จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
ท้องฟ้ากว้างยามค่ำคืนแต่งแต้มด้วยประกายระยิบระยับพร่างฟ้า บ่งบอกช่วงเวลาพักกายพักใจของคนเดินดิน บัดนี้หน่วยสำรวจเฉพาะกิจได้กลับมายังฐานของตนพร้อมสะสางงานวุ่นวายต่อ อาโอบะที่จัดการส่งเหล่าเด็ก ๆ จนถึงหอพักอย่างปลอดภัยก็รีบกลับมา ณ ตึกชินระและตรงดิ่งไปยังห้องกระจกแห่งเดิมเพื่อพบกับซาโตชิ มือเรียวออกแรงผลักประตูด้วยความเร่งรีบก่อนจะเห็นเจ้าของเรือนผมสีชมพูก้มหน้าก้มตากับเอกสารกองหนึ่งอยู่ ไม่นานเขาก็สังเกตเห็นเธอ
“กลับมาแล้วเหรอ โอสึคาเระ (ขอบคุณที่เหนื่อย)”
“ฉันมีเรื่องจะรายงาน” ซาโตชิเลิกคิ้วสูงกับท่าทีกะทันหันของอีกฝ่าย แต่ก็เปิดหูตั้งใจฟังอย่างดี
อาโอบะจึงรายงานเรื่องที่เกิดในป่าทึบนั่นโดยละเอียด ทั้งเรื่องเจ้าหน้าที่ที่รอดชีวิตเพียงคนเดียว รายชื่อผู้ร่วมงานผู้โชคร้ายคนอื่นและเรื่องที่เจ้าของความวุ่นวายทั้งหมดนี้เป็นเพียงฝีมือของผู้ชายตัวคนเดียวเท่านั้น รวมถึงการที่เขาอุ้มศพผู้หญิงเดินไปเดินมา หนำซ้ำยังพยายามปกป้องร่างนั้นเอามาก ๆ
“แต่ที่เด่นเลย...คงเป็นรูปลักษณ์ของทั้งสอง”
“พวกเขาเป็นคนจากตระกูลใหญ่งั้นเหรอ?” หญิงสาวถอนใจเบา ๆ พลางชี้ปลายนิ้วไปหาคนตรงหน้า
“ตระกูลนายไง”
“หา!?”
“ถึงจะหม่นไปเพราะเปื้อนฝุ่นดิน แต่เฉดสีนั้นน่ะมีแต่ซากุราซากุเท่านั้นแหละ” อาโอบะกอดอกหลวม ๆ ผิดกับซาโตชิซึ่งวาดสีหน้าคิดไม่ตก
“เป็นไปได้ยังไง ไม่เคยได้รับรายงานว่าคนจากซากุราซากุไปเป็นทหารรับจ้างนี่นา...”
“พูดอะไรบ้า ๆ นายจะไปรู้ความเป็นไปของทุกคนได้ยังไง?”
“ไม่ใช่ฉันที่รู้ แต่เป็นระบบข้อมูลที่บันทึกประวัติของทุกคนในตระกูลต่างหาก พวกเราตรวจสอบมันทุกเดือนว่ามีความเปลี่ยนแปลงอะไรหรือเปล่า และผลลัพธ์ก็บอกว่าไม่มีใครในตระกูลไปรับจ้างทำงานไม่สุจริตแบบนั้นเลย...อีกอย่างฉันรู้นิสัยคนของฉันดี ถ้าไม่จำเป็นพวกเขาไม่ออกมาจากเกาะซากุระศักดิ์สิทธิ์แน่นอน”
“แต่นายก็นั่งอยู่ตรงนี้นะ” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหรี่ลงทันควัน ซาโตชิเลยได้แต่ตอบกลับเสียงเรียบ
“เพราะจำเป็นต่างหาก”
“เอาเถอะ...ยังไงก็ต้องระวังเอาไว้นะ เพราะเจ้าหมอนั่นฝีมือไม่ธรรมดาเลย แถมยังเคียดแค้นชินระกับซากุราซากุเป็นพิเศษด้วย...ไม่แน่ว่ามันอาจจะใช้โอกาสที่ใบหน้ายังไม่หลุดสู่สังคมมาลอบทำร้ายนายหรือคนอื่นได้” คำของอาโอบะพาให้นัยน์ตาสีซากุระวูบไหวเล็ก ๆ ด้วยความกังวล แม้เขาจะไม่สามารถประเมินคำว่า ไม่ธรรมดานั้นได้ก็ตามที ทว่าสิ่งที่อยู่ในรายงานกลับไม่เคยโกหกอยู่แล้ว....
“เฮ้อ เธอบอกเขาหนีไปได้เพราะการช่วยเหลือจากมือที่สามใช่ไหม?”
