จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
หนึ่งสัปดาห์ผ่านพ้นไปเช่นเดียวกับวันหยุดของโรงเรียนชิบุนางิ นาโอริยังคงเดินหน้าตามหาวิธีที่จะกำจัดความน่ารำคาญของอาการประหลาดนี่ออกไปให้พ้น แต่กลับต้องคว้าน้ำเหลวทุกครั้งเพราะไม่ว่าจะลองกวัดแกว่งดาบด้วยวิธีใด ผลที่โชว์หราอยู่ก็คือเมื่อใดที่สาวเจ้าเลือกประสานจิตต่อสู้อาการนี้ก็จะปรากฏ จึงไม่มีทางอื่นนอกจากพยายามบังคับตัวเองให้ฝึกโดยไม่พึ่งจูลิโอ้ให้มากที่สุด
ซึ่งมันยากเอาเรื่องสำหรับนาโอริ...
บัดนี้เสียงครึกครื้นและเหล่านักเรียนที่พลุกพล่านได้หวนกลับมาอีกครา ตารางเรียนในวันแรกหลังหยุดยาวเองก็ดำเนินไปตามปกติซึ่งขณะนี้กำลังจะสิ้นสุดชั่วโมงสุดท้ายของวัน
“วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน” ซาวาเบะเอ่ยพลางปาดเม็ดเหงื่อจากหน้าผากเนียน ก่อนจะหันมองเหล่านักเรียนของเธอซึ่งแทบจะลงไปนอนกับพื้นอยู่รอมร่อจากการเรียนคาบปฏิบัติช่วงบ่าย ช่างเป็นภาพชวนคิดถึงสำหรับเธอหลังจากหยุดยาวไปหลายวัน
“รีบกลับไปอาบน้ำพักผ่อนเสียนะ พรุ่งนี้เราจะมาฝึกต่อ”
“ค่ะ/ครับ...” เสียงเนือยตอบรับพร้อมเพรียงและพากันแยกย้ายกันออกจากโรงยิมตามคำบอกของอาจารย์สาว
ไม่นานรอบข้างก็พลันเงียบสงบทันตาเพราะเหลือนักเรียนเพียงไม่กี่คนที่ยังอยู่ที่นั่น พวกนาโอริเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเพื่อรอให้รุ่นพี่ของพวกเธอมาตามเวลานัดหมายและเริ่มการฝึกพิเศษเช่นเคย
“นาโอะจัง มือเป็นยังไงบ้าง?” ซากิเอ่ยพลางก้มมองเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ นัยน์ตาสีเงินวูบไหวเล็ก ๆ เป็นเพราะในคาบเรียนเมื่อครู่ อาการเจ็บแปล๊บของนาโอริก็ยังกำเริบเป็นระยะระหว่างฝึก แต่จากคำสั่งของซาวาเบะทำให้เธอไม่สามารถเลิกประสานจิตได้ สาวเจ้าจึงได้แต่กัดฟันทนมันไปตลอดสามชั่วโมง
“มือไม่ค่อยชาแล้วล่ะ ดีกว่าเมื่อกี้นิดนึง”
“เฮ้อ ผ่านมาก็ตั้งหลายวันแต่ยังไม่มีท่าว่าจะดีขึ้นเลยแฮะ”
“นั่นสิ...เริ่มไม่รู้ว่าจะต้องทำไงแล้ว” นาโอริทำคอตกพลางถอนใจแรงจนเสียงก้องไปถึงอาจารย์สาว พาให้ร่างเพรียวสังเกตเห็นพวกเธอสองคนรวมถึงร่างสูงของฮินาวะที่อยู่ไม่ไกล ครั้นเห็นสมาชิกสภานักเรียนทั้งสามพร้อมใจกันนั่งรออยู่ในโรงยิมเช่นนี้ต่อมความสงสัยในตัวก็พลันกระตุกขึ้นมา หญิงสาวเลยตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไปหานักเรียนของเธอทำเอาสองสาวสะดุ้งเล็กน้อย
“พวกเธอไม่กลับหอกันเหรอ?”
