จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
สายลมแรงพัดโชยผ่านเรือนผมสีเปลือกไม้ให้พลิ้วไสว ดวงตาสองคู่จับจ้องกันไม่วางและเป็นนาโอริที่ขยับริมฝีปากถามถึงตัวตนของชายตรงหน้าเธอ ทว่าอีกฝ่ายกลับยังมองเธอด้วยสายตาเศร้าหมองไม่มีวี่แววตื่นตระหนกใด ก่อนจะถอนใจเบาหวิวจนแทบกลืนไปกับสายลม
“ฉันอยู่ในฝันของเธอ...เธอควรจะรู้คำตอบนี้นะ” เด็กสาวถูกความจริงข้อนี้ปะทะเต็มใบหน้าจนต้องเบ้ปากเล็ก ๆ
“ก็จริง...แต่เมื่อกี้คุณหลุดปากมาว่ารู้เห็นทุกอย่าง ไม่มีทางเป็นแค่มโนในฝันหรอก!”
“ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร”
“โกหก! คุณคือจูลิโอ้ใช่ไหม!?” นาโอริโพล่งเสียงดังก้องไปทั่วทุ่งโล่ง ไม่วายชี้นิ้วใส่ร่างสูงตรงหน้าทันควัน
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ชื่อประหลาดแบบนั้น” ชายหนุ่มแย้งทันควันพลางย่นคิ้วไม่พึงใจนัก ทว่าปฏิกิริยานั้นยิ่งตอกย้ำความมั่นใจของสาวเจ้าเข้าไปอีกขั้น
“ขนาดตอบยังเหมือนกันเลย จะไม่ใช่ได้ยังไง!” ร่างบางก้าวเท้าเข้าไปใกล้ร่างสูงหวังจะจับตัวเขา โดยลืมไปเสียสนิทว่าในมือหนายังถือเจ้าดาบตัวปัญหาอยู่ ครั้นเขาจะเอ่ยเตือนก็ไม่ทันการเพราะเด็กสาวได้พุ่งมาประชิดตัวเสียก่อนและทันทีที่แขนเรียวเฉียดกับมัน...
ฟู่ม!
“โฮก!”
เสียงคำรามดังก้องตามด้วยไอควันทมิฬพวยพุ่งผ่านช่องระหว่างปลอกดาบ มันเข้ากลืนกินเป้าหมายของมันอย่างรวดเร็ว ทว่าด้วยไหวพริบของชายหนุ่มที่สามารถกระชากมันออกห่างนาโอริได้ทันท่วงที ปีศาจร้ายจึงพลาดโอกาสของมัน ร่างสูงพลันกระชับตัวดาบให้ปิดสนิทตัดเสียงร้องเยี่ยงสัตว์ป่านั่น ควันหม่นมลายสิ้นปล่อยเจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้ให้เป็นอิสระไม่วายทรุดตัวไปนั่งกับพื้นราวหมดเรี่ยวแรง
“ข ขอบคุณค่ะ...”
“พยายามอย่าอยู่ใกล้ฉันจะดีกว่า” เขาถอยหลังไปไกลทั้งที่ยังกระชับดาบแน่น พาให้นัยน์ตาสีซากุระของนาโอริวูบไหวยามสะท้อนภาพดาบคาตานะสีดำถ่าน
“ดาบนั่นมันอะไรกันแน่...”
“เพราะแบบนี้ฉันถึงไม่อยากให้เธอพึ่งพามันมาก ไม่งั้นสักวันหนึ่งเธออาจจะถูกมันควบคุมโดยสมบูรณ์ก็ได้”
“แต่ดาบที่ฉันใช้ไม่ใช่มุรามาสะอะไรนั่นนี่คะ ไม่มีทางโดนควบคุมหรอก!” นาโอริเถียงเสียงแข็งพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง ผิดกับชายหนุ่มที่เลือกจะหลับตาลงพร้อมสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะชูดาบขึ้นให้อยู่ในระดับสายตาของเด็กสาวและพยายามไม่เข้าใกล้เธอเกินไป
“ดาบที่เธอเรียกว่า คู่หู ความจริงมันคือกายเนื้อของมุรามาสะต่างหาก ไม่ติดใจที่มันมีลวดลายเหมือนกันบ้างหรือไง?”
ความเงียบเป็นใจเข้าปกคลุมจนน่าอึดอัด คำถามนั้นทำให้นาโอริต้องก้มมองอาวุธทมิฬตรงหน้า เธอยอมรับว่าแวบแรกที่เห็นเธอนึกเป็นสิ่งอื่นไม่ได้นอกจากคู่หูตัวเองจนตั้งใจจะเข้าไปหยิบและเกือบถูกมันกลืนกิน ยิ่งตกผลึกเช่นนั้นก็ทำให้คำโต้แย้งต่าง ๆ สลายไปในอากาศ นาโอริได้แต่คิดว่าหากคู่หูของตนคือเจ้าสิ่งน่ากลัวที่จ้องจะดูดกลืนเธอถึงสองครั้งจริง เธอควรทำเช่นไร?