“ใช่ ไม่ผิดแน่ ถ้าเป็นเจ้านั่นเองคงยอมนองเลือดกับเรามากกว่าหนีเสียอีก”
“เข้าใจแล้ว งั้นฝากเธอประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทุกพื้นที่ให้เข้มงวดกว่าเดิมด้วยล่ะ ฉันจะเร่งตรวจสอบพวกอาวุธกับชนิดระเบิด ไม่แน่อาจจะได้เบาะแสที่สาวไปถึงต้นตอ” ได้ยินเช่นนั้นอาโอบะจึงพยักหน้ารับทราบทันใด ก่อนจะขอตัวออกจากห้องกระจกไปสะสางงานที่ตกค้าง ปล่อยให้เจ้าของเรือนผมสีซากุระจมกับกองงานและข้อมูลใหม่ต่อไป
“ลองติดต่อที่บ้านหน่อยดีไหมนะ?” ซาโตชิยกมือถือคู่ใจขึ้นมาพลางจ้องมันครู่หนึ่งราวกำลังตัดสินใจ
ไม่นานปลายนิ้วก็จรดพิมพ์หมายเลขที่ต้องการและนำมันแนบกับหู ขณะนั่งฟังเสียงสัญญาณเชื่อมต่อในหัวสมองได้คิดเรื่องทั้งหมดที่เพิ่งได้ยินจากเพื่อนร่วมงานวกไปวนมา โดยเฉพาะเรื่องชายที่อาจเป็นคนในตระกูลของเขา เพราะต่อให้ปากจะยืนยันหนักแน่นแต่ในใจกลับเห็นความเป็นไปได้เล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่...เขาจึงต้องการข้อมูลมากกว่านี้เพื่อยืนยัน
ตริ๊ด
“โทรมาดึกดื่น มีอะไรหรือเปล่า ซาโตชิ” เสียงต่ำชวนคุ้นหูเอ่ยถามจากปลายสาย
“ครับ ผมมีเรื่องอยากรบกวนพ่อนิดหน่อย...”
.
.
.
ค่ำคืนของการทำงานยังคงดำเนินไปและท้ายที่สุดก็เปลี่ยนผันต้อนรับรุ่งเช้าวันใหม่ ณ โรงเรียนชิบุนางิแสนเงียบสงบ บัดนี้เหล่าสมาชิกเจ็ดซามูไรกำลังรวมตัวกันอยู่ที่โรงยิมแห่งเดิม พร้อมกับตารางฝึกซ้อมยาวเหยียดที่ประธานนักเรียนหนุ่มอุตส่าห์จัดการให้ในชั่วข้ามคืน เรียกว่ารุ่นน้องของเขาแทบไม่ต้องคิดอะไรต่อจากนั้นเลย
นาโอริเริ่มต้นยามเช้าด้วยการถูกโชโตะบังคับให้ฝึกสมรรถภาพร่างกายด้านอื่นก่อนการจับดาบ แม้เจ้าตัวจะงอแงอยากไขข้อสงสัยของอาการประหลาดก็ตาม แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาน่าขนลุกของอีกฝ่ายก็ต้องยอมเป็นรุ่นน้องว่าง่ายไป
แน่นอนว่าสาวเจ้ามีความสามารถทางร่างกายที่ดีมาก การฝึกในวันนี้จึงเหมือนกันบวกเพิ่มทักษะเสียมากกว่าปรับให้ดีขึ้นโดยมีเหล่าเพื่อนของเธอคอยคุมทุกฝีก้าว จะเหลือก็แต่ทักษะด้านการใช้อาวุธต่างแขนงนอกจากดาบ และเรื่องเฉพาะทางเช่นนี้ก็ต้องเป็นรุ่นพี่ทั้งสองที่รับไปดูแล
เริ่มแรกคือการยิงธนูให้ตรงเป้าและทำคะแนนมากที่สุด!
“ฉันไม่ถนัดเอาเสียเลย...” นาโอริเอ่ยขณะก้มหยิบคันธนูยาวขึ้นมาถือ เด็กสาวในชุดคิวโดกิ*สีขาวจ้องมองเป้ายิงตรงหน้าสลับไปมากับคันธนูในมือด้วยสายตาสั่นไหว
“อย่ากังวลไปเลยครับ เป้ามันไม่ได้เคลื่อนที่เหมือนศัตรูจริง ไม่ต้องรีบร้อนยิงแล้วใช้เวลาเล็งให้ดีก็พอแล้ว” โชโตะแย้มยิ้มขณะเดินเข้ามาใกล้
“ถ้าทำแต้มไม่ดี ฉันจะโดนปัดตกรอบไหมคะเนี่ย” ร่างบางเอ่ยพลันถอนใจแรง
“พี่คิดว่าไม่หรอกครับ แต่ถ้าทำคะแนนไว้ดีพอก็จะแบ่งเบาส่วนอื่น ๆ ได้ แบบนั้นไม่ดีกว่าเหรอ?”