“พอดีพวกหนูมีนัดฝึกเพิ่มเติมกับรุ่นพี่ ก็เลยนั่งรอพวกเขาอยู่ที่นี่น่ะค่ะ” เป็นซากิที่เอ่ยตอบ ซาวาเบะจึงฮัมเบา ๆ พลางเบนสายตาจดจ้องเจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้
“พวกเจ็ดซามูไรขยันกันก็จริง แต่ร่างกายเธอน่าจะยังฟื้นฟูไม่เต็มที่ โหมร่างกายมากไปจะไม่ดีเอานะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะอาจารย์ หนูแข็งแรงดีทุกอย่างค่า” เด็กสาวตบแขนตัวเองด้วยรอยยิ้มทะเล้นให้หญิงสาว
“จะมีก็แต่เรื่องอาการแปลก ๆ ที่เกิดกับนาโอะจังเท่านั้นค่ะที่เป็นห่วง”
“อาการ?” ซาวาเบะเลิกคิ้วสูงกับคำพูดของซากิและต้องเบนกลับไปมองนาโอริอีกคราราวต้องการให้เธออธิบายให้ฟัง
ครั้นได้ยินคำอธิบายเกี่ยวกับอาการเจ็บที่มือจากนักเรียนตัวเอง นัยน์ตาสีทองอร่ามฉายความสงสัยก็จับจ้องไปยังดาบคาตานะสีน้ำเงินสวยไม่วาง ทว่ากลับถูกเสียงนุ่มของนาโอริดึงความสนใจไป
“อาจารย์พอจะทราบอะไรเกี่ยวกับอาการนี้ไหมคะ?” เด็กสาวเอียงคอฉงนก่อนจะเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าน้อย ๆ ให้
“ไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย อย่างน้อยก็กับดาบทั่วไป”
“ดาบทั่วไปเหรอคะ?” สองสาวพากันเงยมองไปที่อาจารย์ของพวกเธอเป็นตาเดียว ซาวาเบะซึ่งเงียบไปครู่หนึ่งพยายามเรียบเรียงคำในหัว ไม่นานเธอจึงพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ใช่ ฉันว่าจะถามเธอมาสักพักแล้วว่า...”
“สวัสดีครับอาจารย์ซาวาเบะ” เสียงชวนฟังของผู้มาใหม่แทรกบทสนทนาของทั้งสามจนต้องหันมอง ร่างสูงของโชโตะสะท้อนในสายตาตามมาด้วยฮิเมะโกะและไคโตะ
อาจารย์สาวทักทายลูกศิษย์ทั้งสามพอเป็นพิธีก่อนจะเอ่ยถามเด็กหนุ่มเรื่องการฝึกที่นาโอริกล่าวถึง เธอเลยได้รู้ว่าจู่ ๆ เด็กนักเรียนในความดูแลของตนก็กำลังจะก้าวเท้าเข้าสู่เส้นทางทหารเสียดื้อ ๆ มิหนำซ้ำยังเป็นถึงตำแหน่งองครักษ์ประจำตัวขององค์รัชทายาทอีก เธอได้แต่ถอนใจและคิดว่านอกจากเรื่องฝ่าฝืนกฎเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วนาโอริยังมีอะไรให้ตกตะลึงได้เสมอจริง ๆ
“เพราะงั้นก็เลยตั้งหน้าตั้งตาฝึกอยู่แบบนี้สินะ”
“น หนูตั้งใจจริง ๆ นะคะอาจารย์ ไม่ได้ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรืออะไรแบบนั้นเลยนะคะ” เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้กำสองมือขึงขังเพื่อยืนยันกับอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนซาวาเบะจะไม่ได้ต้องการคำยืนยันให้มากเรื่อง เธอเพียงตกตะลึงก็เท่านั้น
“ไม่ต้องพูดซ้ำฉันก็เชื่อว่าเธอตั้งใจอยู่แล้ว”
“แค่กลัวน่ะค่ะ มันเดจาวูหลายรอบเกิน...” คนอายุมากกว่าได้แต่ย่นคิ้วสงสัยคำพูดอีกฝ่าย ครั้นนึกถึงคำพูดจากปากของประธานนักเรียนหนุ่มและตกผลึกทันทีว่าคงมีใครหลายคนตั้งคำถามกับเจ้าตัวเช่นนี้ จนเธอต้องพูดดักทางไว้ก่อน แต่แล้วซาวาเบะก็ต้องโยนความคิดนั้นทิ้งไปชั่วคราว เธอพลันหันมองนาโอริหลังจากนึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องที่ยังไม่ทันได้ถามอยู่
“ชิสึจิ จำเรื่องที่ฉันพูดค้างไว้ก่อนหน้าได้ไหม เกี่ยวกับอาการที่มือ”
“ค่ะ หนูก็ว่าจะถามอยู่...”