เธอจะไม่สามารถร่วมต่อสู้ไปกับจูลิโอ้ได้อีกงั้นเหรอ?
แล้วเรื่องของโซอิจิโร่ล่ะ...เธอก็จะต้องยอมแพ้ด้วยงั้นสิ
“ถ้าเธอยังไม่เชื่อ งั้นฉันก็มีเรื่องอย่างสุดท้ายที่จะช่วยยืนยันคำของตัวเองอยู่...” เขาเอ่ยพลางปล่อยมือจากดาบสีดำถ่านให้มันสลายหายไปกับสายลมโชย ร่างสูงเลือกก้าวเข้ามาหาคนตรงหน้าก่อนจะยกปลายนิ้วชี้ข้างหนึ่งมาแตะหน้าผากนาโอริอย่างเบามือ และวินาทีนั้นเองที่ราวกับทางน้ำที่ถูกเปิดที่กั้นออกจนสายน้ำหลั่งไหลท่วมท้นหัวสมอง
ภาพมากมายเริ่มเรียบเรียงแทนที่ความมืดมิดในความทรงจำซึ่งคล้ายกับเทปที่ฉีกขาดก่อนหน้านี้ มันปะติดปะต่อจนฉายให้เห็นการต่อสู้ดุเดือดของร่างบางกับหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีซากุระ ณ ปราสาทร้าง ทั้งท่าทีกับความรู้สึกหิวกระหายการเข่นฆ่า รวมถึงน้ำเสียงเย็นเยือกของตัวสาวเจ้าเองต่างกังวานแจ่มชัดราวย้อนกลับไปเหยียบที่ตรงนั้นอีกครั้ง
“อึก หัวฉัน...เหมือนจะระเบิดเลย!”
สายน้ำแห่งความทรงจำยังคงไหลเข้ามาไม่เลิกรา กระทั่งมันก่อตัวไปจนถึงวินาทีที่ตัวเธอเลือกจะหันดาบใส่โซอิจิโร่เสียแทน ซ้ำยังเข้าโจมตีเขาด้วยความรู้สึกหิวกระหายซึ่งไม่ได้เป็นของตัวเอง ทว่ากลับกู่ร้องมาจากก้นบึ้งของจิตใจ...จิตใจเมื่อยามที่มือยังไม่คลายจากด้ามดาบสีน้ำเงินนั่น
“น นี่มันความรู้สึกอะไร...คุณทำอะไรกับฉันคะเนี่ย!?” นาโอริตะเกียกตะกายดันตัวหนีจากชายหนุ่มพลันกุมศีรษะตัวเองเพื่อนสงบอาการปวดตุบ
“มันคือความทรงจำที่ขาดหายไปของเธอ เพราะจิตใต้สำนึกของมุรามาสะที่แข็งแกร่งขึ้นจากการลิ้มรสเลือดคน มันเลยครอบงำเธอได้ชั่วขณะจนเธอจำช่วงเวลานั้นไม่ได้ยังไงล่ะ”
“ไม่จริงน่า...จะบอกว่าฉันทั้งฆ่าผู้หญิงคนนั้น...แล้วยังถูกมุรามาสะควบคุมจนเกือบทำร้ายโซว์ด้วยงั้นเหรอ?” หัวใจพลันหล่นวูบ บัดนี้ภาพของเด็กหนุ่มซึ่งพยายามป้องกันตัวจากใบมีดคมได้ติดตาเธอไม่ยอมไปไหน ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งปวดใจทรมาน ยิ่งไม่อยากเชื่อว่าเธอเกือบพลั้งมือทำร้ายคนที่พร่ำบอกจะปกป้องมาตลอด
นี่เธอทำอะไรลงไป?
