จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จากที่อยากสานฝันเป็นนักดาบกลับต้องผันตัวสู่เส้นทางนองเลือดแค่เพราะอยากปกป้องเขาที่ด้ายแดงแห่งโชคชะตาผลักให้(วิ่ง)ชนกันถึง 2 รอบ แต่วันใดเล่าที่ดาบในมือจะหันคมใส่เขาเสียเอง...เพื่อสำเร็จเป้าหมายของมัน
ผู้แต่ง
psrpowder
เรื่องย่อ
สวัสดีค่าา เรา psrpowder น้าาา ยินดีที่ได้รู้จักรี้ดเดอร์ทุกท่านที่ผ่าน(หลง)เข้ามาฮะ!
(เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่
Tiktok นะฮะ จะอัพเดตเรื่อย ๆ คับ)
เอาล่ะ….วันนี้เรามีนิยายออริจินอล มานำเสนอ!!
ชื่อเรื่องว่า 7 Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ555)
เป็นแนวแฟนตาซี เซ็ตติ้งประเทศญี่ปุ่นยุคปี3000 มีฉากต่อสู้ฟิลใช้ดาบตบตีกันไปมา ชิ้งๆๆ
ผสมความรักแบบวัยใสน่ารัก(มองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ!)
แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยด ;-; )
ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ
และอยากขอโอกาสทุกท่านที่แวบผ่านเข้ามา คอยชี้แนะแนวทางให้ไรท์คนนี้ด้วยนะคะ
ปล. เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา
==============================================
***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***
แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
==============================================
ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้
และต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเฉียดตายไปจนถึง…เรื่องความรัก!? โดยมีเจ้าดาบคู่ใจเป็นสักขีพยานเคียงข้างเสมอ
....แต่ดาบเล่มนี้
ไม่ได้มอบเพียงคู่หูแก่เธอ แต่มอบหลายสิ่งนับไม่ถ้วนโดยไม่รู้ตัว
มันมอบสิ่งที่เลวร้าย บ้าคลั่งและหิวกระหาย
สิ่งที่ยากจะควบคุมและพร้อมจะกลืนกินจิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวอย่างเธอ
"ให้ข้า..ได้ลิ้มรสเลือดพวกมันเสียเถอะ"
"ออกไป...ออกไปจากหัวฉัน!"
มันมอบโชคชะตา ให้ได้พบพานใครคนหนึ่งที่แลกชีวิตเพื่อให้เธอปลอดภัย
ผู้เป็นดั่งแสงอันล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้แม้ตัวตาย
"เพราะสัญญากันแล้ว...ว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน เลยต้องทำทุกทางไม่ให้เสียเธอไป"
"ฉัน...ปกป้องนายได้ใช่ไหม?"
มันมอบเส้นทางใหม่ที่ดอกซากุระดอกตูมอย่างเธอ...จะได้ผลิบานสะพรั่ง ให้สมดั่งปรารถนา
"ในที่สุดก็ถึงวันนี้....วันที่ฉันไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป"
"คุณ...คือใคร?"
มันมอบตัวตน เรื่องราวและสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนให้แก่เธอ แต่ก็จ้องจะช่วงชิงทุกสิ่งไปเช่นกัน
"เพราะนั่น...คือสาเหตุที่มันเกิดมา"
"และมันจะต้องดับสูญ ถ้ากล้าคิดแตะต้องคนที่ฉันรัก!"
==============================================
เนื้อเรื่องช่วงแรกอาจจะสโลว์ไปบ้าง แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า ; ^ ;
ใครผ่านเข้ามาอ่านและถูกใจ สามารถเป็นกำลังใจ ติชม แนะนำ ให้นักเขียนฝึกหัดคนนี้ได้นะคะ!
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่า <3 (O w O)
よろしく、psrpowder
เวลาสองวันนั้นผ่านไปไวราวกะพริบตา บัดนี้นาโอริที่ได้อาโอบะบริการรับส่งถึงที่กำลังพยายามสงบจิตสงบใจท่ามกลางบรรยากาศไร้เสียงพูดคุยภายในรถ ความตื่นเต้นผสมปนเปกับความตึงเครียดจนอยู่ไม่สุขและได้แต่แสดงมันผ่านปลายนิ้วที่วนเล่นไปมา มันเด่นชัดเสียจนหญิงสาวสามารถสังเกตเห็นท่าทีนั้นได้ไม่ยาก ทว่าเธอกลับให้กำลังใจใครไม่เก่งนัก ครั้นจะส่งเสียงไปตอนนี้คงมีแต่จะทำให้เด็กสาวฟุ้งซ่านกว่าเก่า นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจึงทำเพียงลอบมองอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลังเป็นระยะ กระทั่งรู้ตัวอีกทีก็มาหยุดที่หน้าตึกกว้างเสียแล้ว
“รีบลงกันเถอะ...นี่ฟังอยู่ไหม?”
