จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
“ขอคุยด้วยได้ไหม?”
ท่ามกลางโรงยิมอันเงียบงัน นาโอริได้เอ่ยเสียงเรียบส่อแววจริงจังเรียกให้เจ้าของเรือนผมสีบ๊วยแดงต้องชะงักเท้าและปรายตามองเธอ ฮินาวะไม่ยอมปริปากใด ๆ ราวกับรอให้อีกฝ่ายเปิดบทสนทนาเสียเอง แต่แล้วก็ตระหนักถึงสายตาของเพื่อนอีกสองคนที่ยืนรอพวกเขาอยู่
“กลับไปก่อนเลย ฉันขอคุยกับยัยนี่แปปนึง”
“โอเค อย่าอยู่นานล่ะ เดี๋ยวเขาเข้าใจว่าไม่มีคนอยู่แล้วล็อกกุญแจ” ไคโตะวาดยิ้มกริ่มส่งท้ายก่อนจะพากันเดินออกไปพร้อมกับซากิ ปล่อยให้เจ้าเพื่อนตัวดีเบ้ปากใส่อยู่อย่างนั้น
“เออ รู้แล้วน่า”
แอ๊ด....ปึง
รอกระทั่งประตูหนักงับจนสนิทและทิ้งไว้แค่ความเงียบสงบอีกครั้ง ร่างสูงจึงหันกลับมาทางนาโอริพร้อมเลิกคิ้วฉงนให้ทันใด
“เธอมีอะไร?”
“นายนั่นแหละมีอะไร” คิ้วหนากระตุกเล็กน้อยกับคำยอกย้อนนั้น สรุปใครกันแน่ที่อยากเป็นฝ่ายถามเนี่ย?
“ถ้าจะหาเรื่องกวนส้นเท้ากันก็พอเถอะ ฉันเหนื่อยจะแย่แล้ว”
“ฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจหรือเปล่า?” ฮินาวะชะงักพลันจ้องนัยน์ตาสีซากุระตรงหน้า ทว่าเขากลับแพ้ให้กับมันจนต้องเลือกเบือนหน้าหนีและตอบปฏิเสธไป แต่นาโอริกลับไม่ล้มเลิกความสงสัยที่มี
“ตลอดสองอาทิตย์นี้ นายมีท่าทีแปลกมาก เหมือนหงุดหงิดอะไรอยู่ตลอด ยิ่งตอนมาฝึกให้ก็ขรึมกว่าปกติทั้งที่ควรต่อปากต่อคำกว่านี้แท้ ๆ”
“เธอคิดเองเออเองต่างหาก ฉันไม่ใช่คนชอบพูดหรอกถ้าไม่จำเป็นน่ะ”
“ไม่เชื่อ”
“ก็แล้วแต่ ฉันไปล่ะ” เด็กหนุ่มโบกมือลาพร้อมเดินตรงไปยังประตู ครั้นไม่มีท่าทีจะห้ามได้นาโอริจึงพุ่งตัวไปขวางทางเอาไว้และกางแขนบังไม่ยอมให้ผ่าน ทำเอาฮินาวะต้องเดาะลิ้นไม่สบอารมณ์กับสายตาคาดคั้นของอีกฝ่าย
“ฉันไม่ให้นายไปจนกว่าจะตอบ”
“ฉันจะหงุดหงิดอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอไหม?”
“เห็นมะ พูดแบบนี้แสดงว่าจริง บอกมาเสียดี ๆ หรืออยากให้ฉันเดา?” ว่าจบเด็กสาวก็ลูบคางเบา ๆ พลางเอียงคอไปซ้ายทีขวาทีราวครุ่นคิดอย่างหนัก ส่วนฮินาวะที่มองท่าทีนั้นก็ไม่วายเหงื่อตก เพราะเวลานี้เขาได้แต่ภาวนาให้สาวเจ้ารีบปล่อยเขาออกไปจากที่นี่เสียที
ไม่เช่นนั้นความคิดที่ปกปิดไว้อาจจะถูกค้นเจอก็เป็นได้...