“ถ้าไม่ได้ความร่วมมือจากองค์ชายคนนั้น ป่านนี้เธออาจจะสังหารเขาไปแล้วก็ได้ ดีไม่ดีมันอาจจะทำให้เธอไม่สามารถกลับเป็นตัวเองได้อีกเลย ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าการเชื่อมจิตเปิดทางให้มุรามาสะหลุดรอดออกมามันอันตรายแค่ไหน?” ชายหนุ่มหรี่มองร่างบางที่นั่งอยู่ ทว่านาโอริกลับไม่ยอมพูดจาและเอาแต่ก้มหน้ามองมือสองข้างของตนเอง ริมฝีปากบางยังคงเม้มแน่นให้เห็น เขาจึงสังเกตได้ถึงความกังวลและหวั่นกลัวผ่านดวงตาสีเดียวกัน
“ดูจากสีหน้า ฉันว่าเธอคงเข้าใจในสิ่งที่ต้องการจะสื่อแล้ว...เพราะงั้นได้โปรดเชื่อฉันและอย่-”
“ไม่ค่ะ ฉันจะไม่เลิกประสานจิตกับคู่หูเป็นอันขาด” น้ำเสียงดื้อดึงไม่มีปี่มีขลุ่ยนั่นกลับพาให้ร่างสูงต้องชะงักและไม่วายเบิกตาตกใจ
“ทั้งที่ได้ฟังได้เห็นทุกอย่างขนาดนี้ ทำไมถึงยังดื้ออีก เธออยากจะให้คนสำคัญที่บอกนักหนาว่าจะปกป้องต้องเจออันตรายจริง ๆ งั้นเหรอ แล้วไหนจะคนรอบตัวอีก...ถ้าเผลอเปิดช่องให้มุรามาสะ มันจะไม่ไว้ชีวิตใครเลยแม้แต่เพื่อนของเธอนะ”
“ฉันเข้าใจทุกสิ่งที่คุณจะสื่อค่ะ แต่ถึงยังไง...จูลิโอ้ก็ยังเป็นดาบของฉัน ถ้าขาดเขาไปฉันคงไม่สามารถทำเป้าหมายในตอนนี้ให้สำเร็จได้” นัยน์ตากลมแต่งแต้มด้วยแสงอันแน่วแน่เบนมองเจ้าของเรือนผมสีซากุระ เธอดันตัวลุกขึ้นพลางขยับปากเอื้อนเอ่ยหนักแน่นกว่าครั้งไหน
“ก็จริงที่ฉันเคยไม่รอบคอบจนเผลอเปิดทางให้มุรามาสะควบคุม...แต่มันจะไม่มีครั้งที่สองอีก เพราะจนกว่าจะได้ใช้ดาบปกป้องโซว์ ฉันจะไม่มีวันวางมือจากดาบเด็ดขาด” มือเรียวกอบกุมเนินอกซึ่งสะท้อนเสียงหัวใจตึกตักชัดเจน
“เธอจะบอกว่า...จะยอมทุกวิถีทางเพื่อให้ได้กวัดแกว่งดาบปกป้ององค์ชายคนนั้น แม้แต่ยอมให้มันครอบงำงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่ได้ยอมให้มันครอบงำ...แต่ถ้าไม่เสี่ยงดู ฉันก็จะไม่มีทางใช้ความสามารถที่มีเพื่อไปอยู่เคียงข้างโซว์ได้...เพราะตัวฉันในตอนนี้ยังไม่เก่งพอจะต่อสู้ด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งจูลิโอ้” สายตาแปรเปลี่ยนจากความหวั่นกลัวเป็นมุ่งมั่น เหตุใดเธอจึงต้องมานั่งกังวลในสิ่งที่ทำพลาดไปแล้วกันเล่า ในเมื่อโซอิจิโร่ยังคงปลอดภัยดีและยังอยู่ ณ ที่ตรงนั้น
ยังอยู่ ณ ปราสาทฮิบานะ ให้เธอได้ไปบ่นโทษฐานที่กล้าตัดสัมพันธ์เพื่อนกับเธอ
เขายังมีชีวิตอยู่ เป็นเป้าหมายให้เธอก้าวไปหา
แล้วเธอ...จะกล้าปล่อยมันไปเพียงเพราะจิตสำนึกชั่วร้ายที่บังอาจมารุกล้ำตัวตนของเธออย่างนั้นเหรอ?
“และถ้าไอ้มุรามาสะนั่นกล้าคิดจะใช้ฉันเพื่อเอาชีวิตโซว์หรือคนที่ฉันรักอีก...ฉันก็พร้อมจะต่อต้านจิตสำนึกนั่นและลุกมาตัดลมหายใจตัวเองอย่างไม่ลังเล อีกอย่าง...” เด็กสาวเว้นจังหวะหายใจก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างสูงจนสามารถเห็นสีหน้าตกใจของเขาได้
“ต่อให้ถูกควบคุมจนไม่สามารถต้านมันได้ขึ้นมา ฉันก็เชื่อว่าจูลิโอ้...หรือคุณจะช่วยปกป้องฉันเหมือนอย่างทุกที ใช่ไหมคะ?” นาโอริวาดยิ้มเจิดจ้ากว่าแสงแดด พาให้ร่างสูงกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว นัยน์ตาหวานของเขาวูบไหวเห็นได้ชัดจนต้องจำใจหลุบตาต่ำเพราะหยาดน้ำใสดันมาคลอที่เบ้าตา ริมฝีปากสั่นระริกเม้มเข้าหากันสะกดกลั้นความรู้สึกซึ่งบรรยายไม่ได้ไว้
“ดื้อจริง ๆ”
น้ำเสียงนุ่มปนหัวเราะนั้นส่งไปถึงนาโอริ ทำเอาเจ้าตัวต้องเบิกตากว้างประหลาดใจกับกลิ่นอายแสนอบอุ่นที่คลุ้งอยู่ในอก แต่กลับไร้ซึ่งเบาะแสว่าเป็นเพราะเหตุใด หรือเพราะเธอเริ่มจะเชื่อว่าเขาคนนี้คือจูลิโอ้จึงเกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นกันแน่?