“ฟ ฟังอยู่ค่ะ!” ร่างบางสะดุ้งจากภวังค์พลันรีบก้าวลงจากรถทันใด ใบหน้าเลิ่กลั่กนั่นทำเอาอาโอบะรู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย
“อย่ามัวแต่เหม่อสิ หายใจเข้าลึก ๆ ก่อน...เธอถอยกลับไม่ได้แล้วนะ” นาโอริพยักหน้ากับคำพูดเสมือนให้กำลังใจนั่น เธอรู้ว่าอีกฝ่ายคงพยายามช่วยเธอในแบบของตัวเองแล้ว
แต่มันกลับยิ่งกดดันสาวเจ้าเข้าไปอีกเนี่ยสิ...
ไม่รอช้าทั้งสองจึงเดินเข้าสู่ด้านในตึกสูง แอร์เย็นสัมผัสใบหน้าต้อนรับการมาถึงของพวกเธอเช่นเดียวกับคำกล่าวทักทายจากเจ้าหน้าที่ดูแลงาน นาโอริเป็นต้องหันมองซ้ายทีขวาที เพราะต่อให้จะเป็นสถานที่เดิมกับครั้งคัดเลือกรอบแรก ทว่ามันกลับต้องเดินเข้าไปลึกกว่าเก่าจนเริ่มเจอทางเดินที่ไม่คุ้นเคย ห้องที่แปลกตา แม้แต่จำนวนคนก็ไม่พลุกพล่านเท่าเดิม เรียกว่าเหลือน้อยกว่าหยิบมือก็ไม่เกินจริงนัก
“คนที่ผ่านเหลือกันอยู่แค่นี้เหรอคะ?” นาโอริเอ่ยถามร่างเพรียวข้างกาย
“ใช่ รวม ๆ ก็น่าจะไม่กี่สิบคน”
“น้อยขนาดนั้นเลย!?”
“จะตกใจทำไม องค์รัชทายาททรงต้องการหาองครักษ์ประจำตัวแค่คนเดียว จำนวนเท่านี้ถือว่าปกติมาก” หญิงสาวยักไหล่ให้ทำเอาเม็ดเหงื่อผุดข้างขมับนาโอริทันควัน ได้แต่คิดว่าคนเหล่านี้ต้องเตรียมใจกันมาเท่าใดถึงยังสงบนิ่งขนาดนี้และตัวเธอควรโล่งใจหรือไม่ที่รอดเป็นหนึ่งในจำนวนหยิบมือนั่น ทว่าความวิตกกังวลก็อยู่ได้ไม่ได้นาน มันแตกกระเจิงเมื่อถูกเสียงของอาโอบะเรียกให้เร่งฝีเท้าตามก่อนจะไปเตรียมตัวไม่ทัน
“จะว่าไปวันนี้ซาโตชิซังไม่มาเหรอคะ?”
“มาสิ แต่เขาติดธุระนิดหน่อยอีกสักพักกว่าจะมา” นาโอริเลิกคิ้วฉงนกับคำว่า ธุระ ที่ว่าจนอีกฝ่ายสังเกตได้เธอจึงเปิดปากต่อ
“เหมือนกับฉันที่ไปรับเธอ...เขาก็ต้องไปรับใครคนนึงมาที่นี่เหมือนกัน”
สิ้นเสียงของอาโอบะ ริมฝีปากบางยังไม่ทันจะได้เอื้อนเอ่ยคำถาม ความคิดในหัวก็ตกผลึกในพริบตาพร้อมกับใบหน้าของคนที่เธอคิดถึงอยู่ตลอดเวลาก็ผุดเข้ามา นาโอริเกือบหลุดอุทานเสียงดังถ้าไม่ได้หญิงสาวกระแอมเตือนสติ เธอลืมคิดไปเสียสนิทว่าซาโตชิเคยบอก เกี่ยวกับเรื่องที่องค์ชายหนุ่มจะมาดูการแข่งรอบที่สองด้วยตัวเองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้แจ้งในรายละเอียดเพราะกลัวจะส่งผลต่อการแข่งขัน สาวเจ้าเลยรีบปิดปากเก็บงำความดีใจเอาไว้เงียบ ๆ และสบกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มราวยืนยันกับเธอว่าตัวเองเข้าใจความหมายนั้นถ่องแท้แล้ว
“เอาเป็นว่าตามนั้น...เธอก็พยายามเข้าล่ะ”
“ค่ะ!” นาโอริยิ้มร่าเป็นคำตอบก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไป ตอนนี้หัวใจของเธอกำลังสูบฉีดระรัวราวได้รับเชื้อเพลิงจนเริ่มรู้สึกวูบวาบไปทั่วตัว ความตื่นเต้นเป็นกังวลที่ตามรังควานก่อนหน้านี้พลันปลิวหายไปทันทีที่ตระหนักว่าเด็กหนุ่มกำลังจะปรากฏตัวในไม่ช้า
เธอกำลังจะได้เจอโซอิจิโร่อีกครั้ง ในรอบหนึ่งเดือน!
.
.
.
