ดวงจิตที่ผนึกในดาบคือวิญญาณของนักดาบผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ดาบของเธอกลับต่างออกไป มันซ่อนความพิเศษบางอย่างที่นำพาโชคชะตาหวนคืนสู่เธออีกครั้ง...ขอบคุณที่ให้ฉันได้เคียงข้างเธอนะ คู่หู

7 Samurai - ตอนที่64 อารมณ์อ่อนไหว โดย psrpowder @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ซอฟท์ไซไฟ,พล็อตสร้างกระแส,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

7 Samurai

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ซอฟท์ไซไฟ,พล็อตสร้างกระแส,7Samurai ,ไม่ฮาเร็ม,ตัวเอกหญิง ,ดาบพูดได้,ญี่ปุ่น,แอคชั่น,รักวัยรุ่น,แฟนตาซี

รายละเอียด

7 Samurai โดย psrpowder  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดวงจิตที่ผนึกในดาบคือวิญญาณของนักดาบผู้เสียสละอย่างกล้าหาญ แต่ดาบของเธอกลับต่างออกไป มันซ่อนความพิเศษบางอย่างที่นำพาโชคชะตาหวนคืนสู่เธออีกครั้ง...ขอบคุณที่ให้ฉันได้เคียงข้างเธอนะ คู่หู

ผู้แต่ง

psrpowder

เรื่องย่อ


นิยายเรื่องนี้จะอัพ ทุกวัน ศุกร์และเสาร์ เวลา 19.00 น. - 19.30 น. 


และอาทิตย์ เวลา 18.30 น.


จะพยายามลงให้ต่อเนื่องที่สุดเพื่อนักอ่านทุกท่านนะคะ :>


**เชิญชวนมาติดตามกันได้ที่ Tiktok และ Bluesky จะอัพเดตเรื่อย ๆ ค่ะ**


ปุกาศ ๆ บัดนี้เรามี E-book แล้วนะจ๊ะ! 


ตอนนี้เล่ม 3 กำลังจัดโปรลด50% อยู่น้าา ตั้งแต่ 21 ม.ค. - 4 ก.พ. 68!!!!

ใครสนใจไปส่องกันได้เลยน้าา <3

*** ที่ : mebmarket ครับโผม! *** 



เนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกที่เขียนจริงจังของนักเขียนฝึกหัด (เพื่อต่อยอดความฝันอยากทำอาชีพนักเขียนค่ะ) ขอฝากนักอ่านใจดีทุกท่านติชม แนะนำให้ไรท์ฝึกหัดคนนี้ได้นำไปปรับใช้ในเรื่องต่อไปด้วยนะคะ จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็น้อมรับและปรับแก้ค่ะ

หรือถ้าไม่ชอบคอมเมนท์ก็กดใจให้กันได้นะคะ กำลังใจชั้นยอดของเราเลย


กราบขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ^^


================ เกริ่นแนวเรื่องกันซะหน่อย =================


เรื่อง 7Samurai (ถ้าสงสัยว่าทำไมชื่อนี้ คงบอกได้แค่ว่าเป็นความเบียวของไรท์เองแหละค่ะ ฮ่า)


เป็นแนวแฟนตาซี ฟิลชีวิตประจำวันในประเทศญี่ปุ่นยุคอนาคตปี3000 แต่เพราะกฎการแบนอาวุธปืนเลยทำให้มีสไตล์การต่อสู้แบบโบราณผสมด้วย ฟิลใช้ดาบฟันกันชิ้งๆ ยิงธนูปิ้ว ๆ หรือแม้แต่วิชานินจาก็ยกมาหมดแผง(เท่าที่ไรท์คิดออกอ่ะนะ55)

ผสมความรักแบบวัยใสน่ารักของพระนางแบบมองตาปุ๊ปก็ปิ้งกันปั๊บ! ปมดรามาความสัมพันธ์พวกเขามีประปรายให้ได้หมั่นไส้กัน ได้ลิ้มรสความหวานกันเต็มกระบุงแน่นอนค่ะ :)

แล้วก็แถมปมเรื่องชวนซึ้งใจมาด้วยนะ (คนอ่านซึ้งมั้ยไม่รู้แต่ไรท์น้ำตาหยดหลายรอบเลยค่ะ ;-;)


***คำเตือนเล็กน้อย…เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวและนักเขียนมีแพลนเขียนแบ่งเป็น2ซีซั่น 

ปัจจุบันซีซั่น1ใกล้จะจบแล้วค่ะ สามารถอ่านกันได้จุใจแน่นวลล***


.


.

ใด ๆ มันอาจจะไม่ตามกระแส ไม่ตามตลาด แต่เราอยากลงเรื่องที่ตั้งใจสร้างให้ทุกคนได้อ่านจริง ๆ

เรื่องอาจไม่ได้หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อยากให้จับตา จับมือ จับหูดูการเติบโตของน้อง ๆ ไปด้วยกันน้าา 


(สั้น ๆ คือ ฝากกดติดตามกันด้วยนะทุกคลล ฮืออ T T )