ขณะนาโอริตกอยู่ในภวังค์ความคิด ชายร่างสูงจึงก้าวเท้าเดินกลับไปยังต้นซากุระมหึมาเบื้องหลังตนก่อนจะหยุดยืนใกล้ ๆ กับปลายกิ่งสีเข้มที่โค้งงอลงมา ปลายนิ้วบรรจงหักกิ่งสีน้ำตาลนั่นมาถือไว้และเรียกดาบคาตานะสีถ่านออกมาอีกครั้ง มืออีกข้างชักคมดาบออกจากฝักอย่างไม่กลัวเสียงร้องบาดหูของมัน เขาทาบกิ่งซากุระลงที่กลางดาบพลันม้วนขดมันให้พันรอบใบมีด ทว่าทันทีที่เนื้อไม้สัมผัสกับคมดาบมันกลับอ่อนตัวจนสามารถดัดงอได้ ท้ายที่สุดชายหนุ่มจึงใช้มือของตนกุมส่วนที่ถูกพันไว้แน่น
เกิดแสงสีขาววูบวาบลอดผ่านนิ้วมือนั้น ไอควันสีเข้มที่ถูกดูดหายเข้าไปบริเวณที่ถูกกำไว้เช่นเดียวกับเสียงร้องที่เลือนหาย หลงเหลือเพียงสายลมโชยกับกลิ่นเขียวของหญ้าเท่านั้น ครั้นมือหนาเก็บดาบเข้าฝักเสร็จสรรพเจ้าตัวจึงก้าวเท้ายาวกลับมาหานาโอริในทันทีและยื่นดาบสีดำถ่านให้แก่เธอ
“เมื่อกี้คุณทำอะไรเหรอคะ?”
“ฉันผนึกจิตสำนึกของมันไว้ชั่วคราว แบบนี้น่าจะทำให้เธอใช้ดาบต่อได้อีกหน่อย อาการเจ็บมือจะไม่กลับมาแล้วล่ะ”
“จ จริงเหรอ ขอบคุณนะคะ!” นาโอริยิ้มร่าพลันตั้งท่าจะหยิบดาบจากมืออีกฝ่ายทว่าเขากลับดึงมันกลับไปเสียก่อน
“รับปากฉันอย่างหนึ่งได้ไหม....”
“คะ?”
“รับปากว่าจะไม่พึ่งพลังของมันจนมากไป อย่าหันคมดาบใส่คนไม่เลือกหน้าอย่างที่มันต้องการ แล้วก็...” เขาเว้นจังหวะหายใจครู่หนึ่ง นัยน์ตาสีซากุระหรี่ลงด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจรับกับรอยยิ้มน้อย ๆ ที่มอบให้เด็กสาว
“อย่าทำให้ฉันต้องเป็นห่วงเลยนะ”
“ฉันรับปากค่ะ” นาโอริตอบรับหนักแน่น ไม่รู้ทำไมแต่เธอไม่อยากจะทำให้คนตรงหน้าผิดหวังเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะอยากเห็นริมฝีปากได้รูปนั่นเหยียดตรงไร้ชีวิตชีวาอีก
“หึ งั้นก็โล่งใจ” ว่าจบชายหนุ่มจึงยื่นมันให้นาโอริอีกครั้งและคราวนี้เธอก็รับมันมาอย่างปลอดภัย
“อึก!”
ทันใดนั้นศีรษะก็พลันเจ็บจี๊ดขึ้นมาพร้อมกับวิสัยทัศน์ที่บิดเบี้ยวไม่เป็นรูปร่างราวมีอะไรบดบัง ร่างบางเซถอยไปเล็กน้อยพยายามทรงตัวไม่ให้เสียศูนย์ทั้งที่กำดาบในมือแน่น ก่อนจะได้ยินเสียงนุ่มจากคนตรงหน้ากังวานในหู
“โชคดีกับการทดสอบนะ นาโอริ”
“เฮือก!”
