสงสัยอะไรก่อนดี
ตริ๊ง!
“ใครส่งอะไรมาน่ะ?” มือเรียวยกมือถือคู่ใจขึ้นมาดูทันควัน เธอเบิกตากว้างอย่างแปลกใจเมื่อเห็นชื่อของฮินาวะปรากฏบนหน้าจอพร้อมกับข้อความสั้น ๆ ที่เจ้าตัวส่งมา
ฮินาวะ
‘เมื่อกี้รีบออกมาเลยลืมบอก’
‘ขอให้หายไว ๆ ล่ะ’
ข้อความมีเพียงเท่านั้นแต่กลับทำให้เด็กสาวหัวเราะออกมาพลันนึกตลกกับความปากไม่ตรงกับใจของเพื่อนหนุ่ม แน่นอนว่าเธอไม่ลืมที่จะเขียนตอบเขากลับไปและตั้งใจจะวางมือถือลงข้างกาย ทว่าชั่วขณะหนึ่งนาโอริกลับเผลอวาดสีหน้าผิดหวังออกมายามนึกถึงใครอีกคน
“ตอนแรกก็นึกว่าโซว์จะตอบกลับมาเสียอีก...” นิ้วเรียวกดที่ชื่อของโซว์ นัยน์ตาสีซากุระสะท้อนภาพของข้อความที่เธอเพิ่งส่งไปให้เขาเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาแต่ยังไม่มีการตอบกลับใด ๆ สาวเจ้ายอมรับว่าเผลอตื่นเต้นกับการแจ้งเตือนเมื่อครู่เพราะนึกว่าเขาจะตอบกลับมา แต่ได้เห็นข้อความจากเพื่อนหนุ่มก็ช่วยบรรเทาความเหงาไปได้บ้างเหมือนกัน
เธอรู้สึกขอบคุณเขามาก ๆ เลยล่ะ...
“นาโอะจัง จะใช้ห้องน้ำต่อหรือเปล่า?”
“ใช้!” เด็กสาวตอบกลับเสียงใสก่อนจะลุกจากเตียงไปหาซากิ มือถือคู่ใจถูกวางทิ้งไว้บนหมอนนุ่มทั้งที่ยังเปิดหน้าข้อความของเด็กหนุ่มอยู่
หารู้ไม่ว่าหลังจากที่สาวเจ้าห่างจากโทรศัพท์ได้ไม่นาน หน้าจอแบบเดียวกันก็กำลังปรากฏบนมือถืออีกเครื่องหนึ่งซึ่งถูกวางอยู่บนโต๊ะไม้เตี้ย เจ้าของของมันได้แต่จดจ้องจอกระจกไม่วางตาพร้อมกับเสียงถอนหายใจเบาหวิวจนแทบกลืนไปกับสายลมโชยนอกหน้าต่าง นัยน์ตาสีนิลสวยวูบไหวเล็ก ๆ เมื่อได้อ่านใจความของข้อความที่ถูกส่งมา
นาโอริ
‘โซว์นายเป็นยังไงบ้าง?’
‘ฉันได้ยินว่านายจัดการเรื่องห้องให้ใช่ไหม ขอบใจมากนะ ^^’
‘เมื่อไหร่นายจะมาเยี่ยมฉันล่ะ มาช่วงที่คนอื่นไม่มาก็ได้หรือว่านายจะติดงาน?’
‘ยังไงก็อย่าลืมตอบมาล่ะ’
เจ้าของเรือนผมสีดำขลับฟุบหน้าลงกับโต๊ะราวกับไม่ต้องการคิดสิ่งใดให้ปวดหัวหรือปวดใจ และปล่อยให้อากาศเย็นฉ่ำปลอบประโลมตนเองในค่ำคืนนี้ ริมฝีปากนั้นเม้มแน่นก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“ยกโทษให้เราด้วย นาโอริ”
to be continue….
======================================
มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ
ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3
つづく、psrpowder