====== เรื่องย่อกันบ้างดีกว่า ======


***นิยายเรื่องนี้มีฉากต่อสู้และฉากความรุนแรงอื่น ๆ แทรกในบางตอน***


แต่จะมีการแจ้ง Trigger warning ก่อนเริ่มอ่านทุกครั้ง 


โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


==============================================


ชิสึจิ นาโอริ ตัดสินใจทำตามความฝันวัยเด็ก เธอเลือกสอบเข้าที่โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับนักดาบ และได้พบกับคู่หูซึ่งเป็นดาบไม้เล่มหนึ่งที่ต้องตาเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เลยมอบชื่อให้ว่า จูลิโอ้ ทั้งสองต้องเริ่มชีวิตใหม่ในรั้วโรงเรียนไปด้วยกัน กระทั่งได้เจอเพื่อนร่วมห้องอย่าง โมโมเสะ ฮินาวะ เด็กหนุ่มรูปหล่อผู้มากความสามารถและเก่งกาจจนนาโอริอยากให้เขาช่วยสอนวิชาดาบให้ แต่เขากลับยื่นคำท้าต่อเธอให้เอาชนะเขาให้ได้ในงานประลองดาบ เด็กสาวจึงพยายามสุดความสามารถเพื่อชนะเขา  


เพราะการแข่งนั้นพวกนาโอริจึงถูกทาบทามให้เข้าร่วมสภานักเรียนหรือสภาเจ็ดซามูไรและได้ออกไปทำภารกิจเสี่ยงตายจนพบกับองค์ชายรัชทายาทอายุไล่เลี่ยกันที่ถูกกลุ่มทหารรับจ้างนิรนามหมายจะชิงตัวไป นาโอริเลยต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเขาให้ได้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง โดยไม่ทันรู้สึกตัวว่าวินาทีแรกที่สบตาเขาหัวใจก็ไม่อาจลบภาพรอยยิ้มสุดท้ายให้จางหายได้


ทางเลือกใหม่ที่เธอเลือกจึงลงเอยที่ตำแหน่ง 'องครักษ์' ของเด็กหนุ่มสูงศักดิ์ผู้นี้เพื่อให้ได้ปกป้องเขาได้ทุกวินาทีที่หายใจ….


===== สปอยหน้าตาพระนางสักเล็กน้อย =====


ชิสึจิ นาโอริ (น้อนนาโอะ) อายุ 16 ปี

เด็กสาวม.ปลายผู้ฝันอยากเป็นนักดาบเพราะเชื่อว่าความชอบนี้มาจากพ่อที่ไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อน เลยคิดว่าถ้าได้เดินทางเดียวกันก็จะได้เจอครอบครัวฝั่งพ่อของตัวเองก็เป็นได้ แต่ใครจะรู้…ว่าปัจจุบันเธอจะได้ความฝันใหม่อันยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมหน้าที่อันใหญ่ยิ่ง!!!


“ขอสาบานว่าจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนาย…จนกว่าจะตายจากกันไปข้าง!”


ฮิบานะ โซอิจิโร่ (น้อนโซว์) อายุ 15 ปี

เด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่มีความลับมากมายซ่อนไว้หลังหน้ากากอันเยาว์วัยกับ…สีผม?? เพราะเรื่องราวในอดีตที่ทำร้ายเขามานับไม่ถ้วนจึงหล่อหลอมตัวตนของเขาให้เป็นคนจริงจัง สุขุมและเก่งในด้านการต่อสู้(ปกป้องชีวิตตัวเอง) แต่ยามได้อยู่ต่อหน้านาโอริ ทุกบุคลิกก็ดูจะละลายหายไปจนเหลือแค่เด็กขี้อ้อนคนหนึ่ง…กับจุดประสงค์บางอย่างในหัวใจ


“แกจะเป็นด้ายแดงแห่งโชคชะตาให้พวกเราอีกได้ไหม…เหมือนที่เธอพูดครั้งนั้น”


.

.

.


“ใครอยากเริ่มต้นความเบียวไปกับไรท์ กดอ่านตอนแรกกันเล้ย!!!”