ดวงตากลมเบิกโพลงพลันหอบหายใจแรง ไม่ทันไรสัมผัสแข็งกระด้างที่แผ่นหลังก็เรียกให้ต้องเบนมองและพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนพื้นเรียบหาใช่เตียงนอน ร่างบางรีบดันตัวลุกขึ้นนั่งพลางหันซ้ายขวาสอดส่องความเป็นไปในห้องมืด ทันใดนั้นสาวเจ้าจึงได้รู้ว่ามือของเธอกำลังกำอะไรบางอย่างไว้แน่น กระทั่งเสียงทุ้มแสนคุ้นเคยดังขึ้น
“ตื่นเสียทีนะ รู้ตัวไหมว่าละเมอหนักขนาดไหน?” นาโอริทำหน้าเหวอใส่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือทันใด ไม่วายรีบพาตัวเองลุกไปเปิดไฟจนสว่างจ้าและเห็นสภาพผ้าห่มที่ยับยู่ยี่กองบนพื้น
“น นี่ฉันลุกจากเตียงไปหยิบนายเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ จู่ ๆ ก็เดินมาหยิบฉันแล้วลงไปนอนกับพื้นสะงั้น เรียกแทบตายก็ไม่ตื่น”
“บ้าบอ ฉันจะลุกไปเพื่อ...” คำแย้งพลันกลืนลงคอเมื่อเจ้าตัวหวนนึกถึงความฝันได้เลือนราง ภาพที่เจ้าของเรือนผมสีซากุระทาบกิ่งไม้ลงบนดาบยังตราตรึงในความทรงจำ มือเรียวจึงตอบสนองรีบชักคมดาบออกจากฝักมาดูทันควัน
“มีรอยจริง ๆ ด้วย!” นัยน์ตาสีสวยสะท้อนใบมีดเหล็กแวววาว ตรงกึ่งกลางของมันเกิดเป็นรอยขีดขรุขระสีน้ำเงินพาดระหว่างใบมีด นาโอริอุทานออกมาอย่างตื่นเต้นเพราะครานี้เธอมีหลักฐานยืนยันเศษเสี้ยวความฝันที่ไม่เหมือนครั้งไหน ๆ แม้แต่คำพูดของเขาทุกอย่างก็ถูกขีดเขียนลงในสมองจนไม่จางหายไปเหมือนฝันปกติ
“จู่ ๆ เป็นอะไร?”
“ไม่ต้องมาทำไก๋ นายเป็นคนทำรอยนี่เองไม่ใช่หรือไง”
“หา ฉันจะเอามือที่ไหนไปทำมิทราบ ยังตื่นไม่เต็มที่หรือเครียดจนบ้าไปแล้วเนี่ย”
“ถึงในฝันจะกลบเกลื่อนแต่ฉันรู้หรอกนะว่าทำอะไรไว้บ้าง แถมเห็นหน้าตาแล้วด้วย” นาโอริยิ้มกริ่มราวถือไพ่เหนือกว่า
“ขนาดฉันยังจำหน้าตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอเป็นใครถึงบอกว่ารู้น่ะ?” จูลิโอ้เถียงสุดใจทำเอาสาวเจ้าต้องหรี่ตาฉงน แม้จะไม่สามารถจับความน่าสงสัยจากเสียงทุ้มได้ แต่อะไรหลาย ๆ อย่างก็บ่งชี้ไปทางเดียวกันทั้งนั้น เธอไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะปกปิดไปเพื่ออะไร
.
.
แม้จะพยายามโต้แย้งกันอยู่นาน แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีทีท่าจะหลุดความจริงหรือแสดงพิรุธใดให้เห็น มิหนำซ้ำการโต้วาทีกลาย ๆ นี้ยังดึงพลังจากสาวเจ้าไปไม่น้อย สุดท้ายนาโอริก็ต้องพับความสงสัยนั่นไว้และโยนตัวเองลงบนเตียงนุ่มแต่โดยดี ก่อนหลับยังไม่วายทิ้งท้ายเกี่ยวกับชายปริศนาให้กับจูลิโอ้ฟังจนอีกฝ่ายต้องกดเสียงดุให้เจ้าเด็กดื้อนอนยอมเสียที
“เฮ้อ กว่าจะนอน พรุ่งนี้ก็ต้องฝึกอีกแท้ ๆ เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งแล้วมางอแงใส่กันอีก” เสียงทุ้มถอนใจเหนื่อยหน่ายพร้อมบันดาลสายลมคลอเคลียเช่นเคย เขาได้แต่หวังว่าร่างบางจะไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรแปลก ๆ อีก ไม่เช่นนั้นคงต้องเรียกกันคอแตกอีกรอบแน่
“รอย...งั้นเหรอ” จู่ ๆ เจ้าตัวก็หวนนึกถึงสิ่งที่นาโอริเอ่ย สายลมซึ่งเคยพัดไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศจนเริ่มจะหนาวกลับแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นผิดกับอากาศในห้อง มันก่อตัวรอบดาบคาตานะสีสวยราวกับต้องการให้ดวงจิตสัมผัสถึงไออุ่นนั้นได้ไม่ต่างจากเด็กสาว
“ถึงจะไม่เข้าใจ...แต่คงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะ”
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมห้องสีนวล ขับกล่อมร่างบนเตียงให้ผ่านค่ำคืนแสนยาวนานนี้ไปเช่นเดียวกับตัวเขาที่รู้สึกโล่งใจกับบางสิ่งที่ไม่อาจจำได้ จูลิโอ้เพียงตระหนักว่าบัดนี้ความทุกข์ใจไร้สาเหตุตลอดหลายวันที่ผ่านมาได้มลายหายไปจนสิ้น และถูกแทนที่ด้วยความอ่อนโยนราวปุยนุ่น
เขาได้แต่หวังว่าความรู้สึกนี้จะคงอยู่ตลอดไป
.
