จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
“อยากปกป้อง...สินะ”
ริมฝีปากได้รูปของไคโตะโค้งยิ้มกริ่มพลางยักคิ้วชอบใจ ผิดกับนาโอริที่ได้แต่ก้มหน้างุดไม่ยอมขยับแถมยังรู้สึกร้อนทั่วทั้งหน้าอีกต่างหาก
“ม มันแค่เจ็บใจที่เห็นเขาโดนชิงตัวไปต่อหน้าต่อตาหรอก ไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นนะ!”
“ก็ได้ ผมเชื่อ”
“ถ้าเชื่อก็หยุดยิ้ม!” คนเขินหลับตาปี๋พลันตะโกนลั่น แต่มันอาจไม่ได้ผลเท่าไหร่เพราะเจ้าหนุ่มแว่นยังคงวาดยิ้มแหย่เธอไม่หายและไม่วายถูกตีเข้าที่แขนอย่างจังจนต้องอุทานออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนถูกแผ่นพลาสติกตีกับผิวจนแสบซ่านไปทั้งแขน ตอนนี้ไคโตะแทบจะชาทั้งแขนทั้งหูเพราะเพื่อนสาว ทำให้เขาต้องยกมือยอมแพ้ก่อนจะได้เสียแขนไปจริง ๆ
“ผมล้อเล่นน่า ได้ยินความตั้งใจแบบนั้นก็คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้วล่ะ...ว่าแต่เธอรู้รายละเอียดการคัดเลือกหรือยัง?”
“ยังเลย ทำไมเหรอ?” นาโอริส่ายหน้าทันควัน
“โธ่ ถ้าไม่รู้แล้วจะเตรียมตัวฝึกยังไงล่ะครับ” ไคโตะถอนใจพร้อมก่ายหน้าผากเหนื่อยหน่าย ส่วนคนที่ต้องเข้าคัดเลือกก็ได้แต่เหงื่อตกครั้นท่าทีเพื่อนหนุ่มเริ่มจะทำให้เธอกระวนกระวายตามไปด้วย
“มันมีอะไรพิเศษงั้นเหรอ?”
“ผมก็ไม่รู้รายละเอียดหรอก แค่คิดว่ามันควรจะมีน่ะ”
“งั้นฉันคงต้องถามซาโตชิซังดู” ว่าจบมือเรียวจึงยกมือถือคู่ใจขึ้นมาและจรดพิมพ์เรื่องที่ต้องการจะถามไปให้ชายหนุ่มทันใด
นาโอริไม่ได้คาดหวังให้อีกฝ่ายตอบภายในทันที ทว่าคนที่พวกเขากำลังพูดถึงคือซาโตชิที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาจากโชโตะว่าทำอะไรรวดเร็วเสมอ ยังไม่ทันจะได้เก็บมือถือเข้ากระเป๋าเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นแทบจะวินาทีต่อวินาที ครั้นยกมาอ่านอีกครั้งจึงเห็นว่าชายหนุ่มจัดแจงส่งข้อมูลรายละเอียดยิบย่อยให้อย่างครบถ้วน พร้อมทั้งกำชับให้ฝึกซ้อมเป็นประจำอีกต่างหาก
ไม่ใช่ว่าเขาขับรถอยู่งั้นเหรอ?....แล้วไปเอาเวลาไหนมาพิมพ์ล่ะเนี่ย
“เดี๋ยวนะ ทดสอบเยอะขนาดนี้เลยเรอะ!?”