“ถึงจะอยากเน้นที่ดาบก็เถอะ....แต่เป็นไงเป็นกัน”
“ไม่ต้องห่วง เธอยิงไม่โดนพี่ก็ไม่ได้จะทำโทษเสียหน่อย” รุ่นพี่หนุ่มหัวเราะในลำคอพร้อมเอื้อมจับไหล่เล็กหวังจะช่วยคลายกังวล
นาโอริพยายามจะผ่อนคลายตามสัมผัสนุ่มนวลจากรุ่นพี่ เธอสูดหายใจเข้าลึกพร้อมก้าวเดินไปเบื้องหน้าจุดยิงธนู มือเรียวยกคันธนูขึ้นตั้งฉากกับพื้นเรียบอีกมือหนึ่งทาบลูกธนูรองบนข้อนิ้วชี้และออกแรงน้าวสายจนตรึงเท่าที่จะทำได้ ทว่าด้วยแรงต้านมหาศาลแขนของเธอจึงสั่นระริกเพราะพยายามฝืนดึงสุดกำลัง จนสาวเจ้าเริ่มกลัวว่ามันจะไม่โดนแม้กระทั่งวงนอกสุดของเป้าด้วยซ้ำ
“มองตรงไปที่เป้า ค่อย ๆ กะเอา” น้ำเสียงนุ่มนวลกระทบข้างหูขณะช่วยจัดท่าและจับแขนของรุ่นน้องสาวให้มั่นคง ไออุ่นจากร่างกายอีกฝ่ายทำเอานาโอริประหม่าเล็ก ๆ จนเผลอเกร็งตัวยิ่งกว่าเดิม ผิดกับโชโตะซึ่งเห็นปฏิกิริยานั้นแล้วกลับชอบใจจนอดหัวเราะไม่ได้แต่ห้ามใจตนเองไม่ให้แกล้งอีกฝ่ายไปมากกว่านี้
“ถ้ามั่นใจแล้วก็ปล่อยสายธนูนะ” มือหนายังคงทำหน้าที่ประคองแขนเล็กนั่นต่อ จนกว่าสาวเจ้าจะมั่นใจในศูนย์เล็งของตัวเองและปล่อยลูกธนูออกไป
ฉึก!
ลูกธนูคมพุ่งทะลวงแหวกอากาศตรงหาเป้ายิงอย่างรวดเร็ว มันปักอยู่ตรงขอบรอบนอกไม่ไกลจากจุดศูนย์กลางมากนัก เท่ากับว่าเด็กสาวสามารถยิงได้แม่นยำเลยทีเดียว
“หูว เกือบจะกลางเป้าเลยนะครับ”
“ต แต่น่าจะเพราะได้รุ่นพี่ช่วยประคองให้ ถ้ายิงเองคงเบี้ยวไปไกลแน่เลยค่ะ”
“พี่แค่ช่วยไม่ให้แขนสั่นเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปจับเล็งให้เสียหน่อย” เจ้าของเรือนผมสีน้ำผึ้งเอ่ยพลางโบกมือปฏิเสธ
แต่ในเมื่อสาวเจ้ายังยืนกรานคำเดิม ครั้งถัดไปเขาจึงลองให้นาโอริจับควบคุมแรงแขนด้วยตนเองและเป็นอย่างที่สาวเจ้าคิดไม่ผิด เธอยิงโดนห่างจากจุดเดิมไปมากโขแต่ยังสามารถยิงให้อยู่ในรัศมีเป้าได้ ทว่ามันกลับไม่ใช่ผลที่แย่อะไรเลย เพราะสำหรับการฝึกจริงจังครั้งแรกและได้ถึงเพียงนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว
.
.
.
เสร็จจากทักษะด้านธนูแล้วก็ตามด้วยปืนหน้าไม้ แม้ไม่ได้ต่างกันกับวิชายิงธนู แต่วิธีการรวมถึงสถานการณ์ในการทดสอบนั้นต่างกัน เพราะจากข้อมูลที่ซาโตชิมอบให้ได้บอกไว้ชัดเจนว่าการทดสอบยิงหน้าไม้นั้นจะต้องยิงกับเป้าซึ่งเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำและมีความรวดเร็ว เพื่อให้ผู้สมัครแสดงความว่องไวของตนออกมา ไม่เช่นนั้นคงเสียท่าให้ศัตรูก่อนเป็นแน่
“ลูกหน้าไม้จะมีหลายชนิดและแต่ละชนิดก็จะใช้ในสถานการณ์ที่ต่างกัน หลัก ๆ คือชนิดปกติที่ใช้ยิงใส่ศัตรู แต่ในการคัดเลือกก็ดูจะเน้นว่องไวมากกว่า” ฮิเมะโกะเอ่ยขณะชูลูกหน้าไม้แต่ละแบบให้ทุกคนดู
ครานี้เป็นตาของรุ่นพี่สาวชี้แนะบ้าง เธอลองให้นาโอริยิงหน้าไม้ใส่เป้าเล็งจำนวนมากภายในเวลาที่กำหนด เพราะเงื่อนไขการทดสอบคือความเร็วหาใช่ความแม่นยำ จึงไม่จำเป็นต้องใส่ใจศูนย์กลางของเป้าและปล่อยศรคมให้แทงทะลุเป้าหมายเป็นพอ ด้วยความว่องไวเป็นทุนเดิมของเด็กสาวทำให้เจ้าตัวสามารถผ่านการฝึกซ้อมไปได้อย่างราบรื่น หนำซ้ำยังดีเกินคาดจนฮิเมะโกะกระโดดดี๊ด๊าด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“นาโอริจังมีพรสวรรค์เรื่องการเล็งยิงนะเนี่ย! ท่าเล็งก็สวยแถมยังจับทางได้เร็วมาก”
“ต้องขอบคุณความชอบสมัยเด็กแล้วล่ะค่ะ แหะ ๆ” นาโอริหัวเราะแห้งพลางนึกภาพตนเองวัยเด็กที่ชอบการละเล่นห่าม ๆ พวกนี้จนมีของเล่นจำพวกนี้เต็มบ้านไปหมด ก่อนจะถูกขัดด้วยเสียงเรียบของฮินาวะที่เดินเข้ามาใกล้
“ไม่เลวเลยนะเธอ”
“หึ หน้านายดูจะไม่อยากชมเท่าไหร่นะ”
“หน้าฉันมันก็เป็นแบบนี้ มีปัญหาหรือไง?”
