จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน

7 Samurai - ตอนที่50 ต้นตอของอาการ โดย psrpowder @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

7 Samurai

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี

รายละเอียด

จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน

ผู้แต่ง

psrpowder

เรื่องย่อ

สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่ Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)



เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!

ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)

เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ

ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!) 

แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )

 
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา 


==============================================

***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***

แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง 

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

==============================================

ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้ 

ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว



มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย 
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ



 "ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"

"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"



มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย 
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย



"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"

"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"



มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา



"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"

"คุณ...คือใคร?"
 

มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน

 

"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"

"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
 

==============================================


เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;

ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ! 

ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)


よろしく、psrpowder 

สารบัญ

7 Samurai-ตอนที่1 การเริ่มต้นใหม่,7 Samurai-ตอนที่2 คู่หู,7 Samurai-ตอนที่3 เก่งกาจ,7 Samurai-ตอนที่4 ลังเล,7 Samurai-ตอนที่5 ทดสอบ,7 Samurai-ตอนที่6 สายสัมพันธ์ใหม่(1),7 Samurai-ตอนที่7 สายสัมพันธ์ใหม่(2),7 Samurai-ตอนที่8 สายสัมพันธ์ใหม่(3),7 Samurai-ตอนที่9 สายสัมพันธ์ใหม่(4),7 Samurai-ตอนที่10 ฝึกมือ,7 Samurai-ตอนที่11 เปิดเผย,7 Samurai-ตอนที่12 ถึงเทศกาลแล้ว!,7 Samurai-ตอนที่13 แข่งคู่ที่สอง,7 Samurai-ตอนที่14 ชิงชนะเลิศ,7 Samurai-ตอนที่15 เซอร์ไพรซ์ต้อนรับ!,7 Samurai-ตอนที่16 นัดที่ไม่ได้นัด(1),7 Samurai-ตอนที่17 นัดที่ไม่ได้นัด(2),7 Samurai-ตอนที่18 นัดที่ไม่ได้นัด(3),7 Samurai-ตอนที่19 ติวหนังสือให้ทีสิ,7 Samurai-ตอนที่20 คอร์สสอนเฉพาะกิจ,7 Samurai-ตอนที่21 ชั่วโมงประวัติศาสตร์,7 Samurai-ตอนที่22 วันสอบที่ผ่านไปด้วยดี,7 Samurai-ตอนที่23 ภารกิจพิเศษ(1),7 Samurai-ตอนที่24 ภารกิจพิเศษ(2),7 Samurai-ตอนที่25 ภารกิจพิเศษ(3),7 Samurai-ตอนที่26 ภารกิจพิเศษ(4),7 Samurai-ตอนที่27 ความล้มเหลวและหนทางแก้ไข,7 Samurai-ตอนที่28 ดุจกำลังใจ,7 Samurai-ตอนที่29 ข่าวร้ายกับแผนการตีกรอบ,7 Samurai-ตอนที่30 เริ่มแผน!,7 Samurai-ตอนที่31 ฝ่าฝืน,7 Samurai-ตอนที่32 ช่วยเหลือ,7 Samurai-ตอนที่33 จิตสังหาร,7 Samurai-ตอนที่34 แลกด้วยชีวิต,7 Samurai-ตอนที่35 คำโกหกเพื่อปลอบโยน,7 Samurai-ตอนที่36 เยี่ยมไข้,7 Samurai-ตอนที่37 เรื่องราวที่อยากเล่า,7 Samurai-ตอนที่38 ความตั้งใจอันแน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่39 ตามรอย,7 Samurai-ตอนที่40 เหตุร้ายที่เกิดไปพร้อมกัน,7 Samurai-ตอนที่41 แผลใจฝังลึก,7 Samurai-ตอนที่42 เรื่องด่วนและเรื่องร้าย,7 Samurai-ตอนที่43 ความคิดที่ไม่ได้บอก,7 Samurai-ตอนที่44 เชื่อใจ,7 Samurai-ตอนที่45 ข้ออ้างเพื่อตัวเอง,7 Samurai-ตอนที่46 แน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่47 ไม่อยากพลาดโอกาส,7 Samurai-ตอนที่48 จิตสำนึกต่อต้าน,7 Samurai-ตอนที่49 ไม่เข้ากัน,7 Samurai-ตอนที่50 ต้นตอของอาการ,7 Samurai-ตอนที่51 นึกสงสัย,7 Samurai-ตอนที่52 คัดเลือก,7 Samurai-ตอนที่53 กลับบ้าน,7 Samurai-ตอนที่54 โลกเสมือน,7 Samurai-ตอนที่55 ผู้ร่วมทาง,7 Samurai-ตอนที่56 ตามรังควาน,7 Samurai-ตอนที่57 ผู้ร่วมทางอีกคน

