จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
***Trigger Warning : การบรรยายสภาพศพ ความรุนแรง เลือด***
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เวลาเดียวกันกับที่พวกฮิเมะโกะตรวจสอบกระท่อมน่าสงสัย ทางด้านของอาโอบะและโชโตะก็ได้เดินหน้าตามหาร่องรอยของการเคลื่อนไหวที่จับสัมผัสได้จากทิศเหนือ
ความระแวดระวังพลันยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อหญิงสาวรับรู้ว่าฝีเท้าของเป้าหมายกำลังช้าลงและเริ่มอยู่กับที่ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มลอบมองเด็กหนุ่มเบื้องหลังพร้อมพยักหน้าให้เป็นสัญญาณ ก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นหวังจะใช้โอกาสที่อีกฝ่ายหยุดนิ่งตามให้ทัน กระทั่งมีการติดต่อมาจากอุปกรณ์สื่อสารข้างหู
“ว่าไง”
“ติดต่อจากทีมเอ พวกเราค้นจนเลยออกนอกระยะที่กำหนดแล้วแต่ยังไม่พบทั้งเจ้าหน้าที่คนอื่นหรือคนร้ายเลยครับ” เสียงปลายสายส่งผ่านมาดังชัด อาโอบะจึงรีบรายงานสถานการณ์ของฝั่งตัวเองกลับไป
“ยังไงก็ช่วยตรวจสอบต่ออีกหน่อยนะ ทางนี้พบการเคลื่อนไหวน่าสงสัยและกำลังจะไปตรวจดู ยังยืนยันไม่ได้ว่ามิตรหรือศัตรูน่ะ”
“เข้าใจแล้ว ถ้ามีอะไรจะรีบติดต่อกลับครับ”
ตริ๊ด
มือเรียวพลันเคลื่อนมากระชับปลอกดาบไม่ให้สั่นไหวขณะวิ่งและเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีก โดยไม่สนว่าคนข้างหลังเธอจะตามทันหรือไม่แต่สำหรับโชโตะแล้วคงไม่ใช่ปัญหาอะไร หนำซ้ำเขายังมีเวลามาถามไถ่บทสนทนาเมื่อครู่ของเธอกับเจ้าหน้าที่อีกฝั่งด้วย
“ถ้ารอบนอกไม่เจอร่องรอย ที่เหลือคงจะขึ้นอยู่กับพวกเราแล้วล่ะครับ”
“อ่า...จะออกหัวหรือก้อย จะเป็นมิตรหรือศัตรูเดี๋ยวคงได้รู้กัน” อาโอบะตอบกลับเสียงเรียบ
สองหนุ่มสาววิ่งผ่านรากไม้เถาวัลย์อย่างช่ำชอง พวกเขารับรู้ได้ว่าเป้าหมายอยู่อีกไม่ไกลจึงรักษาความเร็วไว้สม่ำเสมอ ช่างน่าแปลกที่ตลอดทางกลับเงียบสงบไร้วี่แววของจิตสังหาร การโจมตีหรือแม้แต่สายตาจ้องมอง ทั้งที่มันคือโอกาสทองที่จะปลิดชีวิตศัตรูซึ่งวิ่งตัวเปล่ากันอยู่สองคนแบบนี้
“ผมสงสัยตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว...” โชโตะเปิดประเด็นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาหญิงสาวแทบสะดุดกับรากไม้ที่ขวางทาง
“อะไร?”
“ทางที่เรามาแทบจะไม่มีสัญญาณรบกวนเลยนะครับ ผิดกับก่อนหน้านี้” อาโอบะเลิกคิ้วสูงก่อนจะยกมือถือขึ้นดู
เป็นอย่างที่เด็กหนุ่มกล่าว ตรงที่พวกเขาอยู่ไม่อับสัญญาณและขึ้นขีดสัญญาณแทบจะเต็มเปี่ยม ทำให้เธอกลับมาตงิดใจกับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่อีกทีมที่ชัดเจนต่างกับก่อนหน้า ดวงตาคู่สวยหรี่ลงอย่างพินิจพยายามประมวลคำพูดของอีกฝ่ายก่อนจะตกผนึกบางอย่างในความคิด ทันใดนั้นหญิงสาวพลันเบิกตากว้างก่อนจะเปิดใช้อุปกรณ์สื่อสารอีกครา
นี่อาจเป็นโอกาสทำภารกิจให้สำเร็จก็เป็นได้!