“อาจารย์รู้เรื่องที่เกิดกับชิสึจิซังแล้วเหรอครับ?” ไคโตะเอ่ยถาม
“เพิ่งจะคุยกันเมื่อกี้น่ะ....ที่จริงฉันจะถามเธอว่าตั้งแต่ได้ดาบเล่มนี้ไป ได้เกิดเรื่องอะไรแปลก ๆ บ้างไหม?”
ทันใดนั้นพื้นที่โดยรอบกลับพลันเงียบสงัดราวตกอยู่ในห้วงความคิด นาโอริก้มหน้าครุ่นคิดคำถามของอาจารย์สาวและย้อนนึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมานับตั้งแต่วันแรกที่เธอได้พบกับจูลิโอ้
ริมฝีปากบางขยับเล่าเรื่องทุกอย่างเท่าที่พอจะนึกได้ ทั้งเรื่องที่เธอมองเห็นคู่หูของตนเป็นดาบสีสวยในกองดาบไม้ เรื่องการประสานจิตซึ่งมักทำให้เธอไม่เป็นตัวเองหรือแทบหมดเรี่ยวแรงทุกครั้งเมื่อปล่อยมือจากดาบ รวมถึงเรื่องสด ๆ ร้อน ๆ อย่างอาการเจ็บแปล๊บที่มือ
เรียกว่ารวมหลายเรื่องไว้ในอาวุธชิ้นเดียวเลยก็ว่าได้....
“ถึงจะแปลก....แต่เหมือนมันกำลังรอเธอไม่ผิดแน่” หญิงสาวลูบคางครุ่นคิดขณะจ้องใบหน้าไม่เข้าใจของนาโอริ ดูเหมือนเธอจำเป็นจะต้องอธิบายสิ่งที่รู้ให้กระจ่างชัดเสียแล้ว
นึกเช่นนั้นซาวาเบะจึงสูดหายใจเข้าลึกพลันเริ่มเล่าเรื่องเมื่อหลายปีก่อนแก่เหล่าเจ็ดซามูไรฟัง
ทุก ๆ ปีตระกูลซากุราซากุจะทำการปลุกเสกดวงจิตในดาบไม้และส่งมันให้กับโรงเรียนเพื่อมอบแก่นักเรียนในแต่ละปี ในตอนที่เธอเพิ่งจะมาประจำเป็นครูสอนของชิบุนางิได้ไม่นาน มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นักเรียนได้นำดาบไม้ของตนมาขอเปลี่ยนอย่างไม่มีสาเหตุแต่เจ้าตัวกล่าวแค่ไม่สามารถเข้ากับคู่หูได้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้
ต่อมาก็เกิดเหตุเช่นนี้ซ้ำถึงสามครั้งและน่าแปลกที่มันเป็นดาบไม้เล่มเดิมซึ่งถูกนำมาวนเวียนแจกจ่ายให้นักเรียน เด็กทุกคนกล่าวไปในทางเดียวกันว่าพวกเขาไม่สามารถเข้ากับมันได้หรือตัวดาบมีการต่อต้านจนประสานจิตไม่ได้ ไม่ก็รู้สึกอึดอัดเหมือนจะถูกฆ่าให้ตายยามที่จับดาบ จนแล้วจนเล่าทางชิบุนางิจึงตัดสินใจจะส่งมันคืนแก่ซากุราซากุ