よろしく、psrpowder


สารบัญ

7 Samurai-ตอนที่1 การเริ่มต้นใหม่,7 Samurai-ตอนที่2 คู่หู,7 Samurai-ตอนที่3 เก่งกาจ,7 Samurai-ตอนที่4 ลังเล,7 Samurai-ตอนที่5 ทดสอบ,7 Samurai-ตอนที่6 สายสัมพันธ์ใหม่(1),7 Samurai-ตอนที่7 สายสัมพันธ์ใหม่(2),7 Samurai-ตอนที่8 สายสัมพันธ์ใหม่(3),7 Samurai-ตอนที่9 สายสัมพันธ์ใหม่(4),7 Samurai-ตอนที่10 ฝึกมือ,7 Samurai-ตอนที่11 เปิดเผย,7 Samurai-ตอนที่12 ถึงเทศกาลแล้ว!,7 Samurai-ตอนที่13 แข่งคู่ที่สอง,7 Samurai-ตอนที่14 ชิงชนะเลิศ,7 Samurai-ตอนที่15 เซอร์ไพรซ์ต้อนรับ!,7 Samurai-ตอนที่16 นัดที่ไม่ได้นัด(1),7 Samurai-ตอนที่17 นัดที่ไม่ได้นัด(2),7 Samurai-ตอนที่18 นัดที่ไม่ได้นัด(3),7 Samurai-ตอนที่19 ติวหนังสือให้ทีสิ,7 Samurai-ตอนที่20 คอร์สสอนเฉพาะกิจ,7 Samurai-ตอนที่21 ชั่วโมงประวัติศาสตร์,7 Samurai-ตอนที่22 วันสอบที่ผ่านไปด้วยดี,7 Samurai-ตอนที่23 ภารกิจพิเศษ(1),7 Samurai-ตอนที่24 ภารกิจพิเศษ(2),7 Samurai-ตอนที่25 ภารกิจพิเศษ(3),7 Samurai-ตอนที่26 ภารกิจพิเศษ(4),7 Samurai-ตอนที่27 ความล้มเหลวและหนทางแก้ไข,7 Samurai-ตอนที่28 ดุจกำลังใจ,7 Samurai-ตอนที่29 ข่าวร้ายกับแผนการตีกรอบ,7 Samurai-ตอนที่30 เริ่มแผน!,7 Samurai-ตอนที่31 ฝ่าฝืน,7 Samurai-ตอนที่32 ช่วยเหลือ,7 Samurai-ตอนที่33 จิตสังหาร,7 Samurai-ตอนที่34 แลกด้วยชีวิต,7 Samurai-ตอนที่35 คำโกหกเพื่อปลอบโยน,7 Samurai-ตอนที่36 เยี่ยมไข้,7 Samurai-ตอนที่37 เรื่องราวที่อยากเล่า,7 Samurai-ตอนที่38 ความตั้งใจอันแน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่39 ตามรอย,7 Samurai-ตอนที่40 เหตุร้ายที่เกิดไปพร้อมกัน,7 Samurai-ตอนที่41 แผลใจฝังลึก,7 Samurai-ตอนที่42 เรื่องด่วนและเรื่องร้าย,7 Samurai-ตอนที่43 ความคิดที่ไม่ได้บอก,7 Samurai-ตอนที่44 เชื่อใจ,7 Samurai-ตอนที่45 ข้ออ้างเพื่อตัวเอง,7 Samurai-ตอนที่46 แน่วแน่,7 Samurai-ตอนที่47 ไม่อยากพลาดโอกาส,7 Samurai-ตอนที่48 จิตสำนึกต่อต้าน,7 Samurai-ตอนที่49 ไม่เข้ากัน,7 Samurai-ตอนที่50 ต้นตอของอาการ,7 Samurai-ตอนที่51 นึกสงสัย,7 Samurai-ตอนที่52 คัดเลือก,7 Samurai-ตอนที่53 กลับบ้าน,7 Samurai-ตอนที่54 โลกเสมือน,7 Samurai-ตอนที่55 ผู้ร่วมทาง,7 Samurai-ตอนที่56 ตามรังควาน,7 Samurai-ตอนที่57 ผู้ร่วมทางอีกคน,7 Samurai-ตอนที่58 เหนือธารร้อนระอุ,7 Samurai-ตอนที่59 ปล่อยไว้ไม่ได้,7 Samurai-ตอนที่60 อย่าได้เหลียวแล,7 Samurai-ตอนที่61 ปรับความเข้าใจ,7 Samurai-ตอนที่62 บอกความจริง,7 Samurai-ตอนที่63 ความรู้สึกของแม่,7 Samurai-ตอนที่64 อารมณ์อ่อนไหว,7 Samurai-ตอนที่65 ก้าวแรกสู่ทางใหม่

เนื้อหา

ตอนที่64 อารมณ์อ่อนไหว

“ไว้เจอกันนะคะแม่!”

“ขี่สเกตบอร์ดระวัง ๆ ล่ะลูก!”



นาโอริบอกลาผู้เป็นแม่และรีบบึ่งกลับไปโรงเรียนแบบด่วนจี๋ น่าเหลือเชื่อที่เจ้าตัวใช้เวลาทำเรื่องทั้งหมดเพียงไม่ถึงสิบนาที สุดท้ายก็สามารถกลับมาเข้าชั้นเรียนได้ทันด้วยสภาพหอบแฮ่ก แต่สีหน้าของสาวเจ้ากลับดูจะสดใสราวกับคนละคนจนเพื่อนสนิททั้งสองเป็นต้องลอบมองระหว่างคาบเรียนก่อนจะได้รู้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับแม่ลูกชิสึจิในภายหลัง

แม้นาโอริเองจะดีใจ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดมารดาจึงยอมเห็นด้วยเพียงชั่วข้ามคืน ทั้งที่ครั้งก่อนเมื่อเธอต้องการสอบเข้าโรงเรียนชิบุนางิยังใช้เวลาเกือบเดือนกว่าอีกฝ่ายจะอนุญาต...

“เป็นเพราะความตั้งใจของนาโอะจังนั่นแหละ คุณน้าเขาถึงเข้าใจ”

“ฉันรู้สึกขอบคุณแม่มากเลยล่ะ แต่ก็กังวลว่าแม่จะไม่แอบไปเสียใจลับหลังใช่ไหม...” คิ้วเรียวขมวดหากันให้เพื่อนทั้งสองเห็นทว่าไม่มีใครกล้ารับปากมันได้จึงทำแค่มองอยู่เงียบ ๆ กระทั่งเสียงทุ้มของจูลิโอ้ดังแทรกขึ้นมา

“ไม่ต้องคิดมากน่า แม่เธอไม่ใช่คนที่จะปกปิดอะไรกับลูกสาวหรอก”

“พูดเหมือนรู้จักแม่ฉันดีงั้นล่ะ....แต่จะว่าไปทำไมแม่ถึงถือนายลงมาจากห้องฉันได้ล่ะ?” เด็กสาวเลิกคิ้วสงสัย

“เธอกำลังทำความสะอาดแล้วเจอฉันพอดี เห็นกระวนกระวายใหญ่”