“อืม ปกตินายก็ขี้หงุดหงิดอยู่แล้วแต่ช่วงสองอาทิตย์นี้นายกลับหงุดหงิดหนักกว่าเดิม...และช่วงนี้ฉันก็กำลังฝึกสำหรับคัดเลือกองครักษ์พอดี...หรือว่า!?” เสียงหวานโพล่งขึ้นจนร่างสูงสะดุ้งโหยงพลางลุ้นตัวโก่งยิ่งกว่าดูหนังระทึกขวัญ ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายชี้นิ้วใส่ตัวเขา
“นายเป็นห่วงฉันงั้นเหรอ!? กลัวว่าฉันจะกดดันใช่ไหมล่ะเพราะมันเป็นงานใหญ่แถมยังมีคนเก่ง ๆ เข้าร่วมเยอะแยะมันก็ต้องมีบ้าง เอ๊ะ หรือความจริงนายเหงาเพราะไม่มีคนให้เถียงด้วยเลยหงุดหงิด หรือจะไม่ใช่.... ”
“ใช่ ฉันหงุดหงิด....” ฮินาวะเอ่ยเสียงแข็งแทรกไปทันใด ทำให้นาโอริต้องหยุดเจ้าปากจอมหยอกล้อไว้แทบไม่ทัน นัยน์ตาสีบ๊วยแดงหรี่มองร่างบางตรงหน้าซึ่งเลิกคิ้วสูงไม่หายและเลือกจะเดินไปประจันหน้ากับเธอจนสาวเจ้าต้องเงยมอง
“แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องงี่เง่าอย่างเหงาปากไม่มีคนให้เถียงนั่นหรอก”
“เอ้า แล้วมันยังไงกันแน่ล่ะ จะบอกว่านายไม่อยากเห็นฉันเป็นทหารหรือไง?”
“ก็เออสิ ฉันไม่อยากให้เธอไปเป็นทหาร พอใจหรือยัง!?” สิ้นเสียงตะโกน รอบด้านพลันปกคลุมด้วยความเงียบน่าอึดอัดระหว่างทั้งคู่ เช่นเดียวกับนาโอริที่เผยอปากตกตะลึงซ้ำเริ่มจะทำอะไรไม่ถูก เธอไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะคิดเรื่องนั้นอยู่จริง ๆ แถมยังยอมรับมันแบบไม่ลังเลเลยด้วย
“เดี๋ยวนะ จริงเหรอ...”
“จริง ตั้งแต่ตอนนั้นที่เธอพูดออกมาว่าจะทำเพื่อองค์ชายอะไรนั่นฉันก็หงุดหงิดมาตลอด ไม่เข้าใจว่าจะเอาตัวเองไปลำบากเพื่อคนอื่นทำไม ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะโยนตัวเองเข้าโรงพยาบาลไปตั้งสองรอบแต่ก็ยังไม่เข็ด...ทำไปเพราะอยากปกป้องงั้นเหรอ เหอะ ไม่คิดตื้นไปหน่อยหรือไง!?” เด็กหนุ่มหัวเราะหึออกมาทั้งยังตวัดสายตาไม่พอใจให้เห็นอย่างไม่ปิดบัง เลยพาให้เส้นเลือดปูดโปนที่ข้างขมับนาโอริแทบจะทันที
“นี่ นายอย่ามา..”
“แต่พอเห็นท่าทางของเธอที่ตั้งใจกับมันมากฉันก็พูดไม่ออก ยิ่งเห็นเธอพยายามกับการฝึกเท่าไหร่ก็ยิ่งเหมือนว่าตัวฉันมันแย่มากที่อยากจะขัดขวางใจจะขาด อยากจะพูดให้ล้มเลิกความคิดเกินตัวนั่นแล้วใช้ชีวิตเป็นนักเรียนปกติไปซะ” นัยน์ตาสีแดงเลือดกลับมาสั่นระริกอีกคราเช่นเดียวกับมือที่กำเข้าหาหันแน่นจนเป็นจ้ำแดง ริมฝีปากเม้มแน่นขณะซ่อนใบหน้าทรมานไว้ใต้แสงเงาจากไฟดวงจ้า
“แต่ฉันทำไม่ได้ เพราะฉันไม่อยาก...เห็นเธอเสียใจ”
ดวงตาสีซากุระพลันเบิกกว้างครั้นสะท้อนภาพของเพื่อนหนุ่ม แม้แต่หัวใจก็เต้นระรัวตามไปกับคำพูดและน้ำเสียงบีบเค้นนั่น การแสดงอารมณ์ที่หาได้ยากของอีกฝ่ายทำให้ความรู้สึกผิดเอ่อล้นยามนึกถึงความอึดอัดใจที่เจ้าตัวต้องเก็บมาตลอด นาโอริพอจะรู้ว่าคนตรงหน้าอ่อนโยนกว่าภาพลักษณ์ที่แสดงเพียงใด เขามักจะเห็นคนใกล้ตัวสำคัญกว่าตนเองเสมอ เพราะแบบนั้นคนอย่างฮินาวะจึงไม่มีทางยอมแสดงความคิดที่จะทำร้ายใครก่อนและเลือกจัดการแค่กับอารมณ์ตัวเอง
“นายยอมเก็บมันไว้เพื่อฉันเลยเหรอ?” ยิ่งคิดหน้าอกก็ยิ่งรัดแน่นแทบหายใจไม่ออก ทว่าชั่ววูบหนึ่งในความเศร้านั้นกลับแต่งแต้มไปด้วยปีติและลิงโลดดีใจจนเผลอก้าวเท้าเข้าหาอีกฝ่าย
“ม ไม่ใช่เสียหน่อย แค่ความคิดฉันไม่ยอมให้ทำต่างหาก”
“ขอบใจนะ” มือเรียวยกกำปั้นหลวม ๆ ขึ้นมาและทุบมันที่กลางแผงอกเด็กหนุ่มอย่างเบามือ เรียกให้เขาต้องก้มมองร่างบางตรงหน้าซึ่งมองเขาอยู่ก่อนด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ความรู้สึกของนาย...เป็นกำลังใจชั้นดีเลยล่ะ!” ฮินาวะเผลอไผลเบิกตาขึ้นเพื่อมองใบหน้ายิ้มแย้มนั่นให้นานขึ้น มันเปรียบเหมือนสายน้ำชโลมใจขุ่นมัวของเขาจนสะอาดก็ว่าได้ เพราะบัดนี้หัวใจของเขากลับมีชีวิตชีวาและรัวเสียยิ่งกว่ากลอง ไม่ต่างกับใบหน้าหล่อเหลาที่เริ่มจะแดงระเรื่อจนอยากจะมุดดินหนี
“เป็นอะไรอ่ะ ทำไมถึงหน้าแดง...โอ๊ย!”
