น้ำหยดลงหินทุกวัน หินบอกรำคาญ แต่ถามว่าจะหยุดไหม ก็...ไม่จ้ะ! //ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างไหม~~
รัก,ตลก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ขนมจีบขนมใจ (2)
ฉันบอกไปหรือยังนะว่าที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยของเอกชน มีชื่อว่ามหาวิทยาลัยปราชญ์ชน (PU) อยู่ในเครือเดียวกันกับโรงเรียนเทียมฟ้านุกูล ที่ฉันกับแก๊งเพื่อนแล้วก็เขาคนนั้นจบมา
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง คณะของฉันกับคณะของเขาไม่ได้ไกลกันเท่าไร แค่คั่นกลางด้วยคณะบริหารเท่านั้น
สามสาวสองชายเดินเรียงหน้ากระดานเข้าไปในโรงอาหารประดุจแคทวอล์คก็ไม่ปาน เหล่าชายโฉดทั้งหลายชายตามองจับจ้องกันยกใหญ่ คนต่างคณะมาบุกถึงถิ่นมีหรือจะไม่สนใจ
ถามว่าอายไหม ตอบเลยว่า มาก! ไอ้เราก็ไม่ใช่คนหน้าหนาขนาดนั้น เพื่อความมั่นก็ทำกันไปงั้น สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
"แย่ว่ะ" พาสเทลว่าพลางยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความอาย
"เราทำกันไปทำไมวะ" ลูกเจี๊ยบเองก็หน้าแดงไม่แพ้กัน
"ฮ่า ๆ ๆ เรียกร้องความสนใจเว่อร์" น้ำเงี้ยวยืนเท้าเอวหัวเราะปากกว้าง
"แล้วไม่ได้เตี๊ยมกันด้วยนะ พร้อมใจสุดไรสุด" สามว่าพลางโบกมือพัดไล่ความร้อนบนใบหน้า
ขณะที่คนอื่นหัวเราะขบขันให้กับความบ้าบอ ฉันก็รีบสอดส่ายสายตามองหาคนของใจว่าเขานั่งอยู่โต๊ะไหน พอเห็นก็รีบชี้ ๆ ให้เพื่อนดู
"เข้าไปทักดิ" สามบอก ส่วนคนที่เหลือก็ผลัก ๆ ดัน ๆ สนับสนุนกันสุดไรสุด
ฉันเลยเดินนำไปอย่างไม่ลังเล กระทั่งหยุดยืนตรงโต๊ะที่เขากับแก๊งเพื่อนนั่งอยู่ สายตานับสิบสองคู่ก็หันมามองอย่างพร้อมเพรียงทันที
หน้าตาดีกับทั้งแก๊งเลยพ่อคุณ
"เอ่อ... สวัสดีค่ะเตย์" เอ่ยทักทาย ร้อนหน้าเล็กน้อยเพราะถูกเพื่อน ๆ ของเขาจับจ้อง
"คนเมื่อวานหนิ ที่สารภาพรักกับไอ้เตย์ใช่ป่ะ?" คนนี้คือเป็นหนึ่ง พ่อหนุ่มแบดบอยทรงเสน่ห์ มองหน้าฉันสลับกับเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
"ใช่ เราเองค่ะ" ฉันตอบเสียงดังฟังชัด ยืดอกอย่างภาคภูมิใจ
"โฮ... ใจกล้าดีนี่ โดนปฏิเสธก็ยังตามตื้องั้นเหรอ"
"โนค่ะ เมื่อวานเตย์ไม่ได้ปฏิเสธเรานะ ถ้าปฏิเสธเราไม่มายืนเสนอหน้าตรงนี้หรอก เราก็อายเป็นน้าเป็นหนึ่ง~"
"เฮ้ย! รู้จักผมด้วย?"
พอพูดชื่อเป็นหนึ่งออกไปทุกคนมีท่าทีแปลกใจ ปฏิกิริยาที่มองหน้ากันไปมานั้นมันดูตลกมากเลย
"เรารู้จักพวกเธอทุกคน ให้ไล่ชื่อไหม"
"ไม่ต้องหรอกมั้ง แล้วที่มาหาไอ้เจ้านี่ก็เพื่อตามตื้อว่างั้น?"