“ทหารนี่นะ ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่” นัยน์ตาสีเทาใต้กรอบแว่นสะท้อนตัวอักษรบนหน้าจอกระจกเกี่ยวกับรายการการทดสอบที่ต้องปฏิบัติซึ่งเป็นการดูทักษะทั่วไปของผู้เข้าสมัคร รวม ๆ แล้วควรเรียกว่าทดสอบสมรรถภาพเสียมากกว่า
“กีฬาแต่ละอย่างก็เป็นที่โรงเรียนฝึกให้เป็นประจำ แถมยังมีทดสอบทักษะดาบด้วย ชิสึจิซังน่าจะสบายนะ”
“ต แต่ฉันจะไปสู้คนที่ฝึกทหารได้เหรอ?” ร่างบางห่อตัวเหี่ยวเฉาพลางถอนใจ หน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าไปใหญ่
“ทำไมจะไม่ได้เล่า พวกเขาก็คนเหมือนกัน ฝึกเพิ่มอีกหน่อยยังไงก็ตามทัน”
“ขอบคุณที่ให้กำลังใจนะ....จะลองพยายามดูแล้วกัน”
“จะนึกหน้าองค์ชายตอนฝึกไปด้วยก็ได้นะครับ เผื่อมีไฟ”
“ม ไม่ต้อง!” หนุ่มแว่นผู้โชคร้ายโดนฝ่ามือไปอีกดอก จนเขาชักเริ่มสงสัยตัวเองว่าเป็นพวกเสพติดความเจ็บปวดหรืออย่างไรถึงไม่รู้จักเข็ดเสียที นาโอริเองก็ได้แต่เบ้ปากหงุดหงิดใจกับความขี้เล่นของคนตรงหน้า แต่สมองตัวดีก็ดันคิดไปตามคำพูดเจ้าตัวเสียได้ เพราะใบหน้าของโซอิจิโร่ยังประทับในความคิดไม่ยอมหาย อากาศรอบด้านจึงพลันร้อนขึ้นอย่างกับเข้าไปนอนในเตาอบ
“พอเรื่องล้อเล่นแล้วมาคิดหาทางฝึกกันดีกว่านะครับ”
“เพราะใครกันล่ะ ฮึ่ม!” สาวเจ้าพองแก้มใส่ไคโตะทันควัน
“ฮ่า ๆ...แล้วเธอจะให้ใครฝึกให้เหรอ ถ้าเกี่ยวกับทหารพวกอาจารย์ก็น่าจะช่วยได้เพราะพวกเขาก็เป็นทหาร....”
“ก็นายไง?” ไคโตะแทบสำลักเมื่อได้ยิน หนำซ้ำเด็กสาวยังจ้องมายังเขาเหมือนเป็นเรื่องที่ตั้งใจอยู่แล้วด้วย
เอาแล้วไง....
“ไม่ใช่ความคิดที่ดีมั้งครับ ไปขออาจารย์น่าจะเวิร์กกว่านะ”
“แต่ช่วงนี้มันวันหยุด จะหาอาจารย์จากไหนเล่า?”
เป็นอย่างที่นาโอริกล่าว ในทุกวันหยุดของโรงเรียนทั้งอาจารย์และนักเรียนจะได้รับอนุญาตให้ไปไหนอย่างอิสระ ฉะนั้นเวลานี้ในชิบุนางิจึงค่อนข้างเงียบเป็นพิเศษและไม่เห็นแม้แต่เงาคน มีแต่ต้องรอให้หมดช่วงพักผ่อนก่อนถึงจะตามตัวอาจารย์ของพวกเขาเจอ เจ้าของเรือนผมสีฟ้าครามที่เข้าใจเหตุผลนี้จึงหมดหนทางแย้งนาโอริพร้อมกับยอมตอบรับตกลงไปทั้งอย่างนั้น สุดท้ายการฝึกเฉพาะกิจก็จะเริ่มขึ้นที่โรงยิมในวันพรุ่งนี้จนได้
.
.
.
เช้าวันต่อมาร่างบางดีดตัวตื่นแต่เช้าเพื่อนเตรียมตัว กระทั่งถึงเวลานัดหมายเธอจึงวิ่งแจ้นออกจากหอพักด้วยชุดวอร์มของโรงเรียนเตรียมพร้อมเปียกโชกด้วยเหงื่อไคล นาโอริเดินลัดเลาะเส้นทางคุ้นเคยท่ามกลางความเงียบเชียบก่อนจะก้าวเท้าผ่านทุ่งดอกฮิกันบานะสีแดงฉานและสังเกตเห็นหลังคาหนึ่งในปราสาททรงญี่ปุ่นอยู่รำไร
“สู้ตาย!” นัยน์ตาสีซากุระสะท้อนภาพของมันชัดเจนราวเน้นย้ำว่าต้องทำเพื่อใคร
เดินอีกพักหนึ่งในที่สุดก็มาถึงโรงยิมกว้างซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตึกเรียนหลักนัก สาวเจ้าพบว่าประตูของมันถูกเปิดเอาอยู่จึงคาดไว้ว่าคงเป็นไคโตะที่มาถึงก่อนเธอ และทันทีที่ชะโงกหน้าเข้าไปก็พบกับเจ้าของเรือนผมสีฟ้าครามกำลังยืดเหยียดร่างกายอยู่พอดี
“ฉันมาแล้ว!”