“ไม่ใช่อย่างนั้น หมายถึงเรื่องที่ดาบไม่เผามือแม่ฉันต่างหาก” ทั้งซากิและฮินาวะต่างหันขวับจ้องสองคู่หูราวไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะตั้งแต่เริ่มจับดาบกฎเหล็กอันดับแรกที่พวกเขาถูกพร่ำสอนคือห้ามสัมผัสดาบที่ทำพันธสัญญากับผู้อื่นโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะเกิดการต่อต้านจนเป็นอันตรายได้ ถ้าไม่สัมผัสโดยตรงก็ว่าไปอย่างแต่จากคำกล่าวของนาโอริแม่ของเธอถือมันมือเปล่าโดยที่สภาพมือยังปลอดภัยดี

“มันก็มีได้หลายกรณี...อย่างเช่นคนที่สัมผัสมีความผูกพันจนดวงจิตไม่คิดต่อต้านหรือเคยเป็นเจ้าของดาบมาก่อน” ฮินาวะเอ่ยพลางลอบมองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือเด็กสาว

“จะเป็นไปได้ยังไง แม่ฉันใช้ดาบไม่เป็นด้วยซ้ำ แถมไม่ได้ยินเสียงจูลิโอ้ด้วย”

“แค่เดาเท่านั้นแหละ พวกเราก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าดาบพวกนี้มาจากห่อผ้าเดียวกันที่ได้ตอนเปิดเรียนวันแรก ไม่มีทางจะเคยไปอยู่ในมือแม่เธออยู่แล้ว”

“หรือเป็นเพราะไม่ได้ต่อต้านจริง ๆ ?” ซากิครุ่นคิดก่อนจะได้ยินอาวุธศักดิ์สิทธิ์ตอบกลับมา

“ไม่เห็นจำเป็นต้องต่อต้านอะไร เพราะเธอก็ไม่ได้มีพิษภัยจริง ๆ นั่นแหละ”

“ย อย่างนั้นเหรอ...” นาโอริเอ่ยไม่มั่นใจ ครั้นได้ยินคำยืนยันจากดวงจิตในดาบเองเช่นนี้ พวกผู้ใช้อย่างเธอก็คงสงสัยอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งเพิ่มอาการปวดตุบในสมอง



กริ๊ง!

ท้ายที่สุดการจับกลุ่มสนทนาเป็นต้องหยุดลง เมื่อกริ่งเตือนหมดเวลาลั่นทั่วตึกเรียนพร้อมกับร่างของอาจารย์ซาวาเบะที่ก้าวเท้าเข้ามาสอน ชั่วโมงการเรียนรู้จึงดำเนินไปตามปกติ จะมีก็แต่สายตาคมของซาวาเบะที่จ้องมองนาโอริเป็นพัก ๆ จนแม้แต่สาวเจ้ายังรู้สึกได้และต้องนั่งขนลุกซู่ไปตลอดคาบเรียน

“เอาล่ะ พอเท่านี้ก่อน และอย่าลืมล่ะว่าวันนี้ไม่มีวิชาปฏิบัติช่วงบ่ายเพราะอาจารย์ติดธุระด่วน ใช้เวลาพักผ่อนให้เต็มที่ก็แล้วกันนะ”

“ครับ/ค่ะ!” เหล่านักเรียนตอบรับประสานเสียง อาจารย์สาวจึงพยักหน้าและตั้งท่าจะเดินออกไป ทว่าเจ้าหล่อนที่นึกอะไรออกเป็นต้องชะงักอีกครั้งพลันหันมองนาโอริที่อยู่หลังห้องเรียน

“อ้อ จริงสิ...ยินดีกับการผ่านการคัดเลือกทหารด้วยนะ ชิสึจิ”



หญิงสาวจากไปทันควันเมื่อหย่อนระเบิดลูกเบ้อเริ่มเทิ่มไว้กลางห้องเรียน พาให้สายตาทุกคู่หันมองเจ้าของชื่อเป็นตาเดียวด้วยปากที่แทบจะอ้าถึงพื้น ประดุจเกลียวคลื่นกระหน่ำจู่ ๆ โต๊ะของนาโอริก็ถูกล้อมด้วยเพื่อนร่วมห้องพร้อมคำถามสารพัดจนฟังไม่ทัน 

แม้เจ้าตัวจะพยายามอธิบายเท่าที่สามารถ แต่เหล่าเพื่อนก็ไม่มีทีท่าจะยอมลดความสงสัยหรืออาการตื่นเต้นลงสักนิด เพราะต่อให้ชิบุนางิแห่งนี้จะมีประวัติว่ามีนักเรียนเก่งกาจหลายคนเข้าไปเป็นทหารของราชวงศ์ได้ แต่เดิมทีคำว่า ทหาร มันช่างไกลจากตัวนักเรียนปีหนึ่งแรกเริ่มอย่างพวกเขาเสียเหลือเกิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งสูงศักดิ์อย่างองครักษ์ประจำตัวองค์รัชทายาทเลย ให้เกิดใหม่ชาติหน้ายังไม่รู้จะมีโอกาสหรือเปล่า

“อ เอ่อ...” นาโอริเริ่มกดดันอย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่ชอบบรรยากาศถูกรายล้อมอึดอัดแบบนี้เอาเสียเลย ทว่าครั้นกลายเป็นจุดสนใจไปโดยปริยายแล้ว ก็เหมือนจะสลัดตัวออกจากฝูงคนได้ยากมาก...