เนื้อหา

ตอนที่50 ต้นตอของอาการ

หนึ่งสัปดาห์ผ่านพ้นไปเช่นเดียวกับวันหยุดของโรงเรียนชิบุนางิ นาโอริยังคงเดินหน้าตามหาวิธีที่จะกำจัดความน่ารำคาญของอาการประหลาดนี่ออกไปให้พ้น แต่กลับต้องคว้าน้ำเหลวทุกครั้งเพราะไม่ว่าจะลองกวัดแกว่งดาบด้วยวิธีใด ผลที่โชว์หราอยู่ก็คือเมื่อใดที่สาวเจ้าเลือกประสานจิตต่อสู้อาการนี้ก็จะปรากฏ จึงไม่มีทางอื่นนอกจากพยายามบังคับตัวเองให้ฝึกโดยไม่พึ่งจูลิโอ้ให้มากที่สุด 



ซึ่งมันยากเอาเรื่องสำหรับนาโอริ...



บัดนี้เสียงครึกครื้นและเหล่านักเรียนที่พลุกพล่านได้หวนกลับมาอีกครา ตารางเรียนในวันแรกหลังหยุดยาวเองก็ดำเนินไปตามปกติซึ่งขณะนี้กำลังจะสิ้นสุดชั่วโมงสุดท้ายของวัน

“วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน” ซาวาเบะเอ่ยพลางปาดเม็ดเหงื่อจากหน้าผากเนียน ก่อนจะหันมองเหล่านักเรียนของเธอซึ่งแทบจะลงไปนอนกับพื้นอยู่รอมร่อจากการเรียนคาบปฏิบัติช่วงบ่าย ช่างเป็นภาพชวนคิดถึงสำหรับเธอหลังจากหยุดยาวไปหลายวัน

“รีบกลับไปอาบน้ำพักผ่อนเสียนะ พรุ่งนี้เราจะมาฝึกต่อ”

“ค่ะ/ครับ...” เสียงเนือยตอบรับพร้อมเพรียงและพากันแยกย้ายกันออกจากโรงยิมตามคำบอกของอาจารย์สาว 

ไม่นานรอบข้างก็พลันเงียบสงบทันตาเพราะเหลือนักเรียนเพียงไม่กี่คนที่ยังอยู่ที่นั่น พวกนาโอริเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเพื่อรอให้รุ่นพี่ของพวกเธอมาตามเวลานัดหมายและเริ่มการฝึกพิเศษเช่นเคย

“นาโอะจัง มือเป็นยังไงบ้าง?” ซากิเอ่ยพลางก้มมองเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ นัยน์ตาสีเงินวูบไหวเล็ก ๆ เป็นเพราะในคาบเรียนเมื่อครู่ อาการเจ็บแปล๊บของนาโอริก็ยังกำเริบเป็นระยะระหว่างฝึก แต่จากคำสั่งของซาวาเบะทำให้เธอไม่สามารถเลิกประสานจิตได้ สาวเจ้าจึงได้แต่กัดฟันทนมันไปตลอดสามชั่วโมง

“มือไม่ค่อยชาแล้วล่ะ ดีกว่าเมื่อกี้นิดนึง”

“เฮ้อ ผ่านมาก็ตั้งหลายวันแต่ยังไม่มีท่าว่าจะดีขึ้นเลยแฮะ”

“นั่นสิ...เริ่มไม่รู้ว่าจะต้องทำไงแล้ว” นาโอริทำคอตกพลางถอนใจแรงจนเสียงก้องไปถึงอาจารย์สาว พาให้ร่างเพรียวสังเกตเห็นพวกเธอสองคนรวมถึงร่างสูงของฮินาวะที่อยู่ไม่ไกล ครั้นเห็นสมาชิกสภานักเรียนทั้งสามพร้อมใจกันนั่งรออยู่ในโรงยิมเช่นนี้ต่อมความสงสัยในตัวก็พลันกระตุกขึ้นมา หญิงสาวเลยตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไปหานักเรียนของเธอทำเอาสองสาวสะดุ้งเล็กน้อย

“พวกเธอไม่กลับหอกันเหรอ?”