“นี่เจ้าหน้าที่อาโอบะ มีใครได้ยินไหม!?” เธอเอ่ยไปพร้อมกับพยายามนึกรายชื่อเจ้าหน้าที่หน่วยเงาที่หายไปและช่องสัญญาณที่พวกเขาใช้ผ่านอุปกรณ์
“ขอร้องล่ะ ใครก็ได้” หญิงสาวกัดฟันแน่นพลางสลับช่องสัญญาณไปเรื่อย ๆ
นี่เป็นเพียงการเสี่ยงดวงของเธอว่าควรรับมือกับเป้าหมายตรงหน้าแบบใด หากสัญญาณที่เธอติดต่อไปได้รับการตอบกลับนั่นคงเป็นไฟเขียว เบื้องหน้าของพวกเขาอาจจะมีเพื่อนร่วมงานที่รอดชีวิตจากนรกมาก็เป็นได้
แต่หากตรงกันข้าม ดาบในมือของพวกเขาคงได้นองเลือดอีกเป็นแน่
แซ่ด
เสียงรบกวนรำคาญหูยังคงดังต่อเนื่องเช่นเดียวกับอาโอบะที่พยายามเปลี่ยนช่องสัญญาณจนเริ่มจะหมดความหวัง ทว่าดั่งแสงสว่างใต้แมกไม้เป็นใจ อุปกรณ์สื่อสารพลันส่งเสียงอู้อี้ที่พอฟังเป็นคำได้ออกมา
“ใคร...ได้ยิน...ไหม” หญิงสาวแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ ในที่สุดก็ได้รับการติดต่อเสียที!
“นี่เจ้าหน้าที่อาโอบะ บอกตำแหน่งด้วย!” หญิงสาวถามกลับอย่างร้อนรน ทว่าต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าคนปลายสายจะเค้นกำลังตอบกลับมาได้ ยิ่งในสภาพที่สัญญาณปลายสายไม่เสถียรจึงต้องใช้สมาธิอย่างมากในการแกะความ
“เหนือ....จากจุดต่อสู้....กิโล”
“เกิดการปะทะกันจริง ๆ ด้วยสินะ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองและรีบถามสถานการณ์จากปลายสายต่อ
“แล้วศัตรูล่ะ ศัตรูมีกี่คน!?”
แซ่ด
โชคไม่ดีที่เครื่องสื่อสารจากฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถรับสัญญาณได้อีกต่อไป และจากน้ำเสียงอิดโรยนั่นบ่งบอกว่าเขาเองก็สาหัสไม่น้อย อาโอบะเดาะลิ้นไม่สบอารมณ์พลันบอกกับเด็กหนุ่มให้เร่งฝีเท้าขึ้นอีก
ในตอนที่ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้าแม้แต่กิ่งไม้หนาพวกเขาก็แทบจะเหยียบมันอย่างไม่ลังเล
สวบ
กระทั่งปลายเท้าหนักของโชโตะดันเหยียบเข้ากับอะไรบางอย่างซึ่งแทรกตัวอยู่กับต้นหญ้าสั้น เจ้าของเรือนผมสีน้ำผึ้งชะงักฝีเท้าพร้อมก้มมองพื้นดินชื้นพลันเห็นคุไนเหล็กสีเงินเปื้อนโคลนปรากฏใต้ฝ่าเท้า เขาจึงรีบหันขวับไปเรียกคนที่วิ่งนำไปก่อนให้หยุดตัวลงและชี้สิ่งที่หล่นอยู่บนพื้น
“นี่มันคุไนของหน่วยเงา?”
“พวกเราคงจะเข้าใกล้ตำแหน่งที่ปะทะกันแล้วล่ะครับ” ทั้งสองพยักหน้าให้กันก่อนจะก้าวเท้ายาวออกจากจุดเดิม
ครั้นวิ่งไปได้ระยะหนึ่ง ตามทางที่พวกเขามาเริ่มปรากฏร่องรอยของมนุษย์อย่างรอยเท้าหรือรอยขีดข่วนตามต้นไม้ ซึ่งเกิดจากอุปกรณ์ปีนป่ายของหน่วยเงา มันเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งท้ายที่สุด...
ก็พบสนามรบนองเลือดที่ว่านั่น....