ด้วยความขี้สงสัยของเด็กสาวที่เกือบจะสังเกตความผิดปกติ กลับถูกฮินาวะใช้มือมาผลักใบหน้าสวยให้ห่างออกทำเอาสาวเจ้าร้องโอดโอยจนดูตลก การต่อสู้ยื้อยุดระหว่างคนที่กลายเป็นมะเขือเทศสุกกับคนอยากรู้อยากเห็นได้เริ่มต้นขึ้นและแน่นอนว่าผู้หญิงตัวเล็กอย่างนาโอริไม่มีทางสู้แรงแขนร่างสูงได้
ตอนนี้จึงดูเหมือนเธอกำลังถูกฮินาวะรังแกเสียมากกว่า...
“คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง ปล่อยนะยะ!”
“อยากยุ่งไม่เข้าเรื่องเอง เอาหน้าออกไปไกล ๆ เลย เดี๋ยวฉันติดเชื้อบ้าพอดี”
“ว่าไงนะ เดี๋ยวแม่จะเตะให้!” เด็กสาวก็ไม่วายกวัดแกว่งขาไปมาหวังจะเตะให้โดน แต่เพราะถูกปิดตาอยู่จึงได้แต่เขี่ยลมไปอย่างนั้น ทว่าไม่ทันไรแรงจับที่ปิดใบหน้าไว้มันกลับคลายออกและย้ายไปทิ้งน้ำหนักบนศีรษะแทน ครั้นดวงตาสีซากุระได้โอกาสลืมขึ้นจึงได้เห็นว่าบัดนี้มือหนากำลังขยี้เรือนผมนุ่มของเธออยู่
“สู้ ๆ กับ...การคัดเลือกนะ” ฮินาวะเอ่ยเสียงเรียบ ช่างน่าเสียดายที่เขาปรับสีหน้ากลับเป็นดังเดิมเสียแล้ว สาวเจ้าเลยไม่มีโอกาสได้เห็นด้านน่าเอ็นดูที่หายากของเขา แต่สำหรับเด็กหนุ่มคงถือว่ารอดตัวไปแหละนะ
“ปรับอารมณ์เร็วชะมัด ไบโพล่าหรือไง?”
“คนมันเก่งก็งี้” ร่างสูงยักไหล่ไม่ยี่หระพลางละมือจากเส้นผมยุ่งเหยิง ก่อนจะตรงไปยังประตูบานหนาราวกับไม่เคยมีเรื่องเมื่อครู่เกิดขึ้นและไม่ลืมจะหันกลับมาเรียกเพื่อนสาวให้ตามออกไป ก่อนจะโดนขังอยู่ในนี้เข้าจริง ๆ นาโอริที่สัมผัสไม่ได้ถึงอารมณ์หงุดหงิดจากใบหน้านิ่งนั่นอีกก็หัวเราะร่าพลางวิ่งตามไปทันใด
.
.
.
ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็กลับหอพักเสียดึกดื่นจนผู้ปกครองในนามอย่างซากิต้องออกมาตามและพบกันระหว่างทาง เจ้าของเรือนผมสีเปลือกไม้เลยได้โอกาสเล่าย้อนเหตุการณ์แก่เพื่อนสาวท่ามกลางรังสีอำมหิตที่แผ่จากฮินาวะ ทำเอาซากิได้แต่เอียงคอสงสัยแต่ก็รับฟังมันจนจบอยู่ดี แต่มีหรือคนที่ห่วงนาโอริมากที่สุดจะไม่ร่วมเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนหนุ่ม มันจึงกลายเป็นช่วงระบายความห่วงใยที่มีให้เด็กสาวจอมแก่นฟังเสียอย่างนั้น
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้าจ้ะ ฮินาวะคุง”
“ไว้เจอกัน...จริงสิ ชิสึจิ”
“หืม มีอะไรอีกเหรอ?” นาโอริเลิกคิ้วสูงทันทีที่ถูกเรียก
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ฉันจะเป็นคู่ซ้อมดาบให้เธอจนกว่าจะถึงวันจริงเอง” สองสาวถึงกับมองหน้ากันทันควันและนึกแปลกใจที่จู่ ๆ ฮินาวะก็เสนอตัวแบบนี้ หรือเป็นเพราะไม่มีอะไรกวนใจแล้วกันแน่นะ?