.
.
นกร้องขับขานต้อนรับดวงตะวันปรากฏเหนือน่านฟ้า เริ่มต้นวันใหม่ให้เหล่านักเรียนชิบุนางิได้ผจญกับวิชาเรียนสุดทรหดตลอดวัน บัดนี้ ณ ห้องเรียนแสนคึกคักเจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้กำลังเล่าเรื่องความฝันของเธอให้เพื่อนสาวฟัง ซึ่งมันยาวขนาดว่าระยะทางจากหอพักมาถึงที่นี่ยังไม่พอ
“นาโอะจังนี่ฝันได้แปลกดีแฮะ”
“แต่มันเป็นเรื่องจริงนะ ดูหลักฐานสิ” นาโอริรีบดึงคมดาบสวยออกมาให้อีกฝ่ายดูทันควันก่อนจะยิ้มแป้นแล้นอย่างมั่นใจ
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อเสียหน่อย เก็บดาบก่อนเถอะมันอันตรายนะ” ซากิรีบผายมือปรามเพื่อนสาว
“แหะ ๆ ขอโทษทีฉันตื่นเต้นไปหน่อย” เด็กสาววาดยิ้มตาหยีพลางวางอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไว้บนตัก เธอรู้สึกไม่อยากปล่อยมือจากดาบเลยสักวินาทีเดียว
“แต่แบบนี้ก็เท่ากับว่าจะไม่มีอาการเจ็บที่มืออีกแล้วสิ?”
“ใช่ จูลิโอ้บอกฉันแบบนั้นล่ะ”
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้เรื่อง” เสียงทุ้มแทรกขึ้นทันควันจนสองสาวต้องหันมองและไม่พ้นที่นาโอริต้องเบ้ปาก เพราะจนถึงตอนนี้คู่หูของเธอก็ยังแย้งสิ่งที่เธอคิดอยู่ สาวเจ้าจึงทำได้แค่ทำหูทวนลมเอ่ยตามใจตนเท่านั้น
“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเขาช่วยให้ฉันใช้ดาบต่อได้แต่แลกกับไม่พึ่งการประสานจิตมากไป”
“ฉันว่าก็ดีนะ นาโอะจังจะได้เพิ่มทักษะตัวเองโดยตรงเลย ถ้าบอกกับรุ่นพี่นากามูระเขาน่าจะพอแนะได้อยู่”
“เฮ้อ พูดแล้วก็อยากข้ามไปเลิกเรียนเลยได้ไหม อยากฝึกต่อจะแย่”
“เจอคาบปฏิบัติก็น่าจะโดนหนักอยู่นะ ยิ่งอาจารย์ซาวาเบะรู้เรื่องแล้วด้วย เธอคงเจาะจงนาโอะจังเป็นพิเศษแน่เลย” ฟังจบขนแขนพลันลุกพรวดเมื่อนึกถึงการสอนสุดโหดของเจ้าหล่อน ทว่ามันกลับได้ผลดีจนโต้แย้งอะไรไม่ได้นี่สิ
ครืด
เสียงบานประตูเลื่อนเปิดพร้อมกับร่างสูงของฮินาวะที่เดินเข้ามา มือหนาวางกระเป๋าลงข้างโต๊ะประจำตัวก่อนจะได้ยินเสียงเรียกจากสองสาวซึ่งโบกมือทักทายอยู่ก่อนแล้ว เด็กหนุ่มทักทายตอบพลางเดินเข้าไปร่วมวงสนทนาด้วย นาโอริไม่รีรอที่จะเล่าความฝันของเธอแก่เพื่อนหนุ่มพลันชูดาบสีสวยให้ดูชัด ๆ อีกครั้ง คนได้ฟังก็จ้องมองรอยนั่นอยู่พักหนึ่งและย่นคิ้วมองเจ้าตัวแทน
“แน่ใจนะว่าเธอไม่ได้ไปเผลอทำรอยเอง?”