“โหดร้ายชะมัด” อาโอบะย่นขมวดคิ้วกับภาพของร่างไร้วิญญาณสยดสยอง บ้างก็ไม่สมประกอบ บ้างก็ถูกบีบกะโหลกจนแหลกไม่เหลือชิ้นดี บางคนก็ฉายความตื่นตระหนกผ่านแววตาเหนือหน้ากากเหล็กครึ่งหน้าจนอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขาเจอกับใครหรืออะไรกันแน่
“ตัวพวกเขาไม่มีร่องรอยอาวุธอื่นเลยครับ นอกจากคุไนกับลูกธนูพวกนี้”
“แปลว่าคนร้ายลอบโจมตีคนของเราโดยไม่รู้ตัว?...” หญิงสาวได้แต่หรี่ตาครุ่นคิดว่านี่ยังอยู่ในขอบเขตความสามารถของทหารรับจ้างธรรมดาแน่เหรอ?
“เราควรตามหาเจ้าหน้าที่ที่ยังรอดอยู่ให้เจอก่อนนะครับ เขาอาจให้คำตอบเราได้”
“อ่า เห็นด้วยเลย” ว่าจบอาโอบะจึงรีบติดต่อเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มให้มาสมทบตามพิกัดของเธอโดยด่วนที่สุด ก่อนจะออกวิ่งไปยังตำแหน่งซึ่งคาดว่ามีผู้บาดเจ็บอยู่
ร่างเพรียวเพ่งจิตอีกคราเพื่อยืนยันเป้าหมายและได้คำตอบเดิมคือไม่มีการเคลื่อนไหวมากไปกว่านี้แล้ว กระทั่งมาถึงบริเวณขอนไม้ใหญ่ที่มีร่างของชายคนหนึ่งนอนพิงอยู่ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนดินโคลนและคราบเลือด ใบหน้าซูบตอบเช่นเดียวกับลมหายใจรวยริน มือเรียวรีบดึงหน้ากากเหล็กที่กั้นทางหายใจออกและให้เขาจิบน้ำ
โชคดีที่ไม่มีบาดแผลที่เกินจะปฐมพยาบาล แต่เพราะกระดูกขาร้าวเลยขยับไปไหนลำบากพลันทำให้ขอความช่วยเหลือไม่ได้จนตัวเองติดอยู่ในที่อับสัญญาณเช่นนี้
“ได้ยินฉันไหม ทำใจดี ๆ ไว้!”
“อาโอบะ...ซัง?” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเพราะแค่รักษาจังหวะหายใจไว้ก็แทบไม่ไหวแล้ว
“อดทนอีกหน่อยนะ กำลังเสริมใกล้จะมาถึงแล้ว”
“มี...” ทั้งสองพลันเลิกคิ้วสูงกับเสียงอ่อนแรงนั้น ก่อนจะได้ยินเจ้าตัวเค้นกำลังเอ่ยต่อ
“มีทหารรับจ้างคนหนึ่ง...เขาอุ้มศพผู้หญิงเดินอยู่ในป่า...พวกเรา...ถูกเขาสังเกตเห็นและโดนลอบโจมตีกลับ”
“นอกจากเจ้านั่นแล้วมีอีกกี่คน พอจะจำได้ไหม!?” อาโอบะขมวดคิ้วเป็นปมพลางเตรียมคิดแผนรับมือกับคนร้ายที่อาจมีจำนวนมาก ทว่าชายตรงหน้ากลับส่ายหน้าเบา ๆ กลับมาแทน
“มัน...มีคนเดียว...พวกเราตรวจค้นจนหมด...แล้ว แต่ไม่เจอใครอีกนอกจาก...มัน”
“คนที่จัดการทีมของคุณมีแค่คนเดียวจริง ๆ เหรอครับ?” โชโตะย่นคิ้วฉงนซึ่งคำว่า “ใช่” จากอีกฝ่ายเล่นเอาเม็ดเหงื่อผุดข้างขมับอย่างช่วยไม่ได้ แผ่นหลังพลันเย็นวาบยามคิดตามคำพูดนั้น
ว่านรกในป่าทึบที่พวกเขาเห็น ดันเป็นฝีมือของคนแค่คนเดียว...
“บ้าบอไปใหญ่แล้ว...ถ้างั้นมันไปทางไหนต่อ?” อาโอบะขมวดคิ้วเคร่งเครียดทันใด
“ทางนั้น...ครับ” ปลายนิ้วสั่นเทิ้มชี้ไปด้านหลังของหญิงสาว
ครั้นหันมองตามที่ชี้ โชโตะพลันใจหล่นวูบเพราะตระหนักได้ว่านั่นคือทิศตะวันตกที่กลุ่มเพื่อนของเขามุ่งหน้าไป ดวงตากลมสีมรกตสั่นไหวขณะพยายามติดต่อหาฮิเมะโกะแทบจะทันที ความรุ่มร้อนแผ่ซ่านในทรวงอกจนเผลอเม้มริมฝีปากแน่น พร่ำภาวนาขอให้พวกเขาตอบกลับมาโดยเร็ว
แซ่ด
“ฮิเมะโกะได้ยินไหม ตอบด้วย!”