แต่ยังไงก็ตาม โอกาสทองไม่ได้มากันง่าย ๆ ใครจะกล้าปฏิเสธกันล่ะ!
“พูดแล้วไม่คืนคำนะ!” นาโอริยิ้มแป้นทันใด
“แน่นอน”
“เยี่ยมเลย แบบนี้ก็ผ่านการคัดเลือกฉลุยแน่ ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วล่ะ!”
“มีสิ” ฮินาวะเอ่ยขัดพร้อมดัดนิ้วจนเกิดเสียงกรอบแกรบน่ากลัวและหรี่ตายิ้มกริ่มให้
“เพราะถ้าเธอไม่ผ่านกลับมาล่ะก็....โดนดีแน่”
“ซ ซากิช่วยด้วย แง!” นาโอริรีบพุ่งตัวหลบหลังเพื่อนสาวแทบไม่ทันอย่างกับลูกแมวตัวจ้อยที่หาแหล่งกำบัง ทำเอาซากิต้องยกมือห้ามปรามฮินาวะไม่ให้แกล้งไปมากกว่านี้ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมทำตามแต่โดยดีเหมือนเด็กเชื่อฟังผู้ใหญ่ไม่ผิดแต่ยังไม่วายจ้องเขม็งใส่นาโอริอีกรอบจนสาวเจ้ากลืนน้ำลายเอื้อก
ครั้นไกล่เกลี่ยเรื่องวุ่นของสองเพื่อนเสร็จสรรพ ก็ถึงเวลาที่ทั้งสามต้องกระจายตัวกลับไปพักผ่อนจากวันอันแสนยาวนานเสียที บัดนี้นาโอริฟื้นพละกำลังอีกครั้งจากข้าวแกงกะหรี่ฝีมือเพื่อนสาวซึ่งทำเตรียมเอาไว้ให้ เพียงได้กลิ่นของข้าวสวยร้อน ๆ คลุ้งเคล้ากับรสกลมกล่อมจากแกงกะหรี่ข้นเธอก็มีแรงเหลือสำหรับวันถัดไปแล้ว
.
.
.
วันเวลาลัดผ่านไปรวดเร็วเช่นเดียวกับการฝึกโค้งสุดท้ายของนาโอริซึ่งทวีความยากเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะการฝึกจากเจ้าของเรือนผมสีบ๊วยแดงที่ไม่ปรานีแม้แต่น้อยทั้งยังเกือบทำสาวเจ้าสลบเหมือดไปเสียเดี๋ยวนั้นเพราะความเหนื่อย ทว่านาโอริก็เก่งพอที่จะผ่านมันมาได้แม้จะทุลักทุเลไม่น้อย
และเธอก็พร้อมจะก้าวเข้าสู่สนามทดสอบที่รอมานานเสียที!
บัดนี้นาโอริในเครื่องแบบสภาเจ็ดซามูไรได้ยืนอยู่เบื้องหน้าตึกสีขาวกว้างใหญ่ บนยอดตึกมีตราดอกซากุระสีเงินวาวติดหราอยู่บ่งบอกได้ชัดเจนว่าใครเป็นเจ้าของที่แห่งนี้
“ชินระเป็นบริษัทใหญ่โตขนาดนี้เชียว...”