“แต่ไม่รู้ไปตกลงกันท่าไหน ดาบเล่มนี้ถึงถูกสั่งให้นำกลับมาอยู่ในกองดาบไม้ที่จะแจกให้นักเรียนตามเดิม” นัยน์ตาสีทองอร่ามสะท้อนภาพของนาโอริพร้อมย่อตัวลงนั่งให้อยู่ระดับเดียวกับอีกฝ่าย มือเรียวเอื้อมไปลูบเรือนผมนุ่มพลางถอนใจออกมา
“เธอเก่งมากนะที่อดทนกับเรื่องบ้าบอพวกนั้นจนสามารถปลดผนึกดาบเล่มนี้ได้ ตอนเห็นเธอหยิบมันไปฉันก็กังวลใจไม่น้อยและคิดว่าอีกไม่นานเธอคงจะนำมันกลับมาคืนเหมือนกับคนอื่น”
“แต่จูลิโอ้เป็นคู่หูที่ดีมากเลยนะคะ เขาช่วยหนูไว้ตั้งหลายครั้ง ไม่เคยมีเรื่องที่ทำให้อึดอัดเหมือนอยากตายอย่างว่าเลย”
“คงเป็นเพราะดาบเล่มนี้เจอคนที่ตามหามานานแล้วล่ะมั้ง ไม่งั้นคงไม่เข้าขากับเธอได้ดีขนาดนี้หรอก”
“ว้าว โรแมนติกดีแฮะ” นาโอริเบิกตากว้างพลันก้มมองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทันควัน ทว่ากลับถูกเจ้าตัวแย้งเสียงแข็ง
“อย่าคิดเชียวนะ”
“เชอะ ไม่ก็ได้...”
“ยังไงก็ตาม เพราะมันเคยเกิดเรื่องแบบนั้นกับนักเรียนคนอื่น ฉันเลยคิดว่าอาการที่เธอเป็นอาจจะเกี่ยวกันก็ได้” ซาวาเบะกอดอกมอง ก่อนจะได้ยินเสียงจากโชโตะแทรกขึ้น
“แต่ผมกลับคิดว่าเป็นเพราะจูลิโอ้กำลังต่อต้านไม่ให้นาโอริจังใช้เขาทำร้ายใครเสียมากกว่านะครับ....ยิ่งจากที่เขาบอกว่ารู้สึกเป็นทุกข์เวลาเชื่อมจิตต่อสู้ก็ยิ่งเป็นไปได้เข้าไปใหญ่”
“ก็จริงอยู่ที่ดวงจิตยังมีความรู้สึกแบบคนปกติ แต่จำเป็นต้องมีสาเหตุของมันด้วย” อาจารย์สาวเว้นจังหวะหายใจครู่หนึ่งพลางกลับไปจ้องเจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้
“ซึ่งส่วนมากจะมาจากการกระทำนั้น ๆ ของผู้ใช้ดาบ หากผู้ใช้เริ่มจะใช้อาวุธในทางที่ดวงจิตต่อต้านก็จะเกิดอารมณ์เศร้าหรือเป็นทุกข์ได้...”
เป็นอีกครั้งที่สายตาทุกคู่พากันหันขวับไปทางนาโอริทำเอาสาวเจ้าทำหน้าเหวอพลางชี้นิ้วใส่ตัวเอง หัวสมองพลันประมวลผลแทบไม่ทันด้วยความกระวนกระวาย แม้ซาวาเบะจะกล่าวปลอบใจว่าเป็นเพียงข้อสันนิษฐานของเจ้าตัวพร้อมกับหนีหายจากไปจากกลุ่มสนทนาทันควัน
แต่ก้อนหินที่อาจารย์สาวทิ้งเอาไว้ให้ก็ดูจะหนักอึ้งเอาเรื่องสำหรับนาโอริ
.
.
.