กึก...ซ่า!
จู่ ๆ สัญญาณซ่าก็พลันดังจนแสบแก้วหูแต่ก่อนที่มันจะดับไปเด็กหนุ่มได้ยินชัดเจนว่ามีอีกเสียงหนึ่งแทรกผ่านมา คล้ายกับบางสิ่งถูกบดขยี้ เขาพยายามอยู่หลายครั้งทว่าคราวนี้ไม่มีแม้แต่สัญญาณตอบรับราวกับอุปกรณ์ได้ถูกพังไปแล้ว ความกังวลก่อตัวเป็นทวีคูณ เจ้าตัวไม่รีรอจะชักดาบออกมาและตั้งท่าจะวิ่งไปทางที่คิดว่าพวกฮิเมะโกะอยู่
“อย่าทำอะไรไม่คิดน่า นากามูระ!” อาโอบะพลันรั้งแขนอีกฝ่ายไว้ก่อนจะถูกโชโตะหันมาแย้งใส่
“ตอนนี้พวกเขาอาจอยู่กับคนร้ายก็ได้นะครับ จะให้ผมอยู่เฉย ๆ เหรอ!?”
“ฉันจะบอกให้นายอยู่เฝ้าเขาต่างหาก ทางนั้นฉันจัดการเอง”
“แต่ว่า...”
“นี่เป็นคำสั่ง” ครั้นถูกหญิงสาวกดเสียงต่ำ โชโตะเลยได้แต่นิ่วหน้าเจ็บใจและจำใจพยักหน้ายอมรับคำของอีกฝ่าย อาโอบะจึงดันตัวลุกขึ้นจากพื้นทันทีที่เห็น
“เอาล่ะ ไว้รอจน...”
ตูม!
ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ เสียงตูมตามจากที่ไกลโพ้นพลันดังก้องผืนป่าดึงความสนใจจากคนสองคนให้หันมองเป็นตาเดียว วินาทีนั้นคำสั่งของอาโอบะไม่มีผลกับโชโตะอีกต่อไป เด็กหนุ่มตรงดิ่งไปทางที่เป็นต้นเสียงปล่อยให้อาโอบะตะโกนเรียกสุดกำลังอย่างเปล่าประโยชน์ ควันสีดำลอยขึ้นสู่น่านฟ้าช่วยให้โชโตะสามารถวิ่งไปได้ไม่ลังเลพลันกู่ร้องในใจให้เพื่อนและรุ่นน้องของเขาปลอดภัย
แต่หากย้อนกลับไปก่อนจะเกิดเสียงอึกทึกในป่า...
บัดนี้บุคคลอันตรายได้ยืนอยู่หน้าประตูซึ่งเขากำลังงัดแงะประตูที่ล็อกปิดตายและจะเข้ามาในกระท่อมในอีกไม่ช้า พวกฮิเมะโกะที่อยู่ด้านในจำต้องรีบหาที่ซ่อนตัวโดยด่วนที่สุด นัยน์ตาสีแดงเลือดพลันกวาดมองทุกซอกมุมของกระท่อมทว่ากลับไม่มีสิ่งใดที่พอจะใช้ซ่อนได้เลยสักนิด
กึกกัก
“นี่มัน...” ฮินาวะก้มมองพื้นไม้ตรงจุดที่เขายืนอยู่ ปลายเท้าพลันลองสัมผัสและพบว่ามันกลวงคล้ายกับมีช่องว่างด้านใต้ ตอนนี้พวกเขาอยู่ใจกลางกระท่อมใกล้กับเตาผิงไฟ ยิ่งเวลาที่กระชั้นเข้ามาก็ยิ่งไม่ต้องคิดให้มากเรื่องอีกแล้ว!
“ทางนี้!”
เด็กหนุ่มรีบงัดพื้นด้านใต้ให้เปิดอ้าพลันเรียกสองสาวให้ลงไป ด้วยความว่องไวของฮินาวะทั้งสามเลยสามารถเข้าไปซ่อนที่ประตูลับใต้กระท่อมโดยไม่ลืมที่จะเก็บกวาดร่องรอยการเข้ามาของพวกเขา
ตึง!