“พอดีพวกหนูมีนัดฝึกเพิ่มเติมกับรุ่นพี่ ก็เลยนั่งรอพวกเขาอยู่ที่นี่น่ะค่ะ” เป็นซากิที่เอ่ยตอบ ซาวาเบะจึงฮัมเบา ๆ พลางเบนสายตาจดจ้องเจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้

“พวกเจ็ดซามูไรขยันกันก็จริง แต่ร่างกายเธอน่าจะยังฟื้นฟูไม่เต็มที่ โหมร่างกายมากไปจะไม่ดีเอานะ”

“ไม่ต้องห่วงค่ะอาจารย์ หนูแข็งแรงดีทุกอย่างค่า” เด็กสาวตบแขนตัวเองด้วยรอยยิ้มทะเล้นให้หญิงสาว 

“จะมีก็แต่เรื่องอาการแปลก ๆ ที่เกิดกับนาโอะจังเท่านั้นค่ะที่เป็นห่วง”

“อาการ?” ซาวาเบะเลิกคิ้วสูงกับคำพูดของซากิและต้องเบนกลับไปมองนาโอริอีกคราราวต้องการให้เธออธิบายให้ฟัง

ครั้นได้ยินคำอธิบายเกี่ยวกับอาการเจ็บที่มือจากนักเรียนตัวเอง นัยน์ตาสีทองอร่ามฉายความสงสัยก็จับจ้องไปยังดาบคาตานะสีน้ำเงินสวยไม่วาง ทว่ากลับถูกเสียงนุ่มของนาโอริดึงความสนใจไป

“อาจารย์พอจะทราบอะไรเกี่ยวกับอาการนี้ไหมคะ?” เด็กสาวเอียงคอฉงนก่อนจะเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าน้อย ๆ ให้

“ไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย อย่างน้อยก็กับดาบทั่วไป”

“ดาบทั่วไปเหรอคะ?” สองสาวพากันเงยมองไปที่อาจารย์ของพวกเธอเป็นตาเดียว ซาวาเบะซึ่งเงียบไปครู่หนึ่งพยายามเรียบเรียงคำในหัว ไม่นานเธอจึงพยักหน้าเป็นคำตอบ

“ใช่ ฉันว่าจะถามเธอมาสักพักแล้วว่า...”



“สวัสดีครับอาจารย์ซาวาเบะ” เสียงชวนฟังของผู้มาใหม่แทรกบทสนทนาของทั้งสามจนต้องหันมอง ร่างสูงของโชโตะสะท้อนในสายตาตามมาด้วยฮิเมะโกะและไคโตะ 

อาจารย์สาวทักทายลูกศิษย์ทั้งสามพอเป็นพิธีก่อนจะเอ่ยถามเด็กหนุ่มเรื่องการฝึกที่นาโอริกล่าวถึง เธอเลยได้รู้ว่าจู่ ๆ เด็กนักเรียนในความดูแลของตนก็กำลังจะก้าวเท้าเข้าสู่เส้นทางทหารเสียดื้อ ๆ มิหนำซ้ำยังเป็นถึงตำแหน่งองครักษ์ประจำตัวขององค์รัชทายาทอีก เธอได้แต่ถอนใจและคิดว่านอกจากเรื่องฝ่าฝืนกฎเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วนาโอริยังมีอะไรให้ตกตะลึงได้เสมอจริง ๆ  

“เพราะงั้นก็เลยตั้งหน้าตั้งตาฝึกอยู่แบบนี้สินะ”

“น หนูตั้งใจจริง ๆ นะคะอาจารย์ ไม่ได้ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรืออะไรแบบนั้นเลยนะคะ” เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้กำสองมือขึงขังเพื่อยืนยันกับอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนซาวาเบะจะไม่ได้ต้องการคำยืนยันให้มากเรื่อง เธอเพียงตกตะลึงก็เท่านั้น

“ไม่ต้องพูดซ้ำฉันก็เชื่อว่าเธอตั้งใจอยู่แล้ว”