“โธ่ สุดท้ายก็หาเรื่องทะเลาะจนได้ อย่าบอกนะว่านายอิจฉาฉันที่เก่งกว่าน่ะ หุ ๆ”
“เหอะ ก็แย่แล้ว” ร่างสูงส่งเสียงฮึดฮัด
“โอ๋เอ๋ ไม่หงุดหงิดน้า” เด็กสาววาดยิ้มกรุ้มกริ่มหยอกล้ออีกฝ่ายพร้อมชนศอกใส่คนตัวสูงกว่าเบา ๆ เล่นเอาเส้นเลือดปูดโปนบนใบหน้าหล่อ
ด้วยอารมณ์ฉุนที่จุดขึ้นในตัว จู่ ๆ มือหนาก็จงใจแย่งหน้าไม้จากร่างบางพลันจ่อมันไปทางเป้าซึ่งว่างอยู่ด้วยมือข้างเดียว ปลายนิ้วเหนี่ยวไกออกไปอย่างไม่ลังเลส่งลูกหน้าไม้คมเข้ากลางจุดแดง นาโอริเป็นต้องอ้าปากค้างกับเหตุการณ์เมื่อครู่
หนำซ้ำครั้นหันมองเจ้าคนหน้านิ่งกลับทำให้ตกตะลึงเข้าไปอีก เพราะเจ้าตัวดันยิงหน้าไม้โดยที่ไม่แม้แต่จะหันมองเป้าด้วยซ้ำ!
“แค่นี้คงพอนะ” ว่าจบฮินาวะจึงส่งหน้าไม้ให้ผู้เป็นพี่และหันหลังเดินออกจากโรงฝึกไปทันใด มีแวบหนึ่งนัยน์ตาสีซากุระพลันสะท้อนสีหน้าไม่สบอารมณ์จากอีกฝ่าย แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยถามร่างสูงก็ทิ้งระยะไปไกลเกินเสียแล้ว
“หมอนั่น...หงุดหงิดอะไรหรือเปล่านะ?” นาโอริพึมพำเบาหวิว
“นาโอะจังว่าอะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร แค่ยังตกใจกับเมื่อกี้นิดหน่อย”
“นั่นสิ ฮินาวะคุงน่ะเก่งรอบด้านอยู่แล้วแต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้...” ซากิเอ่ยพลางเบนมองแผ่นหลังไกล ๆ ของฮินาวะ ส่วนนาโอริก็ได้แต่ยักไหล่เห็นด้วยกับคำพูดนั้น
“อย่ามัวเสียเวลาเลย เรายังเหลืออีกหนึ่งอย่างต้องฝึกนะ” ความสงสัยที่ติดค้างในความคิดแทบกระเจิงเมื่อได้ยินเสียงนุ่มจากโชโตะ
“เอ๋!? ยังมีอีกเหรอคะ นึกว่าอย่างสุดท้ายเสียอีก”
“มีสิ แล้วก็เป็นสิ่งที่นาโอริจังชอบที่สุดด้วย...ไม่สนใจเหรอ?” นาโอริหูผึ่งทันทีที่ได้ยิน ดวงตากลมพลันเกิดประกายระยิบระยับด้วยความตื่นเต้น
ในที่สุดเธอก็จะได้กวัดแกว่งดาบเสียที!
.
.
.