ประตูไม้ด้านหน้าถูกเปิดออกด้วยแรงบิดมหาศาลจนลูกบิดบุบตามรอยมือหนา ฮู๊ดคลุมถูกดึงออกเผยให้เห็นชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีซากุระก้าวเท้าหนักเข้ามาจนเกิดเป็นเสียงตึงตังเช่นเดียวกับตัวกระท่อมที่สั่นตามแรงเหยียบ ดวงตาเรียวกวาดตามองภาพชวนคลื่นไส้ซึ่งตนเป็นคนทำอย่างไม่รู้สึกอะไร
เขาเพียงแค่ต้องการตรวจสอบความผิดปกติขณะที่ตนหายไปก็เท่านั้น
ร่างสูงเดินตรงไปยังเสาหลักของกระท่อมที่ถูกทำเป็นเตาผิงไฟเอาไว้ ก่อนย่อตัวลงพลันใช้มืออังความอบอุ่นอันน้อยนิดตรงหน้า โดยไม่รู้ว่าใต้เท้าของเขามีผู้บุกรุกสามคนซ่อนตัวอยู่
ในความมืดใต้ประตูเหล่าผู้ซ่อนตัวพากันปิดปากไม่ให้เสียงหายใจเล็ดลอด เดิมทีสถานการณ์ตอนนี้ก็แทบจะหายใจลำบากอยู่แล้ว ยิ่งรู้สึกถึงแรงยวบของไม้เหนือหัวทำเอาทั้งสามแทบจะขาดใจเพราะหากถูกอีกฝ่ายจับได้ล่ะก็พวกเขาคงไม่ต่างอะไรกับศพที่นอนอยู่พวกนั้น
แซ่ด
หัวใจวูบหล่นเมื่อจู่ ๆ อุปกรณ์สื่อสารข้างหูของฮิเมะโกะเกิดดังขึ้น และด้วยความเงียบสงัดขนาดที่เสียงหายใจยังสามารถได้ยิน เสียงซ่าจากเครื่องสื่อสารจึงเหมือนกับระเบิดที่กำลังจะจบชีวิตพวกเขารอมร่อ
ฮิเมะโกะสะดุ้งตัวพลันตั้งท่าจะเอื้อมมือปิดมันทว่าน้องชายของเธอเร็วกว่า ฮินาวะรีบดึงอุปกรณ์จิ๋วพร้อมขยี้มันในกำมือจนกลายเป็นเศษเหล็กชิ้นน้อยติดทั่วฝ่ามือ ไม่ทันจะได้โต้เถียงอะไรเสียงฝีเท้าจากคนเหนือพื้นไม้ก็ดังขึ้นแทรกเสียก่อนเพราะร่างกำยำในชุดคลุมที่ตัดสินใจจะดันตัวลุกเมื่อรับไออุ่นจากกองไฟมากพอแล้ว ก่อนจะเดินไปหาร่างของผู้เป็นพี่ที่นอนอยู่ในห้องครัว นัยน์ตาสีซากุระหม่นที่จดจ้องเซระเลื่อนมองตามตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติกับเธอ
“อดทนอีกหน่อยนะเซระ...เธอจะต้องปลอดภัย” เสียงแหบพร่านั่นฉายแววเป็นห่วงอย่างจริงใจ มือหนาช้อนร่างเล็กขึ้นในท่าเจ้าหญิง เขาหยุดยืนที่ประตูไม้ด้านหน้ากระท่อมทว่าสายตากลับจ้องมองทางข้างหน้าไม่ไหวติง กระทั่งสายลมหนาวพัดโชยผ่านเจ้าตัวจึงออกเดินในที่สุด
ส่วนบานประตูก็ถูกเปิดทิ้งไว้เช่นนั้นพร้อมกับร่างใต้ผ้าคลุมรุ่งริ่งที่ห่างออกไป
ณ ใต้ถุนของกระท่อม ทันทีที่จิตสัมผัสของฮิเมะโกะจับการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายว่าเริ่มไกลพอควร สามหนุ่มสาวจึงพากันออกมาอย่างเชื่องช้าและเงียบที่สุด ครั้นกลับขึ้นเหนือพื้นต่างคนต่างหอบหายใจยิ่งกว่าวิ่งมาราธอน รุ่นพี่สาวย่องเท้าไปที่หน้าประตูพลันชะเง้อมองผ่านช่องแคบจนแน่ใจแล้วจึงหันกลับมาหาน้องทั้งสองอีกครั้ง
“เกือบไปแล้ว ถ้าโดนเห็นคงแย่แน่”
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี่...จะเป็นฝีมือเขาคนเดียว” ซากิเอ่ยพลางจ้องมองโศกนาฏกรรมตรงหน้าก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสเบามือที่ไหล่
“เรื่องที่เกิดไปแล้วเราทำอะไรไม่หรอก พี่ว่าตอนนี้เราควรห่วงตัวเองไว้ก่อน”
“ค่ะ”
“เราควรรีบกลับไปสมทบกับคนอื่นนะ” ฮินาวะเอ่ยขณะก้าวออกมาจากทางใต้ดินเป็นคนสุดท้ายและเห็นผู้เป็นพี่ยืนเท้าเอวรออยู่ก่อนแล้ว
“มันก็ใช่ แต่ใครกันล่ะที่พังเครื่องสื่อสารทิ้งน่ะ!”