“แค่กลัวน่ะค่ะ มันเดจาวูหลายรอบเกิน...” คนอายุมากกว่าได้แต่ย่นคิ้วสงสัยคำพูดอีกฝ่าย ครั้นนึกถึงคำพูดจากปากของประธานนักเรียนหนุ่มและตกผลึกทันทีว่าคงมีใครหลายคนตั้งคำถามกับเจ้าตัวเช่นนี้ จนเธอต้องพูดดักทางไว้ก่อน แต่แล้วซาวาเบะก็ต้องโยนความคิดนั้นทิ้งไปชั่วคราว เธอพลันหันมองนาโอริหลังจากนึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องที่ยังไม่ทันได้ถามอยู่

“ชิสึจิ จำเรื่องที่ฉันพูดค้างไว้ก่อนหน้าได้ไหม เกี่ยวกับอาการที่มือ”

“ค่ะ หนูก็ว่าจะถามอยู่...”

“อาจารย์รู้เรื่องที่เกิดกับชิสึจิซังแล้วเหรอครับ?” ไคโตะเอ่ยถาม

“เพิ่งจะคุยกันเมื่อกี้น่ะ....ที่จริงฉันจะถามเธอว่าตั้งแต่ได้ดาบเล่มนี้ไป ได้เกิดเรื่องอะไรแปลก ๆ บ้างไหม?” 

ทันใดนั้นพื้นที่โดยรอบกลับพลันเงียบสงัดราวตกอยู่ในห้วงความคิด นาโอริก้มหน้าครุ่นคิดคำถามของอาจารย์สาวและย้อนนึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมานับตั้งแต่วันแรกที่เธอได้พบกับจูลิโอ้

ริมฝีปากบางขยับเล่าเรื่องทุกอย่างเท่าที่พอจะนึกได้ ทั้งเรื่องที่เธอมองเห็นคู่หูของตนเป็นดาบสีสวยในกองดาบไม้ เรื่องการประสานจิตซึ่งมักทำให้เธอไม่เป็นตัวเองหรือแทบหมดเรี่ยวแรงทุกครั้งเมื่อปล่อยมือจากดาบ รวมถึงเรื่องสด ๆ ร้อน ๆ อย่างอาการเจ็บแปล๊บที่มือ



เรียกว่ารวมหลายเรื่องไว้ในอาวุธชิ้นเดียวเลยก็ว่าได้....



“ถึงจะแปลก....แต่เหมือนมันกำลังรอเธอไม่ผิดแน่” หญิงสาวลูบคางครุ่นคิดขณะจ้องใบหน้าไม่เข้าใจของนาโอริ ดูเหมือนเธอจำเป็นจะต้องอธิบายสิ่งที่รู้ให้กระจ่างชัดเสียแล้ว



นึกเช่นนั้นซาวาเบะจึงสูดหายใจเข้าลึกพลันเริ่มเล่าเรื่องเมื่อหลายปีก่อนแก่เหล่าเจ็ดซามูไรฟัง



ทุก ๆ ปีตระกูลซากุราซากุจะทำการปลุกเสกดวงจิตในดาบไม้และส่งมันให้กับโรงเรียนเพื่อมอบแก่นักเรียนในแต่ละปี ในตอนที่เธอเพิ่งจะมาประจำเป็นครูสอนของชิบุนางิได้ไม่นาน มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นักเรียนได้นำดาบไม้ของตนมาขอเปลี่ยนอย่างไม่มีสาเหตุแต่เจ้าตัวกล่าวแค่ไม่สามารถเข้ากับคู่หูได้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้ 

ต่อมาก็เกิดเหตุเช่นนี้ซ้ำถึงสามครั้งและน่าแปลกที่มันเป็นดาบไม้เล่มเดิมซึ่งถูกนำมาวนเวียนแจกจ่ายให้นักเรียน เด็กทุกคนกล่าวไปในทางเดียวกันว่าพวกเขาไม่สามารถเข้ากับมันได้หรือตัวดาบมีการต่อต้านจนประสานจิตไม่ได้ ไม่ก็รู้สึกอึดอัดเหมือนจะถูกฆ่าให้ตายยามที่จับดาบ จนแล้วจนเล่าทางชิบุนางิจึงตัดสินใจจะส่งมันคืนแก่ซากุราซากุ