เวลาเดียวกันกับที่นาโอริกำลังมุ่งหน้าไปยังห้องพักผู้แข่งขัน ทางด้านของซาโตชิที่เป็นประเด็นสนทนาไปหยก ๆ ก็เพิ่งจะมาถึงจุดหมายพร้อมด้วยผู้โดยสารลับสุดยอดกับการเล่นสลับตัวของพวกเขา เกนอิจิโร่ในคราบน้องชายนั้นแย้มยิ้มเป็นสุขตลอดทางที่มา ผิดกับเจ้าน้องชายที่มีสีหน้านิ่งสงบขณะคอยทำหน้าที่ดูแลผู้เป็นพี่ทุกฝีก้าว ตั้งแต่ลงจากรถไปจนถึงอาสาเข็นรถนั่งไปยังห้องรับรอง ไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจคนของตัวเองแต่มันสบายใจกว่าให้คนอื่นมาทำแทน
“โธ่ท่านพี่ อย่าทำหน้าบูดบึ้งแบบนั้นสิครับ ผมกลัวจะแย่แล้ว ฮ่ะ ๆ” เกนอิจิโร่แกล้งดัดเสียงเล็กเสียงน้อยขณะเงยมองโซอิจิโร่ซึ่งเบ้ปากเป็นคำตอบจนเรียกเสียงหัวเราะได้ไม่น้อย ดูท่าผู้เป็นพี่จะชื่นชอบการหยอกล้อเขาในสถานะที่สลับกันแบบนี้พอตัวเลยกระมัง
ลึกเข้าไป ณ โถงทางเดินเงียบเชียบไร้ซึ่งกลิ่นอายของคนอื่นนอกจากซาโตชิและเหล่าแขกคนสำคัญ ครั้นมาถึงห้องสำหรับชมการแข่งขันที่เตรียมไว้ องครักษ์หนุ่มคนหนึ่งจึงก้าวไปเปิดประตูให้อย่างรู้งาน ภายในเป็นห้องเรียบหรูไม่เน้นสิ่งของประดับให้รกตาแต่ใส่ใจกับความสบายด้วยโซฟาสีครีมตัวใหญ่ เบื้องหน้าถูกแทนที่ด้วยบานกระจกด้านเดียวทอดยาวกินเกือบครึ่งห้องให้สามารถมองลงไปเบื้องล่างได้ทว่าคนอีกฝั่งจะไม่มีทางมองผ่านเข้ามา ไกลออกไปคือเครื่องฉายภาพโฮโลแกรมตัวเบ้งห้อยระย้าลงมาจากเพดานสำหรับฉายภาพการแข่งแบบทั่วถึงทุกมุมตึกไม่ใช่แค่ในห้องหรูเท่านั้น
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ” ซาโตชิเอ่ยขึ้นเมื่อส่งองค์ชายฝาแฝดถึงที่หมาย โซอิจิโร่จึงหันมาพยักหน้าแก่เขา
“อื้อ ขอบคุณที่อุตส่าห์มารับมาส่งนะซาโตชิ”
เมื่อได้รับคำอนุญาต ชายหนุ่มจึงก้มโค้งอ่อนน้อมให้และตั้งท่าจะเดินออกมา วินาทีที่บานประตูกำลังจะปิดสนิทนัยน์ตาสีซากุระแอบสะท้อนภาพผู้เป็นนายชั่วพริบตา ก่อนจะผละออกพร้อมก้าวเท้าห่างจากตัวห้องไป
“ถ้าเขาโกรธ...ก็ค่อยไปขอโทษแล้วกัน” ซาโตชิหลุบตาต่ำพลางพึมพำเบาหวิว เพราะอีกไม่นานความลับอีกเรื่องที่ตนได้ปกปิดไว้กำลังจะเปิดเผยและไม่ว่าโซอิจิโร่จะผิดหวังในคำลวงของเขาเพียงใด ชายหนุ่มก็หวังแค่ให้เจ้าตัวเห็นความตั้งใจของนาโอริโดยไม่คิดหนีอีก คิดไปคิดมารู้ตัวอีกทีร่างสูงก็พาตัวเองลงมายังชั้นกลางสำหรับเจ้าหน้าที่พร้อมกวาดตาหาเพื่อนร่วมงานซึ่งควรจะอยู่บริเวณนี้ตามที่คุยกันไว้
“มาช้านะ ยัยเด็กนั่นรอจนตัดใจเข้าห้องพักไปแล้วเนี่ย” ซาโตชิหันมองเจ้าของเสียงที่เดินกอดอกตรงมาพลางเลิกคิ้วฉงน
“ฉันไม่ได้บอกให้นาโอริรอสักหน่อย”
“ดูพูดเข้า เด็กมันอยากได้กำลังใจต่างหากถึงได้รอน่ะ”
“แต่เธอก็อยู่...” ยังไม่ทันเอ่ยจนจบ เขากลับถูกขัดด้วยเสียงถอนใจเบา ๆ พร้อมกับใบหน้าเอือมระอาจากอาโอบะทำเอางงงวยเข้าไปใหญ่ว่าตนพูดอะไรผิดไปกันแน่
“เอาเถอะ อย่างน้อยเธอก็ได้กำลังใจจากคนที่มาดูการแข่งแบบอัตโนมัติแล้วล่ะนะ พอถูไถได้อยู่” ซาโตชิพลันประมวลคำพูดนั้นครู่หนึ่ง ไม่ทันไรใบหน้าก็ดันซีดเผือดซ้ำยังต้องเบิกตากว้างอย่างตะลึง ไม่ใช่เพราะนาโอริรู้ความลับข้อนี้แต่เพราะหญิงสาวเลือกเอ่ยมันในสถานที่นี้ต่างหาก
ยังไงเสีย หน้าต่างก็มีหูประตูก็มีช่องนะ!