"ใช้คำว่าตามจีบดีกว่านะคะ"
"อ่อ ตามจีบ..." ว่าแล้วก็หันไปพยักพเยิดหน้ากับเพื่อนคนอื่นด้วยแววตาขบขันกลั้นขำ
"เพื่อนเราจริงจังมากนะคะ ถ้าไม่อินก็ไม่ต้องขำเนาะ ชีวิตนี้ไม่เคยรักใครเลยมั้ง" น้ำเงี้ยววีนใส่แล้วหนึ่ง ปากไวแถมยังอารมณ์ขึ้นง่าย
"แล้วหนูวีนอะไรครับเนี่ย ที่ขำเพราะไม่เคยเจอใครใจกล้าตามจีบไอ้นี่มาก่อนต่างหาก เพื่อนหนูคือคนแรกเลยนะ" พบพานว่า นี่ก็หนุ่มเจ้าสำราญ ควงสาวไม่เคยซ้ำหน้า
"ใครหนูเอ่ย มีชื่อเนาะ" น้ำเงี้ยวกอดอกเถียงกลับไป ใบหน้าใสดูจะไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
"อ่อ มีชื่อ... งั้นพวกเราย้ายไปนั่งโต๊ะอื่นกันดีไหม ให้หนูคนนี้ได้ใช้เวลากับเตย์มันหน่อย" ชี้มาที่เราพร้อมกับเรียกหนูว่าซั่น รุ่นเดียวกันจ้าพ่อสุดหล่อ
แล้วสิ่งที่หนุ่ม ๆ ทำคือการลุกขึ้นถือจานข้าวย้ายไปอีกโต๊ะ ขณะที่พวกเพื่อนของฉันเองก็ไปจับจ้องอีกโต๊ะ เปิดทางให้แบบสุด ๆ ยอดเยี่ยมจนอยากไล่จุ๊บแก้มทีละคน
พรึ่บ!
"สวัสดีอีกรอบค่ะเตย์" นั่งลงฝั่งตรงข้ามโดยมีเขามองอยู่ก่อนแล้ว มองแบบไม่กระพริบตาเลยค่ะที่รัก
"....." แล้วก็เงียบไม่พูดอะไรด้วยนะ คือเขาไม่คิดจะพูดกับฉันสักคำเลยหรือไง รู้อยู่แก่ใจแหละว่านี่คือวิธีปฏิเสธของเขาแต่ไอ้เราก็ด้านพอที่จะไปต่อ
"ขนมจีบเมื่อเช้าอร่อยไหม"
"....." ไม่ตอบ ใจแข็งเกิ๊น!
"ก็ต้องอร่อยอยู่แล้วสิเนาะ แล้วนี่ทานอะไร ข้าวไข่เจียวหรอ... ทานง่ายจัง" จริง ๆ เจาเป็นคนไม่กินเผ็ด
"....."
"ไม่มีน้ำหนิ เราไปซื้อให้เอาไหม"
ไม่รอให้ตอบอะไรและคงจะไม่ตอบเหมือนเดิมเลยรีบลุกไปร้านขายน้ำ สั่งมะพร้าวนมสดปั้นสองแก้ว ระหว่างรอก็เดินไปสั่งข้าวมันไก่ มีหันไปมองเขาบ้างเพื่อเช็คให้แน่ใจว่ายังนั่งอยู่
ไม่รู้ว่าดูมัดมือชกเกินไปหรือเปล่า แต่พวกเพื่อน ๆ ของเขาเองก็เป็นใจเปิดทางซะขนาดนั้น
"โทษนะครับ"
"อ่อ คะ?"
ขณะกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาทัก แหม...คณะนี้เขาคัดหน้าตาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย มีแต่หล่อ ๆ ทั้งนั้น ฉันไม่ได้พูดเกินไปหรอกนะ ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าหล่อจริง
"เป็นอะไรกับ เตย์ ทมโภลี เหรอครับ" ชาวเผือกนั่นเองคุณผู้ชม
"แล้วอยากรู้ไปทำไมเหรอคะ" ใจกล้ามากนะที่เดินมาถามด้วยตัวเอง
"ก็ไม่มีอะไรมาก คนอื่นผมไม่แปลกใจแต่กับเตย์นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่มีผู้หญิงมาหาถึงที่นี่"
"แล้ว?"
"เอ่อ สรุปว่าเธอเป็นอะไรกับเตย์ ทมโภลี"
ทมโภลี ธฤติพันธ์ คือชื่อสุดเพราะพริ้งและแปลกหูของพ่อยอดรักยอดเสน่หา ตอนที่ได้ยินครั้งแรกก็นึกสงสัยถึงความหมายจึงใช้อินเตอร์เน็ตค้นหาดู
ฉะนั้น ทมโภลี จึงหมายถึง สายฟ้าของพระอินทร์
ว้าวมากกกกก เท๊เท่เนาะว่ามะ!