“แต่ไม่รู้ไปตกลงกันท่าไหน ดาบเล่มนี้ถึงถูกสั่งให้นำกลับมาอยู่ในกองดาบไม้ที่จะแจกให้นักเรียนตามเดิม” นัยน์ตาสีทองอร่ามสะท้อนภาพของนาโอริพร้อมย่อตัวลงนั่งให้อยู่ระดับเดียวกับอีกฝ่าย มือเรียวเอื้อมไปลูบเรือนผมนุ่มพลางถอนใจออกมา

“เธอเก่งมากนะที่อดทนกับเรื่องบ้าบอพวกนั้นจนสามารถปลดผนึกดาบเล่มนี้ได้ ตอนเห็นเธอหยิบมันไปฉันก็กังวลใจไม่น้อยและคิดว่าอีกไม่นานเธอคงจะนำมันกลับมาคืนเหมือนกับคนอื่น”

“แต่จูลิโอ้เป็นคู่หูที่ดีมากเลยนะคะ เขาช่วยหนูไว้ตั้งหลายครั้ง ไม่เคยมีเรื่องที่ทำให้อึดอัดเหมือนอยากตายอย่างว่าเลย”

“คงเป็นเพราะดาบเล่มนี้เจอคนที่ตามหามานานแล้วล่ะมั้ง ไม่งั้นคงไม่เข้าขากับเธอได้ดีขนาดนี้หรอก”           

“ว้าว โรแมนติกดีแฮะ” นาโอริเบิกตากว้างพลันก้มมองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทันควัน ทว่ากลับถูกเจ้าตัวแย้งเสียงแข็ง

“อย่าคิดเชียวนะ”

“เชอะ ไม่ก็ได้...”

“ยังไงก็ตาม เพราะมันเคยเกิดเรื่องแบบนั้นกับนักเรียนคนอื่น ฉันเลยคิดว่าอาการที่เธอเป็นอาจจะเกี่ยวกันก็ได้” ซาวาเบะกอดอกมอง ก่อนจะได้ยินเสียงจากโชโตะแทรกขึ้น

“แต่ผมกลับคิดว่าเป็นเพราะจูลิโอ้กำลังต่อต้านไม่ให้นาโอริจังใช้เขาทำร้ายใครเสียมากกว่านะครับ....ยิ่งจากที่เขาบอกว่ารู้สึกเป็นทุกข์เวลาเชื่อมจิตต่อสู้ก็ยิ่งเป็นไปได้เข้าไปใหญ่”

“ก็จริงอยู่ที่ดวงจิตยังมีความรู้สึกแบบคนปกติ แต่จำเป็นต้องมีสาเหตุของมันด้วย” อาจารย์สาวเว้นจังหวะหายใจครู่หนึ่งพลางกลับไปจ้องเจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้

“ซึ่งส่วนมากจะมาจากการกระทำนั้น ๆ ของผู้ใช้ดาบ หากผู้ใช้เริ่มจะใช้อาวุธในทางที่ดวงจิตต่อต้านก็จะเกิดอารมณ์เศร้าหรือเป็นทุกข์ได้...”

เป็นอีกครั้งที่สายตาทุกคู่พากันหันขวับไปทางนาโอริทำเอาสาวเจ้าทำหน้าเหวอพลางชี้นิ้วใส่ตัวเอง หัวสมองพลันประมวลผลแทบไม่ทันด้วยความกระวนกระวาย แม้ซาวาเบะจะกล่าวปลอบใจว่าเป็นเพียงข้อสันนิษฐานของเจ้าตัวพร้อมกับหนีหายจากไปจากกลุ่มสนทนาทันควัน



แต่ก้อนหินที่อาจารย์สาวทิ้งเอาไว้ให้ก็ดูจะหนักอึ้งเอาเรื่องสำหรับนาโอริ

.

.           

.