“เลิกทำตาโตเถอะ ฉันไม่ได้หลุดพูดไปสักคำว่าเกี่ยวกับอะไร” อาโอบะซึ่งพอจะเดาสีหน้าอีกฝ่ายออกเลยเอื้อมมือไปตบบ่าเจ้าตัวเบา ๆ
“เฮ้อ งั้นก็ดีไป ไม่งั้นฉันคงโดนคาดโทษซ้ำสองแน่...” ชายหนุ่มเป่าปากโล่งใจ
“การคัดเลือกรอบที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น ทางเราจะขออธิบายระบบการแข่งและกติกาให้ฟังดังนี้...”
ทั้งสองเปลี่ยนความสนใจไปยังเสียงประกาศกึกก้องที่ดังขึ้นทั่วตึกเช่นเดียวกับด้านในห้องพักผู้แข่งขัน บ่งบอกเวลาอันสมควรที่จะเริ่มการคัดเลือกเสียที
“ในการแข่งครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมจะต้องเอาชีวิตรอดในระบบโลกเสมือนและไปถึงจุดหมายเป็นคนแรกให้ได้”
ระบบโลกเสมือนที่ป่าวประกาศกึกก้องคือ ‘โปรเจกต์’ ที่ตระกูลหนึ่งในห้าบุปผาอย่างอาจิซาวาระกำลังพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างการรับมือภัยพิบัติ บำบัดรักษาโรค ให้ความบันเทิงหรือแม้แต่การทหาร และพวกเขาได้ทำข้อตกลงกับองค์ชายหนุ่มให้นำต้นแบบของมันมาทดลองใช้ในการคัดเลือกครั้งนี้เพื่อผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
ส่วนกติกาก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่เอาตัวรอดในโลกเหนือธรรมชาตินี้และหาทางไปถึงเส้นชัยให้ได้ก็เท่านั้น โดยรางวัลที่รอพวกเขาอยู่ปลายทางก็คือเหรียญตราราชวงศ์ซึ่งองครักษ์ประจำตัวจะต้องมีทุกคน หากได้รับมันก็จะการันตีตำแหน่งองครักษ์ไปทันที ทว่าหากความสามารถใครเข้าตาก็จะได้รับพิจารณาเป็นทหารในสังกัดขององค์ชายหนุ่มโดยตรงเช่นกัน
ทุกอย่างคงจะง่ายเหมือนปอกกล้วย ถ้าไม่มีความสมจริงจนเกินเหตุมาเกี่ยวข้อง
“ไม่ว่าจะถูกสังหารโดยตัวละครภายในระบบ โดยฝีมือผู้เข้าแข่งขันด้วยกันเองหรือเกิดเหตุที่ทำให้ตายในโลกเสมือนจะถูกปรับแพ้และส่งออกมาด้านนอกทันที”
จนต้องระแวงแม้แต่ความเชื่อใจของคนด้วยกันเอง...
“โปรดจำไว้ว่าการร่วมมือกันไม่ใช่ข้อห้ามของการแข่งขันนี้”
จบการอธิบายกติกาพร้อมกับร่างของผู้เข้าแข่งขันที่ทยอยเดินเข้าบนลานสี่เหลี่ยมใจกลางห้องโถง นาโอริสูดหายใจเข้าลึกพลางลอบมองอุปกรณ์ที่ติดอยู่ตรงหูทั้งสองข้างของเธอ มันหน้าตาคล้ายหูฟังไร้สายที่คล้องใบหูทั้งสองข้างไว้และรวมเป็นเส้นเดียวบริเวณหลังคอ ปลายแหลมของมันยึดกับผิวหนังเป็นเนื้อเดียวทำเอาต้องเผลอลูบมันป้อย ๆ เธอยังจำความรู้สึกแสบคันเมื่อครั้งที่เจ้าหน้าที่ติดตั้งมันให้ไม่หาย หารู้ไม่ว่าบัดนี้ใบหน้าของเธอและผู้เข้าร่วมคนอื่นกำลังถูกฉายจากเครื่องฉายโฮโลแกรมยักษ์ใหญ่เหนือหัว เพื่อติดตามสถานการณ์แต่ละคนพร้อมกัน
“นาโอริ!?” โซอิจิโร่โพล่งขึ้นและลุกพรวดไปใกล้บานกระจกทำเอาแฝดผู้พี่หันมองอย่างแปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอโซอิจิ?”
“ไม่จริงน่า ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่...ชิ ต้องเป็นฝีมือซาโตชิแน่ ๆ ให้ตายสิ” เจ้าตัวพึมพำหัวเสียไม่สนใจคำถามของพี่ชาย นัยน์ตาสีนิลที่จับจ้องใบหน้าสวยบนจอโฮโลแกรมสั่นไหวยากจะควบคุม ความหวั่นกลัวที่กู่ร้องในจิตใจไม่สามารถทนได้อีกต่อไป วินาทีนั้นเด็กหนุ่มจึงตั้งท่ารีบจะพุ่งออกไปจากห้องให้เร็วที่สุด แต่แล้วก็ถูกเกนอิจิโร่รั้งแขนไว้จนต้องให้ต้องหันมองและยอมเผยสีหน้าไม่สบายใจให้เขาเห็น
“นายจะไปไหน?”