สมาชิกเจ็ดซามูไรพากันกลับมาที่โรงยิมกว้าง โดยไม่ลืมจะลากฮินาวะที่เกือบแอบหนีไปจากการซ้อมให้ตามไปด้วย ถึงเจ้าตัวจะขมวดคิ้วไม่พอใจนักแต่ยามถูกพี่สาวลากแขนไปเขากลับไม่ยอมพูดแย้งเลยสักนิด
“ถึงจะเห็นไปแล้วแต่ดูกี่ทีก็เท่ชะมัดเลย จิโยะซัง!” นาโอริแทบหุบยิ้มดีใจไม่ได้ เพราะครานี้ซากิเสนอตัวเป็นคู่ซ้อมดาบให้เธอพร้อมกับดาบคาตานะสีขาวบริสุทธิ์ของตน
“ขอบคุณนะคะ” เสียงจิ้มลิ้มดังมาจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์
“หึ ฉันมันไม่เท่สินะ”
“อย่าน้อยใจไปน่า สีน้ำเงินก็สีโปรดฉันนะ” จูลิโอ้ทำเพียงฮัมตอบรับเท่านั้น ดูเหมือนเขาจะไม่ได้จริงจังกับมันเท่าไหร่
บัดนี้สองสาวเพื่อนรักยืนประจันหน้ากันกลางโรงยิมพร้อมตั้งดาบไว้เบื้องหน้าเตรียมโจมตี โชโตะไม่ลืมกำชับแก่นาโอริว่าห้ามใช้การประสานจิตเป็นอันขาดเพราะเขาต้องการดูผลข้างเคียงของมัน
“รับทราบค่ะ!”
เมื่อเจ้าตัวรับทราบแล้วการประดาบจึงเริ่มขึ้น...
เคร้ง!
คมดาบสองเล่มเข้าปะทะกันไปมาด้วยความเร็วใกล้เคียงกัน นาโอริสังเกตได้ชัดเจนว่าเพื่อนของเธอพัฒนาไปขนาดไหน จากครั้งก่อนที่เธอสามารถใช้ลูกเล่นตลบหลังอีกฝ่ายเพื่อตอบโต้ ทว่าครั้งนี้ซากิกลับไม่เผยช่องโหว่ให้เธอเลย ต่างฝ่ายต่างรับดาบของกันและกันได้ไม่พลาด จนสาวเจ้าเริ่มจะเครื่องติดเสียแล้วล่ะ!
“ดูท่าจะตัดสินยากแฮะ” ไคโตะเอ่ยขณะจ้องมองการต่อสู้ตรงหน้าก่อนจะได้ยินรุ่นพี่หนุ่มหัวเราะเบา ๆ
“แบบนั้นแหละดีแล้ว พี่อยากให้นาโอริจังได้สู้โดยไม่พึ่งดาบให้มากที่สุด”
“แต่เราอาจจะหาสาเหตุของมันไม่เจอนะครับ”
“บางทีอาจจะไม่ร้ายแรงอย่างที่เราคิด ถ้าปล่อยให้เธอซึมซับดาบเหมือนอีกส่วนของร่างกายได้ล่ะก็ ต่อให้เกิดอาการอย่างว่าอีก นาโอริจังจะสามารถแก้สถานการณ์ได้ทันแน่” นัยน์ตาสีมรกตสะท้อนภาพสองรุ่นน้องโต้ดาบกันไปมา
บัดนี้พวกเธอเริ่มที่จะหอบกันเล็กน้อยทำให้ความว่องไวลดลงจนปรากฏช่องโหว่เป็นช่วง แต่ยังสามารถปัดป้องการโจมตีของกันและกันได้ดีไม่เปลี่ยน กระทั่งเวลาผ่านไปพักหนึ่งก็ยังไม่มีแววว่าจะตัดสิน โชโตะจึงตัดสินใจเปล่งเสียงดังให้ได้ยินไปถึงกลางลานโล่ง
“ตอนนี้พี่อนุญาตให้ประสานจิตได้นะ!”
“ว่าไงนะ ไหนบอกว่าวันนี้จะยังไม่ใช้ไงโชว์!?” ฮิเมะโกะหันขวับหาเพื่อนตนซึ่งกำลังจดจ่อกับการสู้อยู่
“ฉันอยากรู้น่ะว่ามันจะเป็นยังไง”สายตาสงบนิ่งนั้นทำให้ฮิเมะโกะไม่กล้าแย้งสิ่งใด เธอทำเพียงกลับไปมองการสู้ตรงหน้าและเฝ้าสังเกตความผิดปกติไปพร้อมกัน
ครั้นได้ยินคำจากรุ่นพี่หนุ่ม นาโอริพลันวาดยิ้มออกมาและหาโอกาสเว้นระยะห่างจากซากิเพื่อสูดหายใจปรับสมดุล รอบด้านเข้าสู่ความเงียบไร้เสียงรบกวน ทิ้งไว้เพียงฝีเท้าของอีกฝ่ายและสัมผัสสากของดาบในมือ ดวงตาสีซากุระเบิกโพลงราวเปิดการรับภาพให้กว้างขึ้นก่อนจะเห็นท่วงท่าเชื่องช้าของคู่ต่อสู้ การเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนไปของซากิบ่งบอกว่าเธอเองก็เชื่อมจิตเป็นที่เรียบร้อย
ดาบสองเล่มเข้าปะทะกันถี่ยิบอีกครั้งราวความเหนื่อยล้าเมื่อครู่ไม่มีอยู่จริง นาโอริเอี้ยวตัวหลบการโจมตีฉวัดเฉวียนของอีกฝ่ายอย่างคล่องแคล่วพลางกวาดตามองท่าโจมตีต่อไป ทันทีที่มือของซากิหมุนเปลี่ยนท่าจับดาบสาวเจ้ารู้ได้ว่าเธอกำลังจะวาดดาบแบบใด มือเรียวจึงยกคมดาบมารับพอดิบพอดีจนต้องต้านแรงกัน
“แรงยังคงที่อยู่เลยนะ ซากิ!”