หลังจากถูกอาจารย์ตัวเองป้ายเรื่องหนักใจเรียบร้อย นาโอริก็ต้องดำเนินการฝึกซ้อมพิเศษทั้งที่ยังแบกมันไปตลอดหลายชั่วโมง กระทั่งแยกย้ายจากสมาชิกคนอื่นไปจนถึงหัวถึงหมอน สาวเจ้าก็ยังไม่สามารถนำคำพูดนั้นออกจากสมองได้เสียที



ก๊อก ๆ 

เสียงเคาะดังขึ้นที่หน้าประตูห้องนอนสีขาวก่อนจะได้ยินเสียงหวานจากเพื่อนสาวขอเข้าไปด้านใน เมื่อเจ้าของห้องอนุญาตมันจึงค่อย ๆ แง้มออกเผยให้เห็นเด็กสาวผมสั้นในชุดนอนกระโปรงดูสบายก้าวเท้าเข้ามา ซากิย่นคิ้วเรียวพลางมองร่างบางบนเตียงนุ่มและตัดสินใจไปนั่งที่ปลายเตียง

“อย่าคิดมากไปเลยนาโอะจัง ฉันว่าไม่ใช่อย่างที่อาจารย์บอกหรอก”

“ใครจะไปรู้ล่ะ...ฉันอาจจะกำลังทำให้จูลิโอ้ทุกข์ใจจนเริ่มต่อต้านก็เป็นได้” สาวเจ้าบ่นเสียงอู้อี้ผ่านผ้าห่มนุ่มที่ซุกอยู่

“ม ไม่จริงใช่ไหมคะ?” ดวงตาสีเงินเบนไปทางอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเพื่อนสาวบนตู้ไม้เตี้ย ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงทุ้มไม่ยี่หระตอบกลับ

“ฉันพูดไปหลายรอบแล้ว แต่ยัยนี่ไม่เชื่อเองเลยมานั่งซึมอยู่แบบนี้”

“ก็นายแสดงออกชัดขนาดนี้จะให้เป็นอย่างอื่นได้ไงเล่า!? อีกอย่างนายเองยังจำไม่ได้เลยว่าฉันไปทำอะไรไว้ ยิ่งไม่มีน้ำหนักให้เชื่อกว่าเดิมอีก!” ว่าจบร่างบางจึงม้วนตัวไปใต้ผ้าห่มพลันปิดหน้าปิดตาไม่ฟังเสียงเรียกจากคู่หู จูลิโอ้ที่เห็นเช่นนั้นจึงบอกให้ซากิกลับไปพักผ่อนและปล่อยเจ้าเด็กจอมดื้อนี่ให้สงบสติอารมณ์คนเดียว แม้เด็กสาวจะละความเป็นห่วงไม่ได้แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี 



เพราะความเงียบอาจเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเยียวยานาโอริได้ในเวลานี้



บัดนี้ห้องสีครีมถูกปกคลุมด้วยเสียงเครื่องปรับอากาศอีกครั้ง นาโอริไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีกเลยและเอาแต่มุดตัวใต้ผ้าห่มนุ่มจนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้แต่ถอนใจเหนื่อยหน่าย เขาพยายามเอ่ยเรียกอีกฝ่ายอยู่หลายทีหวังจะให้ปรับท่านอนดี ๆ ไม่เช่นนั้นคงขาดอากาศตายอยู่ใต้ผ้าหนาเป็นแน่

“นาโอริ อย่าทำเป็นเด็กไปหน่อยเลย โผล่หน้ามานอนดี ๆ” ไร้เสียงตอบรับใดจากคู่หูจนผ่านไปครู่หนึ่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์จึงไม่คิดรออีกต่อไปพลันบันดาลสายลมอ่อนยกปลายผ้าห่มให้ละจากใบหน้าสวย และต้องลอบหัวเราะออกมาเมื่อพบว่าอีกฝ่ายเข้าสู่ห้วงนิทราไปตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ

“เหนื่อยแล้วยังจะฝืนอีก ให้ตายสิ” ว่าจบสายลมนั้นจึงช่วยพัดคลอเคลียเรือนผมสลวยอย่างอ่อนโยนราวเพลงกล่อมให้เธอฝันหวานตลอดค่ำคืน

.

.

.