ก๊อก ๆ 

เสียงเคาะหลายทีดึงความสนใจคนทั้งห้องไม่แม้แต่พวกนาโอริให้มองไปทางประตู ก่อนจะเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของประธานนักเรียนหนุ่มพร้อมด้วยสมาชิกเจ็ดซามูไรอีกสองคนที่กำลังจ้องเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้าอย่างแปลกใจ

“อะแฮ่ม ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องวุ่นวายอะไรกันหรือเปล่าครับน้อง ๆ พอดีเสียงมันดังออกไปข้างนอกเลยน่ะ”

“ร รุ่นพี่นากามูระ!?” นักเรียนหลายคนแทบสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นรังสีน่ากลัวแผ่มาจากรุ่นพี่หนุ่มผู้อ่อนโยน ใต้รอยยิ้มนั้นมีคำสั่งให้เลิกก่อเสียงโหวกเหวกและแยกตัวไปพักให้คุ้มกับเวลาพักเที่ยงถูกเขียนไว้ หากพวกเขาไม่ทำตาม คราบของรุ่นพี่ใจดีคงหายไปในไม่ช้าเป็นแน่



ใช้เวลาไม่ถึงนาทีรอบตัวพวกนาโอริจึงกลับมาหายใจสะดวกอีกครั้ง สาวเจ้าเป็นต้องฟุบตัวลงกับโต๊ะอย่างหมดแรงกระทั่งรู้สึกถึงสัมผัสนุ่มนวลบนศีรษะและเป็นโชโตะที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าหล่อวาดยิ้มตาหยีแก่รุ่นน้องพลางแสดงความยินดีกับเธอ ตามด้วยเจ้าของเรือนผมสีบ๊วยแดงสลวยที่โผกอดสาวเจ้าเต็มแรง

“ยินดีด้วยนะ นาโอริจัง!”

“ข ขอบคุณค่ะพี่ฮิเมะ” นาโอริตอบเสียงอู้อี้ใต้อ้อมกอดนั้นจนฮินาวะที่เห็นพี่สาวกอดอีกฝ่ายแน่นเกินไปกลัวจะขาดอากาศตายต้องดึงฮิเมะโกะออกมาเสียก่อน ส่วนร่างบางซึ่งหลุดจากพันธนาการเป็นต้องเป่าปากโล่งก่อนจะย่นคิ้วฉงนถึงสาเหตุที่เหล่าสมาชิกต่างมารวมตัวกันตรงนี้

“พี่อยากมาแสดงความยินดีกับเธอน่ะสิและ-”

“และใช้โอกาสที่อาจารย์พวกเธอยกเลิกวิชาช่วงบ่ายไปเลี้ยงฉลองให้ด้วยเลยไง!” รุ่นพี่สาวเอ่ยเสริมเสียงใส

“ถูกต้องครับ เพราะยังไงมันก็เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่แค่แสดงความยินดีอย่างเดียวคงไม่พอหรอก”



ด้วยเหตุนี้สองรุ่นพี่พ่วงด้วยไคโตะจึงยกโขยงกันมาหาอีกสามคนที่เหลือเพื่อนัดแนะไปเที่ยวเล่นในเมืองหลังเลิกเรียน แน่นอนว่าพวกนาโอรินั้นมีเวลาเหลือเฟือรอคนอื่น ๆ แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าสภานักเรียนคำว่า ‘มีเวลา’ จึงไม่มีอยู่จริงเพราะทั้งสามต้องไปช่วยสะสางงานที่เหลือพร้อมกับรุ่นพี่จนกว่าจะถึงช่วงเย็น

“เฮ้อ ทำไมยูซึกะถึงไม่โดดเรียนมาเลยนะ จะได้ไปเที่ยวเร็ว ๆ”

“ตายจริง อย่าพูดให้โชว์ได้ยินเชียวนะ ไม่งั้นเขาจะโกรธเอา” ฮิเมะโกะเตือนรุ่นน้องสาวที่กำลังช่วยน้องชายของเธอจัดเรียงเอกสารอยู่ในห้องสภานักเรียนขณะที่โชโตะกับซากิออกไปจัดการธุระอื่น เธอพูดราวเป็นคนเคยอาบน้ำร้อนมาก่อนเพราะไม่อยากให้นาโอริต้องเห็นด้านมืดของเพื่อนตัวเองสักเท่าไหร่ เดี๋ยวจะพาลกลัวหัวหดไปก่อน....

“ตอนโกรธน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฮินาวะเลิกคิ้วฉงนก่อนจะได้การพยักหน้าจากพี่สาวเป็นคำตอบ ซึ่งเขาก็พอจะนึกภาพออกไม่มากก็น้อยไม่ต่างจากนาโอริที่ภาพจำเมื่อถูกเทศนาในโรงพยาบาลผุดเข้ามาในหัว

“ถ้าเป็นไปได้จะไม่ทำให้เขาโกรธก็แล้วกัน...อึก!” จู่ ๆ หัวสมองก็พลันปวดจี๊ดทำเอาต้องกุมขมับร้องโอยจนสองพี่น้องโมโมเสะต้องหันมอง อาการเจ็บแปล๊บทำวิสัยทัศน์เบลอไปชั่วขณะไม่พ้นต้องรีบวางกองเอกสารและลงไปนั่งกับโซฟา ผ่านไปพักใหญ่กว่าสาวเจ้าจะกลับมาเงยมองสีหน้าเป็นกังวลของทั้งสองได้

“เธอเป็นอะไรไหม ต้องไปห้องพยาบาลหรือเปล่า!?” ฮินาวะเอ่ยร้อนรน

“ม ไม่ต้อง ๆ มันแค่ผลข้างเคียงจากโลกเสมือนน่ะ” นาโอริย้อนนึกถึงคำเตือนจากซาโตชิในวันก่อนการคัดเลือกเกี่ยวกับโปรเจกต์ทดลองนี้