“ขอบคุณที่ชมจ้ะ!” ว่าจบเด็กสาวผมสั้นพลันโถมแรงเต็มกำลังส่งให้นาโอริแทบหงายหลังจนเสียการทรงตัว ซากิอาศัยจังหวะนั้นเหวี่ยงดาบใส่อีกฝ่าย ทว่านาโอริสามารถเบี่ยงตัวหลบด้วยความว่องไวพร้อมกระชับดาบในมือและตั้งท่าตวัดมันใส่หน้าท้องเพื่อนสาว
“อึก!”
อาการปวดแปล๊บแล่นผ่านมือขวาและพาให้แรงจับลดฮวบไปชั่วขณะ พอดีกับที่คมดาบของซากิกำลังจะถึงมือของเธอ นาโอริกัดฟันกรอด ฝืนความด้านชากลับมากำดาบอีกครั้งพลันเหวี่ยงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกไปสุดแรง
เคร้ง!
เพราะทิศทางที่เปลี่ยนไปปลายดาบของนาโอริจึงกระทบกับด้ามดาบในมือซากิอย่างจัง ทำให้มันกระเด็นหลุดมือไปไกลลิ่วก่อนจะตกลงสู่พื้นเรียบ
“โอเค พอแค่นั้น!” โชโตะตะโกนลั่นพร้อมก้าวเท้าเข้าไปหาทั้งสองซึ่งทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความล้า
“นาโอะจัง...เป็นยังไงบ้าง?”
“เฮ้อ ไม่มีแรงยืนแล้ว” นาโอริทิ้งตัวนอนราบกับพื้นทั้งที่หอบตัวโยน ก่อนจะเห็นร่างของรุ่นพี่หนุ่มผ่านหางตา เขาเดินเข้ามาพลางก้มตัวมองสองสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปกติ
“พักให้หายเหนื่อยก่อน ไว้ค่อยคุยต่อนะ” ว่าจบเด็กหนุ่มจึงยื่นผ้าขนหนูสะอาดให้พวกเธอและรอจนทั้งคู่ดื่มน้ำดื่มท่าปรับลมหายใจเรียบร้อย เขาจึงเปิดคำถามที่สงสัยกับนาโอริ
“หลังจากประสานจิตแล้วมีอาการหรือเปล่าครับ?” ใบหน้าสวยพยักหงึกเป็นคำตอบ พาให้ดวงตาสีมรกตต้องหรี่ลงครุ่นคิด ทันใดนั้นจึงถูกเสียงของไคโตะดึงความสนใจไป
“ตอนช่วงสุดท้ายสินะ ผมเห็นสีหน้าเธอดูเจ็บปวดเหมือนตอนที่ฝึกด้วยกันไม่ผิด”
“ใช่ จู่ ๆ มันก็เป็น...พอคิดจะเหวี่ยงดาบใส่หรือโจมตีกลับก็กำเริบทันที”
“แปลกจัง เหมือนกับไม่อยากให้นาโอะจังไปฟันใครหรืออะไรทำนองนั้นเลย” นาโอริเลิกคิ้วสูงพลางหันมองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือ
“นายคิดแบบนั้นเหรอ?”
“ฉันก็...บอกไม่ถูกเหมือนกัน...แค่รู้สึกทุกข์ใจนิดหน่อยตอนเชื่อมจิตน่ะ” จูลิโอ้แสดงน้ำเสียงไม่มั่นใจออกมาเครื่องหมายคำถามเลยยิ่งผุดทวีคูณในหัว ยิ่งทำให้ทุกคนที่ได้ฟังจมอยู่กับปริศนานี้หนักเข้าไปอีก
ดูเหมือนวันนี้จะคว้าน้ำเหลวกระมัง....
จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ ทว่าเข็มนาฬิกากลับแจ้งเตือนว่าสมควรแก่การล่าถอยจากเรื่องปวดหัวได้แล้ว โชโตะจึงเสนอให้ทุกคนกลับไปพักผ่อนกันเสียทีและจะเริ่มการฝึกซ้อมวนเวียนไปจนกว่าจะถึงวันจริง
“ไว้เจอกันนะ เด็ก ๆ” ฮิเมะโกะแย้มยิ้มพลางโบกมือลาเหล่ารุ่นน้องที่หน้าหอพัก ก่อนจะถึงคราที่สองหนุ่มเพื่อนสนิทต้องบอกลาบ้าง ไคโตะวาดยิ้มตาหยีให้พวกนาโอริอย่างเคย ผิดกับเจ้าของเรือนผมสีบ๊วยแดงที่เงียบขรึมเป็นพิเศษ เขาโบกมือลาสองสาวพอให้เห็นและหันหลังเดินไปทันที เจ้าหนุ่มแว่นจึงต้องรีบตามไปติด ๆ
.
