น้ำหยดลงหินทุกวัน หินบอกรำคาญ แต่ถามว่าจะหยุดไหม ก็...ไม่จ้ะ! //ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างไหม~~
รัก,ตลก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เดทที่แปลว่าสู้ชีวิต (2)
[ เตย์ ทมโภลี ]
12 : 15 น
ฝนตก...
ตกหนักราวกับพายุเข้า
ผมยืนอยู่ตรงทางเข้าออกติดกับลานจอดรถ เมื่อเช้าได้คุยกับเธอคนนั้นแล้วดันตกลงว่าจะพาไปทำงานด้วย
ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงพูดไปแบบนั้น แต่อีกฝ่ายดูดีใจมากทีเดียว
ความเคยชินทำให้ผมเลิกที่จะอึดอัดเพราะเธอไม่ได้คุกคามหรือตามติด เธอรู้ตัวและรู้จักเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม แม้ว่าบางครั้งจะลืมไปบ้างก็ไม่ได้ว่าอะไร
ดูท่าฝนจะตกแบบนี้ตลอดทั้งวันจนถึงเย็น ท้องฟ้ายังคงอึมครึมและหนาแน่นด้วยมวลก้อนเมฆ ตกกระทบกับวัตถุเสียงดังกลบรอบข้างแทบไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงฝน
เธอไม่น่าจะมาได้แล้วล่ะ
!!!
อะ...
แต่ผมเดาผิดครับ
เจ้าของร่มสีเหลืองคันนั้นวิ่งมาอย่างไม่ย่อท้อ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร อะไรทำให้มุ่งมั่นตั้งใจขนาดนั้นกันนะ
เพราะรักผม...
อยากอยู่กับผมงั้นเหรอ
ร่มคันน้อยดูไม่แข็งแรงกำลังสู่กับสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วง กระทั่งเจ้าของของมันพาวิ่งฝ่ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผมได้สำเร็จ
"โอ๊ยยย เกือบตายแหนะ" เธอบ่นออกมาด้วยความโล่งใจพลางพับเก็บร่ม เนื้อตัวเปียกโชก ร่มที่ใช้กางมาตลอดทางช่างไร้ประโยชน์ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ผมไล่สายตามองแล้วส่ายหน้า สภาพอย่างกับลูกหมาตกน้ำ ผมที่ปกติจะหยิกฟูเปียกลู่เป็นสาหร่ายน่าขบขัน
"ขอโทษที่ให้รอนะคะ" พูดพลางเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน
เวลามองมาจะดูออกทันทีเพราะแววตาของเธอมักเต็มไปด้วยความรักใคร่ที่มีให้
ไม่เข้าใจ... ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
ทำไมถึงต้องพยายามมากขนาดนี้ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีวันสมหวัง
"เปียกหมดแล้ว" ผมว่า เดี๋ยวก็ไม่สบาย
"ใช่ค่ะ ฝนตกหนักมาก น้ำท่วมแน่นอน ถ้าระบายทันก่อนคนเลิกงานจะดีมาก ไม่งั้นรถติดหนักสุด ๆ" บ่นไปเรื่อยตามสไตล์ ไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะป่วยหรือไม่ป่วย
แถมเสื้อนักศึกษาพอโดนน้ำก็ทำให้เห็นถึงไหนต่อไหน ผมส่ายหน้าอย่างอ่อนใจแล้วถอดเสื้อช็อปให้เธอใส่ปกปิดไว้
"ใส่ไว้แล้วตามมาทางนี้" ว่าพลางเดินนำไปยังห้องล็อกเกอร์
นอกจากจะมีล็อกเกอร์เก็บของก็ยังมีห้องน้ำไว้ให้ชำระร่างกาย โดยเฉพาะพวกช่างอย่างเรา ๆ พอเห็นว่ามีคนใช้อยู่หลายคนก็ให้ยืนรอข้างนอกก่อน ส่วนตัวเองเดินเข้ามาหยิบเสื้อกับกางเกงที่สำรองไว้ในตู้แล้วดูคนที่ใช้อยู่เพื่อกะเวลา
"อ้าว! ไอ้เตย์ กูคิดว่าออกไปแล้ว" ขุนพลรุ่นพี่ปีสามเรียนสาขาเดียวกันเดินนุ่งผ้าขนหนูพลางเช็ดหัวเข้ามา
"ติดปัญหานิดหน่อย ในห้องน้ำมีคนใช้อีกไหมครับ"
"มี ไอ้ทอยกับไอ้ลิฟใช้อยู่น่ะ แต่เดี๋ยวก็เสร็จแล้วล่ะ มีอะไรหรือเปล่าวะ" มองหน้ากันก่อนเดินเลี่ยงไปแต่งตัวหน้าล็อกเกอร์ตัวเอง
"เดี๋ยวจะมีคนใช้ต่อ" ผมบอก
"ก็มาใช้ดิ ห้องว่างเยอะแยะ หรือติดอะไรอีก? หน้ามึงนี่หน้าเดียวจนกูดูไม่ออกตลอดเลย" พี่ขุนพลหันมามองหน้าผม มุมปากยกขึ้นคล้ายกับตลกในท่าทางรวมถึงบรรยากาศที่มันค่อนข้างประดักประเดิด
"เขาเป็นผู้หญิง" ผมบอกอย่างเสียไม่ได้ เพราะยังไงตอนเดินออกไปก็ต้องเจอเธออยู่ดี
"โอ้ว... ไอ้เตย์"
เขาทำหน้าประหลาดใจก่อนโห่แซวใส่ทันที แววตาล้อเลียนจนน่าหมั่นไส้
"ไม่เบาเลยนี่หว่า ใช่ดาวนิเทศคนที่เป็นข่าวด้วยไหม"
ข่าวบ้าจอมปัญหานั่นทำเอาชีวิตที่เคยสงบสุขวุ่นวายจนหงุดหงิดรำคาญใจ
ผมเลือกที่จะไม่ตอบและคิดว่าอีกฝ่ายก็คงรู้เลยเลิกเซ้าซี้เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน กระทั่งเขาแต่งตัวเสร็จแล้วจากออกไป
ใช้เวลารออีกสองคนนานพอสมควร เลยออกมายืนเป็นเพื่อนกุ๋งกิ๋ง...