“โอ๊ะ ผมกำลังอบอุ่นร่างกายอยู่เลย เธอก็มาด้วยสิ” ว่าจบนาโอริจึงไปร่วมยืดเส้นสายอบอุ่นร่างกายพร้อมกับเพื่อนหนุ่มจนเนื้อตัวเริ่มร้อนผ่าวบ่งบอกว่าพร้อมสำหรับสนามจริง ทั้งคู่จึงเปลี่ยนมายืนกลางสนามแทน
“วันนี้เราจะเริ่มจากการประดาบก่อน ชิสึจิซังจะได้เคาะสนิมด้วย”
“ดีเลย ไม่ได้แกว่งดาบมาหลายวัน ฝีมือทื่อหมดแล้ว” เด็กสาวยิ้มกว้างพลางชูกำปั้นขึ้นมาอีกฝ่ายเห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาก่อนจะเอื้อมหยิบบางอย่างจากกระเป๋ากางเกง มันคือม้วนผ้าสีกรมท่าขนาดเท่ากำมือซึ่งถูกเก็บรักษาอย่างดี
“ที่นายถืออยู่คืออะไรเหรอ?”
“มันคือผ้าแม่เหล็ก เอาไว้พันกับคมดาบเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันใครเข้าน่ะครับ” ไคโตะกล่าวขณะชักดาบของตนออกมาและใช้ปลายผ้าทาบกับคมดาบ แม่เหล็กตอบสนองตามชื่อพลันยึดตัวติดกับเนื้อเหล็กแน่น เขาใช้มันพันวนไปเรื่อย ๆ จนสุดปลายก่อนจะยื่นอีกอันหนึ่งให้นาโอริไปใช้
“ผมคิดว่าชิสึจิซังน่าจะยังไม่มีเลยเอามาเผื่อครับ ถือว่าเป็นของขวัญฉลองออกจากโรงพยาบาลจากผมก็แล้วกันนะ”
“โอ้ ขอบใจนะ!” เด็กสาวยิ้มร่าและรับมันมาพันกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์
บัดนี้ดาบของทั้งคู่ต่างถูกหุ้มด้วยผ้าสีเข้ม สาวเจ้าลองใช้มันตีกับมือและพบว่าเนื้อของมันมีความคล้ายเหล็กยิ่งกว่าผ้าเสียอีกทว่าคมของดาบกลับทื่อพอที่จะไม่สร้างอันตรายต่อคู่ฝึกซ้อม นาโอริได้แต่ผิวปากประทับใจกับวิทยาการล้ำสมัย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้รู้จักกับของแปลกตาเช่นนี้
“อุปกรณ์ป้องกันก็พร้อมแล้ว พร้อมเริ่มแมชต์อุ่นเครื่องหรือยังครับ?”
“จัดมาเลย!” ร่างบางวาดยิ้มตื่นเต้นพร้อมตั้งดาบไว้เบื้องหน้า
ไม่พูดพร่ำทำเพลงนาโอริจึงเป็นฝ่ายเปิดก่อน ปลายเท้าดีดตัวเข้าหาอีกฝ่ายและวาดดาบใส่สุดแรงเกิดเสียงเหล็กกระทบกันกังวานไปทั้งโรงยิม ดาบสองเล่มต้านแรงกันอยู่พักหนึ่งก่อนจะเป็นฝ่ายเด็กสาวที่แพ้การต้านดาบจนถูกดันจนเซถอยไปไกล นาโอริรับรู้ทันทีว่าร่างกายของตนยังไม่กลับเข้าที่ตามคำกล่าวของแพทย์ ไม่เช่นนั้นเธอคงเอาชนะแรงของอีกฝ่ายได้สบาย ๆ
“งัดสุดแรงตั้งแต่เริ่ม ระวังจะเหนื่อยเร็วนะครับ!”