.
.
วันนี้เป็นตาของซากิที่จะแสดงฝีมือทำอาหารเย็น นาโอริจึงว่างพอจะมานั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ตรงโซฟานุ่ม พลางคิดเรื่องอาการเจ็บแปล๊บเมื่อช่วงเย็น สาวเจ้าหรี่มองมือที่แดงก่ำจากการจับดาบเป็นเวลานาน และคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย
จนก็สุดท้ายก็ต้องทอดถอนใจยาวเหยียดรอบที่ร้อย
“เฮ้อ ทำไงดี...จริงสิ เขียนไปหาโซ-....อ๊ะ” นาโอริสะดุ้งครั้นเผลอคว้ามือถือขึ้นมาและไม่วายเปิดข้อความของโซอิจิโร่อัตโนมัติ นัยน์ตาสีซากุระวูบไหว เธอลืมตัวไปเสียสนิทว่าตนไม่สามารถพิมพ์ไปหาเด็กหนุ่มอย่างที่เคยได้
ด้วยความเคยชินในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ก่อนจะเกิดเรื่องวุ่นวายของการลอบโจมตี นาโอริกับโซอิจิโร่มักจะพูดคุยกันผ่านข้อความเป็นประจำ ซึ่งเด็กสาวชอบจะมาปรึกษาหลายเรื่องกับอีกฝ่าย เพราะโซอิจิโร่นั้นเรียกว่าเป็นผู้ฟังที่ดีมาก คอยให้คำแนะนำกับเธอ
จนนาโอริในเวลานั้นแทบไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าเขาคือเด็กอายุสิบห้า ถึงตอนนี้จะรู้คำตอบแล้วก็ตาม แต่เพราะข้อความนับไม่ถ้วนที่ส่งกันไปมา ทำให้เธอสนิทกับเด็กหนุ่มมากขึ้น....
ทั้งที่ควรจะเป็นแบบนั้น ทว่าความจริงที่เป็นอยู่กลับทำให้สาวเจ้าทำเรื่องเคยชินที่ว่านั่นไม่ได้แล้ว...และมันก็ทรมานไม่น้อย
“พอไม่ได้เขียนคุยแล้วไม่ชินเลย...”
“อย่าเพิ่งซึมตอนนี้สิ ไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่มีหน้าไปเจอเจ้าเด็กฮิบานะเอาหรอก” จูลิโอ้แย้ง
“อื้อ...แต่มันโหวง ๆ ยังไงไม่รู้ อยากบ่นให้ใครสักคนฟังจัง”
“บ่นให้ฉันฟังไหมจ๊ะ?”
นาโอริสะดุ้งโหยงอีกคราพลันหันขวับมองเพื่อนสาวที่แย้มยิ้มให้ ก่อนจะเห็นอาหารหลายจานวางบนโต๊ะ เลยตระหนักว่าซากิคงกำลังจะมาเรียกเธอไปทานข้าวและบังเอิญได้ยินเป็นแน่
“เอ่อ หรือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเปล่า?” ซากิย่นคิ้วเป็นกังวลครั้นเห็นอีกฝ่ายจ้องเธอค้างอยู่อย่างนั้น นาโอริจึงรีบปฏิเสธทันควัน
“ก ก็เรื่องอาการเจ็บนี่แหละ พอคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะสอบคัดเลือกไม่ผ่าน ก็อดกังวลไม่ได้เลย” นัยน์ตาสีเงินวาวสะท้อนสีหน้าเศร้าสร้อยของเพื่อน เธอตัดสินใจมานั่งเคียงข้างนาโอริพร้อมกุมมืออีกฝ่ายแน่นจนเจ้าตัวต้องเงยมอง
“นาโอะจัง...ฉันพูดแบบนี้เธออาจจะโกรธนะ แต่ถ้ากังวลกับมันขนาดนั้น สู้ล้มเลิกไปน่าจะดีกว่าไหม?”
“เธอจะบอกให้ฉันยอมแพ้กับความฝันงั้นเหรอ?” นาโอริขมวดคิ้ว รู้สึกคันยุบยิบในจิตใจทว่าเธอไม่อยากจะต่อว่าเพื่อนสาว
“แต่มันคือฝันที่เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่นาน บางทีมันอาจเป็นความสนใจชั่ววูบก็ได้นะ”
“ซ ซากิ ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ!?”