ครั้นขึ้นชื่อว่าเสมือนจริงจึงเท่ากับเป็นสิ่งที่สมองสร้างขึ้นมาอีกที และยิ่งขนาดของมันใหญ่หรือสมจริงเพียงใดสมองคนจะยิ่งประมวลผลหนักขึ้นจนล้า หนำซ้ำโปรเจกต์นี้ยังอยู่ในขั้นทดลองใช้ มันเลยอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวเป็นระยะหรืออาจหนักกว่านั้นได้ 



นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของซาโตชิเพื่อถามความแน่ใจของเด็กสาวว่าพร้อมสำหรับการแข่งหรือไม่และตัวเธอก็ยอมรับมัน...

“อาการนี้จะอยู่อีกนานแค่ไหน?” เพื่อนหนุ่มขมวดคิ้ว

“ไม่น่าเกินอาทิตย์หนึ่งหรอก ช่วงนี้แค่อย่าคิดอะไรให้ปวดหัวก็พอ แหะๆ”

“ให้ตายสิ ทั้งที่รู้ว่าเป็นโปรเจกต์ทดลองแต่ก็ยอมเป็นหนูทดลองให้พวกห้าบุปผาเนี่ยนะ รู้งี้ฉันไม่น่ายอมให้เธอไปคัดเลือกแต่แรกก็ดีหรอก” เด็กหนุ่มสงเสียงฮึดฮัดไม่สบอารมณ์พลางเบือนหน้าหนี ปล่อยให้นาโอริต้องเบ้ปากไม่เข้าใจท่าทีหงุดหงิดของอีกฝ่าย

“มันสนุกดีออกนะ อีกอย่างได้เซย์ตะซังช่วยอยู่ห่าง ๆ สมองฉันไม่ได้ออกแรงด้วยซ้ำ”

“เหอะ มันจะต่างกันตรงไหนล่ะ...แล้วองค์รัชทายาทนั่นก็ใจกล้าชะมัด เล่นเอาของไม่สมบูรณ์มาใช้แบบนี้ไม่คำนึงถึงชีวิตคนบ้างหรือไง”

“อะไรของนาย พูดเหมือนเขาจะไม่ใส่ใจคนที่มาแข่งงั้นแหละ ถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาก็ต้องช่วยอยู่แล้วไหม?”



ปึง!

“แต่เขาไม่ใช่หมอนะ ถ้าเธออาการหนักขึ้นมา จะพี่เซย์หรือรัชทายาทก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก!” ฮินาวะขึ้นเสียงดังเล่นเอาสองสาวสะดุ้ง ฝ่ามือหนานั้นเผลอตบลงกับโต๊ะจนก้องไปทั้งห้องเงียบ ไม่ทันไรเจ้าตัวก็ตระหนักว่าตนเผลอใส่อารมณ์เกินไปจนได้ ครั้นมืออยู่ไม่สุขเป็นต้องยื่นไปดีดหน้าผากนาโอริกลบเกลื่อนจนสาวเจ้าอุทานพลางกุมตรงที่เจ็บ

“โอ๊ย อะไรเนี่ย!?”

“แต่ดีไปที่เธอมันถึกทนน่ะ...”

“พูดอย่างเดียวก็ได้ ไม่ต้องมาทำร้ายกันได้ไหม!”

คู่อริเปิดฉากเถียงกันอีกคราและท่ามกลางเสียงเจี๊ยวจ๊าวของรุ่นน้อง ฮิเมะโกะซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพลันอดวาดยิ้มชอบใจไม่ได้เมื่อมองภาพน่ารักตรงหน้า แถมยังมีโอกาสเห็นน้องชายคนเดียวแสดงอารมณ์เป็นห่วงใครสักคนออกนอกหน้าที่ไม่ได้พบมานานอีกด้วย พี่สาวอย่างเธอรู้สึกปลื้มปริ่มห้ามไม่อยู่เลยล่ะ

.

.

.

ผ่านไปพักใหญ่งานจัดเอกสารก็เสร็จสิ้นพอดีกับที่สมาชิกคนอื่น ๆ จัดการกิจธุระของตัวเองเรียบร้อยและมารวมตัวกัน ณ ห้องกระจกรอเสียงสวรรค์บอกเวลาเลิกเรียนดังเท่านั้น



กริ๊ง!

ช่วงเวลาแสนนานได้มาถึงในที่สุด สมาชิกเจ็ดซามูไรจึงพากันไปตะลุยแดนแสงสียอดนิยมของเหล่านักเรียนมัธยมปลายให้เจ้าของงานเลี้ยงได้เพลิดเพลินและผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน ยิ่งได้ยินเรื่องอาการปวดหัวจากนาโอริเหล่าพี่เพื่อนก็ยิ่งตามประคบประหงมอย่างกับเป็นน้องเล็กสุดในกลุ่มเสียอย่างนั้น ซึ่งเจ้าตัวก็ดูจะชอบใจเอามาก ๆ ด้วย 

นาโอริได้แต่หวังให้เรื่องสนุกสนานคงอยู่นานออกไป ทว่างานเลี้ยงย่อมต้องเลิกรา ท้ายที่สุดสิ่งที่พวกเธอได้กลับไปก็คือความทรงจำดี ๆ และแรงใจจากเพื่อนให้สามารถเดินต่อในวันข้างหน้าต่างหาก

.