ชั่วพริบตาที่ใจล่องลอยไปกับความคิด รู้ตัวอีกทีร่างสูงก็เข้ามาประชิดตัวและตวัดการโจมตีเข้าใส่อย่างรวดเร็ว นาโอริยกดาบมารับได้ฉิวเฉียดพลันรับส่งการโจมตีไปมา ดวงตากลมพยายามเคลื่อนตามท่วงท่าของไคโตะทว่าเรื่องความช่างสังเกตเธอยังเป็นรองเขามาก ไม่ว่าสาวเจ้าจะสวนกลับช่องโหว่ของเขาเท่าใดก็ถูกเจ้าหนุ่มแว่นป้องกันได้ทัน มิวายหาจังหวะสวนกลับจนนาโอริแทบจะเสียท่า หนำซ้ำทุกครั้งที่จ้วงแทงพลาดเป้าร่างบางที่เสียแรงชักดาบกลับมาก็ถูกสูบพละกำลังไปมากโขจนหอบหายใจถี่ทั้งที่ยังประดาบได้ไม่เท่าไหร่นัก
“หมอนี่จงใจสร้างช่องโหว่ให้เราเสียแรงเล่น?” เด็กสาวพึมพำขณะหลบวิถีดาบฉวัดเฉวียนนั่น
เมื่อเห็นท่าไม่ดีนาโอริจึงกระโดดทิ้งระยะห่างจากร่างสูง เปิดโอกาสให้ตัวเองปรับลมหายใจพลางกระชับด้ามดาบในมือ การรับรู้พื้นที่รอบตัวพลันขยายกว้างเช่นเดียวกับเสียงรอบกายที่ถูกลบออกจนเหลือเพียงฝีเท้าหนักจากแรงวิ่งของคู่ต่อสู้ บัดนี้หัวใจเริ่มสูบฉีดจนระรัวพาให้ร่างกายร้อนวูบวาบ นัยน์ตาสีซากุระมองตรงเบื้องหน้าสะท้อนภาพของไคโตะที่กำลังวิ่งเข้าหาเธออย่างเชื่องช้าคล้ายเทปยืดยาน
“เวลาจริง ไม่มีใครเขาเปิดช่องให้ประสานจิตหรอกนะครับ!” เด็กหนุ่มหัวเราะหึพลางง้างคมดาบขึ้นสูงพอดิบพอดีกับที่นาโอริเบิกตาจับจ้องท่วงท่าตรงหน้าจนตกผลึกและตั้งคมดาบขึ้นมาปัดการโจมตีสำเร็จ วินาทีที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ปะทะกันพลันดีดตัวออกจากหัน ร่างสูงที่ไร้ซึ่งการป้องกันจากแรงปะทะของดาบจึงเปิดโอกาสให้เด็กสาวสลับดาบไปไว้มือซ้ายพร้อมส่งแรงเหวี่ยงใส่คู่ต่อสู้อย่างจัง
“อึก!”
จู่ ๆ นาโอริกลับต้องกัดฟันสะกดความทรมานชั่วพริบตาราวกับถูกคลื่นไฟฟ้าช็อตเข้าที่มือ ความเจ็บแผ่ซ่านตรึงปลายนิ้วบังคับให้ทื่อไปจนเผลอเปิดช่องให้เจ้าของเรือนผมสีฟ้าครามเหวี่ยงดาบเสยมือเรียวปัดอาวุธศักดิ์สิทธิ์กระเด็นกระดอนไปไกล เมื่อดาบหลุดมือจึงเหมือนเชือกฟางที่เชื่อมดวงจิตนั้นขาดสะบั้น ภาพเบื้องหน้าพลันวูบไหวเช่นเดียวกับสติสัมปชัญญะและการทรงตัวที่หายสิ้น ทำเอานาโอริลงไปนั่งกอบโกยอากาศบริสุทธิ์กับพื้นเรียบ
“ชิสึจิซัง!?” ไคโตะพลันวิ่งเข้าไปช่วยประคองร่างบางทันควัน
“เป็นอะไรไหมครับ เกิดอะไรขึ้น?”
