น้ำหยดลงหินทุกวัน หินบอกรำคาญ แต่ถามว่าจะหยุดไหม ก็...ไม่จ้ะ! //ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างไหม~~
รัก,ตลก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Hello My lovely | รักนี้ขอจีบนะคะน้ำหยดลงหินทุกวัน หินบอกรำคาญ แต่ถามว่าจะหยุดไหม ก็...ไม่จ้ะ! //ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างไหม~~
เสาร์อาทิตย์เธอคิดถึงใคร (1)
[ เตย์ ทมโภลี ]
เหมือนจะไม่คาดหวังแต่ก็คาดหวังมากกว่าใครทั้งหมด
"แกคิดว่าแค่นี้มันพอเหรอ"
ผมมองผู้ให้กำเนิดที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ใบหน้าของท่านฉายชัดซึ่งความไม่พอใจ
อย่างว่าธุรกิจแค่นี้ทำกำไรไม่ได้มากหากแต่ก็เก็บได้เรื่อย ๆ อะไรที่เราคิดว่าดีมักจะปัดตกเสมอ
"มีแพลนจะทำอย่างอื่นอีกหรือเปล่า ฉันให้เงินแกไปตั้งเท่าไร ใจคอจะลงทุนแค่นั้นเองหรือไง" น้ำเสียงไม่สบอารมณ์
บรรยากาศอึดอัดแบบเดิม ๆ น้ำเสียงและสีหน้าแบบเดิม ๆ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นัยน์ตาแข็งขึงเต็มไปด้วยอคติคอยตั้งแง่หาข้อจับผิด
"ยังไม่ได้คิดครับ"
"คิดซะแล้วเอามาเสนอ อย่าเอาแต่เล่นไปเรื่อย เรื่องเรียนก็ต้องนำหน้าคนอื่นเสมอ ที่ฉันอนุญาตให้แกเรียนสายนี้เพราะแม่แกขอ ไม่งั้นฉันไม่ยอมหรอกนะจำใส่หัวไว้ด้วย"
พูดเรื่องนี้อีกแล้ว...
ทุกคนยอมก้มหัวให้กับความเผด็จการของท่าน แต่ผมดันเป็นไอ้คนนอกคอกที่ไม่ชอบถูกบังคับ จึงไม่ถูกใจและไม่เป็นที่โปรดปราน
"อยากแยกออกไปก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง ทุกอย่างต้องมั่นคงเพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลับเข้ามาในตระกูลอีก เพราะฉันยังเห็นว่าแกเป็นลูกถึงได้ให้โอกาส"
"ครับ ขอบพระคุณมากครับ"
ตอบแบบขอไปที นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านพูดแบบนี้ ผมฟังจนเบื่อแล้ว
"ออกไปได้แล้ว ฉันเบื่อจะเห็นหน้าแก"
ผมเดินออกมาจากห้องทำงานซึ่งมีพี่ชายทั้งสองนั่งรออยู่ด้านนอก บริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อดัง ทำรายได้ต่อปีตีเป็นเลขกลม ๆ ไม่ต่ำกว่าสี่แสนล้านบาท นี่แค่ในส่วนของธุรกิจร้านสะดวกซื้ออย่างเดียว
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมพ่อถึงได้มองมาที่ผมเหมือนกับคนไม่เอาไหน ความสามารถเทียบไม่ติดแต่ทำเก่งอยากแยกตัวออกไป