“โธ่ คนเขาอุตส่าห์เล่า นายมาหักอารมณ์สะงั้น”
“ขอโทษแล้วกัน แค่พูดตามที่คิดน่ะ” ดวงตาคมเบี่ยงหนีพลันยกมือเกาแก้ม นาโอริไม่ได้เถียงอะไรทำเพียงมุ่ยหน้าไม่ชอบใจเล็ก ๆ
ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดเข้ามา เธอจึงรีบหันมองร่างสูงพร้อมกระตุกปลายเสื้อของเขาเรียกความสนใจ
“จริงสิ วันนี้นายมาเป็นคู่ซ้อมดาบให้ได้ไหม ฉันอยากฝึกจริงจังแบบไม่ประสานจิตน่ะ!”
“หมายถึงฝึกการรับรู้ตัวเองโดยไม่พึ่งดาบ?” เด็กสาวพยักหน้าเป็นคำตอบทันทีที่ได้ยิน
“ถ้าจะฝึกให้ได้ผลก็ต้องให้คนเก่งอย่างนายเป็นคู่มือเท่านั้น!”
“เหอะ ไม่ต้องพูดเยินยอมากก็จะช่วยอยู่แล้วล่ะน่า” ใบหน้าได้รูปแต้มสีอมชมพูยากจะมองเห็น หนำซ้ำยังรู้สึกเหมือนมีกลองมาเล่นอยู่ในอกเสียอย่างนั้น
“ขอบใจนะ!...ทีนี้ก็จะพร้อมเข้าทดสอบองครักษ์เต็มพิกัดเสียที!” ครั้นได้ยินเสียงร่าเริงจากนาโอริ จู่ ๆ ความใจเต้นของฮินาวะก็กลับแทรกด้วยอารมณ์หงุดหงิด ทำเอาเผลอขมวดคิ้วเป็นปม
“สู้เขานะ นาโอะจัง” ซากิแย้มยิ้มเป็นกำลังใจแก่เพื่อนตน เช่นเดียวกับนาโอริที่ยิ้มร่าพลางคลอเคลียมือของอีกฝ่ายราวกับเด็กน้อย
ทว่าขณะที่สองสาวกำลังดีใจอยู่ กลับมีใครคนหนึ่งไม่พูดไม่จาจนผิดสังเกต
“หือ เป็นอะไรหรือเปล่าฮินาวะคุง?”
“เปล่า ฉันกลับไปนั่งที่ก่อนล่ะ” เจ้าของเรือนผมสีบ๊วยแดงเอ่ยเสียงห้วนพลันก้าวเท้าจากไปแทบจะทันทีที่เอ่ยจบและเป็นอีกครั้งที่นาโอริมองเห็นความขุ่นมัวเล็ก ๆ ผ่านนัยน์ตาสีแดงเลือดนั่น ทำเอาต่อมสงสัยต้องกำเริ่มอีกจนได้ แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยรั้งเขาเสียงประตูก็ดังขึ้นอีกคราพร้อมร่างเพรียวของอาจารย์สาว
ชั่วโมงเรียนจึงเริ่มต้นขึ้นทั้งความคาใจอย่างนั้น
.
.
.
เพียงพริบตาเวลาก็ล่วงเลยไปเหมือนโกหก บัดนี้นาโอริกำลังยืนประจันหน้ากับเพื่อนหนุ่มเพื่อทำการฝึกซ้อมตามที่ตนขอ แน่นอนว่าสาวเจ้าได้เล่าเรื่องความฝันให้แก่สมาชิกคนอื่นฟังและได้รับการสนับสนุนจากโชโตะตามคาด ถึงในส่วนของความฝันจะไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะกลัวเผลอทำร้ายจิตใจรุ่นน้องสาว แค่เขาเองก็ต้องการให้เธอใช้ความสามารถตัวเองเพื่อดึงความสามารถของดาบเสียมากกว่าทำกลับกัน
ต้องขอบคุณอาการเจ็บมือก่อนหน้าที่บังคับให้นาโอริไม่พึ่งการประสานจิตอยู่ช่วงหนึ่ง ทันทีที่ฮินาวะเข้าประชิดตัวเธอด้วยความเร็วปานแสง สาวเจ้าจึงพอตอบโต้และสวนกลับได้ทว่าหนทางยังยาวไกล ฝีมือของเด็กหนุ่มนั้นพัฒนาไปมากเสียยิ่งกว่าครั้งประลองดาบ เขาสามารถเคลื่อนที่ว่องไวขนาดที่มีตารอบตัวก็มองแทบไม่ทัน
“เหมือนชิสึจิซังกำลังถูกเจ้านั่นรังแกอยู่เลยแฮะ” ไคโตะเหงื่อตกขณะมองภาพตรงหน้า เพราะสิ่งที่เห็นคือร่างสูงกำลังพุ่งตัวตลบหลังนาโอริไปมา ซ้ำยังใส่แรงไม่ยั้งทุกครั้งที่วาดดาบ เสียงกระทบกันแสบหูนั้นเป็นพยานชั้นดีเลยล่ะ