"เป็น... เพื่อนน่ะค่ะ เรียนโรงเรียนเดียวกันมา"
เขาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อพร้อมกับอ้าปากจะถามต่อพอดีกับที่คุณป้าเรียกรับอาหาร ฉันเลยจ่ายเงินแล้วถือจานไปที่ร้านขายน้ำต่อโดยไม่สนใจอะไรอีก
"มาแล้วจ้าาาาา รอนานไหม คิดถึงกันหรือเปล่า"
วางจานข้าวกับเครื่องดื่มลงบนโต๊ะตามด้วยตัวฉันที่นั่งลงก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาเท้าคางพลางมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างหลงไหล
ใครได้เป็นแฟนโคตรจะโชคดี
ฉันน่ะสิ! ฉันน่ะสิ!
พูดแล้วก็ปายยยยย
"มะพร้าวนมสดปั่นค่ะ อร่อยหวานเย็นชื่นใจนะ ลองชิมดูสิ" เลื่อนแก้วน้ำไปตรงหน้าพ่อยอดยาหยี
ข้าวไข่เจียวของเขาถูกตักกินไปไม่กี่คำเพราะเอาแต่จับจ้องกันอยู่นั่นแหละ ไอ้เราก็ไม่ใช่คนหน้าตาดีอะไร ออกไปทางธรรมดาติดจะจิ้มลิ้มนิด ๆ แต่กระนั้นเราก็มั่นหน้ามั่นใจว่าพอไปวัดไปวาได้อยู่น้า
"มีอะไรอยากพูดใช่ไหมคะ พูดมาได้เลยเรายอมรับได้ทุกอย่าง"
เหมือนเขาอยากพูดแต่ก็ไม่พูดออกมาสักที บรรยากาศที่มีสายตามากมายคอยจับจ้องสงสัยเป็นอะไรที่น่ารำคาญใจใช่เล่น ตามประสาคนดังที่มีอิทธิพล ใคร ๆ ก็อยากรู้เรื่องราวของเขาไปหมด
"เธออย่ามาเสียเวลากับผมเลย"
อ๊าาาาา ในที่สุด! ในที่สุดพ่อยอดรักก็พูดกับฉันแล้ว แม้จะเป็นประโยคที่แสลงหูก็ตาม
ปัด ๆ คิดซะว่าไม่ได้ยินก็แล้วกัน
"เธอไม่ใช่สเปคของผม"
อุ๊ย! แกก็แรงเกิ๊นนนนน ทำเอาเราชะงักค้างไปชั่วขณะ ก็รู้จ้าว่ากิ๋งเนี่ยไม่เข้าตาใครแต่ลองเปิดใจดูก่อนดีไหม รับรองกิ๋งจะเลี้ยงดูเตย์อย่างดี
"โหย อ้างแบบนี้แล้วคิดว่าเราจะยอมแพ้หรอ ไม่มีทางซะหรอก เอาไว้เธอเจอคนในสเปคก่อนแล้วกัน พอถึงตอนนั้นเราจะไม่มาให้เห็นหน้าอีกเลย"
สบตากับคนตรงหน้าพลางยักคิ้วใส่อย่างมั่นใจ กว่าจะถึงตอนนั้นต้องชิงทำให้เขาตกหลุมรักเราก่อนสิ คิดว่ายากแต่ไม่น่าเกินความพยายาม
"เริ่มจากการเป็นเพื่อนกันก่อนก็ได้นี่นา" ตักข้าวกินไปด้วย
ไม่อยากให้บรรยากาศอึดอัด อยากให้เราสามารถคุยกันได้แบบสบาย ๆ โดยไม่ถูกตั้งกำแพงใส่ คือเป็นเพื่อนทำความรู้จักกันก่อนก็ไม่เสียหาย ความรู้สึกมันพัฒนากันได้น่ะหากใจตรงกัน
"ถึงเราจะไม่สวยแต่เราน่ารักนะ อยู่ด้วยแล้วไม่เบื่อแน่นอน" ก็ว่ากันไป ขายตัวเองสุด ๆ ละ
แน่นอนว่าเขาไม่ตอบรับหรือพูดอะไรเป็นการให้ความหวัง ตักข้าวกินต่อหน้าตาเฉย ฉันยกยิ้มไม่หวังอะไรเช่นกัน ข้าวมันไก่ร้านนี้อร่อยจังเล้ย ข้าวนุ่มไก่ฉ่ำแถมยังให้เยอะ สงสัยต้องแวะมากินบ่อย ๆ แล้วมั้งเนี่ย
กลางวันของฉันกับเขาไม่มีอะไรมาก คุยแค่นั้นแล้วเงียบไปเลย อย่าได้หวังให้เขาอยากรู้จักเราเพราะเขาตั้งกำแพงไว้สูงเกินกว่าจะกระโดดข้ามไปได้
ท่าทางหินจะยังไม่กร่อนในเร็ววันนี้ หากแต่น้ำหยดลงทุกวันยังไงกินก็ใจอ่อนแน่นอน
---100%---