“ขอโทษได้ไหมล่ะก็มันเหตุสุดวิสัยนี่ ถ้าโดนเจอขึ้นมาพวกเราก็ตายกันหมดอยู่ดี”
“เฮ้อ แล้วทีนี้จะติดต่อกับพวกโชว์ยังไงล่ะเนี่ย”
“น่าจะพอติดต่อด้วยมือถือได้หรือเปล่า?” เด็กหนุ่มเสนอ
“ท่าจะยาก ตรงที่เราอยู่มันอับสัญญาณมากเลย ถ้าจะจุดปืนส่งสัญญาณก็ต้องแน่ใจก่อนว่าหมอนั่นจะไม่วกกลับมาอีก” ดวงตาสีแดงเลือดหรี่ลงพลางครุ่นคิดก่อนจะได้ยินเสียงหวานมาจากซากิ
“ฉันยังพอจำทิศที่พวกรุ่นพี่อยู่ได้ ถ้าตามทางไปแล้วประสานจิตไปด้วยก็น่าจะหาตัวเจอนะคะ”
“อื้อ เอาตามนั้นแล้วกัน รีบออกจากที่นี่เถอะ” ว่าจบรุ่นพี่สาวจึงเอื้อมแตะประตูเบา ๆ ก่อนจะแง้มมันออก นัยน์ตาสีแดงเลือดกวาดมองป่าทึบด้านนอกอย่างระแวดระวัง
เป็นเพราะบรรยากาศว่างเปล่าและสงบจนเกินไปจึงทำให้เด็กสาวกังวลที่จะออกจากตัวกระท่อม ทว่าเมื่อแหงนดูท้องฟ้าที่เริ่มแซมด้วยสีส้มจาง ๆ บ่งบอกว่าพวกเธอเสียเวลาอยู่ที่นี่นานเกินไปหากช้ากว่านี้คงไม่ได้การ ฮิเมะโกะจึงตั้งท่าจะก้าวนำออกไปก่อนเพื่อความปลอดภัย
ติ๊ด
“อะไรน่ะ? ว๊าย!” ไม่ทันจะได้สงสัยต้นตอของเสียงฮิเมะโกะก็ถูกแรงผลักจากผู้เป็นน้อง ส่งตัวเองกระเด็นไปนอกกระท่อมพร้อมกับคลื่นร้อนปะทุพัดเด็กสาวให้ลอยใกล้ไปอีก
ตูม!
เด็กสาวถูกแรงกระแทกพัดจนกลิ้งหลายตลบและชนเข้ากับต้นไม้แข็ง ความเจ็บแผ่ซ่านทั่วแผ่นหลังเล็กก่อนเจ้าตัวจะดันร่างที่สั่นเทิ้มให้ลุกขึ้นทว่าวินาทีที่ดวงตาสบกับเปลวเพลิงวูบวาบเบื้องหน้า ริมฝีปากพลันเปิดกว้างร้องเรียกชื่อคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอแทบขาดใจ
“ฮินะ! ซากิจัง!” นัยน์ตาเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำอุ่นสะท้อนภาพของกระท่อมไม้ ซึ่งบัดนี้ถูกแรงระเบิดเป่าครึ่งหนึ่งของมันให้ถล่มเป็นซากและถูกโหมด้วยเปลวเพลิงระอุ
ร่างบางฝืนความทรมานพยายามก้าวขาไปให้ถึงกองเพลิง แต่แล้วกลับถูกกระสุนเหล็กจากมุมมืดในป่าทึบขวางหน้าไว้ เพราะความว่องไวเธอจึงสามารถหลบมันได้ฉิวเฉียด ฮิเมะโกะชักดาบมาพลันตั้งท่าเตรียมต่อสู้ แต่ไม่ทันจะได้ระบุตำแหน่งคนร้ายไกปืนก็ถูกลั่นเข้าหาเธออย่างต่อเนื่อง ปลายดาบคมตวัดรวดเร็วปานสายลมปัดป้องวิถีกระสุนให้กระเด็นไปไกล
ปัง! ปัง! ปัง!