“แต่ถ้าฮินะไม่เอาจริง นาโอริจังจะโกรธเอาได้นะ แบบนี้แหละดีแล้ว” ฮิเมะโกะซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ย
“ก็ใช่ครับ...แต่ทำไมรู้สึกเหมือนเขากำลังอารมณ์ไม่ดียังไงก็ไม่รู้?” รุ่นพี่สาวได้แต่เลิกคิ้วพลันกลับไปมองการต่อสู้ต่อ นัยน์ตาสีแดงเลือดสะท้อนใบหน้านิ่งเรียบของผู้เป็นน้องราวต้องการยืนยันและเธอก็ได้คำตอบแล้ว
“อืม...เหมือนจะจริงนะ”
ทั้งสองไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อพร้อมเฝ้ามองดาบสองเล่มปะทะกันไปมา บัดนี้สายตาของนาโอริเริ่มจับการเคลื่อนตัวของอีกฝ่ายได้ในระดับหนึ่งจนพอคาดการได้ว่าเขาจะไปทิศทางใด จำนวนครั้งที่เธอจะถูกโจมตีจากด้านหลังน้อยลงเช่นเดียวกับโอกาสวาดดาบใส่จุดอ่อนของคู่ต่อสู้ที่มากขึ้น
“ฉันเริ่มจับทางนายได้แล้ว!” นาโอริเอ่ยขณะก้าวเท้าไปเบื้องหลังอีกฝ่ายและง้างดาบขึ้นสูง
“หึ ยังหรอก”
สิ้นคำพูดฮินาวะจึงยกคมดาบต้านการโจมตีไว้ได้ทัน เขาใช้โอกาสนั้นเหวี่ยงขาแข็งแรงใส่สีข้างของร่างบางพลันส่งแรงดันให้เจ้าหล่อนเสียศูนย์และลงไปนอนหงายกับพื้น ชั่วพริบตาปลายดาบของเด็กหนุ่มก็จ่อที่ใบหน้าสวยพร้อมกับนั่งคร่อมนาโอริเอาไว้
“พอเท่านั้น!”
รุ่นพี่หนุ่มให้สัญญาณพลางก้าวเท้าเข้าไปหารุ่นน้อง เวลาเดียวกันกับที่นัยน์ตาสีซากุระสะท้อนดวงตานิ่งสงบของคนเหนือร่างทว่ากลับสัมผัสถึงความปั่นป่วนจาง ๆ ก่อนมันจะหายไปเมื่อฮินาวะลุกขึ้นยืนพลางเสยเส้นผมเคล้าเหงื่อของตนเบา ๆ ภาพตรงหน้าคงทำหัวใจเด็กสาวหลายคนล้มเหลวไปไม่น้อย ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นนาโอริที่เห็นมัน เธอเลยได้แต่นอนมุ่ยหน้าพลางยื่นมือไปให้ร่างสูง
“ดึงที”
“ลุกเองสิ”
“ใครใช้ให้เตะแรงล่ะ รีบ ๆ ดึงเลย” ฮินาวะถอนใจแรงพลางพยุงอีกฝ่ายขึ้นมาและไม่วายโดนจิกกัดเล็ก ๆ ทว่าเขาหาได้สนใจไม่
บทสนทนาถูกขัดเพราะโชโตะที่เดินเข้ามาถึงตัวทั้งสอง เจ้าของเรือนผมสีน้ำผึ้งวาดยิ้มชอบใจเมื่อเห็นว่านาโอริพอจะเพิ่มทักษะการต่อสู้ของตัวเองขึ้นมาบ้างแล้ว แต่แน่นอนว่ามันยังไม่สมบูรณ์เท่ายามพึ่งพาดวงจิต เขาจึงให้คำแนะนำกับนาโอริเท่าที่จะทำได้และสั่งให้สมาชิกทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อนเตรียมพร้อมสำหรับกิจวัตรพิเศษนี้ในวันถัดไป
แม้จะไม่น่าเชื่อแต่การคัดเลือกองครักษ์นั้นเหลืออีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ พวกเขาจึงต้องตั้งใจเป็นพิเศษเพื่อเด็กสาว
ขณะนี้นาโอริเพิ่งจะบอกลากับสองรุ่นพี่ที่ขอตัวกลับก่อนและเหลือเพียงเหล่าสมาชิกปีหนึ่งทั้งสี่คนที่กำลังเตรียมออกจากโรงยิม
“โมโมเสะ” นัยน์ตาสีซากุระจ้องแผ่นหลังกว้างซึ่งชะงักเท้าขณะกำลังเดินไปยังประตู เขาปรายตามองเธอผ่านหางตาพลางรอให้เจ้าตัวเอ่ยต่อ
“ฉันขอ...”
“คุยด้วยหน่อยได้ไหม?”
to be continue….
======================================
มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ
ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3
つづく、psrpowder