“ไปหยุดการแข่งน่ะสิ ฉันจะไม่ยอมให้นาโอริเข้าร่วมเด็ดขาด!”
“นาโอริ? ไม่รู้หรอกว่านายหมายถึงใคร แต่จู่ ๆ จะไปยกเลิกงานที่อุตส่าห์จัดได้ยังไง” เกนอิจิโร่เอ่ยพลางพยายามต้านแรงดึงจากอีกฝ่าย จนตัวเขาต้องลุกจากรถเข็นเพื่อรั้งไว้
“ทำไมจะไม่ได้ ฉันเป็นคนจัดงานนะ อีกอย่างเธอไม่ควรจะมายืนอยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำ ฉันไม่มีทางยอมให้-”
“โซอิจิโร่ เงียบแล้วฟังที่ฉันพูดก่อน” น้ำเสียงนุ่มถูกกดให้เรียบจนเย็นวาบ มันเข้าตบสติที่แตกตื่นนั้นให้สงบลงพลันเลิกขัดขืนแรงจับจากพี่ชาย นัยน์ตาสีนิลของโซอิจิโร่เป็นต้องหลุบต่ำอย่างช่วยไม่ได้ เขาเม้มริมฝีปากแน่นจนสั่นระริกพยายามสะกดความว้าวุ่นในใจตามคำของคนตรงหน้า ก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยอีกครั้ง
“นายตั้งสติและทำใจให้สงบนะ ถึงฉันจะไม่รู้ว่านายกำลังกลัวอะไรอยู่ แต่เวลานี้พวกเราเป็นแค่ผู้ชม มันไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะตัดสินว่าใครสามารถเข้าแข่งได้ แต่เป็นพวกซาโตชิซังกับเจ้าหน้าที่ชินระที่ยอมยื่นมือมาช่วยต่างหาก” น้ำเสียงนั้นกลับมานุ่มนวลดังเดิมราวปลอบโยนน้องชาย เกนอิจิโร่ปรายตามองใบหน้าหวานของหนึ่งในผู้เข้าร่วมที่ยังฉายอยู่บนจอ ก่อนจะหันกลับมาแย้มยิ้มให้แฝดผู้น้องอีกครั้ง
“ฮึ่ม...ดูจากที่เธอไม่ใช่ทหารและมายืนตรงนี้ด้วยสีหน้ามั่นใจ แถมยังทำให้นายกังวลขนาดนี้อีก แปลว่าเธอคงจะดื้อดึงฝืนคำของนายเพื่อมาแข่งใช่ไหม?”
“อ อือ...” โซอิจิโร่นิ่วหน้ายอมรับ
“ในเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจมาแข่งเพื่อนาย ถ้างั้นทำไมนายจะต้องขัดขวางด้วยล่ะ สู้เป็นกำลังใจให้ไม่ดีกว่าเหรอ?” เขาเอ่ยพลางลูบเรือนผมนุ่มตรงหน้า ทว่าโซอิจิโร่กลับไม่ตอบสิ่งใดและเลือกเดินไปยังหน้าบานกระจกกว้างเพื่อมองสิ่งที่ฉายบนจอโฮโลแกรมให้ชัดเจน นัยน์ตาสีนิลซึ่งสะท้อนแสงจ้าจากเครื่องฉายยังคงหวั่นไหวไม่เปลี่ยน แน่นอนว่าความกังวลเองก็ยังอัดแน่นอยู่ในอก
แต่หลังจากได้ฟังคำพูดของพี่ชาย อารมณ์ที่เก็บงำในส่วนลึกของหัวใจก็เริ่มจะตื่นตัวอย่างช่วยไม่ได้...
ผู้เป็นพี่ได้แต่วาดยิ้มมองร่างเล็กที่ยังเลือกปากแข็งไม่เลิก ก่อนจะกลับไปนั่งบนรถเข็นและพาตัวเองไปหยุดข้าง ๆ เจ้าน้องชายพลันเปลี่ยนความสนใจกลับไปยังเสียงประกาศอีกครั้ง
“อุปกรณ์นี้จะช่วยให้ทุกท่านเข้าสู่โลกเสมือนจริงและสัมผัสประสบการณ์เหมือนจริงทุกอย่าง แน่นอนว่าอาวุธในโลกเสมือนจะสามารถใช้งานได้ทุกอย่างไม่ใช่แค่ดาบเท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เข้าร่วมทุกท่าน”
“ถ้าพร้อมแล้วขอให้ทุกท่านเปิดอุปกรณ์ที่หลังคอด้วย”
นาโอริทำตามคำกล่าวนั้นในทันที ครั้นปลายนิ้วเอื้อมสัมผัสปุ่มด้านหลังและกดมัน ทันใดนั้นดวงตาก็พลันสว่างวูบวาบ ตัวอักษรมากมายไหลผ่านนัยน์ตาสวยจนเจ้าตัวตกตะลึง เพียงกะพริบตาเบื้องหน้าก็ปรากฏกำแพงแสงพาดผ่านเชื้อเชิญให้สัมผัส คนรอบข้างเธอเริ่มที่จะก้าวผ่านกำแพงและหายวับไป นาโอริจึงสูดหายใจเข้าอีกครั้งพร้อมตั้งท่าจะแตะมัน ทว่าวินาทีนั้นที่เธอเลือกจะรั้งมือไว้พร้อมหันกลับไปมองยังกระจกทึบ ณ ชั้นบนสุดราวรู้สึกได้ถึงสายตา
“โอ๊ะ เธอมองมาทางนี้ด้วย หรือจะรู้ว่าพวกเรามา?” เกนอิจิโร่ที่สังเกตเห็นเอ่ยขึ้น
“คงเป็นแบบนั้น...” นัยน์ตาคมสีนิลสบกับดวงตากลมที่กำลังบีบรัดหัวใจของเขาจนเจ็บ มันแน่วแน่เสียจนเขาอยากจะเบือนหน้าหนีมันเสียให้พ้น ทว่าร่างกายกลับตรึงให้จ้องมองมันอยู่อย่างนั้น
และไม่อยากละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว...