หลังจากถูกอาจารย์ตัวเองป้ายเรื่องหนักใจเรียบร้อย นาโอริก็ต้องดำเนินการฝึกซ้อมพิเศษทั้งที่ยังแบกมันไปตลอดหลายชั่วโมง กระทั่งแยกย้ายจากสมาชิกคนอื่นไปจนถึงหัวถึงหมอน สาวเจ้าก็ยังไม่สามารถนำคำพูดนั้นออกจากสมองได้เสียที
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะดังขึ้นที่หน้าประตูห้องนอนสีขาวก่อนจะได้ยินเสียงหวานจากเพื่อนสาวขอเข้าไปด้านใน เมื่อเจ้าของห้องอนุญาตมันจึงค่อย ๆ แง้มออกเผยให้เห็นเด็กสาวผมสั้นในชุดนอนกระโปรงดูสบายก้าวเท้าเข้ามา ซากิย่นคิ้วเรียวพลางมองร่างบางบนเตียงนุ่มและตัดสินใจไปนั่งที่ปลายเตียง
“อย่าคิดมากไปเลยนาโอะจัง ฉันว่าไม่ใช่อย่างที่อาจารย์บอกหรอก”
“ใครจะไปรู้ล่ะ...ฉันอาจจะกำลังทำให้จูลิโอ้ทุกข์ใจจนเริ่มต่อต้านก็เป็นได้” สาวเจ้าบ่นเสียงอู้อี้ผ่านผ้าห่มนุ่มที่ซุกอยู่
“ม ไม่จริงใช่ไหมคะ?” ดวงตาสีเงินเบนไปทางอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเพื่อนสาวบนตู้ไม้เตี้ย ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงทุ้มไม่ยี่หระตอบกลับ
“ฉันพูดไปหลายรอบแล้ว แต่ยัยนี่ไม่เชื่อเองเลยมานั่งซึมอยู่แบบนี้”
“ก็นายแสดงออกชัดขนาดนี้จะให้เป็นอย่างอื่นได้ไงเล่า!? อีกอย่างนายเองยังจำไม่ได้เลยว่าฉันไปทำอะไรไว้ ยิ่งไม่มีน้ำหนักให้เชื่อกว่าเดิมอีก!” ว่าจบร่างบางจึงม้วนตัวไปใต้ผ้าห่มพลันปิดหน้าปิดตาไม่ฟังเสียงเรียกจากคู่หู จูลิโอ้ที่เห็นเช่นนั้นจึงบอกให้ซากิกลับไปพักผ่อนและปล่อยเจ้าเด็กจอมดื้อนี่ให้สงบสติอารมณ์คนเดียว แม้เด็กสาวจะละความเป็นห่วงไม่ได้แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี
เพราะความเงียบอาจเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเยียวยานาโอริได้ในเวลานี้
บัดนี้ห้องสีครีมถูกปกคลุมด้วยเสียงเครื่องปรับอากาศอีกครั้ง นาโอริไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีกเลยและเอาแต่มุดตัวใต้ผ้าห่มนุ่มจนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้แต่ถอนใจเหนื่อยหน่าย เขาพยายามเอ่ยเรียกอีกฝ่ายอยู่หลายทีหวังจะให้ปรับท่านอนดี ๆ ไม่เช่นนั้นคงขาดอากาศตายอยู่ใต้ผ้าหนาเป็นแน่
“นาโอริ อย่าทำเป็นเด็กไปหน่อยเลย โผล่หน้ามานอนดี ๆ” ไร้เสียงตอบรับใดจากคู่หูจนผ่านไปครู่หนึ่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์จึงไม่คิดรออีกต่อไปพลันบันดาลสายลมอ่อนยกปลายผ้าห่มให้ละจากใบหน้าสวย และต้องลอบหัวเราะออกมาเมื่อพบว่าอีกฝ่ายเข้าสู่ห้วงนิทราไปตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ
“เหนื่อยแล้วยังจะฝืนอีก ให้ตายสิ” ว่าจบสายลมนั้นจึงช่วยพัดคลอเคลียเรือนผมสลวยอย่างอ่อนโยนราวเพลงกล่อมให้เธอฝันหวานตลอดค่ำคืน
.
.
.
เคร้ง
เสียงเหล็กกระทบพื้นดังก้องจนปวดหูประสานกับเสียงหวีดจากสายลมแรงพัดผ่าน เรียกให้หนังตาหนักเปิดขึ้นอย่างยากลำบาก ทันใดนั้นแสงจ้าจึงเข้ามาต้อนรับพร้อมเผยให้เห็นทุ่งหญ้าเขียวขจีอันกว้างใหญ่ไพศาลในสายตา ถัดขึ้นไปมีต้นซากุระมหึมาตั้งตระหง่านอยู่ ณ ใจกลางพื้นหญ้า มันแผ่กิ่งก้านสาขาคอยโปรยกลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนไปทั่วพื้นที่
“ที่นี่อีกแล้ว” เสียงหวานกังวานไปกับสายลม เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้ตกผลึกทันทีว่าตนกำลังยืนอยู่ในที่เดียวและที่เดิมกับความฝันทุกครั้ง ดวงตากลมกวาดมองพื้นที่เบื้องหน้าด้วยความหลงใหล ไม่ว่ากี่ครั้งความงดงามของมันก็ไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ
“นั่นมัน...?”