“อย่ามัวแต่อึ้งเลย ตัวเองเตรียมพร้อมดีหรือยัง?” เสียงเรียบดังมาจากร่างเพรียวในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้ม เธอเพิ่งจะพาตัวเองออกจากยานพาหนะหลังจากไปรับผู้เข้าทดสอบในวันนี้
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันฝึกหนักก็เพื่อวันนี้เลยนะ”
“งั้นก็ดี อย่าให้เสียชื่อยัยเด็กที่สร้างเรื่องไว้มากจนดังไปทั้งชินระล่ะ” นาโอริเผลออุทานออกมาและได้แต่เบือนหน้าหนีความจริงข้อนั้น ขนาดเมื่อครู่มีเจ้าหน้าที่เดินผ่านพวกเธอก็ไม่วายรู้จักชื่อเด็กสาวเข้าจริง ๆ
“จ จะพยายามค่ะ...แต่ต้องขอบคุณอาโอบะซังมากนะคะที่อุตส่าห์มาส่งฉัน”
“ไม่ต้องใส่ใจหรอก คำสั่งหัวหน้ายังไงก็ต้องทำตามอยู่แล้ว” คิ้วเรียวเลิกสูงทันควัน หน้าคมสันของซาโตชิผุดเข้ามาในความคิดและตกผลึกว่าเจ้าตัวกำลังคอยดูแลเธออยู่
ไม่พูดพร่ำทำเพลงหญิงสาวจึงรีบให้นาโอริเข้าไปจัดแจงรายงานตัวที่ด้านในตึกจนเรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้ายังตึกที่ลึกเข้าไปซึ่งใช้สำหรับทดสอบรอบแรก ระหว่างทางนัยน์ตาสีซากุระสะท้อนภาพของชายหญิงในชุดเครื่องแบบทหารสีขาวขลิบทองและเกราะแขนแข็งแรงสีน้ำเงินสวย ช่างดูน่าเกรงขามและมีเสน่ห์ในเวลาเดียวกัน ทว่ามันกลับทำให้ร่างบางอดประหม่าไม่ได้เมื่อคิดว่าตนต้องวัดความสามารถกับคนเหล่านี้ โดยไม่รู้ตัวว่าอาการวิตกกังวลนั่นกำลังแสดงออกผ่านสีหน้าชัดเจน
“พวกเธอมากันแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มน่าฟังดังมาจากด้านหลังดึงให้สองสาวหันหลังกลับไปมอง เผยให้เห็นเจ้าของเรือนผมสีซากุระที่เดินเข้ามาใกล้
“สวัสดีค่ะ ซาโตชิซัง!” นาโอริยิ้มร่าให้ชายหนุ่มก่อนจะเห็นเขาพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ขอบคุณมากนะเรย์กะที่เป็นธุระให้”
“หึ เพราะนายสั่งหรอกนะไม่ใช่ว่าฉันอยากอาสาไปเอง”
“แต่ว่าก่อนหน้านี้เธอยัง...”
“ใช่ไหมล่ะคุณหัวหน้า ถ้าไม่สั่งให้ฉันไปรับ ยัยนี่ก็ต้องลำบากมาเอง” อาโอบะกล่าวพลางบุ้ยหน้ามาทางนาโอริพาให้เธอทำหน้าเด๋อด๋าไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น ซาโตชิได้แต่ถอนใจกับท่าทีปากไม่ตรงกับใจของเจ้าหล่อนพลันนึกถึงเมื่อวันก่อนที่ตนตั้งใจจะไปรับเด็กสาวด้วยตัวเองแต่ถูกเพื่อนร่วมงานชิงตัดหน้าไปก่อน แล้วมาตอนนี้กลับอ้างว่าเป็นคำสั่งเขาเสียอย่างนั้น
“แล้วเธอล่ะ เป็นยังไงบ้าง?” นาโอริสะดุ้งพลางหันไปสบกับดวงตาคมใต้กรอบแว่น
“ฉันเหรอคะ?”
“อื้อ เห็นยืนมองพวกทหารคนอื่นอยู่นาน เลยคิดว่ากำลังกดดันอยู่หรือเปล่าน่ะ”
“คือฉัน....เอ๊ะ?” มือเรียวยกทาบเนินอกพลันเบิกตากว้างเมื่อตระหนักว่าความขุ่นมัวในใจเมื่อครู่ได้มลายหายไปหมดแล้ว แม้แต่จังหวะหัวใจก็กลับมาสม่ำเสมอจนสามารถใจเย็นได้อีกครั้ง นาโอริย่นคิ้วฉงนในสิ่งที่ตนเป็นก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าของนัยน์ตาสีเดียวกับเธอไม่วางตา เขาดูจะสงสัยท่าทางของสาวเจ้าเล็กน้อยแต่กลับไม่ได้เอ่ยถาม
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ จู่ ๆ ก็รู้สึก...สบายใจขึ้นมา”
“งั้นเหรอ ได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจ ฉันยังไม่อยากเห็นเธอไปทำป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ตอนทดสอบหรอกนะ”
“ตอนแรกก็หวั่นใจเหมือนกันค่ะ แต่คงเพราะมีพวกคุณสองคนที่เป็นคนรู้จักเลยใจชื้นขึ้นมาหน่อย...” นาโอริยกยิ้มน่ารักก่อนหลุบตามองมือที่ทาบเนินอกไว้ เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าอะไรที่เยียวยาความตื่นเต้นให้หายไปเป็นปลิดทิ้ง
แต่เธอมั่นใจได้อย่างหนึ่งว่ามันเกิดหลังจากชายหนุ่มผู้นี้ส่งเสียงเข้ามาให้ได้ยิน...