.

.

บัดนี้พวกเขามาหยุดอยู่ที่กลางทางเดินระหว่างแต่ละหอพักเตรียมพร้อมแยกย้ายกันไปพักผ่อน นาโอริแย้มยิ้มสดใสพร้อมก้มโค้งให้

“ขอบคุณทุกคนมาก ๆ เลยนะคะสำหรับวันนี้ ฉันสนุกมากเลย!” 

“นี่เป็นรางวัลที่นาโอริจังควรได้รับ พวกพี่ยินดีอยู่แล้วครับ” โชโตะเอ่ยเสียงนุ่มพร้อมเอื้อมไปขยี้ศีรษะเด็กสาวอย่างเอ็นดู

“ไว้ไปกันอีกนะนาโอริจัง พี่รู้ว่าเป็นองครักษ์ติดตามองค์รัชทายาทคงยุ่งตลอด แต่ต้องหาเวลาไปผ่อนคลายบ้างเข้าใจไหม!” ฮิเมะโกะกุมมือเด็กสาวแน่น แววตาห่วงใยนั้นส่งไปถึงนาโอริแจ่มชัดพาให้หัวใจชุ่มชื้นขึ้นมาและโผเข้ากอดรุ่นพี่ทั้งสองแน่นทำเอาพวกเขาเบิกตาตกใจพลันหัวเราะออกมา



นอกจากเหล่ารุ่นพี่แล้วนาโอริก็ซาบซึ้งในความช่วยเหลือของเพื่อนทั้งสามเช่นกัน ทว่านอกจากซากิแล้วเด็กหนุ่มอีกสองคนกลับไม่ยอมให้เธอกอดเสียอย่างนั้นจนสาวเจ้าได้แต่แลบลิ้นปลิ้นตาหมั่นไส้เจ้าคนเล่นตัว หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ทั้งคู่ทำถือเป็นเรื่องถูกต้องเพื่อไม่ให้เพื่อนของพวกเขาดูเป็นคนไม่ระวังตัวกอดคนไปทั่วต่างหาก



“หาว...ฝันดีนะ จูลิโอ้”

“ฝันดี รีบนอนซะ”

ท้ายที่สุดนาโอริก็ได้วางหัวถึงหมอนนุ่มเสียทีหลังจากเกิดอะไรมากมายในวันนี้ ใจหนึ่งยังแอบกังวลเกี่ยวกับมารดาจนต้องพิมพ์ไปถามไถ่ แต่กลับถูกอีกฝ่ายดุเพราะไม่ยอมนอนจนได้สาวเจ้าจึงรีบปิดตาปล่อยใจเข้าสู่นิทราไปในที่สุด

.

.

.

ในช่วงที่เหล่าสมาชิกเจ็ดซามูไรกำลังท่องฝันแสนหวานยามค่ำคืน บัดนี้ ณ หนึ่งในปราสาทย่อยในอาณาเขตฮิบานะ เด็กหนุ่มเรือนผมสีดำขลับก็กำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ระหว่างเอกสารในมือกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับสถานะทหารของนาโอริ รวมถึงประวัติย่อและรายละเอียดตารางฝึกทักษะต่าง ๆ แสดงอยู่ ใบหน้านิ่งเผยความตึงเครียดออกมาราวกำลังคิดไม่ตกในบางสิ่ง มันกินระยะยาวตั้งแต่ฟ้ามืดจนกะพริบตาอีกทีแสงแดดก็จ้าผ่านหน้าต่างเสียแล้ว...



ก๊อก ๆ 

“เข้ามา” บานประตูเลื่อนเปิดทันทีที่ได้รับอนุญาตเผยให้เห็นร่างของฝาแฝดในคราบตัวเขาเองยืนทำหน้าบึ้งตึงผิดจากปกติ หนำซ้ำยังจ้องมาที่เขาเขม็งเลยด้วย

“ถ้ายังไม่ยอมนอนเป็นเวลา ฉันจะเอางานทั้งหมดของนายไปทำเองแล้วนะ”

“ข ขอโทษ...พอดีมันเพลินไปหน่อย” โซอิจิโร่ย่นคิ้วสำนึกผิดน้อย ๆ ขณะรับเอกสารที่อีกฝ่ายนำมาให้และอ่านมันคร่าว ๆ ก่อนจะหันไปมองพี่ชายที่เดินมานั่งใกล้ตน

“นายเพิ่งจะได้องครักษ์คนใหม่ที่เชื่อใจได้มาไม่ใช่เหรอ ทำไมทำหน้าแบบนั้นเล่า”

“ก็เพราะเรื่องนั้นแหละ...ฉันเลยต้องจัดการอะไรหลายอย่าง” เกนอิจิโร่เลิกคิ้วสงสัยคำพูดนั้น เพราะที่เขาจำได้แม้องค์รัชทายาทจำเป็นต้องผ่านตาเรื่องของทหารที่จะมาเป็นองครักษ์ประจำตัว แต่ไม่ถึงกับต้องลงมือจัดการเอกสารด้วยตัวเอง เขาจึงแปลกใจที่เห็นน้องชายหน้าดำคร่ำเครียดอยู่เช่นนี้ ทว่าโซอิจิโร่กลับแย้งว่ากรณีของนาโอรินั้นไม่เหมือนกัน เธอนั้นรับตำแหน่งอย่างไม่เป็นทางการและไม่ได้ผ่านหูจักรพรรดิมาก่อน คนรับผิดชอบจึงควรเป็นเขาต่างหาก

“อย่างนี้เอง”