ขณะเดียวกันนาโอริที่เหมือนได้ฝากความมุ่งมั่นไปถึงคนที่เธอต้องการให้รับรู้มากที่สุด จึงมุ่งหน้าเดินทะลุผ่านกำแพงแสงไปทันที แม้จะไม่มีอะไรมายืนยันว่าเขาอยู่ตรงนั้นจริง แต่ขอแค่รู้ว่าโซอิจิโร่อยู่สักแห่งหนึ่งในอาคารนี้และกำลังจ้องมองเธออยู่…
ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว
พรึบ
ดวงตาหยีค่อย ๆ ลืมขึ้นเมื่อแสงแยงตาหายไปเผยให้เห็นทิวทัศน์ธรรมชาติตระการตาจากมุมสูง สายลมและเสียงร้องของนกต่างสมจริงจนน่าตื่นตา ทว่าไม่ทันจะได้เสพความงามเต็มที่ความรู้สึกโหวงก็ปรากฏที่ใต้เท้า เบื้องล่างคือพื้นน้ำลึกประกอบกับละอองสีขาวเกาะตัวเป็นก้อนลอยท่ามกลางกำแพงสีคราม หรือเรียกอีกอย่างคือ...
“นี่เราอยู่บนฟ้า?....เหวอ!”
นาโอริได้คำตอบพร้อมกับแรงถ่วงที่กระชากเธอลงกะทันหัน ร่างบางร่วงหล่นจากฟ้าด้วยความเร็วราวดาวตก แรงลมกระแทกร่างกายจนต้องกางแขนขาเพื่อต้านซึ่งเหมือนจะช่วยได้เล็กน้อย นัยน์ตาสีซากุระสะท้อนผืนน้ำเบื้องล่างชัดเจนพลันฝืนแรงกอดเข่าเป็นลูกบอลและกลั้นหายใจเตรียมจมสู่ท้องทะเล
ตู้ม!
คลื่นน้ำสาดกระเซ็นเป็นวงกว้างตามด้วยร่างเปียกปอนโผล่พ้นน้ำมาลอยคออยู่กลางคลื่น ริมฝีปากพะงาบรับอากาศที่เสียไปพลันก้มมองผืนน้ำโคลงเคลง
“อู้ว! น้ำสมจริงจัดเลย!” ดวงตากลมเปล่งประกายตื่นเต้น แต่ต้องหยุดไว้เท่านั้นเมื่อตระหนักว่าขืนลอยเคว้งอยู่ในน้ำนานเกินไปคงไม่ใช่เรื่องดีและรีบว่ายฝ่าเนินคลื่นขึ้นฝั่งได้สำเร็จ เม็ดทรายชุ่มน้ำเป็นรอยเท้าตามการเดินไม่ต่างจากชุดเครื่องแบบซึ่งเปียกน้ำทั้งตัว แต่นาโอริกลับไม่รู้สึกถึงความชื้นแต่อย่างใด มือเรียวสัมผัสคู่หูเบา ๆ พลางตรวจสอบความผิดปกติ
“อย่ามัวเอ้อระเหยสิ ป่านนี้เขาไปกันถึงไหนแล้ว” จูลิโอ้เอ่ย
“รู้แล้วน่า ขอเสพบรรยากาศหน่อยก็ไม่ได้”
“อีกเดี๋ยวเธอก็ได้เสพจนเอียนเลยล่ะฉันว่า...รีบไปเถอะ” เสียงทุ้มบ่นอุบอิบ เด็กสาวเลยได้แต่มุ่ยหน้าและยอมเดินหน้าต่อแต่โดยดี
นาโอริชะงักเท้า ณ ตีนน้ำตกสูง มันสูงจนไม่ควรเรียกว่าน้ำตกแต่ควรเป็นหน้าผาที่มีน้ำหลั่งไหลลงมามากกว่า แน่นอนว่าข้างบนคือทางไปต่อสาวเจ้าจึงไม่มีทางเลือกนอกจากปีนชั้นหินน่ากลัวพวกนี้ โชคร้ายที่อุปกรณ์เสริมของเธอไม่สามารถใช้งานได้ตามกฎของระบบโลกเสมือนที่ใช้ได้แค่ดาบประจำตัวกับอาวุธในโลกนี้เท่านั้น เจ้าตัวเลยต้องกวาดตาหาอะไรมาพาเธอขึ้นไป กระทั่งสายตาเห็นเถาวัลย์รกที่สานตัวเป็นแพ
“น่าจะแข็งแรงอยู่นะ” นาโอริพึมพำกับตัวเอง มือเรียวลองดึงเจ้าพืชเลื้อยเพื่อทดสอบ แม้จะดูไม่ปลอดภัยแต่ดีกว่าไม่มีของยึดจับ ก่อนที่สาวเจ้าจะนึกความคิดใหม่ออกพลันชักอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกมา
“งานนี้ต้องให้นายช่วยแล้วล่ะ”
“หา? อย่าบอกนะจะให้ใช้ลมดันขึ้นไปน่ะ ไม่ได้หรอกเพราะฉันสัมผัสธรรมชาติจริง ๆ ของที่นี่ไม่ได้เลย”
“ใครบอก จะใช้เป็นที่ปีนต่างหาก”
ปัก!