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงสมรรถภาพเด็กอย่างเธอก็ต้องดีกว่าผู้ใหญ่ที่ผ่านการใช้งานมาเยอะอยู่แล้ว”
“พ พูดแบบนั้นเดี๋ยวคนอื่นจะมองแรงเอานะคะ”
“ฉันพูดความจริงนี่ ไม่เห็นต้องสนใจใคร” ซาโตชิยักไหล่ไม่สะทกสะท้านสิ่งใด ทำเอานาโอริต้องเหงื่อตกครั้นสัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องจากหลายด้าน แต่ก็หายวับไปเมื่อร่างสูงเคลื่อนปลายนิ้วดันกรอบแว่นตนเอง มองยังไงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาการของเขาคงไม่ได้มีผลแค่กับเจ้าหน้าที่ชินระอย่างเดียวเป็นแน่...
“ประกาศถึงผู้เข้าร่วมการทดสอบทุกท่าน....”
ผ่านไปครู่หนึ่งจึงมีเสียงประกาศจากหนึ่งในเจ้าหน้าที่ชินระซึ่งรับหน้าที่ดูแลการคัดเลือก ให้ผู้เข้าร่วมทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม นาโอริจึงบอกลาเจ้าหน้าที่ทั้งสองและรีบวิ่งหายไปในทันใด ยิ่งย่างก้าวเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากระทั่งกลับออกมาสู่ลานทดสอบอีกครั้ง หัวใจ ณ อกซ้ายมีแต่จะสูบฉีดรัวขึ้นจนยากจะคุมอยู่ แต่มันกลับช่วยผลักดันสาวเจ้าให้ต้องพุ่งชนเท่านั้น
เพราะเธอจะพลาดไม่ได้เด็ดขาดยังไงล่ะ!
เริ่มต้นการคัดเลือกด้วยกีฬาทั่วไปตรงตามรายละเอียดที่ซาโตชิได้ส่งให้ทุกกระเบียดนิ้ว นาโอริสามารถผ่านได้ฉลุยราวหายใจเข้าออก หนำซ้ำยังทำผลออกมาได้ดีเกินคาดจนผู้บันทึกผลยังต้องตกตะลึงกับความสามารถทางร่างกายของสาวน้อยคนนี้ ยิ่งถึงช่วงทดสอบยิงธนู สาวเจ้าก็กลั่นกรองคำแนะนำจากรุ่นพี่หนุ่มออกมาและคงจิตใจให้สงบทุกครั้งที่ปล่อยลูกธนูออกไป แม้คะแนนจะพอถูไถ แต่ก็ดีกว่าครั้งเริ่มฝึกเป็นไหน ๆ
ขณะเดียวกันกับที่นาโอริกำลังพยายามสุดกำลังในการทดสอบ ผู้เฝ้ามองอย่างสองเจ้าหน้าที่ชินระก็ได้แต่ประทับใจทักษะของเด็กสาวตรงหน้าไม่พัก ถึงขนาดที่อาโอบะต้องเผลออ้าปากค้างอยู่หลายนาที
“เด็กนั่นมีทักษะดีขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่!?” หญิงสาวทาบอกอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
“ไม่ใช่ว่ามันดีตั้งแต่แรกแล้วเหรอ?”
“ไม่จริงน่า ตอนคุมงานครั้งแรกเธอยังดูเงอะงะอยู่เลย แต่ดูตอนนี้สิ เก่งกว่าทหารบางคนอีกมั้งเนี่ย!” อาโอบะจ้องเขม็งไปยังลานทดสอบ สีหน้าตกใจไม่หายของเธอทำเอาซาโตชิถึงกับต้องใช้มือบังรอยยิ้มน้อย ๆ ของตนไว้ เพราะเขาเองก็คิดว่าที่อีกฝ่ายพูดไม่ได้เกินจริงเลย
“คงต้องขอบคุณความพยายามของเจ้าตัว...กับฝีมือการช่วยกันสอนของพวกเด็ก ๆ แล้วล่ะ”
“นั่นสินะ...จริงของนาย” ว่าจบทั้งคู่จึงเพ่งความสนใจไปยังการคัดเลือกตามเดิม
บัดนี้นาโอริกำลังจะถึงจุดสิ้นสุดของการทดสอบอย่างสุดท้ายอยู่ในสระว่ายน้ำกว้าง ร่างบางเตะเท้ากระทุ้งน้ำพุ่งนำเหล่าหนุ่มสาววัยกลางคนไปไกลและถีบตัวว่ายกลับอย่างคล่องแคล่ว กระทั่งปลายนิ้วจรดขอบสระพร้อมกับได้ยินเสียงผู้บันทึกขานเวลาออกมา มันเร็วเสียจนเกิดเสียงฮือฮารอบด้าน เลยทำให้เด็กสาวสะดุ้งโหยงเมื่อตระหนักว่าตนเริ่มจะเป็นที่สนใจมากเกินไปจนเริ่มอึดอัด สาวเจ้าจึงรีบขึ้นจากน้ำพลันวิ่งปรี่เข้าห้องเปลี่ยนชุดแทบทันที
“เป็นสถิติใหม่เลยนะนั่น ไม่แปลกที่จะมีเสียงซุบซิบกัน” อาโอบะกล่าวขณะจ้องมองกลุ่มคนซึ่งเริ่มจับกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยกัน แต่แล้วครั้นหางตาเหลือบเห็นบางอย่างผ่านไป เธอจึงหันขวับไปหาซาโตชิและพบว่าเป็นเขาที่ตัดสินใจเดินลงไปด้านล่างตรงจุดที่มีคน
“น้องเขาเก่งมากเลยนะ”
“นั่นสิ แต่มันเพราะเธอเด็กกว่าเราไม่ใช่เหรอ?”