"โอเคไหม พ่อเขาพูดอะไรไม่ดีใส่หรือเปล่า" พี่โต๋ พี่ชายคนโตเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง มือลูบแก้มผมไม่หยุด แม้จะโตขนาดนี้แล้วก็ยังคงมองว่าผมเป็นนายเตย์เด็กชาวตัวเล็ก ๆ อยู่เสมอ
"ไม่น่าเหลือนะผมว่า คงบ่นเรื่องเดิม ๆ สิใช่ไหมเตย์" พี่ตาม คนนี้พี่ชายคนรองเอ่ยอย่างรู้ทันและมิวายยื่นมือมายีหัวผมให้กำลังใจ
เราสามพี่น้องรวมถึงคุณแม่รักใคร่และเข้าใจกันดีมาก ที่ยอมก้มหัวให้พ่อสั่งนั่นสั่งนี่เพราะไม่อยากถกเถียงให้เสียเวลา รวมถึงเรื่องงานทั้งสองคนก็ทำได้ดีมาก ใช้คำว่ายังไงก็ได้ไม่ติดเพราะไม่ได้มีความฝันที่อยากทำเป็นพิเศษด้วยเลยเข้ารับตำแหน่งในบริษัทอย่างเต็มใจ
ส่วนผมไม่ชอบทุกสิ่งที่เกี่ยวกับพ่อ ยิ่งนิสัยแบบนั้นยิ่งไม่ชอบ จริงอยู่ที่เติมโตมาด้วยเงินของท่าน ทุกวันนี้ก็ยังต้องพึ่งพาอาศัยใช้ทุนในการทำธุรกิจก็นึกขอบคุณอยู่เสมอ
ซึ่งช่วงหลังเงินทุนส่วนใหญ่ได้มาจากคุณตา แต่ว่าพ่อก็ยังมีอำนาจเหนือผมอยู่ดี ทุกอย่างต้องเป็นที่พอใจท่านจึงจะยอมปล่อยผมไป
ผมอยากหลุดพ้นจากเขาเพื่อที่จะได้ไม่มีสิทธิ์มาบงการชีวิตผมอีก
"จะกลับเลยเหรอ แวะนั่งเล่นที่ห้องพี่ก่อนสิ" พี่โต๋ชวนไปที่ห้องทำงาน
"ไม่เป็นไรครับ ผมมีงานต้องทำต่อ"
"อ่อ งั้นไปเถอะ ไว้นัดทานข้าวกันวันหลังก็ได้" เขาตบหลังผมอย่างเข้าใจ
"ครับ"
.
.
.
21 : 30 น.
หลายวันมานี้มีผู้หญิงแปลก ๆ มาตามจีบผม ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าผมปฏิเสธเพียงแค่ไม่พูดออกมาตรง ๆ เลยใช้โอกาสนี้ทึกทักเอาเองว่าจีบได้
ไม่ใช่คนแรกที่เข้ามาสารภาพรัก แต่เป็นคนแรกที่ใจกล้าและดูจะคลั่งรักผมน่าดู อย่างน้อยแววตาที่เธอมองมาก็ทำให้มั่นใจแบบนั้น
เวลานี้เพิ่งจะเสร็จงานจากคณะ เลี้ยวรถเข้าไปจอดในคอนโด ธุรกิจนี้ผมเริ่มทำตั้งแต่ตอนอายุสิบเจ็ดปี เดินเข้าไปคุยกับพ่อตรง ๆ เลยว่าถ้าจะออกจากตระกูลต้องทำยังไง
ผมต้องพิสูจน์ตัวเองให้ท่านเห็นว่าธุรกิจที่ลงทุนทำมันไปรอด ใช้เวลาสองปีในการสร้างทุกอย่างจนเสร็จ รวดเร็วทันใจเพราะได้ทีมวิศกรและช่างมืออาชีพจากบริษัทของบ้านทิศเหนือ
ผ่านมาสองปีทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว แต่แค่นี้ไม่ทำให้พ่อพอใจได้หรอก กำไรยังไม่มากพอ ท่านต้องการให้ผมทำธุรกิจเพิ่ม แน่นอนว่ามีอยู่ในใจหากแต่มันเป็นเพียงธุรกิจตามความชอบส่วนตัว