“ม ไม่เป็นไร พอเลิกประสานจิต...จะเป็นแบบนี้ตลอดน่ะ” นาโอริเอ่ยปนหอบตัวโยนขณะกำแขนเสื้ออีกฝ่ายแน่นเพื่อคลายความทรมาน
“เรื่องประสานจิตผมพอรู้อยู่บ้าง...แต่เมื่อกี้จู่ ๆ เธอก็ปล่อยแรงจากดาบเสียดื้อ ๆ ถ้าไม่ยั้งไว้คงนิ้วซ้นแน่”
“อ อือ ขอบใจนะ” ดวงตาสีซากุระลอบมองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตนพลางลูบคลำมือข้างซ้ายที่ยังปวดตุบ ตอนนี้เธอสามารถขยับมันได้ตามใจนึกผิดกับเมื่อครู่
“มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้นเหรอครับ?” ไคโตะย่นคิ้วเป็นกังวลพลางจ้องอีกฝ่ายไม่วาง เขาได้ฟังความรู้สึกชั่วพริบตาก่อนที่นาโอริจะปล่อยดาบและเป็นต้องขมวดคิ้วยิ่งกว่าปม เพราะอาการที่คล้ายถูกไฟฟ้าตรึงร่างกายไว้เนี่ย...ตนไม่เคยพบหรือแม้แต่อ่านเจอเกี่ยวกับเหตุการณ์เช่นนั้นมาก่อน มันเลยยิ่งทำให้นาโอริกังวลกว่าเดิมเพราะขนาดคนที่รอบรู้อย่างไคโตะก็ไม่สามารถให้คำตอบเธอได้
“ไม่เป็นไรครับ อาจจะเป็นผลข้างเคียงเพราะห่างการฝึกซ้อม ทางที่ดีเราลองกันอีกรอบดีกว่า”
“เข้าใจแล้ว” ว่าจบร่างบางจึงเดินไปหยิบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มเอ่ย
“ฉันขอโทษ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร”
“ไม่ใช่ความผิดนายนี่ ถ้าซ้อมต่อไปเรื่อย ๆ คงดีขึ้นแหละ” นาโอริยกยิ้มไม่เต็มที่นักพลางเดินกลับมาประจันหน้ากับเพื่อนหนุ่มกลางสนามอีกครั้ง
คราวนี้เขาบอกให้เธอประสานจิตเตรียมเอาไว้และเริ่มปะทะกัน กระทั่งทดลองอยู่หลายรอบก็ได้ข้อสรุปชัดเจนว่าครั้งแล้วครั้งเล่าที่เด็กสาวสามารถจับจังหวะคู่ต่อสู้ได้และตั้งใจจะโจมตีกลับ อาการปวดแปล๊บที่มือจะกำเริบจนต้องจำใจปล่อยมือจากอาวุธก่อนคมดาบทื่อจะแตะตัวอีกฝ่ายทุกครั้ง ยิ่งตัดการเชื่อมจิตแบบผิดวิธีซ้ำไปมาสาวเจ้าก็เริ่มหมดแรงลงเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดนาโอริจึงถูกเพื่อนหนุ่มบังคับให้นั่งพักอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่เธอจะเป็นลมล้มพับหรืออันตรายกว่านั้น
“ทำไม...ทำไมต้องมาเป็นอะไรเอาตอนนี้ โธ่เอ๊ย!” มือเรียวกำด้ามดาบแน่จนสั่นเทิ้มพลันง้างมันขึ้นด้วยความฉุนเฉียวและตั้งใจจะฟาดระบายโทสะ แต่ก็ได้ไคโตะเข้ามาห้ามทันเวลา
“อย่าใช้อารมณ์สิ! ใจเย็น ๆ ก่อน”
“ต แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้จะไปรอดการคัดเลือกได้ยังไง!?” ดวงสีซากุระสั่นรัว เธอเบะหน้าราวจะร้องไห้ออกมาเสียเดี๋ยวนี้ ไคโตะจึงได้แต่ดึงสติเพื่อนตนให้กลับมา
“เพิ่งจะวันแรกเองครับ เรายังสามารถแก้ไขมันได้นะ อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างนั้นสิ”
“ฉ ฉัน...”
“ให้โอกาสฉันแก้ตัวนะ นาโอริ” จูลิโอ้เอ่ยเรียกให้ต้องก้มมอง น้ำเสียงอ่อยแฝงความรู้สึกผิดนั้นทำให้เด็กสาวตระหนักได้ว่าตนเผลอโยนความผิดให้คู่หูโดยไม่รู้ตัว เมื่อครู่ก็เกือบจะระบายอารมณ์กับสิ่งล้ำค่าของตัวเองไปแล้ว นัยน์ตาสีซากุระจึงหรี่ลงให้สะท้อนภาพดาบคาตานะสีน้ำเงินแจ่มชัด
“ฉันต่างหากที่ใจร้อนไป....ขอโทษนะคู่หู” สาวเจ้าเอ่ยพลางแนบคมดาบทื่อกับแก้มนิ่มอย่างไม่เกรงกลัวจะถูกบาด สัมผัสเย็นเฉียบจากเนื้อเหล็กที่ทะลุผ้าออกมาแตะกับผิว หวังช่วยให้จิตใจว้าวุ่นของเธอสงบลง เช่นเดียวกับลมหายใจซึ่งกลับมาสม่ำเสมอดังเดิม ทว่าคนไม่สงบใจเห็นทีจะเป็นไคโตะแทนเพราะถึงจะมีอุปกรณ์คอยป้องกันคมดาบอยู่ แต่เอาไปแนบหน้าแบบนั้นมันก็อันตรายอยู่ดี!