“ว่าแต่ทำไมถึงยอมให้เด็กนักเรียนมาคัดเลือกล่ะ ใครเป็นคนอนุญาตกัน?”
“จะใครเสียอีกคงจะเป็นหัวหน้าของชินระแหละมั้ง เพราะ....อุ๊บ”
ชาวซุบซิบรูดซิปปากเกือบไม่ทันเพราะจู่ ๆ แผ่นหลังก็เกิดเย็นวาบไม่ทันตั้งตัว สายตาหวาดหวั่นลอบมองเจ้าของเรือนผมสีซากุระซึ่งจงใจก้าวเท้าผ่านวงสนทนาพลันตวัดดวงตาคมยิ่งกว่าดาบที่ใช้มาให้แวบหนึ่ง ก่อนมันจะหายไปเมื่อร่างบางซึ่งเป็นประเด็นพูดคุยเพิ่งจะออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดและเดินตรงมาหาเขาด้วยสภาพผมเปียกปอน ทำเอาคนที่ไม่ชอบอะไรไม่เรียบร้อยแบบซาโตชิต้องถอนใจเหนื่อยหน่าย
“เฮ้อ ส่งผ้าขนหนูมาสิ” นาโอริเลิกคิ้วพลางยื่นมันให้แก่เขาแต่โดยดี อีกฝ่ายรับมาพร้อมกับคลุมมันบนศีรษะเด็กสาวจนเจ้าตัวอุทานตกมใจและเริ่มขยี้ผ้าขนหนูเพื่อซับน้ำจากเรือนผมแฉะ
“ฉ ฉันทำเองได้นะคะ!”
“อยู่นิ่ง ๆ เถอะน่า เสร็จเร็วจะได้กลับเร็ว” ร่างบางเลิกขัดขืนเมื่อได้ยินคำพูดอีกฝ่าย เธอเงยหน้านิด ๆ พลันเอียงคอสงสัยให้เขาเห็นก่อนจะส่งเสียงอู้อี้ผ่านผ้าขนหนูไป
“การทดสอบวันนี้หมดแล้วเหรอคะ?”
“ใช่สิ จำในเอกสารที่ให้ไปไม่ได้เหรอ?”
“จำได้ค่ะ แต่ในนั้นเหมือนจะเหลือทักษะดาบที่ยังไม่ได้ทดสอบนะคะ” มือหนาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะซับหยาดน้ำต่อพลางอธิบายให้นาโอริคลายสงสัย ว่าทักษะดาบที่ระบุไว้ในเอกสารไม่ใช่การประลองดาบอย่างที่สาวเจ้าคิด แต่จะเป็นการทดสอบพิเศษซึ่งจะจัดขึ้นในอีกสองวันหากเธอสามารถผ่านเกณฑ์ของการทดสอบครั้งแรกไปได้
“อย่างนี้เอง...แล้วต้องทำอะไรบ้างเหรอคะ?”
“บอกไม่ได้ ฉันมีหน้าที่แค่ดูแลเธอ จะยื่นมือไปช่วยแนะอะไรไม่ได้หรอกนะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบไม่หลงกลต่อคำถามนั้น
“โธ่...”