“เพราะฉันรู้สึกว่านาโอะจังกำลังถูกความสงสารที่มีต่อองค์รัชทายาทชักจูงอยู่น่ะสิ ที่ต้องเปลี่ยนมาเข้าเส้นทางทหารกะทันหันก็เพราะอยากทำเพื่อเขา แต่นาโอะจังจะไม่ได้ผลดีอะไรเลยนะ...” เด็กสาวผมสั้นบีบมือเพื่อนสาวพลันวาดสีหน้าเป็นกังวล ก่อนจะเอ่ยต่อ
“รู้ตัวไหมว่าวันนี้นาโอะจังไม่สดใสเหมือนกับทุกครั้งเลย...ฉันไม่อยากเห็นเพื่อนรักเป็นแบบนี้นะ”
นัยน์ตาสีซากุระสั่นระริกยามจ้องซากิ ความห่วงใยถูกส่งตรงมาให้สาวเจ้าจนนาโอริอยากจะลงโทษตัวเองที่กล้าทำให้เพื่อนสาวมีสีหน้าแบบนี้ แต่เธอกลับไม่สามารถรักษาความเป็นห่วงนั้นไว้ได้ ไม่เช่นนั้นฝันของตัวเองก็จะสลายไป...
“ไม่ใช่นะ...” ซากิเลิกคิ้วครั้นได้ยินเสียงพึมพำเบา ๆ และเห็นนาโอริเงยมาสบตากับเธออีกครั้ง
“ก็จริงที่พอเห็นเขาถูกเอาชีวิต ฉันก็คิดเอาเองว่าอยากจะช่วย...ฉันไม่รู้หรอกว่าเพราะสงสารหรืออะไร ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่ามันต่างกันยังไง”
วินาทีนั้นความทรงจำที่เธอมีร่วมกับโซอิจิโร่พลันหลั่งไหลเข้ามาในความคิด เรื่องเดิม ๆ อย่างการที่เขาต้องรับบทเป็นองค์รัชทายาท ทั้งตอนออกมาโลกภายนอกก็ยังต้องปลอมเป็นเด็กธรรมดาที่ชื่อ โซว์ และไม่เคยได้รับอะไรที่เป็นของตัวเอง แม้แต่รอยยิ้มก็ถูกบดบังด้วยบทบาทของคนอื่น
มันเป็นเพียงความทรงจำอันน้อยนิดระหว่างเธอกับเขา....
แต่มัน...กลับมีอิทธิพลต่อตัวเธออย่างเหลือล้น
“แต่ฉันแค่...”
นาโอริเพียงอยากทำให้เขาได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องเจ็บปวดกับความเห็นแก่ตัวของคนอื่นที่จ้องจะใช้งานเขา เธอยอมแม้จะคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าหากสาวเจ้าได้อยู่ใกล้ ๆ โซอิจิโร่จะไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอจนต้องกีดกันให้ห่างอีกและสามารถแย้มยิ้มอย่างจริงใจออกมาได้
และถ้าไม่ได้เห็นกับตา ความดื้อรั้นนี้ก็คงไม่ยอมสงบลง
นาโอริจึงต้องยึดความรู้สึกนี้ให้มั่นต่อให้จะถูกสั่นคลอน แต่มันจะคงอยู่จนกว่าเธอจะได้สบนัยน์ตาสีนิลอีกครั้ง....
“ฉันแค่อยากทำเพื่อเขา” เด็กสาวเม้มปากแน่น ลุ้นว่าซากิจะตอบสนองอย่างไรกับคำตอบของเธอ แต่แล้วร่างบางกลับถูกอีกฝ่ายดึงเข้าไปสวมกอด เธอพลันรู้สึกถึงสัมผัสนุ่มนวลที่ลูบแผ่นหลัง
“ต้องแบบนี้สิ ถึงจะเป็นนาโอะจังที่ฉันรู้จัก...ทั้งมุ่งมั่นและแน่วแน่”
“เธอไม่โกรธฉันเหรอ?”
“ทำไมล่ะจ๊ะ สำหรับฉันถ้านาโอะจังอยากจะทำ ฉันก็พร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว ที่บอกให้ล้มเลิกเพราะเป็นห่วงว่าเธอจะไม่ได้อยากทำมันจริง ๆ แต่กำลังฝืนตัวเองอยู่หรือเปล่า...แต่ฉันคงกังวลมากไป ขอโทษนะจ๊ะ” ซากิวาดยิ้มรู้สึกผิดให้อีกฝ่าย ทำเอานาโอริเบ้ปากคล้ายจะร้องไห้พลันกอดตอบเพื่อนสาวแน่นกว่าเก่า
“ขอบใจนะซากิ ขอบใจจริง ๆ ”
“ฮ่า ๆ ด้วยความยินดีจ้ะ”
ด้วยความมุ่งมั่นนั้นไร้ที่ติ กำลังใจอันเต็มเปี่ยม เท่านี้ปัญหาที่ขวางทางอยู่คงจะจัดการได้ไม่ยากแล้วล่ะ
นั่นคือสิ่งที่นาโอริภาวนาเงียบ ๆ ในใจว่าจะให้เป็นเช่นนั้น...
======================================
คำศัพท์เพิ่มเติม!
ชุดคิวโดกิ = ชุดยิงธนูของญี่ปุ่น หน้าตาคล้ายชุดยูกาตะผู้ชาย เสื้อด้านบนเป็นสีขาวและกางเกงฮากามะเป็นสีดำหรือสีกรมท่า นิยมใส่เพื่อฝึกซ้อม
to be continue….
======================================
มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ
ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3
つづく、psrpowder