เคร้ง

เสียงเหล็กกระทบพื้นดังก้องจนปวดหูประสานกับเสียงหวีดจากสายลมแรงพัดผ่าน เรียกให้หนังตาหนักเปิดขึ้นอย่างยากลำบาก ทันใดนั้นแสงจ้าจึงเข้ามาต้อนรับพร้อมเผยให้เห็นทุ่งหญ้าเขียวขจีอันกว้างใหญ่ไพศาลในสายตา ถัดขึ้นไปมีต้นซากุระมหึมาตั้งตระหง่านอยู่ ณ ใจกลางพื้นหญ้า มันแผ่กิ่งก้านสาขาคอยโปรยกลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนไปทั่วพื้นที่

“ที่นี่อีกแล้ว” เสียงหวานกังวานไปกับสายลม เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้ตกผลึกทันทีว่าตนกำลังยืนอยู่ในที่เดียวและที่เดิมกับความฝันทุกครั้ง ดวงตากลมกวาดมองพื้นที่เบื้องหน้าด้วยความหลงใหล ไม่ว่ากี่ครั้งความงดงามของมันก็ไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ 

“นั่นมัน...?” 

ทันใดนั้นนัยน์ตาสีซากุระจึงสะท้อนภาพของดาบคาตานะสีดำสนิทยิ่งกว่าถ่านวางอยู่บนพื้นหญ้า นาโอริเลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัยก่อนจะปะติดปะต่อได้เมื่อนึกถึงเสียงอะไรบางอย่างกระทบพื้นที่เรียกให้เธอลืมตาขึ้น แสงวูบวาบตกกระทบกับตัวดาบนั้นน่าหลงใหลบอกไม่ถูก และราวกับแม่เหล็กดึงดูดขั้วตรงข้าม ขาเรียวจึงย่างก้าวไปหามันอย่างเชื่องช้า



มันกำลังเชิญชวนให้ร่างบางก้าวเท้าเข้าไปหามัน...



นาโอริหยุดยืนตรงหน้าดาบเล่มสวยพลันก้มมองมัน เมื่อเข้าใกล้จึงได้รู้ว่าลวดลายของมันเหมือนคู่หูของเธอไม่มีผิด ต่างแค่สีและกลิ่นอายที่แผ่ออกมา มันทั้งน่าหวั่นเกรงและเย้ายวนในเวลาเดียวกัน 

“จูลิโอ้?” เด็กสาวย่อตัวลงพร้อมยื่นมือไปหวังจะเก็บมันขึ้นมา



ฟู่ม!

ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสปลอกดาบเรียบไอควันสีดำพลันพวยพุ่งกลืนกินท่อนแขนเรียวและลุกลามไปจนถึงลำตัว ความเย็นเยือกกัดกินทุกส่วนที่มันปกคลุม ดวงตาสั่นไหวเบิกกว้างฉายความหวาดกลัวสุดขีด ร่างบางตะเกียกตะกายถอยห่างจากมันทว่ายิ่งฝืนเท่าใดควันทมิฬก็มีแต่จะคืบคลานเร็วขึ้น นาโอริหอบหายใจไม่เป็นจังหวะพลันหลับตาปี๋เมื่อสิ่งน่ากลัวกำลังจะสัมผัสนัยน์ตาสีสวยของตน          



บัดนี้มันกำลังจะกลืนเธอลงไป เธอไม่มีทางให้หนีแล้ว



พรึบ!

เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับแรงกระชากที่มือ ความวูบวาบลากผ่านแขนเรียวพลันรู้สึกเหมือนแม่เหล็กที่ถูกดึงออกจากกันจนปล่อยให้ร่างบางหงายหลังลงไปนอนกับพื้นหญ้านุ่ม บัดนี้เธอกลับมาหายใจสะดวกทั้งยังไม่รู้สึกถึงพันธนาการใด ๆ อีกต่อไป เปลือกตายกขึ้นเชื่องช้าก่อนจะเลื่อนดวงตาคู่สวยมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

“คุณ!?” นัยน์ตาสีซากุระเบิกกว้างครั้นสะท้อนภาพของชายร่างสูงในชุดยูกาตะสีน้ำเงินคนเดิม ใบหน้าอ่อนหวานนั้นกำลังจ้องมาที่เธอด้วยความมัวหมอง ในมือกระชับดาบสีดำแน่นราวกับควันทมิฬนั่นไม่สามารถทำอะไรเขาได้ นาโอริเป่าปากโล่งใจเมื่อตระหนักว่าใครมาช่วยเหลือก่อนจะดันตัวลุกประจันหน้ากับอีกฝ่ายทว่าไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยคนตรงหน้าก็ชิงพูดเสียก่อน

“ทำไมล่ะ?” น้ำเสียงนั้นต่างจากทุกที มันแทบบีบหัวใจของเด็กสาวให้เป็นเสี่ยงทันทีที่ได้ยิน



“ทำไม...ถึงยังฝืนใช้มันอีก?”