สองขาพาเดินมาหยุดที่หน้าลิฟต์สองจิตสองใจว่าแวะไปหาอะไรทานที่ร้านกาแฟหรือจะเลยไปซื้อของสดที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตดี
เอาเถอะ... เหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรอีกแล้วเลยเดินเข้าประตูหลังผ่านทะลุไปหน้าฟร้อนท์เพื่อลัดเลาะไปยังร้านกาแฟ
"สวัสดีค่ะคุณเตย์" พนักงานประจำหลังเคาน์เตอร์ยกมือไหว้พร้อมเอ่ยทักทาย
"สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้กลับไปเพราะอีกฝ่ายอายุมากกว่า
"จะไปร้านกาแฟหรือคะ"
"ครับ"
พยักหน้าตอบก่อนเดินออกมา ทางไปยังร้านกาแฟทำไว้ให้อย่างดี ใช้เวลาแป๊บเดียวก็ถึง
ด้านในมีลูกค้านั่งอยู่สามคน เห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังตั้งใจปรุงอาหารอยู่หลังเคาน์เตอร์ หลายวันที่ผ่านมาผมได้ทานอาหารที่เธอทำให้พบว่ารสมือดีมาก ฉะนั้นการทำกะกลางคืนจึงเหมาะเป็นอย่างยิ่ง
กริ่ง~
"ยินดีต้อนรับค่า~" เสียงใสเอ่ยทั้งที่ยังจดจ่ออยู่กับการผัดอะไรสักอย่างในกระทะโดยไม่หันมามองทางนี้สักนิด
"สักครู่นะคะคุณลูกค้า" เธอเอ่ยบอกก่อนเดินไปตักข้าวใส่จานแล้วเดินกลับมาตักคะน้าหมูกรอบราดลงไป
อืม น่าทาน...
ยืนดูคนตัวสูงเท่าอกเดินวนไปเดินมา กับข้าวเสร็จก็ไปตักแกง น้ำเปล่ากับน้ำแข็ง เสร็จก็จัดใส่ถาดยกไปเสิร์ฟลูกค้า
ขณะเดินกลับมาพอเห็นเป็นผมยืนรออยู่ก็สะดุ้งตกใจก่อนจะฉีกยิ้มกว้างพุ่งมาหาทันที
"เตย์!" เรียกชื่อของผมอย่างตื่นเต้น
"สั่งอาหาร" ผมเอ่ยบอก
"หิวเหรอคะ ได้เลย ๆ ทานอะไรดี วันนี้มีคะน้าหมูกรอบ ผัดบล็อกโคลี่กุ้ง ยำหมูยอ แล้วก็ต้มยำไก่" ไล่เมนูประจำวันนี้ให้ฟัง
"เอาทั้งหมดยกเว้นผัดบล็อกโคลี่"
"ก็เตย์ไม่ชอบนี่นา"
พูดราวกับรู้จักผมดี
"ทานที่นี่หรือห่อกลับคะ"
เธอมักจะพูดเพราะน่าฟัง
"ห่อกลับ"
"รออาหารประมาณสิบห้านาทีนะคะ"
"อืม"
15 นาทีต่อมา
"ได้แล้วค่ะเตย์" กุ๋งกิ๋งเอ่ยเรียก
ผมลุกไปจ่ายเงินแล้วรับถุงอาหารมาถือไว้ ใบหน้าเนียนแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าหากแต่ก็ยังยิ้มสดใสส่งมาให้
นอกจากชื่อกับเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย ไม่มีภาพของคนคนนี้อยู่ในความทรงจำ
"ทานให้อร่อยนะคะ" เธอบอก
"อืม ไปล่ะ"
อย่างน้อยก็ยังมีความเกรงใจไม่ใช่วิ่งตามไปทั่ววนหน้าวนหลังจนน่ารำคาญ เธอทำเพียงยิ้มแล้วก็โบกมือให้ แม้จะเห็นความเสียดายฉายชัดในแววตาก็ตาม
---50%---