“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็กลับกันเถอะ เดี๋ยวที่บ้านจะรอ” ว่าจบซาโตชิจึงพาดผ้าขนหนูบนต้นคอนวลและหันหลังเดินไป ปล่อยให้นาโอริเบิกตากว้างเพราะตระหนักได้ว่าเธอต้องกลับไปนอนที่บ้านหลังจากล่วงเลยช่วงที่คำโกหกครอบคลุมมาแล้ว
ขณะเดียวกันดวงตาสีน้ำเงินเข้มของอาโอบะได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดของเพื่อนร่วมงานกับท่าทีที่แม้แต่เจ้าหล่อนยังไม่เคยเห็น นึกแล้วก็ได้แต่ย่นคิ้วฉงนพลางจ้องมองร่างสูงที่กำลังเดินกลับมาทางเธอพร้อมด้วยนาโอริ หญิงสาวไม่ได้เอ่ยสิ่งใดและก้าวยาวตามพวกเขาทั้งสองไปยังรถหรู แน่นอนว่าใครเป็นคนรับมาก็ต้องรับกลับไปส่งเช่นกัน ร่างเพรียวจึงได้แต่แสร้งถอนใจเหนื่อยหน่ายกับหน้าที่แสนวุ่นวายนี้ ทั้งที่เจ้าตัวขึ้นรถไปรอก่อนผู้โดยสารเสียด้วยซ้ำ
“ถ้าประกาศผลแล้วจะแจ้งไปนะ” ซาโตชิเอ่ย
“รับทราบค่ะ ขอบคุณนะคะ!”
ว่าจบรถหรูจึงเคลื่อนตัวออกไปตามท้องถนนและพาผู้โดยสารพิเศษมุ่งหน้าสู่บ้านชิสึจิ โชคดีที่การคัดเลือกไม่ได้กินเวลามากการจราจรจึงไม่ติดขัด หรือต่อให้มันแออัดจนไม่สามารถขยับได้หญิงสาวก็ตั้งใจจะเหินฟ้าเพื่อไปส่งนาโอริอยู่ดี
“เธอโชคดีมากเลยนะ” คำพูดไม่มีปี่มีขลุ่ยเรียกความสนใจของนาโอริจากเพลงที่คลอในหู สาวเจ้าเงยมองอีกฝ่ายและรอให้เจ้าตัวเอ่ยต่อ
“ฉันไม่ได้เห็น...ซาโตชิทำอะไรสมเป็นคนมาสักพักแล้วล่ะ”
“เอ่อ ปกติเขาไม่ใช่คนเหรอคะหรือยังไง...”
“ฮ่า ๆ ฉันหมายถึงไม่ได้เห็นเขาใส่ใจดูแลใครมาหลายปีแล้วน่ะ” นาโอริตีความหมายคำว่า ‘ดูแล’ เป็นภาพที่เขาช่วยเช็ดผมให้กับเธอก่อนหน้านี้ เธอเลยยิ่งงงงวยกับคำของอาโอบะเข้าไปใหญ่
“เขาคงรำคาญที่ฉันปล่อยตัวเองเปียกมั้งคะ ทั้งที่กำลังจะเช็ดเองอยู่แล้วเชียว...”
“เชื่อเถอะว่าเขาเต็มใจทำ เพราะถ้าคนอย่างเขาเกิดรำคาญจริง ๆ อย่าว่าแต่ทำเลย แค่เดินเข้าไปหาก็ไม่เอาแล้ว”
“ก็ดูเหมือนคนปกตินี่คะ ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย” เสียงหัวเราะของอาโอบะดังขึ้นอีกเมื่อฟังความคิดเด็กสาว
“ที่บอกว่าสมเป็นคนน่ะไม่ได้พูดเล่นนะ เมื่อก่อนเขาไร้ความรู้สึกยิ่งกว่าหุ่นยนต์เสียอีก ถึงจะเริ่มดีขึ้นตอนได้เจอกับเจ้าพวกนากามูระก็เถอะ แต่ยังไม่เคยเห็นซาโตชิทำอะไรให้ใครแบบวันนี้มาก่อนเลย” หลังจากนั้นอาโอบะก็กลับไปมีสมาธิกับถนนตรงหน้าต่อ ปล่อยให้นาโอรินิ่งงันไปกับความคิดเล่น ๆ เกี่ยวกับเจ้าของเรือนผมสีซากุระ
ทว่ายังไม่ทันจะเข้าใจความหมายที่อาโอบะเอ่ยทั้งหมด รู้ตัวอีกทีรถหรูก็มาหยุดที่หน้าบ้านแสนคุ้นเคยเสียแล้ว
ร่างบางกล่าวขอบคุณหญิงสาวที่สละเวลามาส่งเธอพลันรอให้อีกฝ่ายขับรถออกไปจนลับสายตา ก่อนไปร่างเพรียวก็ไม่ลืมจะอวยพรเธอให้ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกด้วย เมื่อเหลือนาโอริอยู่ผู้เดียว ดวงตาสีซากุระจึงเคลื่อนมองบ้านทรงเล็กน่ารักที่ไม่ได้เห็นมานานอย่างนึกคิดถึง ก่อนจะเดินผ่านรั้วบ้านเตี้ยและเอื้อมมือผลักประตูเข้าสู่ความอบอุ่นชวนโหยหา
“กลับมาแล้วค่ะ!”
to be continue….
======================================
ตอนหน้าจะมีคนโดนจับได้ไหมนะ ไปลุ้นกันได้นะฮัฟฟ
======================================
มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ
ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3
つづく、psrpowder