“ง งั้นเรามาลองกันไหมนะครับ ผมเชื่อว่ามันต้องมีทางออกแน่!”
“อื้อ...หวังว่าจะหาทางแก้ได้นะ เนอะจูลิโอ้” ใบหน้าสวยวาดยิ้มโล่งใจเมื่อได้ยินเสียงฮัมตอบจากคู่หูก่อนจะเบนมองเจ้าของเรือนผมสีฟ้าครามตรงหน้า เขาพยักหน้าให้ราวรู้ว่าสาวเจ้าต้องการสื่ออะไรจึงช่วยพยุงร่างบางให้ยืนขึ้นและพากันกลับไปกลางสนามอีกครั้ง
“เหมือนว่าเราต้องเริ่มฝึกโดยไม่ใช้การประสานจิตดูก่อน เพื่อสังเกตว่าจะมีอาการแบบเดียวกันไหม”
“ตอนสู้ครั้งแรกฉันก็ไม่ได้ใช้นะ แล้วมันก็ไม่มีอาการด้วย”
“แค่ระยะสั้นนี่ครับ ไม่แน่ว่าอาจจะให้ผลช้ากว่าตอนประสานจิตก็ได้” ยิ่งฟังเช่นนั้นเม็ดเหงื่อก็ยิ่งผุดข้างขมับของนาโอริมากกว่าเก่า ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนกำลังเสี่ยงดวงกับเรื่องสำคัญอยู่เลยล่ะ
“ถ้าพอมีคนแนะนำได้ก็ดีสิ...”
ตริ๊ง!
ดุจเสียงสวรรค์จากโทรศัพท์คู่ใจ นาโอริพลันวิ่งไปคว้ามันมาดูและพบว่าเป็นข้อความจากซากิที่เล่าเกี่ยวกับภารกิจที่เกิดความล่าช้าของเธอ สาวเจ้าจึงรีบตอบกลับหาเพื่อนสาวทันควันพร้อมเล่าเรื่องการฝึกเพื่อเข้าคัดเลือกองครักษ์ให้ฟังจนเป็นเหตุให้อีกฝ่ายต่อสายมาหา
และจำเป็นต้องเท้าความกันยืดยาวถึงเพียงนี้...
.
.
.
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ”
นาโอริเป่าปากเพราะความเหนื่อยจากการเล่าเรื่องเป็นเวลานาน รวมถึงโล่งใจเป็นที่สุดที่เธอสามารถหาทางกลบเรื่องความลับของโซอิจิโร่ได้แม้จะกล่าวถึงเขาด้วยเนือง ๆ ก็ตาม
“ให้ตายสิเธอเนี่ย...ทำอะไรตามใจชอบชะมัด” ฮินาวะย่นคิ้วหงุดหงิดหลังจากฟังเรื่องแสนยาวเหยียดตลอดการเดินออกจากป่า
“ก็ฉันมีเหตุผลของฉัน นายไม่เข้าใจก็เรื่องของนาย”
“เหอะ แต่ถึงอย่างนั้น...”
“โอเค ใจเย็น ๆ ก่อนนะทั้งสองคน” เสียงนุ่มจากรุ่นพี่หนุ่มดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่ลดความเร็วมาเดินข้างซากิ เขายกยิ้มให้โมโมเสะคนน้องพาให้เจ้าตัวต้องหันหน้าหนีและปิดปากเงียบ
“เรื่องที่ตัดสินใจไปแล้วก็ช่วยไม่ได้ แต่พี่อยากรู้เกี่ยวกับอาการหลังประสานจิตมากกว่า” นาโอริที่ได้ยินเช่นนั้นจึงอธิบายมันกับโชโตะ คิ้วหน้าพลันขมวดครุ่นคิดก่อนจะหันไปตอบปลายสาย
“แปลกมาก ปกติถ้าเคยประสานจิตกันแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาระหว่างดาบกับผู้ใช้นี่นา...เป็นไปได้ไหมว่าลึก ๆ แล้วจิตสำนึกของนาโอริจังกับดาบกำลังต่อต้านกัน?”