ทันใดนั้นนัยน์ตาสีซากุระจึงสะท้อนภาพของดาบคาตานะสีดำสนิทยิ่งกว่าถ่านวางอยู่บนพื้นหญ้า นาโอริเลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัยก่อนจะปะติดปะต่อได้เมื่อนึกถึงเสียงอะไรบางอย่างกระทบพื้นที่เรียกให้เธอลืมตาขึ้น แสงวูบวาบตกกระทบกับตัวดาบนั้นน่าหลงใหลบอกไม่ถูก และราวกับแม่เหล็กดึงดูดขั้วตรงข้าม ขาเรียวจึงย่างก้าวไปหามันอย่างเชื่องช้า
มันกำลังเชิญชวนให้ร่างบางก้าวเท้าเข้าไปหามัน...
นาโอริหยุดยืนตรงหน้าดาบเล่มสวยพลันก้มมองมัน เมื่อเข้าใกล้จึงได้รู้ว่าลวดลายของมันเหมือนคู่หูของเธอไม่มีผิด ต่างแค่สีและกลิ่นอายที่แผ่ออกมา มันทั้งน่าหวั่นเกรงและเย้ายวนในเวลาเดียวกัน
“จูลิโอ้?” เด็กสาวย่อตัวลงพร้อมยื่นมือไปหวังจะเก็บมันขึ้นมา
ฟู่ม!
ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสปลอกดาบเรียบไอควันสีดำพลันพวยพุ่งกลืนกินท่อนแขนเรียวและลุกลามไปจนถึงลำตัว ความเย็นเยือกกัดกินทุกส่วนที่มันปกคลุม ดวงตาสั่นไหวเบิกกว้างฉายความหวาดกลัวสุดขีด ร่างบางตะเกียกตะกายถอยห่างจากมันทว่ายิ่งฝืนเท่าใดควันทมิฬก็มีแต่จะคืบคลานเร็วขึ้น นาโอริหอบหายใจไม่เป็นจังหวะพลันหลับตาปี๋เมื่อสิ่งน่ากลัวกำลังจะสัมผัสนัยน์ตาสีสวยของตน
บัดนี้มันกำลังจะกลืนเธอลงไป เธอไม่มีทางให้หนีแล้ว
พรึบ!
เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับแรงกระชากที่มือ ความวูบวาบลากผ่านแขนเรียวพลันรู้สึกเหมือนแม่เหล็กที่ถูกดึงออกจากกันจนปล่อยให้ร่างบางหงายหลังลงไปนอนกับพื้นหญ้านุ่ม บัดนี้เธอกลับมาหายใจสะดวกทั้งยังไม่รู้สึกถึงพันธนาการใด ๆ อีกต่อไป เปลือกตายกขึ้นเชื่องช้าก่อนจะเลื่อนดวงตาคู่สวยมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“คุณ!?” นัยน์ตาสีซากุระเบิกกว้างครั้นสะท้อนภาพของชายร่างสูงในชุดยูกาตะสีน้ำเงินคนเดิม ใบหน้าอ่อนหวานนั้นกำลังจ้องมาที่เธอด้วยความมัวหมอง ในมือกระชับดาบสีดำแน่นราวกับควันทมิฬนั่นไม่สามารถทำอะไรเขาได้ นาโอริเป่าปากโล่งใจเมื่อตระหนักว่าใครมาช่วยเหลือก่อนจะดันตัวลุกประจันหน้ากับอีกฝ่ายทว่าไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยคนตรงหน้าก็ชิงพูดเสียก่อน
“ทำไมล่ะ?” น้ำเสียงนั้นต่างจากทุกที มันแทบบีบหัวใจของเด็กสาวให้เป็นเสี่ยงทันทีที่ได้ยิน
“ทำไม...ถึงยังฝืนใช้มันอีก?”