“หมายความว่ายังไง...” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไรเพียงแต่ข้างในมันกำลังร้องขอไม่ให้เขาโศกเศร้าไปมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นเธอคงทนต่อไปไม่ไหว

“มัน...พยายามจะครอบงำเธออยู่หลายครั้ง มันทำให้เธอเจ็บปวด ทำให้เธอเกือบเดินในทางที่ผิด แล้วทำไมถึงยังฝืนเรียกมันออกมาอีกล่ะ?”

“เรียกมัน? หรือคุณหมายถึงประสานจิตเหรอคะ” เจ้าของเรือนผมสีซากุระพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะเอ่ยต่อ

“หลังจากครั้งนั้นที่มันได้ลิ้มรสหยดเลือดอีกครั้ง จิตใต้สำนึกของมุรามาสะก็ถูกปลุกขึ้นและพยายามบังคับเธอให้เข่นฆ่าเพื่อมัน”

“มุรามาสะ..”





“อย่าให้มุรามาสะมันครอบงำเธอ!”





นาโอริพลันหวนนึกถึงน้ำเสียงนุ่มนวลแสนคุ้นเคย แม้ว่าสาวเจ้าจะจำไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่ปราสาทร้างในคราวนั้น ทว่ากลับมีเพียงคำของเขาเท่านั้นที่ไม่ยอมหายไปจากสมองหลังจากเธอลืมตาตื่นที่โรงพยาบาล

“ร หรือว่าอาการเจ็บแปล๊บ ๆ นั่นจะเป็นฝีมือคุณอย่างนั้นเหรอ!?” สาวเจ้าร้องลั่นพลันชี้นิ้วใส่ร่างสูงครั้นตกผลึกบางอย่างในความคิด

“เพราะฉันไม่อยากให้เธอประสานจิตกับมัน ไม่อย่างนั้นจะยิ่งได้ใจ” ชายหนุ่มที่เลือกจะยอมรับมันโต้ง ๆ กลับไปจุดอารมณ์ฉุนให้ก่อตัวในใจนาโอริ

“แต่คุณรู้ไหม ว่าสิ่งที่คุณทำมันกำลังขัดขวางความพยายามของฉันอยู่นะ!” เธอเผลอขึ้นเสียงโดยไม่รู้ตัวก่อนจะถูกความหน่วงที่หัวใจโถมใส่เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เพราะบัดนี้เขากำลังยิ้มอยู่...แต่เด็กสาวกลับไม่สามารถสัมผัสถึงความสุขจากมันได้เลย

“ฉันเสียใจ...แต่ทั้งหมดก็เพื่อปกป้องเธอนะ นาโอริ”

“แล้วฉันล่ะคะ ฉันก็มีคนที่อยากปกป้องเหมือนกันนะ!” เด็กสาวกอบกุมอกเสื้อแน่นพร้อมจ้องไปที่ดวงตาสีเดียวกันเขม็ง

“เด็กคนนั้นไม่ได้แยแสเธอเลย เขาทำทั้งหมดเพื่อความสบายใจของตัวเอง แม้แต่ยอมทำร้ายจิตใจเธอ....แล้วทำไมถึงยังอยากจะแกว่งดาบเพื่อเขาอีก”

“คุณจะไปรู้อะไร คุณไม่เคยได้ยินน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ของโซว์ด้วยซ้ำ!”

“ฉันรู้...” นัยน์ตาหวานสีซากุระหรี่มองนาโอริ ริมฝีปากที่เคยวาดยิ้มกลับมาเหยียดตรงอีกคราราวกับยืนยันในสิ่งที่ตัวเองจะพูดต่อไป



“ฉันรู้เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอนั่นแหละ” น้ำเสียงเรียบสงบพลันทำให้นาโอริกลืนคำพูดลงคอ คำถามหนึ่งผุดเข้ามาในความคิดแทบจะทันทีพร้อมกับริมฝีปากที่ขยับอย่างเผลอไผล



“คุณ...เป็นใคร?”



to be continue….

======================================

มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ

ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3



つづく、psrpowder