ฮิเมะโกะกวาดสายตาทุกซอกมุมของป่าขณะที่ปกป้องตัวเองจากกระสุนปืนไปด้วย แสงสว่างเป็นใจสาดสะท้อนลงบนอาวุธต้องห้ามใต้ร่มไม้จนเกิดประกายวิบวับชั่วขณะ เท่านั้นก็เพียงพอให้เด็กสาวคว้าคุไนเหล็กออกมาจากกระเป๋าพลันเขวี้ยงมันใส่ตำแหน่งที่เกิดแสงจนชะงักการลั่นไกได้ชั่วขณะ
ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ เธอพลันใช้ปืนยิงตะขอพาตัวเองเข้าใกล้เจ้าของปืนทันควัน นัยน์ตาสีแดงเลือดฉายภาพของชายใต้ผ้าคลุมเช่นเดียวกับปืนในมือเขาซึ่งถูกคุไนเสียบกลางปากกระบอกจนใช้งานไม่ได้ เด็กสาวอาศัยแรงเหวี่ยงตวัดขาใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างจัง แรงเตะส่งร่างสูงให้ถอยหลังไปหลายก้าวและเปิดช่องให้ปลายดาบคมพุ่งใส่ต้นคอหนา
เคร้ง!
ร่างกำยำรีบชักดาบใต้ผ้าคลุมออกมารับการโจมตีอย่างง่ายดาย แววตาตายด้านจ้องมองคนตัวเล็กกว่าไม่ไหวติง ริมฝีปากหน้าแสยะยิ้มราวชอบใจในความพยายามต้านแรงดาบด้วยแขนเล็กจ้อยสองข้างของเด็กสาว
“น่าเสียดายที่เธอดันออกมาจากบ้านก่อน ไม่งั้นคงได้ตายสบายไปแล้ว” ฮิเมะโกะสะดุ้งกับน้ำเสียงแหบพร่าแต่เรียบสงบนั่น สาวเจ้าตกผลึกทันทีว่าอีกฝ่ายคือคนที่พังกระท่อมเข้ามาและฆ่ากลุ่มนักล่าสัตว์พวกนั้น ตอนนี้เธอไม่สงสัยแล้วว่าทำไมเขาจึงยอมทิ้งกระท่อมไม้ไปอย่างง่ายดายโดยไม่ตงิดใจถึงพวกเธอที่แอบอยู่เลย
เพราะเขากำลังเล่นกับเหยื่อนี่เอง...
“แกต่างหาก ยังมีหน้ากลับมาปิดปากฉันอีกนะ ไม่กลัวหนีไม่รอดบ้างหรือไง!?”
“หมารับใช้ชินระอย่างพวกแกยิ่งมาเยอะฉันก็ยิ่งชอบ...” เขากดเสียงต่ำพร้อมออกแรงกดดาบของอีกฝ่ายให้ห่างจากตัวและตั้งท่าจะใช้อีกมือซึ่งว่างอยู่จับคนตัวเล็ก เมื่อฮิเมะโกะไม่สามารถฝืนแรงได้อีกต่อไปเธอจึงเลือกเบี่ยงตัวออกจากวิถีดาบที่ตวัดมาพลันดีดตัวออกห่างจากเขาให้มากที่สุด ซาโซริเลือกจะก้าวเท้าเนือย ๆ เข้าใกล้เหยื่อของเขา รอยยิ้มบ้าคลั่งแทบจะฉีกถึงหูนั่นยิ่งทำให้เด็กสาวอยากรีบช่วยพวกฮินาวะและหนีให้ไกลจากตัวอันตรายนี่โดยเร็วที่สุด
“ฮินะ...ซากิจัง...”