“ก็ตามนั้น ให้ตายสิ ทำไมต้องมีระบบทหารอะไรพวกนี้ด้วยนะ”

“หือ พูดอะไรแปลก ๆ มันก็ต้องมีไว้ปกป้องคนมีอำนาจหรืออะไรทำนองนั้นสิ...กรณีพวกเรา ตั้งแต่ลืมตาเกิดมาก็เห็นจนชินแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใช่...แต่บางทีก็คิดนะว่าทำไมพวกเราต้องเกิดมามีอำนาจสูงด้วย ทำไมถึงต้องมาอยู่ในฐานะที่คนอื่นต้องเอาชีวิตมาแลกเพื่อเราด้วย” ผู้เป็นพี่เบิกตากว้างที่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็ยกเรื่องนี้ขึ้นมา นัยน์ตานุ่มนวลสีนิลหรี่ลงพินิจใบหน้าเศร้าสร้อยของน้องชาย



สุดท้ายเจ้าตัวก็ได้คำตอบ...ว่าโซอิจิโร่ยังไม่ปล่อยวางเรื่องที่เด็กสาวมาเป็นทหารนั่นเอง



“พวกเขาเลือกที่จะมายืนตรงนี้เพราะเต็มใจและเป็นหน้าที่นะ โซอิจิ”

“แต่ฉันไม่เต็มใจ...ไม่เต็มที่จะต้องเห็นพวกเขาถูกแทง ถูกฟันต่อหน้าต่อตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้” มือเล็กกำแน่นนัยน์ตาคมสีนิลพลันวูบไหวราวมีหยาดน้ำคลอ ครั้นนึกถึงภาพการสูญเสียนับครั้งไม่ถ้วนที่เกิดต่อหน้าเขา ไม่ใช่เพียงนาโอริแต่ภาพอดีตแสนไกลโพ้นก็ย้อนประทับในความคิดเช่นกันและมันทำให้หัวใจเขาทรมาน

“น้องชายของฉันนี่...อ่อนโยนจริง ๆ นะ” เกนอิจิโร่วาดยิ้มให้พลางลูบเรือนผมนุ่ม ในสายตาแฝดผู้พี่นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้เห็นอารมณ์อ่อนไหวของอีกฝ่าย เพราะตัวโซอิจิโร่นั้นต่างจากเขาลิบลับ ไม่ว่าเมื่อไหร่คนตรงหน้ามักจะแสร้งเข้มแข็ง เก็บสีหน้าให้นิ่งขรึมเสมอ พยายามทำตัวให้น่าเกรงขามต่อคนใต้อำนาจทั้งที่หัวใจจริง ๆ กลับอ่อนโยนและบอบบางราวดอกไม้ 



จนบางทีเขาก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ต้องเป็นภาระให้แบบนี้...



“ใช่ที่ไหนล่ะ ฉันอ่อนโยนไม่เป็นหรอก”

“สายตาพี่คนนี้มองไม่ผิดหรอก...แต่แปลกจริงที่คนอย่างนายจู่ ๆ ก็ระเบิดความในใจให้ฉันฟังแบบนี้ หรือเป็นเพราะได้ปรับความเข้าใจกับเด็กที่ชื่อนาโอริหรือเปล่านะ?” โซอิจิโร่ถึงกับหน้าขึ้นสีแดงเรื่อพลันหันไปแย้งทันควัน

“ม ไม่เกี่ยว!”

“นี่สินะ คนมีความรั-”

“ถ้าพูดต่อฉันจะส่งนายกลับห้องเลยนะ!”



ก๊อก ๆ

เสียงเคาะประตูดังขัดสองแฝดตามด้วยเสียงราบเรียบจากหนึ่งในองครักษ์คนสนิท

“คนจากหน่วยเงามาเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” เกนอิจิโร่เป็นต้องเลิกคิ้วทันทีที่ได้ยิน เขาหันมองแฝดผู้น้องซึ่งปรับสีหน้ากลับดังเดิมอย่างรวดเร็ว

“ไม่ใช่ซาโตชิซังแต่เป็นหน่วยเงางั้นเหรอ ปกติไม่เคยเรียกใช้พวกเขาเลยนี่?”

“มีเหตุจำเป็นน่ะ เพราะมันเกี่ยวกับความลับของพวกเราด้วย” พูดเท่านั้นผู้เป็นพี่ก็เข้าใจทุกอย่างและปล่อยให้โซอิจิโร่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่คนนั้นเข้ามา

ทันทีที่ประตูเลื่อนออกปรากฏร่างชายหนุ่มในเครื่องแบบมิดชิดของหน่วยเงายืนอยู่ ครานี้มีเพียงหน้ากากเหล็กครึ่งหน้าที่ใส่ไว้ปกปิด แต่ฮู๊ดยาวไม่ได้ถูกยกมาคลุมด้วยจึงเผยให้เห็นเรือนผมสีขาวหิมะรับกับดวงตาสีหมอก เขาก้มโค้งสุภาพให้ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบราวไม่ตกใจกับภาพของสองแฝดที่แต่งตัวลอกกันมา

“กระหม่อมเอนโด จิซากิ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยเงา....”



“รับหน้าที่จากผู้บังคับบัญชาสูงสุดให้มารายงานความคืบหน้าแก่ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”



to be continue…. 

======================================

มาคอมเมนท์แนะนำกันได้นะฮัฟฟฟ

ฝากกดถูกใจ เป็นกำลังใจกันด้วยน้าา <3



つづく、psrpowder