สิ้นเสียงปลายดาบจึงถูกเจาะเข้าซอกหินเว้าพอให้ยึดเหนี่ยวได้พลางรับแรงที่เด็กสาวส่งตัวเองขึ้นไปบนชั้นหินคู่กับการจับเถาวัลย์ มันราบรื่นในช่วงแรกทว่ายิ่งเข้าใกล้ต้นน้ำเท่าใดปริมาณน้ำก็ยิ่งเพิ่ม ทำเอานาโอริแทบจะลืมตามามองทางไม่ได้บวกกับตะไคร่ที่ก่อตัวใต้น้ำตก สัมผัสลื่นชวนแสลงมือช่างเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ในตอนนี้ หากไม่ได้เถาวัลย์หนาช่วยสาวเจ้าคงลงไปนอนแผ่กับพื้นทรายเป็นแน่
แต่ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น หลังจากใช้เวลานานนับสิบนาทีในที่สุดนาโอริก็มองเห็นพื้นเจิ่งน้ำเหนือน้ำตกเสียที!
“ถ ถึงแล้วโว้ย!” ร่างบางหอบตัวโยนพลันนอนปรับลมหายใจอยู่บนแอ่งน้ำเจิ่งตรงเนินผา หยาดน้ำไหลผ่านขมับแม้ไม่ใช่เหงื่อแต่สภาพตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
รอจนแขนขากลับมามีแรงนาโอริจึงดันตัวลุกเผชิญกับแบบทดสอบต่อไป ทันทีที่ลุกเดินต่ออีกสองสามก้าว สายตาพลันสังเกตเห็นบางสิ่งที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก มันคือบ้านไม้ทรงญี่ปุ่นซึ่งถูกยกสูงเหนือน้ำเรียงรายยาวจนมองไม่หมด ดวงตาสีซากุระกวาดมองทุกซอกมุมของสิ่งก่อสร้างทำให้พบว่าบางส่วนนั้นปกติ แต่บางจุดกลับก็มีต้นไม้แทงทะลุออกมาเติบโตด้านนอก ทว่าบรรยากาศของมันดันพาให้เธอต้องย่นคิ้วฉงนอย่างช่วยไม่ได้
“เงียบ...เงียบมาก ไม่ได้ยินเสียงของใครหรืออะไรในบ้านเลย หรือฉันเป็นคนเดียวที่หล่นมาตรงโซนนี้เหรอ?”
“ก็เป็นไปได้แต่ทางที่ดีอย่าเข้าไปด้านในเลย เลาะไปน่าจะดีกว่า” เด็กสาวพยักหน้าเห็นด้วยกับคู่หูก่อนจะเดินฝ่ากระแสน้ำไปด้านข้างของบ้าน เธอลอบมองผ่านหัวมุมซึ่งไร้วี่แววอะไรหรือใครอีกตามเคยและตั้งใจจะเดินต่อ
“อืม ทางนี้น่าจะสะดว-..”
ตึง!
จู่ ๆ เบื้องหน้าที่เคยเป็นทางโล่งกลับถูกขวางด้วยรากไม้มหึมาที่พุ่งทะลวงตัวบ้านออกมาอย่างจังจนพื้นโดยรอบสั่นสะเทือน มันทาบยาวไปถึงต้นน้ำตกปิดกั้นทางเก่าและสร้างทางใหม่ให้กับนาโอริผ่านรอยแตกบนผนัง สาวเจ้าที่ไร้ทางเลือกจึงตัดสินใจตวัดดาบแบ่งชิ้นไม้เป็นสองซีกเพื่อเปิดทางเข้า ครั้นชะโงกหน้าเข้าไปสายตาจึงพบกับของเครื่องใช้ภายในบ้านซึ่งประหลาดเสียยิ่งกว่าเจ้ารากไม้หลายขุม
“เละชะมัด แล้วไหงของมันถึงกลับหัวกลับหางแบบนี้ล่ะ!?” นาโอริขมวดคิ้วพลันกวาดมองของในห้องที่กลับหัวกลับหางจากพื้นสู่เพดาน น่าแปลกที่มันกลับทำให้เธอตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าตกใจกลัว นี่เพียงแค่เริ่มด่านไม่เท่าไหร่ก็ตื่นตาตื่นใจถึงขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดถึงจุดสุดท้ายของการแข่งนี้เลยว่าจะท้าทายยังไง!