ชั่วขณะที่ดวงตาสีแดงเลือดเหลียวมองกระท่อมเพลิง ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะหนี ปลายเท้าหนาจึงส่งร่างสูงประชิดตัวเด็กสาวจนเธอไม่ทันตั้งตัว ฮิเมะโกะพลันอาศัยการตอบสนองเร็วยกดาบขึ้นมาและเหวี่ยงใส่ลำตัวกำยำทว่ามันกลับถูกปัดป้องได้ทัน
คมดาบลองเล่มปะทะกันไปมาใต้ความร้อนระอุและควันพิษจากเปลวเพลิง บัดนี้มันเริ่มจะลามจากต้นไม้ใกล้เคียงสู่อีกต้นหนึ่งควันสีดำพลันคุกรุ่นรอบตัวทั้งสองกลายเป็นอุปสรรคสำหรับฮิเมะโกะ แม้เธอจะสามารถประสานจิตกับคู่หูได้ตั้งแต่วินาทีที่กระสุนนัดแรงจะถึงตัวก็ตาม แต่การสูดควันพิษท่ามกลางการต่อสู้เป็นการตัดกำลังเอามากทีเดียว
“แบบนั้นแหละ สูดมันให้เต็มปอด!” ซาโซริฉีกยิ้มชวนขนลุกให้ สำหรับร่างสูงมลพิษรอบกายกลับไม่ได้ทำลายอวัยวะส่วนใดเลยแม้แต่น้อย
หรือถึงจะทำลายเขาก็ถูกความสนุกที่ได้เล่นกับเหยื่อกลบจนสิ้นไปแล้ว
ร่างกายไร้เทียมทานนี่ไม่ได้เกิดกับฮิเมะโกะ บัดนี้ดวงตาสีแดงเลือดเริ่มวูบไหวจากอาการวิงเวียน ภาพเบื้องหน้ามัวจนมองไม่ชัดเช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวซึ่งทื่อลง ก่อนความรู้สึกอึดอัดและปวดร้าวจะหยุดอยู่ตรงต้นคอนวลเมื่อร่างกำยำสบโอกาสคว้ามันไว้สำเร็จ
“อึก!...” ฮิเมะโกะถูกยกลอยเคว้งกลางอากาศไร้ซึ่งแรงต่อต้าน แต่หากเธอยอมแพ้ตรงนี้ก็เท่ากับนั่งรอความตายและตราบใดที่ยังไม่ได้ช่วยพวกน้องชายออกมา...
เธอก็ไม่คิดจะยอมตายง่าย ๆ
มือเรียวพลันฮึดแรงตวัดปลายดาบแทงทะลุซี่โครงของคนตรงหน้า เลือดอุ่นไหลเยิ้มสีข้างกำยำพลันเอ่อนองบนพื้นโคลน
“เธอกำลังทำฉันเสียเวลานะ ช่วยรีบ ๆ ตายจะได้ไหม?” เขาเอ่ยหน้าตาเฉยก่อนจะใช้มือที่ว่างอยู่ดึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกจากร่างกายและเขวี้ยงมันให้ห่างจากเจ้าของ ทั้งยังเพิ่มแรงบีบหวังจะให้กระดูกแหลกละเอียด
ฮิเมะโกะไม่มีกำลังขัดขืนอีกต่อไป ร่างบอบช้ำพลันถูกทุ่มตัวลงกับพื้นดินทั้งที่ยังจับต้นคอแน่น การหายใจติดขัดยิ่งกว่าเดิมไม่ต่างกับเสียงในหูที่อื้ออึงไปหมด แม้แต่สายลมพัดคลอก็ไม่สามารถรับรู้ นัยน์ตาสีแดงเลือดสะท้อนภาพของดาบคมซึ่งค่อย ๆ เคลื่อนสัมผัสใต้คาง ความร้อนจากคลื่นเปลวเพลิงทำให้เนื้อเหล็กแพร่ความร้อนกระจายผ่านผิวหนังจนปวดแสบทรมาน ทว่าในตอนนี้มันยังไม่น่ากลัวเท่าสายตาด้านชาและหิวกระหายของคนตรงหน้าด้วยซ้ำ
“ไอ้...ฆาตกร...เลวทราม!”
“ฆาตกรมันคือพวกแกต่างหาก!” ชายหนุ่มตะคอกกลับพลันออกแรงบีบคนใต้ร่างหวังให้แหลกสลาย ดวงตาสีซากุระหม่นสั่นไหวด้วยโทสะเช่นเดียวกับริมฝีปากซึ่งเป็นห้อเลือดจากแรงกัด มือหนากดดาบในมือให้กินผิวหนังเนียนลึกขึ้นจนเลือดซิบ
“พรากชีวิตคนอื่นได้หน้าตาเฉย...”
“ใครกันแน่ที่ควรเรียก ฆาตกร น่ะ!?”
to be continue….
======================================
มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ
ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3
つづく、psrpowder