“หมายความว่ายังไง...” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไรเพียงแต่ข้างในมันกำลังร้องขอไม่ให้เขาโศกเศร้าไปมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นเธอคงทนต่อไปไม่ไหว
“มัน...พยายามจะครอบงำเธออยู่หลายครั้ง มันทำให้เธอเจ็บปวด ทำให้เธอเกือบเดินในทางที่ผิด แล้วทำไมถึงยังฝืนเรียกมันออกมาอีกล่ะ?”
“เรียกมัน? หรือคุณหมายถึงประสานจิตเหรอคะ” เจ้าของเรือนผมสีซากุระพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะเอ่ยต่อ
“หลังจากครั้งนั้นที่มันได้ลิ้มรสหยดเลือดอีกครั้ง จิตใต้สำนึกของมุรามาสะก็ถูกปลุกขึ้นและพยายามบังคับเธอให้เข่นฆ่าเพื่อมัน”
“มุรามาสะ..”
“อย่าให้มุรามาสะมันครอบงำเธอ!”
นาโอริพลันหวนนึกถึงน้ำเสียงนุ่มนวลแสนคุ้นเคย แม้ว่าสาวเจ้าจะจำไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่ปราสาทร้างในคราวนั้น ทว่ากลับมีเพียงคำของเขาเท่านั้นที่ไม่ยอมหายไปจากสมองหลังจากเธอลืมตาตื่นที่โรงพยาบาล
“ร หรือว่าอาการเจ็บแปล๊บ ๆ นั่นจะเป็นฝีมือคุณอย่างนั้นเหรอ!?” สาวเจ้าร้องลั่นพลันชี้นิ้วใส่ร่างสูงครั้นตกผลึกบางอย่างในความคิด
“เพราะฉันไม่อยากให้เธอประสานจิตกับมัน ไม่อย่างนั้นจะยิ่งได้ใจ” ชายหนุ่มที่เลือกจะยอมรับมันโต้ง ๆ กลับไปจุดอารมณ์ฉุนให้ก่อตัวในใจนาโอริ
“แต่คุณรู้ไหม ว่าสิ่งที่คุณทำมันกำลังขัดขวางความพยายามของฉันอยู่นะ!” เธอเผลอขึ้นเสียงโดยไม่รู้ตัวก่อนจะถูกความหน่วงที่หัวใจโถมใส่เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เพราะบัดนี้เขากำลังยิ้มอยู่...แต่เด็กสาวกลับไม่สามารถสัมผัสถึงความสุขจากมันได้เลย
“ฉันเสียใจ...แต่ทั้งหมดก็เพื่อปกป้องเธอนะ นาโอริ”
“แล้วฉันล่ะคะ ฉันก็มีคนที่อยากปกป้องเหมือนกันนะ!” เด็กสาวกอบกุมอกเสื้อแน่นพร้อมจ้องไปที่ดวงตาสีเดียวกันเขม็ง
“เด็กคนนั้นไม่ได้แยแสเธอเลย เขาทำทั้งหมดเพื่อความสบายใจของตัวเอง แม้แต่ยอมทำร้ายจิตใจเธอ....แล้วทำไมถึงยังอยากจะแกว่งดาบเพื่อเขาอีก”
“คุณจะไปรู้อะไร คุณไม่เคยได้ยินน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ของโซว์ด้วยซ้ำ!”
“ฉันรู้...” นัยน์ตาหวานสีซากุระหรี่มองนาโอริ ริมฝีปากที่เคยวาดยิ้มกลับมาเหยียดตรงอีกคราราวกับยืนยันในสิ่งที่ตัวเองจะพูดต่อไป
“ฉันรู้เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอนั่นแหละ” น้ำเสียงเรียบสงบพลันทำให้นาโอริกลืนคำพูดลงคอ คำถามหนึ่งผุดเข้ามาในความคิดแทบจะทันทีพร้อมกับริมฝีปากที่ขยับอย่างเผลอไผล
“คุณ...เป็นใคร?”
to be continue….
======================================
มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ
ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3
つづく、psrpowder