"รอก่อน เดี๋ยวให้เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า" ผมบอกเพราะอีกคนดูอารมณ์ดีมากกว่าจะอารมณ์เสียซะอีก แปลกคนไหมล่ะ
"แต่เราไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนนะคะ" ดวงตากลมใสหันมามองหน้า
"เดี๋ยวให้ยืม" ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว จริง ๆ ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้แต่มันรู้สึกขัดตาขัดใจยังไงก็ไม่รู้
"ว้าวววว เสื้อผ้าของเตย์เหรอ" พูดแล้วก็หน้าตามีเลศนัย ซึ่งมันออกไปทางหื่นกามจนดูออกเพราะมีหลุดหัวเราะน่ากลัวออกมาด้วย
ยิ่งแปลกคนเข้าไปใหญ่
กระทั่งอีกสองคนเดินออกมา มีทักทายกันเล็กน้อยแล้วจากไป แอบสนใจคนข้างกายบ้างแต่ไม่ถามออกมาตรง ๆ เดี๋ยวก็คงเอาไปคุยกับรุ่นพี่คนก่อนหน้านี้นั่นแหละ เป็นเรื่องขึ้นมาอีกไม่ต้องเดาเลยคอยดูสิ
จากนั้นผมเดินนำกุ๋งกิ๋งเข้ามาด้านใน ยื่นผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า แล้วก็กระเป๋าใบเล็กที่ในนั้นมีพวกสบู่แชมพูแล้วก็ของอื่น ๆ ใสเอาไว้ให้เอาไปใช้
"ขอบคุณค่า ขอเวลาสักครู่นะคะ"
ผมพยักหน้าแล้วกลับออกมายืนพิงกำแพงกอดอกรอยู่ข้างนอกอีกรอบ คอยกันไม่ให้ใครเข้าไป
ประมาณสิบห้านาทีกุ๋งกิ๋งเดินออกมาถามว่ามีไดร์เป่าผมหรือเปล่า ผมจึงเดินกลับเข้าไปหยิบจากล็อกเกอร์ให้
มิวายลอบมองสำรวจเพราะเสื้อกับกางเกงวอมของผมเวลาอยู่บนตัวของเธอมันดูใหญ่แล้วก็หลวมมากทีเดียว จนเธอต้องเอาเข็มกลัดกางเกงเข้า
"ผมเนี่ยไม่เป่าไม่ได้เลย นอกจากจะหยิกแล้วยังหนาอีก แห้งช้ามากกกกก เคยปล่อยไว้เป็นวันก็ยังไม่แห้งดีเลยค่ะ" ปากก็จ้อไปเรื่อยเช่นเดิม ถึงอย่างนั้นก็ฟังได้ไม่รำคาญ
"นั่งสิ จะเป่าให้" เสียบปลั๊กรอ
"อุ๊ย! เหมือนหัวใจจะวายยังไงก็ไม่รู้" เจ้าตัวเล่นใหญ่เอามือกุมอกเอนหลังพิงล็อกเกอร์ แก้มแดง สีหน้าแววตาดีใจจนปิดไม่มิด
พยายามจะให้ผมตลกหรือไง
"ตายได้เลยนะ ชีวิตเราคอมพลีท แต้มบุญที่สะสมมาก็น่าจะหมดแล้วด้วย คนที่รักที่สุดรองจากครอบครัวเป่าผมให้เนี่ย..."
ซื่อตรงต่อความรู้สึกเกินไปก็ใช่ว่าจะดี ไม่ได้อึดอัดหรอกครับแค่คิดว่าในภายภาคหน้าทุกอย่างจบลงเธอคงเสียใจน่าดู...
กุ๋งกิ๋งนั่งลงให้ผมเป่าผมให้แต่โดยดี ปากก็เล่่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ บรรยากาศเลยไม่เงียบเหงา ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเป่าผมให้ใครสักคนเช่นกัน ผมของเธอหยิกแล้วก็หนาแห้งช้าอย่างที่เจ้าตัวว่าไว้ ถึงอย่างนั้นก็ให้ความรู้สึกนุ่มมือจับเพลิน
กว่าจะเรียบร้อยก็กินเวลาพอควร เหลือเวลาอีกประมาณสิบนาทีจะบ่ายโมง พากันเดินออกมาฝนก็ยังคงตกแต่ไม่หนักเท่าก่อนหน้านี้แล้ว
---100%---