“เอ๊ะ ไม่มีทาง จะเป็นไปได้ยังไงคะ?” สามเจ้าแย้งเสียงแข็งทันควัน บัดนี้เธอ ณ อีกฟากของสายก็เลิกคิ้วฉงนไม่ต่างกับสมาชิกคนอื่น ๆ
“พี่แค่เดาน่ะ ถ้าไม่เห็นด้วยตาคงไม่รู้”
“งั้นพวกเราก็กลับไปช่วยนาโอริจังฝึกเสียเลยสิ!” ฮิเมะโกะโพล่งขึ้นพร้อมรอยยิ้มและกวาดตามองสีหน้าแต่ละคนราวต้องการคำตอบ ก่อนจะเป็นเพื่อนหนุ่มของเธอที่พยักหน้าเห็นด้วย
“ไม่เลว ในเมื่อสมาชิกกำลังเจอปัญหา พวกเราก็ควรช่วยให้เต็มที่...ว่าไหมทุกคน?”
“ฉัน/ผมเห็นด้วย” ซากิตอบรับแข็งขันพร้อมกับเสียงร่าเริงของไคโตะจากปลายสาย ไม่นานทุกสายตาจึงจับจ้องหาเจ้าของเรือนผมสีบ๊วยแดงคนน้องซึ่งยังไม่ยอมให้คำตอบ แรงกดดันนั้นช่างมหาศาลจนหากเขาเลือกปฏิเสธมีหวังได้โดนจองล้างจองผลาญชั่วกัปกัลป์แน่นอน
“ทุกคนว่ายังไง...ก็ตามนั้น” ครั้นได้ยินเสียงสุดท้ายเอ่ยห้วน ๆ กลับมาเด็กสาวผู้อยู่ปลายสายจึงส่งเสียงหวานมาทันใด
“ขอบคุณทุกคนมากนะ...” นาโอริวาดยิ้มใจฟู ต่อให้อยู่ห่างไกลก็ยังสัมผัสไออุ่นของคนเหล่านี้ได้ชัดเจน
“งั้นไว้เจอกันที่โรงเรียนนะ นาโอะจัง”
“เดินทางปลอดภัยนะทุกคน....อ้อ ฝากขอบคุณอาโอบะซังด้วยนะ” ทุกสายตาต่างเบนไปหาร่างเพรียวที่ย่นคิ้วสงสัยอยู่ก่อนแล้ว
“เธอจะขอบคุณทำไม ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ซาโตชิซังบอกว่าคุณเป็นห่วงฉัน เขาเลยมาคอยดูแลฉันแทน ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ” หญิงสาวเผลอมุ่ยหน้าทันทีที่ได้ยินว่าเพื่อนร่วมงานพ่วงตำแหน่งหัวหน้าของเธอดันเผาเธอเสียได้ แต่ก็ได้แค่พยายามส่งเสียงฮึดฮัดกลบเกลื่อนไปเท่านั้น
“หึ ถ้ารู้แล้วก็อย่าหาเรื่องใส่ตัวอีกล่ะ”
“ค่า แหะ ๆ” ได้ยินเช่นนั้นอาโอบะจึงเบือนหน้าหนีพลันลอบยิ้มออกมา ดูเหมือนเธอจะได้รับการเยียวยาจากความหงุดหงิดของภารกิจไม่มากก็น้อยแล้วล่ะ
ติ๊ด
การติดต่อสิ้นสุดเท่านี้ เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้วางมือถือคู่ใจบนพื้นเรียบก่อนจะยกคู่หูขึ้นมา แสงแวววับจากคมดาบที่สะท้อนผ่านเนื้อผ้ามาให้เห็นกำลังประทับบนนัยน์ตาสีซากุระ เช่นเดียวคำพูดของรุ่นพี่ซึ่งกังวานในความคิดไม่ยอมห่าง
“จูลิโอ้กับฉัน....กำลังต่อต้านกัน?” นาโอริพึมพำพลางจมดิ่งในภวังค์
ทว่าทันใดนั้น...
“จำเอาไว้นะ....”
ดวงตาสีซากุระพลันเบิกกว้างเมื่อนึกย้อนถึงน้ำเสียงอบอุ่นของใครคนหนึ่งในห้วงฝัน
“อย่าให้มัน...อย่าให้มุรามาสะควบคุมเธอได้”
to be continue….
======================================
มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ
ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3
つづく、psrpowder