ร่างบางเผลอไผลมองสิ่งของตรงหน้านานเกินไปจนจูลิโอ้ต้องช่วยดึงให้ออกจากภวังค์ ไม่วายถูกกำชับให้รอบคอบเข้าไว้สาวเจ้าจึงค่อย ๆ ลัดเลาะห้องประหลาดนั่นจนสามารถออกมาถึงทางเชื่อมระหว่างบ้านไม้แต่ละหลัง มีหลายส่วนที่ถูกรากไม้ยักษ์ทับเสียหายสร้างเส้นทางแก่เด็กสาวให้เดินต่อไปอย่างช่วยไม่ได้ สองขาก้าวผ่านทางเชื่อมเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดในความเงียบไปจนสุดทาง
แต่แล้วเมื่อปลายเท้าจรดลงที่ขอบเขตของบ้านหลังถัดไป นาโอริกลับถูกแรงบางอย่างกระชากให้ลอยตัวขึ้นเล่นเอาแผ่นหลังปะทะกับเพดานเหนือหัวอย่างจัง
“โอ๊ย อะไรอีกเนี่ย!”
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” จูลิโอ้เอ่ย
“ฉันโอเค แค่ปวดหลังนิดหน่อย...หืม?” ความผิดแปลกสะท้อนในสายตา เมื่อทางเชื่อมซึ่งควรจะราบไปกับทางน้ำดันคว่ำหัวลงเสียอย่างนั้น หนำซ้ำพื้นน้ำยังไหลเหมือนเดิมไม่แม้จะหยดลงมา
“นี่โลกมันกลับด้านเหรอ!?”
“จะบ้าเหรอ มีแค่ในบ้านเท่านั้นแหละที่กลับด้าน เธอเลยหล่นมาอีกฝั่งนึง” คำพูดนั้นพาให้นาโอริหันมองรอบข้างซึ่งเป็นห้องที่สิ่งของทุกอย่างตั้งปกติผิดกับด้านนอก สาวเจ้านั่งนิ่ง ๆ ให้สมองประมวลผลอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งเธอตัดสินใจเดินผ่านห้องเละเทะไปยังทางเชื่อมถัดไป ขาเรียวก้าวออกไปอย่างไม่ลังเลตามด้วยแรงดึงให้ร่างบางร่วงอีกครั้ง ทว่ารอบนี้นาโอริสามารถพลิกตัวกลับมายืนได้อย่างสวยงาม
ในที่สุดก็เข้าใจการทำงานของเจ้าบ้านไม้พวกนี้เสียที!
บ้านแต่ละหลังมีกลไกคล้ายกันอย่างที่คิด นาโอริจึงกระโดดฉวัดเฉวียนผ่านแต่ละห้องราวกับลิงปีนป่ายต้นไม้ หลายครั้งที่ถูกสับขาหลอกให้เชื่อจนหัวโหม่งเพดานไปหลายรอบ แต่หาใช่อุปสรรคสำหรับเธอเพราะตอนนี้ความสนุกกำลังก่อในหัวใจเหมือนได้เล่นเกมผาดโผนที่ตนชอบยังไงอย่างงั้น รู้ตัวอีกทีก็มาถึงจุดที่คาดว่าเป็นปลายทางของด่านเสียแล้ว
ทว่าไม่ทันจะได้สอดส่องความเป็นไปของด้านนอก นาโอริกลับต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงโหยหวนแสบแก้วหูตามด้วยเสียงของเหล็กกระทบกันลอดเข้ามา
เคร้ง!
เสียงของอาวุธปะทะกันดังต่อเนื่องไม่ไกลกับที่นาโอริอยู่ ร่างบางพลันกระโจนลงจากเพดานและเลือกจะฝ่าคลื่นน้ำด้านนอกไปแทน เพราะหากฟังไม่ผิดต้นเสียงต้องอยู่นอกบริเวณบ้านประหลาดนี้เป็นแน่ ครานี้วิ่งไม่สนใจรากยักษ์ที่ขวางทางพร้อมใช้มันเป็นทางผ่านไต่ขึ้นที่สูงทันควัน นัยน์ตาสีซากุระเคลื่อนมองทิศที่เกิดเสียงจนกระทั่งเห็นการเคลื่อนไหวในวิสัยทัศน์
“มีคนสู้กันอยู่?”
“เธอคงไม่ได้จะ...”
“ไปดูหน่อยแล้วกัน!” จูลิโอ้แทบจะถอนใจลากยาวเพราะลางสังหรณ์ของเขาที่แม่นเกินไป ความอยากรู้อยากเห็นนี้ช่างเกินต้านทานสำหรับคู่หูของตน แต่เขาจะทำอะไรได้นอกจากยอมทำตามเจ้าตัวเท่านั้นล่ะ
“เฮ้อ ไปก็ไป...”
to be continue….
======================================
ตอนหน้าน้องเหมือนจะได้เพื่อนใหม่ด้วยล่ะ….
======================================
มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ
ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3
つづく、psrpowder